Skip to content

สู่วิถีอสุรา 358

ตอนที่ 358 เซ่นไหว้กระดูก

เสียงของเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกมาพร้อมกับความเย็นชาไร้เมตตา กึกก้องอยู่ข้างหูซูหมิง ซูหมิงในยามนี้หัวใจเต้นแรงยิ่ง ทั้งยังตึงเครียดเล็กน้อย ความตึงเครียดนี้เป็นเพราะเขารู้ว่า ทุกอย่างนี้เดิมทีมิใช่ของเขา!

ทว่าเพราะเหตุบังเอิญบางอย่าง ตอนนี้จึงเป็นของเขาทั้งหมด ทั้งยังได้รับมรดกและสมบัติเหล่านั้นของหมานวายุ

โดยเฉพาะต้นกำเนิดแห่งวายุ ซูหมิงรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าในตัวเขามีสายลมที่ต่างจากโลกภายนอก สายลมนี้แม้ยังไม่อาจควบคุมตามใจนึก ทว่าเมื่อขัดเกลาแล้วจะต้องทำให้เกิดพายุหลากชนิดในตัวเขาได้แน่ อาจจะเหมือนกับพายุที่โลกภายนอกหรืออาจต่างกันก็ได้

เมื่อถึงจุดนั้น ความเร็วของเขา…จะทะยานถึงระดับที่ตัวเขาเพียงแค่คิดก็ยังต้องตื่นตะลึง

เพียงแค่นี้ก็ไม่ธรรมดาแล้ว แต่ยังมีวิชาแยกวายุอีก วิชานี้ผสานเข้าในระหว่างคิ้วเขา และสลักลึกในความทรงจำปานประทับตรา

นั่นคืออิทธิฤทธิ์เกี่ยวกับสายลมของเผ่าหมานที่แข็งแกร่งที่สุด แยกวายุ!

วิชานี้ซูหมิงเพียงมองผ่านๆ ในความคิดก็แอบตะลึงแล้ว ความแข็งแกร่งและพลังที่น่าสะพรึงกลัวระดับนี้ แม้มิใช่วิชาที่เขาสร้างขึ้นเอง ทว่าอานุภาพกลับไม่ธรรมดา ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นวิชาที่เทพหมานรุ่นหนึ่งคิดขึ้นเอง เป็นวิชาของผู้สืบทอดหมานวายุ!

ซูหมิงปากแห้งผาก เพราะนอกจากสองสิ่งนี้แล้ว ยังมีผลึกแห่งผู้สืบทอดที่สำคัญกว่า สิ่งนี้อยู่ในถุงเก็บวัตถุของเขา เมื่อครู่ตอนที่เขาคว้ามันไว้ในมือขวา ก็พลันสัมผัสได้ถึงพลังและพลังชีวิตที่น่าทึ่งภายในนั้น หากเขาได้ครอบครองพลังนี้ ขั้นพลังของเขาจะทะยานขึ้นในชั่วพริบตา!

น่าเสียดายก็แต่ผลึกแห่งผู้สืบทอดนี้มีปฏิกิริยาที่น่าอัศจรรย์ ไม่อยากเชื่อว่าเมื่อครู่มันจะสังเกตเห็นความผิดปกติของซูหมิง หากมิใช่เพราะเศษหินสีดำเปล่งแสงอ่อนอีกครั้ง เกรงว่าในตอนนี้คงความแตกไปแล้ว

ความตื่นเต้นปีติเกิดขึ้นกะทันหันยิ่งนัก ทำให้ซูหมิงรับมือไม่ค่อยทัน การมอบของแห่งหมานวายุเพิ่งจบไป เสียงของเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกก็ดังกังวานต่อ

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุ ตรงตามกฎที่สองของเซ่นไหว้กระดูกบัญญัติของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ให้มอบเกราะมายาเซ่นไหว้กระดูกแก่เจ้า จงรีบมารับเกราะของจริงที่ราชวงศ์ต้าอวี๋…”

หลังจากเสียงเย็นชานั้นดังขึ้น แสงสีฟ้าบนตัวเทวรูปขนาดหนึ่งพันจั้งขยับวิบวับ แสงหนึ่งเส้นพลันพุ่งมาจากระหว่างคิ้วเทวรูป ตรงมายังซูหมิงก่อนหมุนวนรอบตัวเขา ขณะเดียวกัน เกราะแม่ทัพเทพขั้นชำระล้างของซูหมิงก็ปรากฏขึ้นเอง เส้นควันดำหมุนวนรอบตัวและผสานรวมกับแสงสีฟ้าอย่างรวดเร็ว

เมื่อสีดำกับสีฟ้าผสานกัน สีดำค่อยๆ หายไป บนตัวซูหมิงปรากฏเกราะสีฟ้าเข้ม เกราะชุดนี้ดูทรงพลังยิ่งนัก ปกคลุมทั่วทั้งตัวซูหมิง มองแวบแรกดูแกร่งพอๆ กับเกราะแม่ทัพเทพที่ซูหมิงเคยเห็นของไป๋ฉางไจ้!

