ตอนที่ 359 เส้นเลือดหนึ่งพันเส้นนั้น
ช่วงที่กระดูกหมานชิ้นแรกปรากฏ ตรงหน้าผากซูหมิงผุดเม็ดเหงื่อ เพราะช่วงเสี้ยววินาทีนั้น เขารู้สึกว่าทุกอย่างในร่างกายตัวเอง เลือดเนื้อ พลังชำระล้างรวมถึงทุกอย่าง กระทั่งพลังชีวิตชองเขา พลันม้วนตรงสู่กระดูกหมานที่เพิ่งปรากฏ
ยามนี้กระดูกหมานกลายเป็นหลุมดำอย่างแท้จริง ดูดทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่ง
ตัวซูหมิงแห้งเหี่ยวในความเร็วระดับสายตา ใบหน้าเขาเว้าลึกลงไป เลือดเนื้อทั้งตัวเหือดแห้ง เพียงครู่เดียวเขาก็ซูบผอม ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนถูกกระดูกหมานสูบไป!
ทว่าซูหมิงไม่ต่อต้าน แต่ยืนตรง แววตาสงบนิ่ง จนกระทั่งเมื่อพลังชีวิตกับทุกอย่างถูกดูดไปสามส่วนแล้ว กระดูกหมานนั้นถึงจะหยุดลง ช่วงที่มันหยุด แสงสีฟ้าในตัวซูหมิงเด่นชัดถึงขีดสุด!
‘ดูดเพียงสามส่วนอย่างนั้นหรือ’ แววตาซูหมิงวูบไหว แม้ตัวผอมลงรอบหนึ่งใหญ่ๆ แม้ไม่มีพละกำลังอย่างเต็มที่ ทว่าซูหมิงกลับรู้สึกถึงความแข็งแกร่งหลังจากกระดูกหมานนั้นปรากฏ!
เหมือนจะขัดแย้งกัน ทว่าจริงๆ แล้ว ความอ่อนแอเป็นเพียงชั่วคราวเท่านั้น สิ่งที่แข็งแกร่งก็คือเขาตอนนี้ จากชำระล้างทะลวงพลังกลายเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นเซ่นไหว้กระดูกอย่างแท้จริง!
ทั้งฟ้าดินในสายตาเขามีจุดต่างออกไป เขามองเห็นเงามืดยักษ์ในน้ำวนบนท้องฟ้า สิ่งที่เขามองไม่เห็นก่อนหน้านี้ นั่นคือร่างจริงของเทวรูปวิญญาณหมานที่ซ่อนอยู่ในน้ำวน!
เขาเห็นว่าโลกใบนี้มิได้สมบูรณ์แบบ แต่มีรอยแยกเล็กๆ อยู่เต็มไปหมด รอยแยกเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยความรู้สึกโบราณ ไม่ใช่ว่ามันเพิ่งปรากฏ แต่อยู่มาโดยตลอด!
เขายังเห็นเหอเฟิงบนแผ่นดินที่หาไม่เจอก่อนหน้านี้ ตอนนี้เปลี่ยนไปอีกร่างหนึ่งแล้ว กลายเป็นชาวเผ่าหมานคนหนึ่ง นัยน์ตาวูบไหว ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ และเหมือนไม่ได้สังเกตเห็นสายตาซูหมิงแม้แต่น้อย
นอกจากนี้แล้ว เขายังรู้สึกว่าในโลกมีพลังงานมหาศาลอยู่ พลังงานนี้เป็นของฟ้าดิน เขาเห็นแต่ไม่อาจนำมาโคจรได้
“เซ่นไหว้กระดูก…..หลังจากเซ่นไหว้เป็นกระดูกหมานแล้ว ก็จะเริ่มรู้จักพลังมหาศาลของฟ้าดิน…..” ซูหมิงพึมพำ มีความเข้าใจ
แผ่นดินตอนนี้ ชาวเผ่าหมานและเชมันล้วนเงียบสงบ พวกเขากำลังมองท้องฟ้า แม้เห็นเงาร่างซูหมิงไม่ชัด ทว่าคำพูดไร้ปรานีจากเทวรูปกับปรากฏการณ์พิลึกบนท้องฟ้า กลับทำให้พวกเขารู้ว่าเงาคนที่มองเห็นไม่ชัดคนนั้น ยามนี้กำลังรับโอกาสอะไรบางอย่าง
พวกเขายังรู้อีกว่า บุคคลนี้ ตอนนี้…ทะลวงจากชำระล้างสู่เซ่นไหว้กระดูกแล้ว!
