Skip to content

สู่วิถีอสุรา 386

ตอนที่ 386 จีอวิ๋นไห่

“จีอวิ๋นไห่เป็นผู้ดูดวิญญาณหมายเลขหนึ่งในเชมันระดับต่ำกว่าสูงสุดในแดนอรุณใต้ ได้รับขนานนามว่าเป็นผู้ดูดวิญญาณเชมันระดับปลายที่มีโอกาสข้ามสู่ระดับสูงสุดมากที่สุด น่าเสียดาย…เขาหายตัวไปเมื่อหลายปีก่อน มิเช่นนั้นแล้ว สงครามครั้งนี้หากเขาลงมือ ใช้เพียงอุบายผู้ดูดวิญญาณพิเศษก็สังหารคนได้เป็นวงกว้าง”

นอกเมืองหมอกนภา ห่างจากตรงนี้ไปเจ็ดหมื่นลี้ บนแผ่นดินเชมันมีกระโจมหนังนับไม่ถ้วน ขยายไปไกลไม่รู้ที่สิ้นสุด มีชาวเผ่าเชมันจำนวนมากกว่าหนึ่งแสนคน อีกทั้งทุกวันจะมีนักรบเชมันเข้ามาร่วมสมทบอีกไม่น้อย จึงขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ

ยามนี้ ข้างริมขอบกระโจมหนังสุดลูกหูลูกตา มีภูเขาสูงอยู่ลูกหนึ่ง หากยืนบนยอดเขาและมีขั้นพลังที่มั่นคงแล้ว จะเห็นเค้าโครงเมืองหมอกนภารางๆ

บนยอดเขามีสตรียืนอยู่ผู้หนึ่ง นางมีเส้นผมยาว ใบหน้างดงาม ดวงตาหยั่งลึก และมีเอกลักษณ์เฉพาะต่างจากเผ่าเชมัน เอกลักษณ์เฉพาะนั้นดูล่องลอยเหมือนเซียน ความสงบนิ่งแพร่กระจายสู่คนรอบข้าง คนที่ยืนข้างนางจึงล้วนจิตใจสงบ

“ผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดทั้งเผ่าเชมัน หลายปีมาแล้วก็ยังปรากฏไม่เยอะ เวลาผ่านไป ตอนนี้เหลือเพียงแปดคน…อีกทั้งในนั้นยังมีสามคนที่ก้มหัวให้เผ่าเซียน” ข้างกายสตรี เป็นชาวเผ่าเชมันชายหญิงยืนอยู่สิบกว่าคน นอกจากสามคนที่เป็นวัยกลางคนแล้ว ส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ยามนี้คนที่กล่าวเป็นชายชราผมขาวผู้หนึ่ง ในมือถือไม้เท้าศีรษะจระเข้ จ้องเมืองหมอกนภา พลางกล่าวเสียงหนักแน่น

“พูดถึงจีอวิ๋นไห่ เขาเป็นคนเผ่ารองสวรรค์ หลังจากเผ่ารองสวรรค์ถูกทำลาย เขากลับมีชีวิตรอดมาได้ ไม่รู้ว่ามีโอกาสอะไรอย่างไร ถึงได้ฝึกฝนดูดวิญญาณต่างจากคนอื่น เขาเชี่ยวชาญการใช้วิชาแมลงพิษ ทั้งยังศึกษาหมอกพิษเก้าสี โดยเฉพาะแมลงรองสวรรค์วัตถุประจำตัวเขา เขาศึกษามันจนถึงจุดที่เป็นอมตะ เมื่อใช้แมลงนี้ ต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับสูงสุดก็ยังต้องปวดหัว

หากเขาอยู่นี่ อยู่ข้างกายสหายเซียน ไม่เพียงแต่จะสังหารเผ่าหมานได้ ทั้งยังให้แมลงแห่งรองสวรรค์ทำตามคำสั่งท่าน ไม่ให้ถูกเผ่าหมานรบกวน ใช้แมลงเป็นตัวส่งสาร สร้างจิตใจแน่วแน่ให้กับกองทัพเผ่าเชมัน

เชมันผู้ดูดวิญญาณพิเศษแบบนี้หายากยิ่งนัก ทว่าน่าเสียดาย ข้าได้ยินข่าวล่าสุดเกี่ยวกับเขาเมื่อสิบกว่าปีก่อนว่า ไปรู้จักสตรีคนหนึ่งแล้วก็ตบแต่งกันออกไป จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีก” ชายชราส่ายศีรษะ แล้วกล่าวถึงบุคคลต่อไป เล่าแนะนำผู้โดดเด่นในเผ่าเชมันให้สตรีผมยาวฟัง

