Skip to content

สู่วิถีอสุรา 395

ตอนที่ 395 ข้ามาเพื่อนาง

เผ่าทะเลใบไม้ร่วง ยามนี้ยังโยกย้ายเผ่าไม่เสร็จ ทว่าอีกไม่นานก็จะถึงที่หมายแล้ว ระหว่างกำลังเคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ในเขตรอบนอกแผ่นดินเชมัน บนท้องฟ้ามีปลาชิวว่ายไปมานับไม่ถ้วน เต่ายักษ์บนแผ่นดินก็ค่อยๆ เดิน จงเจ๋อเชมันระดับสูงสุดนั่งอยู่บนหลังเต่ายักษ์ ยามนี้มีสีหน้าทะมึน ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่

หวั่นชิวข้างกายก็เงียบตลอด บ้างก็มองทางจงเจ๋อ

เวลาค่อยๆ ผ่านไป เดิมทีพวกเขาควรจะหยุดพักในยามวิกาล ทว่าในใจจงเจ๋อกลับรู้สึกถึงภยันตราย ฉะนั้นจึงร้องขอให้ชนเผ่าเดินทางข้ามคืน ทำเอาทั้งชนเผ่าระวังตัวตลอดเวลา มีเพียงแบบนี้เท่านั้นถึงจะรักษากำลังรบให้สูงสุดยามภัยมาเยือน

หวั่นชิวมองท้องฟ้า ยามนี้ด้านบนมีจุดดาวแน่นขนัด นักรบในเผ่ายังพอว่า แต่ชาวเผ่าธรรมดากับเด็กส่วนใหญ่เหนื่อยล้ากันแล้ว

“ท่านจงเจ๋อ…หยุดพักก่อนดีหรือไม่…” หวั่นชิวกัดริมฝีปาก กล่าวเสียงเบา

จงเจ๋อเงียบไปครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะกล่าวหน้าพลันเปลี่ยนสี ลุกพรวดขึ้นยืน เงยหน้ามองท้องฟ้าไกลๆ ด้วยสีหน้าเคร่งขรึมยิ่งนัก

หวั่นชิวตะลึงงัน ตอนที่มองตามไป ไม่เห็นท้องฟ้าไกลมีอะไรแปรเปลี่ยน ขณะกำลังลังเลใจอยู่นั้น ในท้องฟ้ามืดทึบพลันมีแสงสีแดงสายหนึ่งตรงเข้ามาพร้อมกับเสียงคำรามสะเทือนนภา ในค่ำคืนเงียบสงบนี้ เสียงคำรามทำให้ปลาชิวบนท้องฟ้าเหล่านั้นตัวสั่นงันงก เต่ายักษ์บนดินก็เช่นกัน

สิ่งนั้นเป็นมังกรแดงยักษ์ยาวหนึ่งหมื่นจั้ง มังกรตัวนี้ประหนึ่งทะลวงมาจากความว่างเปล่า เมื่อปรากฏตัวแล้วก็ร้องคำราม ตรงศีรษะมันมีชายสวมชุดคลุมแดงเส้นผมยาวสีแดงผู้หนึ่ง ชายคนนั้นก็คือซูหมิง!

ทว่ารูปร่างเขาในยามนี้ต่างจากเมื่อก่อนมาก โดยเฉพาะริมฝีปากสีม่วงที่ทำให้ดูเต็มไปด้วยความรู้สึกชั่วร้ายและประหลาด

แม้จะเป็นเช่นนั้น คนที่เคยเห็นเขาก็ยังพอรู้ว่าคือซูหมิง อย่างเช่นหวั่นชิวในตอนนี้ เมื่อนางเห็นซูหมิงแล้วก็เบิกตากว้าง มีสีหน้าเหลือเชื่อ

ต่อให้เป็นจงเจ๋อก็ยังตะลึงงัน เขารู้จักคนบนศีรษะมังกรโลหิตบนท้องฟ้า นั่นคือผู้แข็งแกร่งที่ปรากฏตัวในเผ่าเชมันเมื่อยามกลางวัน ทว่าเขาไม่คิดเลยว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับคนนั้นจะเป็นซูหมิง!