ชาวเผ่าเชมันก็กำลังมองเช่นกัน มีเสียงอื้ออึงดังก้องจิตใจผู้แข็งแกร่งแห่งเชมันเหล่านั้น ทำให้มองเห็นหน้าตาของซูหมิงไม่ชัด เห็นเพียงรูปร่างเท่านั้น
มีเพียงเผ่าหมานบางคนที่เห็น ทว่าก็เห็นเพียงใบหน้า ภายใต้แรงกดดันของเทวรูป พวกเขาไม่เห็นการแปรเปลี่ยนในตัวซูหมิง เห็นเพียงจากภายนอก ก็พอจะคาดการณ์ได้บ้าง
“จบแล้ว…เมื่อเขาสืบทอดหมานวายุ เขาก็จะกลายเป็นเทพแท้จริงเซ่นไหว้กระดูก…”
“บรรพบุรุษเมืองหมอกนภานั่งฌานอยู่ แต่เลือกช่วยปิดบังใบหน้าเขา ก็คงมีแต่เทพแท้จริงเซ่นไหว้กระดูกเท่านั้น”
“ทว่าเส้นทางเขายังอีกยาวไกล การสืบทอดต้องใช้เวลา การเติบโตก็ต้องใช้เวลา จะเป็นผู้แข็งแกร่งระดับเดียวกับไป๋ฉางไจ้ได้หรือไม่ก็ยังต้องดูที่ตัวเขาเอง”
เทียนหลันเมิ่งก็มองซูหมิง นัยน์ตาฉายแววยินดียามมองซูหมิง ใบหน้าเผยรอยยิ้มอ่อนโยน
เทียนหลันโยวผู้เย็นชายังคงขมวดคิ้ว ทว่ากลับมองซูหมิงตลอด บุคคลนี้นางเพิ่งเคยเจอวันนี้ครั้งแรก ทว่ากลับทำให้นางจดจำได้อย่างลึกซึ้ง ไม่ว่าจะเป็นการบุกทะลวงของหนึ่งพันคน และยังมีความเด็ดขาดในการบุกไปคนเดียวอีก จนกระทั่งเป็นที่จับตามองที่สุดในสนามรบ ทำให้นางไม่อาจเมินเฉยได้อีก
คนที่สับสนที่สุดก็คงต้องเป็นโจวเต๋อ เขาไม่เคยคิดเลยว่าคนที่ตนสนใจ คนที่ถูกจัดให้แสดงในครั้งนี้จะเป็นเทพแท้จริงเซ่นไหว้กระดูก!
“จบแล้ว…..เขามีกระดูกหมานหนึ่งชิ้น กลายเป็นนักรบเซ่นไหว้กระดูก” บนกำแพงเมืองหมอกนภา หนึ่งในชายชราเจ็ดแปดคน มีคนกล่าวเรียบๆ
คนอื่นๆ ต่างก็ยอมรับ เรื่องนี้มีจุดสิ้นสุด ต่อมาเทวรูปทั้งสองก็จะจากไป บางทีสงครามอาจดำเนินต่อ…..
ทว่ายามนี้บนท้องฟ้า ซูหมิงอยู่ข้างเทวรูปเซ่นไหว้กระดูก ตัวเขาพลันขยับแสงเด่นชัดขึ้น แสงวิบวับนั้นดูเด่นตายิ่งนัก ทุกสายตาล้วนมองไปด้วยความประหลาดใจ
“นี่มัน….สัญญาณกระดูกหมานชิ้นที่สองปรากฏ!”
“เพิ่งทะลวงชำระล้าง เกือบทุกคนต้องใช้พลังชำระล้างทั้งหมดมาเซ่นไหว้เป็นกระดูกหมานชิ้นแรก เขา…..ไม่ใช่ว่าเขา…..”
“เขาชื่ออะไร? มาจากเผ่าหรือสำนักใด ตอนชำระล้างมีเส้นเลือดกี่เส้น?”
“ไม่ผิด เจ้าดูตอนเขาชำระล้างสมบูรณ์ก็สังหารเซ่นไหว้กระดูกแล้ว นี่คือคำอธิบายเรื่องนี้!”
