Skip to content

สู่วิถีอสุรา 346

ตอนที่ 346 เชมันนักสู้

บนสนามรบ ขณะซูหมิงสังหารอย่างต่อเนื่องก็รู้สึกถึงความเล็กจ้อยของตัวเอง ทว่าขณะเดียวกัน ในสงครามที่เหี้ยมโหดแห่งนี้ เขากลับค้นพบเส้นทางของผู้แข็งแกร่ง

จิตใจแน่วแน่ ใช้โลหิตของสนามรบหล่อหลอมเป็นจิตใจอันแน่วแน่แห่งผู้แข็งแกร่งของตน!

จิตใจแน่วแน่นี้ ไม่ว่าจะเจอภัยอันตรายมากเพียงใดก็จะไม่ถูกทำลาย ต่อให้กาลเวลาแปรเปลี่ยน มันก็ยังเป็นเหมือนเปลวเพลิงที่ไม่มีวันมอดดับ และแผดเผาทุกสรรพสิ่งในโลกนี้ที่ขวางทางเขา

‘สงครามครั้งนี้ข้าต้องมีชีวิตรอดต่อไป และยังต้องรับการฝึกฝนจากมัน!’ นัยน์ตาซูหมิงกระหายสงครามอย่างที่พบเห็นได้ยาก ความกระหายสงครามนี้เหมือนดั่งเพลิง จุดไฟชีวิตของเขาขึ้น

ซูหมิงพุ่งตัวจากตรงหน้าจื่อเชอกับเหยียนป๋ออย่างรวดเร็ว ตรงไปทางนักล่าหมานแห่งเผ่าเชมันที่กำลังมองมาทางเขา หน้ากากนั้นเป็นสีขาว และยังมีรอยแยกเป็นตัวกากบาทด้านบน ทำให้ซูหมิงจำอีกฝ่ายได้ในพริบตาเดียว บุคคลนี้คือคนที่ปาหอกใส่หน้าอกเขาจนบาดเจ็บสาหัส

‘จิตใจอันแน่วแน่ นี่คือถ้อยคำที่ไม่มีอยู่จริง เหมือนกับความเข้มแข็งในนิสัย เหมือนลำแสงเส้นหนึ่งในชีวิต…..ทว่าถึงอย่างไรมันก็ยังไม่มีอยู่จริง…’ ซูหมิงยกมือขวาถือกระบี่เล็กแสงดำ กระบี่เล่มนี้เปล่งแสงเกือบหนึ่งจั้ง ขณะซูหมิงกำลังพุ่งทะยาน ชาวเผ่าเชมันที่ขวางหน้าล้วนกรีดร้องแล้วพากันรีบถอยไป

เพราะพวกเขารู้สึกได้ว่าคนที่ซูหมิงอยากสู้ด้วยคือนักล่าแห่งเชมัน อีกทั้งพลังชั่วร้ายในตัวซูหมิงก็มิใช่ธรรมดา

นี่คือการต่อสู้ของนักล่า ผู้คนโดยรอบส่วนใหญ่เลยไม่มีใครก้าวก่าย

ชายสวมหน้ากากแห่งเผ่าเชมัน ยามนี้จ้องซูหมิงด้วยความเย็นชา ขณะซูหมิงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ เขายังคงยืนนิ่งเหมือนภูเขาใหญ่ก็มิปาน มอบความรู้สึกที่ว่าต่อให้ฟ้าดินถล่มทลายก็ไม่อาจโค่นเขาลงได้

‘ในสงครามครั้งนี้ อันดับแรกข้าต้องมีหลักการของตัวเองก่อน หลักการนี้ยังว่างเปล่า ทว่าเมื่อข้าฝึกฝนในสงครามไปเรื่อยๆ สักวันหนึ่งหลักการนี้จะกลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่ของข้า! เมื่อวันนั้นมาถึง ข้าจะพาจิตใจอันแน่วแน่ของหลักการไปจากสนามรบ แล้วมันจะอยู่กับข้าไปชั่วนิรันดร์!’