คนที่จำซูหมิงได้ยังมีชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงอีกหลายคน กระทั่งหญิงชราเชมันระดับปลาย พอเห็นซูหมิงแล้วก็มีสีหน้าประหลาดใจ

“เจ้ามาในยามวิกาลเช่นนี้ มีธุระอะไร!” ไม่ว่าผู้แข็งแกร่งลึกลับจะเป็นซูหมิงหรือไม่ จงเจ๋อก็มีสีหน้าตื่นตัว ยามนี้กระโดดลอยขึ้นกลางอากาศ มาปรากฏตัวตรงหน้าซูหมิง

“เจ้าแข็งแกร่งมาก ทว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้า” ดวงตาแดงฉานกวาดมองจงเจ๋อ ก่อนมองทั้งชนเผ่าทะเลใบไม้ร่วงด้านล่าง ทันใดนั้นซูหมิงหรี่ม่านตาลง เพ่งมองไปที่หวั่นชิว

“ข้ามาเพื่อนาง” ซูหมิงยกมือขวา ชี้นิ้วชี้ที่มีเล็บยาวสามชุ่นไปทางหวั่นชิว

หวั่นชิวหน้าเปลี่ยนสี นางขมวดคิ้ว แววตาเย็นชา

“บังอาจ มาเผ่าทะเลใบไม้ร่วงและยังคิดชิงตัวสตรีศักดิ์สิทธิ์ไป จะข่มเหงรังแกผู้อื่นเกินไปแล้ว!” จงเจ๋อมีสีหน้ามืดทะมึน กล่าวอย่างเย็นชา ขณะนัยน์ตาวาววับก็ตัดสินใจเตรียมจะสู้อย่างสุดกำลัง

“ข้าไม่ได้ถามความเห็นเจ้า แต่จะบอกเจ้าให้ว่าข้าจะพานางไป” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ยามกล่าวก็เดินหน้าหนึ่งก้าวราวกับไม่สนใจจงเจ๋ออีก บินลงมายังกลางเผ่าทะเลใบไม้ร่วง

นัยน์ตาจงเจ๋อฉายแววจิตสังหารวูบผ่าน แม้จะหวาดกลัวซูหมิงในยามนี้ ทว่าตอนนี้กลับต้องลงมือ เขาวูบไหวตัว เข้าประชิดตัวซูหมิงในชั่วพริบตา แล้วยกมือขวาขึ้น พลังแห่งผู้ดูดวิญญาณปะทุมาจากตัวจงเจ๋อ

ภายใต้พลังนี้ ร่างกายเขาเลือนรางประหนึ่งจะรวมเป็นหนึ่งกับฟ้าดิน อีกทั้งด้านหลังเขายังปรากฏเงามายาของตู๋จิ่วอิน[1]ขึ้น

เมื่อพลังมหาศาลปลดปล่อยมาจากตัวจงเจ๋อแล้ว แม้แต่ท้องฟ้ามืดทึบยังเหมือนแข็งค้าง แต่ช่วงที่เขาเข้าใกล้ซูหมิง ซูหมิงกลับไม่มองเขาแม้แต่หางตา เพียงยกมือขวาขึ้นแล้วทำสัญลักษณ์มือ หลังจากนั้นก็เปลี่ยนสัญลักษณ์มืออีกครั้ง ทำติดกันเก้าครั้งในเวลาอันสั้น

“ข้าขอมอบดวงตาสีแดงให้ค่ำคืนมืดมิด…” ซูหมิงกล่าวอย่างสงบนิ่ง ทำสัญลักษณ์มืออีกเก้าครั้ง เกือบทุกหนึ่งคำพูดจะเปลี่ยนสัญลักษณ์หนึ่งครั้ง เมื่อกล่าวจบก็ผลักไปข้างหน้า

ท้องฟ้ามืดทึบพลันปรากฏแสงสีแดงสองจุด หากมองอย่างละเอียด สองจุดนั้นคือดาวสองดวง ยามดาวสองดวงนี้กลายเป็นสีแดง พลังยิ่งใหญ่ถาโถมลงมาใส่ตัวจงเจ๋อที่กำลังเข้ามาใกล้ซูหมิง จงเจ๋อตัวสั่นสะท้าน หน้าเปลี่ยนสีไป และพบว่าร่างกายตนเหมือนถูกตรึงอยู่กลางอากาศ ขยับไม่ได้แม้แต่น้อย

“ข้าขอมอบริมฝีปากม่วงให้ในยามกลางวัน…..” ซูหมิงเดินไปหาหวั่นชิวที่มีใบหน้าซีดขาวอย่างช้าๆ ขณะกล่าวคำก็ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มืออีกเก้าครั้ง ก่อนผลักไปข้างหน้า

ทันใดนั้นแผ่นดินสั่นสะเทือน ผิวดินประดุจหลอมละลาย ปรากฏระลอกกระเพื่อมหลายชั้น จากนั้นในระลอกคลื่นวงกว้างมีแสงสว่างจ้าละลานตาขึ้น แผ่นดินตรงนี้ค่อยๆ หายไป และสิ่งที่มาแทนคือท้องฟ้ายามกลางวัน!