รวมถึงสตรีก็อยู่ในนั้นด้วย ทุกคนตรงนี้ไม่มีใครรู้เลยว่า ยามนี้บนแผ่นดินเชมันกันดารที่ห่างจากตรงนี้ไปไกลมาก มีจีอวิ๋นไห่คนที่พวกเขาเอ่ยถึงกำลังกระโจนเข้าใส่ซูหมิง ดวงตาเป็นสีเทา พลังความตายโอบล้อมรอบตัว

รอบตัวเขามีแมลงปีกแข็งสีดำนับไม่ถ้วน พวกมันคือแมลงแห่งรองสวรรค์ จีอวิ๋นไห่สร้างมันขึ้นเองกับมือทุกตัว และเป็นอมตะ!

ทว่าต่อให้เป็นชายชราที่อยู่บนยอดเขานอกเมืองนภาและกล่าวถึงจีอวิ๋นไห่ด้วยความเสียดายคนนั้น หากเขายืนอยู่ตรงนี้และเห็นจีอวิ๋นไห่กับตาตัวเองล่ะก็ ก็คงแทบจะมองไม่ออกเลยว่าสัตว์ประหลาดดวงตาสีเทาร่างแห้งเหี่ยวคนนี้คือจีอวิ๋นไห่

บุคคลนี้รูปร่างเปลี่ยนไปมาก อีกทั้งขั้นพลังยังอ่อนลงไม่น้อย ดูไม่เหมือนเชมันระดับปลาย แต่หล่นมาเป็นเชมันระดับกลาง มีเพียงสิ่งเดียวที่ไม่เปลี่ยนคือกลิ่นอายพลังที่เคยเป็นผู้แข็งแกร่งในตัวเขา ประดุจผู้ดูดวิญญาณอมตะ บางทีอาจเป็นเพราะ…..ไม่ยินยอม บวกกับความแค้นไร้สิ้นสุด จึงไม่ยอมหายไป

จีอวิ๋นไห่เข้ามาไกล้ นัยน์ตาซูหมิงเย็นชา เขายกมือขวาขึ้นแล้วทำสัญลักษณ์มืออีกสามครั้ง เงาระฆังเขาหานกลายเป็นของจริงลอยอยู่กลางฝ่ามือ ก่อนปล่อยฝ่ามือไปทางจีอวิ๋นไห่

จุดที่เขากดคือหน้าอกของจีอวิ๋นไห่ ซูหมิงพลันรู้สึกถึงพลังรุนแรงไหลเข้ามาตามฝ่ามือ พริบตาเดียวก็แผ่กระจายไปทั้งตัว ทำให้ในปากเขามีรสหวาน ก่อนกระอักโลหิตมาหนึ่งกอง ร่างโซเซถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ทุกก้าวที่เหยียบลง มวลอากาศจะเกิดระลอกคลื่นรุนแรง

จนกระทั่งถอยไปสิบกว่าจั้ง เสื้อผ้าตรงแขนขวาฉีกขาด เผยให้เห็นเส้นเลือดดำปูดโปนบนแขน ทั้งยังมีหลายเส้นพองบวมอย่างรวดเร็วจนแตก หมอกโลหิตพุ่งฉีก ทำให้ซูหมิงหน้าซีดขาว

ขณะเดียวกัน หมอกแมลงตรงเข้าหาซูหมิงอย่างรวดเร็ว ส่งเสียงอื้ออึงดังก้อง ผู้ฟังคงต้องเกิดความรู้สึกผวา

แม้ซูหมิงจะมีสภาพจนตรอก ทว่าจีอวิ๋นไห่กลับตัวสั่นอย่างรุนแรง หน้าอกตรงที่ซูหมิงกดฝ่ามือกลายเป็นตราประทับระฆังเขาหาน ตราประทับนี้ปกคลุมทั่วร่างจีอวิ๋นไห่ด้วยความเร็วปานน้ำหลาก พริบตาเดียว รอบตัวจีอวิ๋นไห่มีเงาระฆังเขาหานมายาปกคลุมเอาไว้