หากเทียบกับมันแล้ว เกราะขั้นชำระล้างไม่ใช่ของระดับเดียวกันอย่างสิ้นเชิง!

นี่เป็นเพียงเกราะมายาเท่านั้น หากรับของจริงมาจะต้องไม่ธรรมดายิ่งกว่านี้

ทว่าของที่ประทานให้ยังไม่หมดเพียงเท่านี้…

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุ…..”

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุ….”

มีเสียงอื้ออึงดังในความคิดซูหมิง เขาได้ยินชื่อของพระราชทานหลายชนิด แต่น่าเสียดาย เขาต้องไปรับที่ราชวงศ์ต้าอวี๋ทั้งหมด ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น ก็เพียงพอจะทำให้คนฟังทั้งหมดต้องคลุ้มคลั่งด้วยความริษยา

“เจ้าเป็นผู้สืบทอดหมานวายุ ตรงตามบัญญัติสมัยแรกของเทพหมานรุ่นหนึ่ง เจ้า…เซ่นไหว้กระดูก!” เสียงเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกขนาดหนึ่งพันจั้งดังสนั่น พลันยกมือขวาใหญ่ยักษ์ขึ้นชี้ไปทางซูหมิง

นิ้วยักษ์หนาหลายจั้งตรงเข้ามาใกล้ซูหมิง ซูหมิงไม่หลบ เขาเคยผ่านการทะลวงขั้นชำระล้างมาแล้ว อีกทั้งตอนนี้ยังไม่มีความจำเป็นต้องปฏิเสธการเซ่นไหว้กระดูก ถึงอย่างไรเขาก็รู้อยู่แก่ใจว่าฐานะหมานวายุของเขาได้มาอย่างไม่ถูกต้องเสียทีเดียว…

‘เซ่นไหว้กระดูก! ข้าอยากเซ่นไหว้กระดูก!’ นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกาย เขาปรารถนาความแข็งแกร่ง ปรารถนาจะมีขั้นพลังที่แกร่งกล้า เพราะมีแต่แบบนั้น มีแต่ต้องกลายเป็นผู้แข็งแกร่งเท่านั้น เขาถึงจะยืนอยู่เหนือจิตใจอันแน่วแน่ทุกอย่าง!

เช่นนั้นเขาถึงจะเป็นตัวเขาจริงๆ ไปตามหาคำตอบที่ตนต้องการให้พบ ลืมตาและมองโลกที่คนอื่นมองไม่เห็น!

นิ้วนั้นเข้ามาใกล้ซูหมิงในชั่วพริบตาและสัมผัสกับระหว่างคิ้ว แม้เสียงจะทรงพลังอย่างยิ่ง ทว่าเมื่อสัมผัสหว่างคิ้วซูหมิงกลับเบาบางปานสายลม

เมื่อได้รับสัมผัสนั้น ซูหมิงพลันตัวสั่นอย่างรุนแรง เขารู้สึกว่ามีพลังที่ไม่อาจบรรยายบางอย่างไหลมาจากนิ้วมือตรงเข้าสู่ร่างกาย และเคลื่อนไหวตามเส้นเลือดในตัวราวกับไม่มีอะไรมาขวางได้

เมื่อไหลเวียนครบเก้ารอบแล้ว พลังนั้นเกิดเสียงระเบิดโครม ก่อนพุ่งทะลวงไปยังกระดูกสันหลังของซูหมิง!

กระดูกสันหลังของคน ในวัยเยาว์กับช่วงโตเต็มวัยจะต่างกัน ปกติแล้วในวัยเยาว์จะมีสามสิบสามชิ้น ทว่าเมื่อเติบใหญ่จะกลายเป็นยี่สิบหกชิ้นเพราะคนต่างกัน จึงมีความต่างกัน

ในตัวซูหมิง กระดูกสันหลังเขามียี่สิบหกชิ้น! กระดูกยี่สิบหกชิ้นนี้รวมเป็นกระดูกสันหลังหนึ่งโครง ยามนี้ภายใต้พลังจากเทวรูปเซ่นไหว้กระดูก กระดูกสันหลังในตัวซูหมิงสั่นไหวขึ้นมา