ซูหมิงก้าวเดิน มวลอากาศส่งเสียงหวีดหวิว แสงสายฟ้าขยับวิบวับตรงหน้าเขา ก่อเป็นสายฟ้าเจ็ดถึงแปดลูก ระฆังเขาหานลอยที่อยู่กลางอากาศก็ตามไปเช่นกัน ทั้งยังมีเส้นดำรอบตัว ขณะกะพริบแสงก็ทำให้สัตว์ร้ายตื่นกลัวจนถอยไป

‘หลักการของข้า…’ ซูหมิงวูบไหวตัว ห่างจากชายเชมันสวมหน้ากากไม่ถึงสามร้อยจั้ง เขาไม่ได้ใช้ความเร็วทั้งหมด ทว่าก็ยังน่าตกตะลึง

‘ไม่ล่วงเกินข้า ข้าก็จะไม่ล่วงเกินผู้ใด แต่หากล่วงเกิน ข้าก็ต้องสังหาร! ในสนามรบ ไม่ว่าจะเป็นผู้กระทำก็ดี หรือผู้ถูกกระทำก็ดี หากโจมตีข้า เว้นแต่จะถูกใครสังหารก่อน มิเช่นนั้นแล้วข้าจะต้องสังหารมัน!

นี่คือหลักการของข้า สักวันหนึ่งมันจะกลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่!’ ซูหมิงพลันเงยหน้า ชั่ววินาทีที่ห่างจากชายสวมหน้ากากไม่ถึงสองร้อยจั้ง ความเร็วเขาพลันเพิ่มขึ้นถึงจุดสูงสุดที่ตนทำได้ ภายใต้ความเร็วถึงขีดจำกัด ตัวซูหมิงเหมือนหยุดชะงัก

ทว่าที่หยุดชะงักกลับเป็นเพียงเศษเสี้ยวเงา

ตอนซูหมิงเพิ่มความเร็วขึ้นจนห่างจากชายเชมันหนึ่งร้อยกว่าจั้ง ชายเชมันสวมหน้ากากที่เดิมทีมองซูหมิงด้วยความเย็นชา ยามนี้หรี่ตาภายใต้หน้ากาก ถอยหลังไปหลายก้าวอย่างไม่ลังเล เขาถอยไปไม่เร็วนัก

แต่ทุกก้าวกลับเหมือนแผ่นดินสั่นสะเทือน ขณะเดียวกัน เขายกมือขวาขึ้นแล้วคว้าอากาศไปด้านหน้า งอห้านิ้วมือเป็นกรงเล็บก่อนกวาดผ่านเป็นแนวนอน

พร้อมกันนั้น รอยสักบนใบหน้าใต้หน้ากากเปล่งแสงทึบ มวลอากาศโดยรอบตัวพลันบิดเบี้ยว ก่อเป็นระลอกคลื่นยักษ์แผ่กระจายอย่างรวดเร็ว

ตำแหน่งข้างกายเขา ระลอกคลื่นบริเวณนั้นพลันสะท้อนกลับ

ตอนที่ซูหมิงเดินออกมาทีละก้าว ชายสวมหน้ากากยิ้มเยาะพลางขยับตัวทันควัน ระหว่างนั้นขาขวาเขาหมุนไปตามตัวจนเกิดเสียงฉีกมวลอากาศ และอาศัยแรงหมุนกวาดเท้าไปทางซูหมิงประดุจแส้

เสียงโครมดังกึกก้องระหว่างทั้งสองคน นี่เป็นครั้งแรกของซูหมิงที่ถูกตรวจจับได้ภายใต้ความเร็วสูงสุด อีกทั้งยังถูกสวนกลับ

แรงขาของชายเผ่าเชมันปะทะกับลูกสายฟ้าตรงหน้าซูหมิงก่อน ท่ามกลางเสียงระเบิดก็ปะทะกับกระบี่เล็กแสงดำของซูหมิงต่อ

ทว่าช่วงที่ปะทะกับกระบี่เล็ก ซูหมิงตาพร่ามัว เขาไม่เห็นขาที่ฟาดเข้ามาของชายเชมัน แต่เขาเห็นเป็นหางของสัตว์ร้ายตรงเข้ามาแทน

บอกไม่ถูกว่ามันคือหางของสัตว์อะไร แม้รู้ดีว่าเป็นภาพมายา เป็นอภินิหารของเผ่าเชมัน ทว่าพลังมหาศาลจากมันกลับฟาดใส่กระบี่เล็กแสงดำ ทั้งยังหยุดชะงักครู่หนึ่ง ก่อนฟาดใส่ตัวซูหมิงต่อ