“ผนึก!” ซูหมิงตะโกนเสียงต่ำ

หากจีอวิ๋นไห่ยังมีสติปัญญา รู้จักเข้ารู้จักถอย เช่นนั้นซูหมิงคงผนึกอีกฝ่ายไม่ง่ายเช่นนี้ ทว่าอีกฝ่ายเป็นเพียงหุ่นเชิดไม่มีความคิด เคลื่อนไหวจากการควบคุมเท่านั้น ปฏิกิริยาตอบสนองก็ไม่เท่าคนเป็น

โดยเฉพาะตอนที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้เมื่อครู่นี้ ซูหมิงยอมให้ตัวเองบาดเจ็บ เพื่อให้ระฆังเขาหานผนึกอีกฝ่าย

เมื่อซูหมิงกล่าวจบ ระฆังเขาหานมายาที่ครอบจีอวิ๋นไห่ที่ยังคงกระโจนใส่ซูหมิง กลายเป็นระฆังเขาหานอย่างสมบูรณ์ พรวดเดียวก็ผนึกจีอวิ๋นไห่เอาไว้ภายใน ส่งเสียงดังกังวาน ระฆังเขาหานลอยอยู่บนท้องฟ้า มีเสียงระเบิดดังมาจากข้างในอย่างต่อเนื่อง ราวกับว่าจีอวิ๋นไห่กำลังกระแทกใส่ไม่หยุด

ช่วงที่จีอวิ๋นไห่ถูกระฆังเขาหานผนึก หมอกแมลงแห่งรองสวรรค์สีดำนับไม่ถ้วนโดยรอบที่กำลังตรงเข้าหาซูหมิงพลันหยุดชะงักไปชั่วครู่

“ตัดขาด!” ตอนนี้ซูหมิงปลุกศีรษะของระฆังเขาหานได้หกเศียร นอกจากความสามารถใหม่แล้ว เขายังเข้าใจอภินิหารหลากชนิดของระฆังก่อนหน้านี้มากยิ่งขึ้นอีกด้วย

ส่วนการตัดขาดต่อจากการผนึกก็คือ การแปรเปลี่ยนที่ซูหมิงตระหนักรู้ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา เมื่อกล่าวคำว่าตัดขาด ระฆังเขาหานพลันส่งเสียงระฆัง ภายใต้เสียงระฆัง กลิ่นอายพลังทุกอย่างของจีอวิ๋นไห่พลันหายไป

หากเพียงเท่านี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับการผนึก ทว่ายามนี้ นอกจากกลิ่นอายพลังของจีอวิ๋นไห่แล้ว การเชื่อมต่อระหว่างเขากับแมลง หรือความรู้สึกผูกพันทางสายเลือด ที่ไม่ได้ควบคุมผ่านกลิ่นอายพลังก็ยังหายไปด้วย

แทบเป็นวินาทีที่กล่าวคำว่าตัดขาด แล้วระฆังส่งเสียงดังกังวานนั้น หมอกแมลงสีดำที่ตรงเข้ามายังซูหมิงหยุดชะงักอีกครั้ง จากนั้นพวกมันราวกับเสียการควบคุมและความรู้สึก ล้วนตกลงสู่พื้นตรงหน้าสู้หมิง

หน้าผากซูหมิงมีเม็ดเหงื่อ การต่อสู้กับจีอวิ๋นไห่ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ทว่ากลับอันตรายิ่งนัก แมลงพวกนี้นำพาภยันตรายร้ายแรงมาให้เขา และยังมีตัวจีอวิ๋นไห่ หากมิใช่ว่าอีกฝ่ายตายไปแล้ว ซูหมิงคงไม่ใช่คู่ต่อสู้

อีกทั้งตอนนี้แม้จะตายไปนานแล้ว กลายเป็นหุ่นเชิดก็ตาม ทว่าหากซูหมิงจะสังหารเขา เว้นแต่จะใช้วิชาสังหารยิ่งใหญ่ มิเช่นนั้นแล้วก็ต้องผนึกอย่างเดียว

ซูหมิงมีสีหน้าทะมึนทึบ ตอนที่หมอกแมลงตกลงสู่พื้น เขาหันไปมองจีฮูหยิน ทว่าทันใดนั้น นางถอดเสื้อผ้าชิ้นสุดท้ายแล้ว เผยให้เห็นทรวดทรงองเอวงดงาม

หากไม่มองรอยแผลเป็นเท่ากำปั้นใต้หน้าอกขวา ไม่มองรอยแผลเป็นสีแดงบนใบหน้า นี่คือร่างกายที่งดงามปานสมบัติล้ำค่าในโลก