นัยน์ตาชายชราเจ็ดแปดคนฉายแววประหลาดใจ
“เขาชื่อซูหมิง มาจากสำนักเหมันต์สวรรค์…..ตอนชำระล้างมีเส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้น!” ในเมืองหมอกนภา มีเสียงแก่ชราก่อนหน้านี้ดังก้องอีกครั้ง
เสียงนี้ยังคงมีเพียงเผ่าหมานบางคนที่ได้ยิน คนอื่นไม่รับรู้
กล่าวจบ เทียนหลันโยวหน้าเปลี่ยนสีเป็นครั้งแรก ดูเหลือเชื่อ ไม่เพียงแค่นาง โจวเต๋อก็เช่นกัน เขาสูดลมหายใจเข้าลึก และยังมีตาแก่ขั้นวิญญาณหมานที่เวลาปกติไม่ยอมเผยตัวโดยง่าย ยามนี้กำลังอยู่ในสนามรบเหล่านั้น ต่างแววตาวูบไหว
“เขาเพิ่งเซ่นไหว้กระดูกชิ้นแรก ใช้พลังจากร่างกายไปเพียงสามส่วน…” เสียงแก่ชรานั้นดังก้องอีกครั้ง ทำให้ทุกคนที่ได้ยินพลันมองไปทางซูหมิง
ซูหมิงในตอนนี้ ช่วงที่แสงสีฟ้าบนตัวเขาพลันเด่นชัดขึ้น ตรงกระดูกสันหลังในตัว หลังจากชิ้นแรกกลายเป็นกระดูกหมานแล้ว กระดูกชิ้นที่สองนั้นก็พลันเปล่งแสงสีฟ้าเด่นชัด
กระดูกชิ้นที่สองเปล่งแสงสีฟ้านี้ นั่นหมายความได้เรื่องเดียวคือ ช่วงที่ซูหมิงชำระล้าง พลังชำระล้างในตัวเขามากเกินกว่าขั้นชำระล้างทั่วไปมาก
สืบต้นตอลึกลงไปอีก สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับเส้นเลือดเก้าร้อยเก้าสิบเก้าเส้นตอนรวมโลหิตโดยตรง ตอนเขารวมโลหิตก็ยืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้ว บวกกับกระดูกหมานของบรรพบุรุษเขาหานในตัวอีก ฉะนั้นจึงทำให้ตอนซูหมิงชำระล้างแข็งแกร่งกว่าคนขั้นพลังเดียวกันมาก
รวมวิชาการสร้างของเขาเข้าไป บวกกับการชี้แนะของเทียนเสียจื่อ ทุกอย่างเหล่านี้ปะทุออกมาทั้งหมดในช่วงเวลาเดียวกับที่ทะลวงสู่ขั้นเซ่นไหว้กระดูก
สั่งสมอย่างเต็มที่ก็จะเป็นเช่นนี้!
เส้นเลือดสมบูรณ์แบบตอนรวมโลหิต พลังเซ่นไหว้กระดูกเข้มข้นตอนชำระล้าง เมื่อเซ่นไหว้เป็นกระดูกหมานชิ้นแรกแล้ว พลังยังเหลืออยู่ในตัวอีกเจ็ดส่วน พลังนี้เพียงพอจะให้เขาเซ่นไหว้กระดูกหมานชิ้นที่สอง!
เป็นที่รู้กันดีว่ากระดูกหมานหนึ่งชิ้นก็เท่ากับเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น หากสองชิ้นก็เท่ากับเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง!
ในประวัติศาสตร์เผ่าหมาน มิใช่ว่าไม่เคยมีใครทำแบบนี้ได้ ทว่ากลับมีน้อยมากๆ เพราะมันต้องมีพื้นฐานที่หนาแน่น และยังต้องมีโอกาสครั้งใหญ่ ทุกอย่างเหล่านี้ ขาดไปเพียงหนึ่งไม่ได้!