มันดูดพลังนั้น ก่อนหน้านี้ยังดูดกระดูกหมานในตัวซูหมิง ขณะเดียวกันก็ยังดูดสายลมที่ไร้ขีดจำกัดด้วย

พลังโลหิตในตัวซูหมิงหายไป เหมือนกับตอนเขาชำระล้างแล้วกลายเป็นพลังชำระล้าง หากกล่าวตามเนื้อหาบางอย่างแล้ว พลังชำระล้างนี้จะเหมือนกับโลหิต มันโคจรอยู่ในร่างกายซูหมิงและปะทุพลังที่แข็งแกร่ง

ทว่าระหว่างชำระล้างกับเซ่นไหว้กระดูกกลับต่างกันโดยสิ้นเชิง มิใช่เพียงขั้นพลังที่เพิ่มขึ้น แต่มันคือการเปลี่ยนขั้นพลังใหม่ กระทั่งในร่างกายอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลงน่าทึ่ง

เซ่นไหว้กระดูก เซ่นไหว้กระดูก!

เหตุที่กล่าวเช่นนี้ก็เพราะว่าต้องเซ่นไหว้กระดูกตัวเอง กระดูกนี้ก็คือกระดูกสันหลัง!

ในความคิดของบรรพบุรุษเผ่าหมาน ภายในร่างกายมนุษย์ กระดูกสันหลังเป็นสิ่งสำคัญที่สุด มันเหมือนเชื่อมต่อกับฟ้าดิน ทำให้มนุษย์ยืนได้ ทำให้มนุษย์ถูกเรียกว่าเป็นมนุษย์!

ประโยชน์ของกระดูกสันหลังคือทำให้มนุษย์มีพละกำลัง ขณะเดียวกันมันยังเป็นตัวค้ำจุนจิตใจ มันค้ำจุนความตั้งใจของมนุษย์ ค้ำจุนร่างกายมนุษย์ มัน…คือต้นกำเนิดของทุกอย่างในร่างกาย

ขั้นพลังเผ่าหมาน รวมโลหิตคือการรวมเส้นเลือดอย่างต่อเนื่อง ปะทุออกมาเป็นพลังแห่งต้นกำเนิดของเผ่าหมาน เมื่อรวมอย่างต่อเนื่องและเพิ่มเส้นเลือดขึ้นแล้ว ก็จะทำให้เส้นเลือดบริสุทธิ์ขึ้นเรื่อยๆ ประดุจถูกหล่อหลอม

นี่คือเป้าหมายของรวมโลหิต เพราะมีแต่แบบนี้เท่านั้น ในช่วงที่ชำระล้างถึงจะกำเนิดโลหิตชนิดหนึ่งจากในเส้นเลือดบริสุทธิ์ได้ มันอยู่ในร่างกาย มองไม่เห็นทว่าสัมผัสได้ถึงพลัง นั่นก็คือพลังชำระล้าง!

นี่คือการใช้ประโยชน์อย่างแรกของเส้นเลือดเผ่าหมาน

ทำให้ขั้นชำระล้างเหาะเหินเดินอากาศได้ ช่วยให้ขั้นชำระล้างวาดลายหมาน และใช้ลายหมานกระตุ้นการพัฒนาระดับแรกสุดของเส้นเลือด

แต่เซ่นไหว้กระดูกไม่เหมือนกัน!

ขั้นพลังนี้คือการใช้ประโยชน์และแสดงพลังจากเส้นเลือดเผ่าหมานในระดับที่ลึกล้ำยิ่งกว่า เพราะความคิดของเผ่าหมาน เพราะการให้ความสำคัญกับกระดูกสันหลัง ฉะนั้นจึงหลอมรวมพลังชำระล้างทั้งหมดในตัวเข้าในกระดูกสันหลังชิ้นแรกด้วยวิธีการพิเศษบางอย่าง เมื่อกระดูกชิ้นนี้ดูดซับพลังชำระล้างทั้งหมดแล้วจะเกิดการแปรเปลี่ยน ขณะหล่อหลอมและเซ่นไหว้อย่างต่อเนื่อง มันจะกลายเป็นกระดูกหมานแท้จริง!

เมื่อเป็นเช่นนั้น ถึงจะเรียกว่าทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก!