นางมองซูหมิง ยกสองมือขึ้นจับศีรษะเอาไว้ ลำตัวบิดไปมาอยู่กลางอากาศ เต้นรำแบบดั้งเดิมต่อหน้าซูหมิง การเต้นรำนี้มองแวบแรกคงไม่งามตานัก ทว่าหากมองนานเข้า จะเกิดความรู้สึกอดอยากปากแห้ง หัวใจเต้นแรง โลหิตสูบฉีดอย่างรวดเร็ว เกิดภาพเป็นฉากๆ ในความคิด

เพราะการเต้นรำนี้แม้เป็นแบบดั้งเดิม ทว่าทุกท่ารำล้วนกระตุ้นความปรารถนาดิบเถื่อนของผู้คน อีกทั้งขณะจีฮูหยินกำลังร่ายรำ ในมวลอากาศรอบตัวนางปรากฏสตรีมายาขึ้นหลายคน สวมชุดกระโปรงบาง หลังจากนั้นก็เริ่มร่ายรำ

พริบตาเดียว สตรีมายามากขึ้นเรื่อยๆ แน่นขนัดอยู่ซ้ายขวาหน้าหลังของซูหมิง กระทั่งบางคนยังเหมือนเข้ามาอยู่ใกล้ซูหมิง วูบไหวตัวอยู่ในสายตาเขา มีกลิ่นหอมอบอวลอยู่โดยรอบ…

หากเพียงเท่านี้ บางทีซูหมิงอาจไม่เกิดคลื่นอารมณ์มากนัก ทว่า…สตรีมายาที่ปรากฏตัวจากมวลอากาศเหล่านั้น ร่างกายพวกนางเต็มไปด้วยความยั่วยวน ขณะกระตุ้นความปรารถนาดิบเถื่อนและร่ายรำ ใบหน้าพวกนางพลันเปลี่ยนไป

เทียนหลันเมิ่ง นางสวมชุดกระโปรงสีขาว ยิ้มผ่านหน้าซูหมิง….

ไป๋ซู่ ไป๋หลิง สตรีผู้มีใบหน้าแทบจะเหมือนกันสองคนนี้ ร่ายรำอยู่ตรงหน้าเขา

หานชางจื่อ หานเฟยจื่อ…คนเหล่านี้ปรากฏตัวขึ้น ร่างกายยั่วยวนขยับวูบวาบ ร่างกายที่ต่างกันของทุกคน ปลดปล่อยความยั่วยวนรอบตัวซูหมิง ทำให้เขาหายใจหนักขึ้น

กระทั่งหวั่นชิว สตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าทะเลใบไม้ร่วงยังสวมชุดกระโปรงบางสีม่วง เดินเข้ามาหาซูหมิงทีละก้าว ด้วยจังหวะก้าวและท่วงท่างดงาม

ซูหมิงมองใบหน้าคุ้นตาเหล่านั้น พลันมีสีหน้าต่อสู้ดิ้นรน แววตาขุ่นมัว ไม่แจ่มชัดอีก เขาเห็นหวั่นชิวที่เดินเข้ามา กลายเป็นจีฮูหยินพร้อมกับเสน่ห์

ภายในดวงตาของซูหมิงประดุจจุดเปลวเพลิง ทว่ากลับมัวหมอง ขณะเดียวกัน ลมหายใจเขาหนักหน่วงขึ้นและเปล่งเสียงคำรามอย่างขาดสติ

ซูหมิงในตอนนี้แทบไม่ต่างอะไรจากเสี่ยวหงก่อนหน้านี้เลย ในดวงตามัวหมองมีเปลวเพลิงความปรารถนา กลายเป็นตาสีแดงก่ำ

เสียงลมหายใจหนักหน่วงแฝงไว้ด้วยพลังชั่วร้าย ใบหน้าใต้หน้ากากซูหมิงมีเม็ดเหงื่อหยดลง ก่อนพุ่งกระโจนเข้าใส่จีฮูหยิน

จีฮูหยินส่งเสียงหัวเราะคิกคัก นางมีสีหน้าลำพองใจ

แววตาโกรธแค้นกลายเป็นจิตสังหารเหี้ยมโหด รูปแบบแรกนี้คือการกระตุ้นตัณหาในใจอีกฝ่าย ต่อให้เป็นจีอวิ๋นไห่ก็ยังไม่ระวังถูกกระตุ้นจิตวิญญาณ ฉะนั้นท่าทางของซูหมิงตอนนี้ จีฮูหยินจึงไม่สงสัยแม้แต่น้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version