ซูหมิงรู้สึกเหมือนถูกภูเขาลูกใหญ่ทับใส่กลางอากาศ เขากระอักโลหิต ร่างกระเด็นถอยไปอย่างต่อเนื่องเกือบหนึ่งร้อยจั้ง โซเซถอยไปอีกหลายก้าวกว่าจะหยุดนิ่ง และมีโลหิตไหลจากมุมปากอีกครั้ง

ชายเชมันคนนั้นจ้องซูหมิงด้วยความเย็นชา เดินหน้ามาหนึ่งก้าว พลังชั่วร้ายแกร่งกล้าแผ่ขยายมาจากในตัวเขาทันที

ในยามโพล้เพล้นี้ พลังชั่วร้ายดังกล่าวเหมือนกลายเป็นของจริง ก่อขึ้นเป็นความรู้สึกมืดหม่นปกคลุมโดยรอบ ขณะเดียวกันยังทำให้รอบตัวชายเผ่าเชมันคนนี้เหมือนมีวิญญาณอาฆาตกำลังกรีดร้อง

วิญญาณอาฆาตเหล่านั้นมีชาวเผ่าหมานมากกว่าครึ่ง พวกเขาส่วนใหญ่ตัวแตกกระจาย ร้องโหยหวน กระทั่งในนั้น ซูหมิงยังเห็นนักล่าสวมหน้ากากของเผ่าหมานอีกห้าคน

แม้บอกว่าซูหมิงเข้าใจเผ่าเชมันไม่มาก แต่ก็ไม่ถือว่าน้อยจนเกินไป จากการที่ได้สัมผัสมาหลายครั้ง โดยเฉพาะผู้สื่อวิญญาณที่เขาพบเจอบ่อยครั้งมาก ยามนี้เห็นเพียงแวบแรกถึงรู้ทันทีว่า วิญญาณอาฆาตรอบตัวชายเผ่าเชมันคนนี้มิใช่สิ่งที่ผู้สื่อวิญญาณจะทำได้

วิญญาณอาฆาตเหล่านี้ถูกพลังชั่วร้ายของชายคนนี้จองจำเอาไว้รอบตัวชั่วนิรันดร์ ไม่อาจหลุดพ้น ทำได้เพียงร้องโหยหวนอยู่ในกาลเวลาอันไร้ที่สิ้นสุด จนกว่าชายผู้นี้จะตายไป พวกเขาถึงจะหลุดพ้นได้

“เชมันนักสู้!” ซูหมิงเช็ดคราบโลหิตตรงมุมปาก ตอนนี้ตัวเขายังเจ็บอยู่ แรงเตะของชายเชมันเมื่อครู่ทำให้ซูหมิงนึกถึงพละกำลังอันน่ากลัวของอีกฝ่าย

พละกำลังแบบนี้ พลังชั่วร้ายแบบนี้ วิธีจองจำวิญญาณที่ไม่ใช่ของผู้สื่อวิญญาณแบบนี้ ในเผ่าเชมันมีเพียงคนที่ฝึกฝนเชมันนักสู้จนถึงระดับที่มั่นคงแล้วเท่านั้นถึงจะทำได้

ขณะชายเชมันคนนั้นก้าวเดิน เพียงสี่ก้าวก็มาอยู่ตรงหน้าซูหมิง เพราะสวมหน้ากากจึงทำให้เห็นเพียงความเย็นชาจากแววตา มองไม่เห็นสีหน้า ตอนที่เข้ามาใกล้ ชายเชมันคนนั้นยกหมัดขึ้นแล้วต่อยใส่ซูหมิงตรงๆ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ซูหมิงเจอเชมันนักสู้ ในสนามรบมีเชมันนักสู้เยอะที่สุด ซูหมิงก็สังหารไปไม่น้อยเช่นกัน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเจอผู้แข็งแกร่งในหมู่เชมันนักสู้!