ขณะแสงสีฟ้าบนตัวซูหมิงเด่นชัดถึงขีดสุด เลือดเนื้อและทุกอย่างในตัวเขาแห้งเหี่ยวอีกครั้ง เลือดเนื้อและพลังชีวิตจำนวนมากถูกกระดูกหมานชิ้นที่สองสูบไปอย่างรวดเร็ว
สิ่งที่กระดูกหมานชิ้นแรกต้องการคือเลือดเนื้อและพลังชีวิตสามส่วน
ทว่ากระดูกหมานชิ้นที่สองนี้ พริบตาเดียวก็ดูดไปเกือบสามส่วนแล้ว และยังดูดต่อไปเรื่อยๆ จะเห็นได้ว่ากระดูกหมานของเซ่นไหว้กระดูกทุกชิ้นจะมีความต้องการเพิ่มขึ้นไม่น้อย
ซูหมิงรู้สึกถึงความอ่อนแอของร่างกาย ทว่าสิ่งที่แลกมาคือความแข็งแกร่ง ช่วงที่กระดูกหมานชิ้นที่สองกำลังจะปรากฏ ได้เกิดความรู้สึกบอกไม่ถูก โดยเฉพาะพลังลึกลับในฟ้าดิน ซูหมิงรู้สึกถึงมันอย่างลึกซึ้งกว่าเดิม
มันเป็นพลังที่มีอยู่ทุกที่ เป็นพลังที่ขั้นชำระล้างสัมผัสไม่ได้
มีเพียงทะลวงขั้นเซ่นไหว้กระดูกเท่านั้น เพราะในร่างกายจะมีกระดูกหมานเลยสัมผัสถึง ทว่าต้องทะลวงสู่เซ่นไหว้กระดูกตอนปลายก่อนถึงจะควบคุมได้เล็กน้อย เมื่อทะลวงสู่ขั้นวิญญาณหมานจะโคจรพลังฟ้าดินได้อย่างสมบูรณ์!
ความรู้สึกแบบนี้ เหมือนกับตนหลอมรวมกับฟ้าดิน ประดุจตนเป็นส่วนหนึ่งของฟ้าดิน บางทีอาจกล่าวได้ว่า ฟ้าดินเป็นส่วนหนึ่งของตัวเรา!
พริบตาเดียว ตัวซูหมิงแห้งเหี่ยวลงมามากกว่าครึ่ง ช่วงที่รู้สึกอ่อนแอ และพลังชีวิตรวมถึงเลือดเนื้อในตัวเหลือประมานสองส่วน ตรงกระดูกสันหลังของซูหมิง ในที่สุดก็ปรากฏกระดูกหมานชิ้นที่สองอย่างสมบูรณ์
ทันใดนั้น ซูหมิงเงยหน้าคำรามเสียงยาว เสียงเขาสะเทือนนภา ก้องกังวานรอบแปดทิศ จนเกิดเป็นระลอกคลื่นแผ่กระจายเป็นชั้นๆ
ความอ่อนแอของร่างกาย ความแข็งแกร่งที่สัมผัสถึง ความรู้สึกขัดแย้งกันนี้ผสานเข้าด้วยกัน และกระจายออกรอบทิศพร้อมกับเสียงลากยาว
กระดูกหมานชิ้นที่สอง!
ทว่าเรื่องราวมันเกินการคาดเดาของเผ่าหมานด้านล่างไปไกล เดิมทีพวกเขาคิดว่าพอซูหมิงเซ่นไหว้กระดูกหมานสองชิ้นแล้วคงจะถึงขีดจำกัด
ต่อให้เป็นตัวซูหมิงเองก็ยังคิดเช่นนั้น จนกระทั่ง…
เมื่อพลังชีวิตและเลือดเนื้อรวมถึงพลังชำระล้างเหลือเพียงสองส่วน
ในร่างกายซูหมิง หลอดเลือดทั้งตัวพลันพองบวม ปรากฏขึ้นบนผิวหนังทั้งหมด ดูน่ากลัวยิ่งนัก ราวกับมีแมงป่องดำไต่อยู่ทั้งตัว!
มองแวบแรกคงคิดอย่างนั้น ทว่าหากมองอย่างละเอียด จะพบว่าเส้นเลือดใต้ผิวหนังซูหมิงทั้งหมด รวมเป็นหนึ่งเส้นบิดเบี้ยว!
มันคือเส้นเลือดสีดำหนึ่งเส้น คือเส้นเลือดที่เต็มไปด้วยโลหิตสด…..มันคือเส้นเลือดหนึ่งเส้นที่ซูหมิงไม่เลือกในตอนนั้น ความจริงแล้วมันยังซ่อนอยู่ในสายเลือดของซูหมิง กลายเป็นเส้นเลือดเส้นที่หนึ่งพัน!