ผืนดินกลายเป็นท้องฟ้า! ผู้คนยืนบนพื้นดินปานยืนบนท้องฟ้า เหตุการณ์พิลึกนี้ทำให้ชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงตื่นตระหนกและร้องด้วยความตกใจ ทว่าพวกเขายังไม่ทันส่งเสียงร้อง ก็พบว่าร่างกายตนเหมือนถูกผนึกไว้ ไม่อาจขยับตัว รวมถึงหวั่นชิวและหญิงชราเชมันระดับปลายด้วย

กลางค่ำคืนมืดมิด ยามนี้จงเจ๋อหรี่ม่านตาลง หายใจกระชั้นถี่ และมีสีหน้าเหลือเชื่อ แม้เขาจะคาดเดาความแข็งแกร่งของอีกฝ่ายไว้แล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าจะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ นี่ไม่ใช่วิชาหรืออภินิหารอะไร แต่มันคือจิตสัมผัสการรับรู้ที่กลายเป็นรูปธรรม!

‘เปลี่ยนความคิดจิตสัมผัสให้กลายเป็นจิตใจอันแน่วแน่ ผนึกทุกสิ่งในยามค่ำคืน พันธนาการสิ่งมีชีวิตทุกอย่างในยามกลางวัน บุคคลนี้…มีขั้นพลังระดับใด!’ จงเจ๋อหน้าซีดขาว เผยความตื่นกลัว

ชุดคลุมแดงของซูหมิงโบกสะบัด เส้นผมแดงดูชั่วร้าย ใบหน้าซีดขาว ริมฝีปากม่วงดูมีเสน่ห์แบบพิเศษเฉพาะ เขาเดินมาทีละก้าว ภายใต้สายตาตื่นตะลึงและจับจ้องของชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงหลายหมื่นคน ความตื่นตะลึงในใจของผู้แข็งแกร่งเชมันระดับสูงสุดบนท้องฟ้า ท่ามกลางเสียงคำรามของมังกรโลหิต ซูหมิงเดินไปทางหวั่นชิวผู้เป็นเป้าหมายของเขา

ใบหน้างดงามของหวั่นชิวไร้เลือดฝาด นางมองซูหมิงเดินเข้ามา มองเขายกมือขึ้นผนึกจงเจ๋อที่เป็นเหมือนเทพเจ้าในเผ่าพวกเขา เพียงลดมือลงก็ผนึกทั้งปฐพี ความแข็งแกร่งนี้ ชั่วชีวิตนางไม่เคยเจอมาก่อน

เงาร่างซูหมิงค่อยๆ เข้ามาใกล้ แต่ตอนที่ห่างจากหวั่นชิวไม่ถึงหนึ่งร้อยจั้ง ใกล้จะถึงตรงหน้าอยู่แล้วนั้น เขากลับขมวดคิ้วทันควัน มีเสียงลากยาวดังมาจากท้องฟ้าไกลๆ

เสียงลากยาวนั้นมาจากท้องฟ้าสูง มันเป็นปลาชิวตัวใหญ่ยักษ์ที่มองไม่เห็นทั้งตัวในครั้งเดียว จ้องซูหมิงปานพบเจอศัตรูตัวฉกาจ และยังแผดเสียงร้องอยู่บนท้องฟ้า

‘ไม่อยากเชื่อว่าจะมีสายเลือดแห่งทะเลยมโลกเหนือ…’ ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองปลาชิวยักษ์แวบหนึ่ง นัยน์ตาเป็นประกาย เขาล้มเลิกไม่เดินไปหาหวั่นชิว แต่พลันบินขึ้นมุ่งหน้าไปยังปลาชิวยักษ์ท่ามกลางเสียงคำรามฉีกมวลอากาศของมัน

จิตสังหารเข้มข้นแผ่มาจากตัวเขา ความเข้มข้นของมันทำให้ชาวเผ่าทะเลใบไม้ร่วงทุกคนรู้สึกได้แจ่มชัด