เชมันนักสู้ที่มีจำนวนเยอะมากที่สุดในระดับการฝึกฝนของเผ่าเชมัน และยังดูธรรมดา ทำให้ซูหมิงรู้สึกถึงอำนาจคุกคามมหาศาล โดยเฉพาะหมัดนี้ ซูหมิงรู้สึกว่าชายเผ่าเชมันตรงหน้ากลายเป็นสัตว์ร้ายร่างยักษ์ กำลังใช้ทั้งตัวมันกระแทกเข้าใส่

ซูหมิงไม่ถอย เขาเพิ่งยึดมั่นในหลักการของตัวเอง จะต้องหล่อหลอมหลักการนี้ให้กลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่ หากไม่อาจเอาชนะชายคนนี้ เช่นนั้นก็อย่าไปคิดเพ้อฝันว่าจะหล่อหลอมจิตใจแน่วแน่อะไรเลย เกรงว่าแม้แต่ชีวิตก็ยังไม่รอดในสนามรบ

แทบเป็นช่วงที่ชายสวมหน้ากากเผ่าเชมันปล่อยหมัดตรงเข้ามา ซูหมิงพลันเรียกเกราะแม่ทัพเทพ ทว่าตอนที่เกราะปรากฏ มันกลับถูกแรงบีบอัดแกร่งกล้าจากตัวชายเผ่าเชมันบดขยี้ ราวกับว่ามันไม่อาจคงอยู่ได้!

“ต่อหน้าข้า ไม่อยากเชื่อว่าพลังโลหิตในตัวเจ้าจะรวมเกราะแม่ทัพเทพของเผ่าหมานขึ้นมาไม่ได้ เจ้า…เป็นแม่ทัพเทพประสาอะไรกัน” ชายเผ่าเชมันกล่าวขึ้นเป็นครั้งแรก ช่วงที่เอ่ยคำ กำปั้นกระแทกใส่ตรงหน้าซูหมิงจนมวลอากาศสั่นสะเทือน ซูหมิงถอยหลบอีกครั้ง

แม้จะถอยไป แต่ก็ใช่ว่าจะไม่โจมตีสวนกลับ หมัดของชายเชมันพลาดก็เพราะซูหมิงจู่โจมตีสวนกลับ เขาให้ระฆังเขาหานพุ่งเข้าใส่ศีรษะชายเผ่าเชมันคนนี้!

ระฆังเขาหานตรงเข้าใส่ชายเผ่าเชมัน ชายเผ่าเชมันพลันเงยหน้าขึ้น เขาไม่หลบแต่กระโดดขึ้น ชกหมัดเข้าใส่ระฆังเขาหาน

เสียงระฆังดังก้องกังวาน ระฆังกระเด็นถอย ทว่ากลับไม่เสียหายแม้แต่น้อย ส่วนชายเชมันคนนั้นถูกแรงสะท้อนกลับดีดลงสู่พื้น ใต้หน้ากากมีโลหิตไหลริน

ขณะซูหมิงถอยพลันเงยหน้าขึ้น แล้วพุ่งตัวไปทางชายเผ่าเชมันอีกครั้ง ลูกสายฟ้าส่งเสียงลากยาว แสงกระบี่ห้อเหยียดตามมา ทว่าตอนที่ลูกสายฟ้ากับแสงกระบี่เข้าใกล้ชายเผ่าเชมันที่ตกลงสู่พื้น ชายเผ่าเชมันพลันอ้าปากกว้าง แผดเสียงตะโกนดังสนั่น

เสียงตะโกนสะเทือนนภาแฝงไว้ด้วยพลังพิลึก พลังนี้ประหนึ่งสัวต์ร้ายคำราม เหมือนอำนาจคุกคามที่อยู่เหนือกว่าชีวิต เหมือนคนธรรมดาเจอเสือร้ายคำรามใส่แล้วขาอ่อนยวบ เหมือนเด็กน้อยเจอหมาป่าเห่าใส่แล้วรู้สึกกลัว

เสียง…โดยเฉพาะเสียงของสัตว์ร้าย มักจะทำให้คนตกใจกลัวโดยที่ไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนั้นด้วยซ้ำ

เสียงตะโกนจากชายเผ่าเชมันก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ซูหมิงใจสั่นไหว จิตสัมผัสแตกกระเจิง แสงกระบี่เล็กพลันมืดสลัว กระทั่งลูกสายฟ้ายังหดเล็กลง

นี่คือวิชาเชมันของเชมันนักสู้ผู้แข็งแกร่ง ภายใต้การฝึกฝนแบบพิเศษเฉพาะตัว!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version