นักรบเซ่นไหว้กระดูกตอนต้นจะพอๆ กับชำระล้างสมบูรณ์ ยังไม่เปลี่ยนไปมากนัก ถึงอย่างไรก็มีกระดูกชิ้นเดียวที่กลายเป็นกระดูกหมาน จึงยังไม่อาจแสดงจุดแข็งของขั้นเซ่นไหว้กระดูกได้

ในการแบ่งขั้นพลังของเผ่าหมาน ขอแค่มีกระดูกหนึ่งชิ้นเป็นกระดูกหมาน ก็จะเป็นขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น ทว่าเพราะแบบนี้ ยิ่งฝึกฝนเท่าไรจึงยิ่งยาก

เมื่อมีกระดูกหมานสองชิ้นจะทะลวงสู่เซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง ทว่าหากคิดจะทะลวงสู่ขีดสูงสุดของเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง ก็ต้องมีกระดูกหมานสิบสามชิ้น

นี่คือสาเหตุที่ว่าเหตุใดซูหมิงถึงสังหารนักรบขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้นได้ กระทั่งเซ่นไหว้กระดูกตอนกลางบางคนเขาก็ยังสังหารได้ แต่หากเผชิญหน้ากับผู้แข็งแกร่งในขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง ซูหมิงจะตกที่นั่งลำบากอย่างยิ่ง ต้องใช้อุบายทั้งหมดและต้องร่วมมือกันหลายคนถึงจะสู้ไหว

เมื่อมีกระดูกหมานสิบสี่ชิ้นจะเข้าสู่เซ่นไหว้กระดูกตอนปลาย นักรบเซ่นไหว้กระดูกในช่วงนี้พูดได้ว่ารุ่งโรจน์ที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาเพียงพอจะเป็นจ้าวปกครองเขตแดน

จนกระทั่งเมื่อมีกระดูกหมานยี่สิบห้าชิ้น ความเกรียงไกรนี้ก็จะถึงจุดสูงสุด! กระทั่งตามหลักแล้วนักรบขั้นเซ่นไหว้กระดูกในช่วงนี้คือผู้แข็งแกร่งที่สุดที่เป็นรองเพียงขั้นวิญญาณหมาน!

เพราะเมื่อทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์ และเซ่นไหว้กระดูกยี่สิบหกชิ้นจนกลายเป็นกระดูกหมานอย่างแท้จริงหมดแล้ว ก็จะเหมือนกับเปิดเส้นทางระหว่างฟ้าดิน จากคนธรรมดาไปสู่ผู้สูงส่ง!

ทว่าการเซ่นไหว้กระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบหกนี้ยากเกินไป อีกทั้งต่อให้มีโอกาสเหมาะสมหรือได้รับโชคครั้งใหญ่จนเซ่นไหว้กระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบหกนี้สำเร็จ เมื่อกระดูกหมานชิ้นที่ยี่สิบหกนี้ปรากฏแล้วก็ต้องทะลวงขั้นวิญญาณหมานทันที

โอกาสมีเพียงครั้งเดียว!

สำเร็จก็ทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมาน กลายเป็นบุคคลในระดับสูงที่สุดในสี่ขั้นพลังใหญ่ของเผ่าหมาน หากล้มเหลว กระดูกสันหลังจะแตกหักทั้งหมดและหายไปกับอากาศ ก่อนสิ้นใจทันที!

เซ่นไหว้กระดูกสมบูรณ์เหมือนกับเส้นความเป็นและความตาย ผูกอยู่ในชีวิตของเผ่าหมานขั้นพลังนี้ เดินต่อไปก็จะกลายเป็นผู้สูงส่ง เดินไม่ไหวก็ลงยมโลก

ฉะนั้นคนที่ไม่กล้าลองหลายคนจึงหยุดอยู่ที่กระดูกหมานยี่สิบห้าชิ้น ยอมเป็นเพียงผู้แข็งแกร่งที่สุดรองขั้นวิญญาณหมาน!

เรื่องเกี่ยวกับขั้นเซ่นไหว้กระดูกเหล่านี้ ซูหมิงรู้ตอนอยู่ยอดเขาลำดับเก้าแล้ว ยามนี้ขณะตัวเขาสั่นไหว พลังของเทวรูปหล่อหลอมอยู่ในกระดูกชิ้นแรกบนสุดของกระดูกสันหลัง จากนั้นกระดูกชิ้นนี้ก็เกิดการแปรเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว มันเริ่มต่างไปจากกระดูกชิ้นอื่นๆ

มันเปล่งแสงสีฟ้าพร่างพราว แสงสีฟ้านั้นทะลวงมาจากในตัวเขา แผ่กระจายออกรอบตัว หากมองไกลๆ ทั้งตัวซูหมิงจะมีแต่สีฟ้า!

การแปรเปลี่ยนเกิดขึ้นในชั่วพริบตา ทำให้กระดูกชิ้นนี้เปลี่ยนอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นกระดูกหมานชิ้นแรกในกระดูกสันหลังของซูหมิง!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version