“ไม่!” หวั่นชิวตัวสั่นเทา น้ำตาเอ่อ กล่าวเสียงสั่นอย่างอ่อนแรง นางรู้สึกถึงจิตสังหารในตัวซูหมิง นางไม่คิดว่าปลาชิวยักษ์จะเอาชนะซูหมิงที่แม้แต่ท่านจงเจ๋อยังถูกผนึกได้

นัยน์ตานางสิ้นหวัง ตัวสั่นอย่างรุนแรง การปรากฏตัวของซูหมิง ความแข็งแกร่งของซูหมิง ทำให้นางไม่เคยคาดคิดมาก่อน กระทั่งตอนถูกผนึก เสียงอ่อนโรยแรงของนางก็มีเพียงแค่ตัวนางที่ได้ยิน

นางลืมตามองซูหมิงบินขึ้นไป และเข้าใกล้ปลาชิวยักษ์เรื่อยๆ นางร้องตะโกนในใจ บอกกับปลาชิวว่าให้หนีไปเสีย

เสียงร้องแหลมดังมาจากปากปลาชิวบนท้องฟ้า จากนั้นมีหมอกแดงตลบอบอวล ในหมอกนั้น เสียงร้องของปลาชิวดังขึ้นเรื่อยๆ ทำให้หัวใจของหวั่นชิวราวถูกมีดคมกริบแทงอย่างต่อเนื่อง

ทั้งแผ่นดินเงียบสงัด รวมถึงจงเจ๋อก็เงียบเช่นกัน

ครึ่งชั่วยามผ่านไป หมอกบนท้องฟ้าค่อยๆ หายไป ปลาชิวยังคงลอยอยู่ตรงนั้น ขนาดตัวมันเล็กลงไม่น้อย เต็มไปด้วยพลังความตาย ทว่ามันยังไม่ตายจริงๆ ยังมีพลังชีวิตหลงเหลืออยู่

ซูหมิงเดินลงมาจากท้องฟ้า มุมปากมีโลหิต นั่นเป็นเลือดของปลาชิว กลิ่นอายพลังในตัวเขาแข็งแกร่งขึ้นกว่าเมื่อครู่ไม่น้อย

“ในเมื่อเจ้าไม่อยากให้มันตาย ข้าก็จะไว้ชีวิตมัน!” ซูหมิงเดินไปยืนอยู่ตรงหน้าหวั่นชิว ก่อนยกมือขวาขึ้นกดตรงระหว่างคิ้วนาง ผ่านไปพักใหญ่เขาก็เผยรอยยิ้มบาง

“ไม่เลว แม้ไม่ค่อยตรงเท่าไรก็ยังพอใช้ได้” ขณะซูหมิงกล่าวก็โอบกอดหวั่นชิว แล้วหมุนตัวจากไป ทว่าเพิ่งเดินไปได้ไม่กี่ก้าว เขาพลันหันศีรษะกลับไป ดวงตาแดงก่ำมองหญิงชราเชมันระดับปลายแห่งเผ่าทะเลใบไม้ร่วงที่อยู่ไกลๆ

“ในหมู่คนเหล่านี้ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่ดีกับเจ้ามาก” ยามกล่าวนัยน์ตาซูหมิงขยับประกายสีแดง ขณะหมุนตัวกลับและจะจากไป หญิงชราพลันหน้าแดงราวกับโลหิตเดือดพล่าน สีหน้าดูเจ็บปวดทรมาน ผ่านไปครู่หนึ่งศีรษะก็ระเบิดกระจาย ทั้งตัวแหลกเป็นชิ้นๆ

ขณะเดียวกัน หมอกขาวหลายสายลอยขึ้นมาจากศพนาง ส่วนหนึ่งเข้าไปในร่างซูหมิง อีกส่วนหนึ่งวนอยู่รอบๆ หลายรอบ ก่อนลอยไปอีกทางหนึ่ง ตรงเข้าสู่ร่างกายชายหนุ่มหน้าซีดขาวในกลุ่มคน ทำให้เขาตัวสั่น ขั้นพลังมีเค้าลางจะทะยานขึ้น ชายหนุ่มคนนี้คือหยามู่!

ครั้นเห็นหญิงชราตายตก หวั่นชิวก็ตัวสั่น ประกายที่เคยมีในแววตามอดดับ

………………….

[1] ตู๋จิ่วอิน คือสัตว์เทพในตำนานจีน ว่ากันว่าหน้าเป็นมนุษย์ ตัวเป็นงูหรือมังกร เพียงลืมตาขึ้นก็ทำให้ที่มืดมิดสว่างไสวได้ราวเปลี่ยนกลางคืนเป็นกลางวัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version