ตอนที่ 396 เขาคือซู่มิ่ง!
ตอนมามีหนึ่งคนหนึ่งมังกร ตอนจากพาหวั่นชิวไปด้วย นอกจากขั้นพลังที่แข็งแกร่งแล้ว ในตัวซูหมิงผมแดงยังมีการใช้อำนาจบาตรใหญ่ที่ซูหมิงคนเดิมไม่มี
การใช้อำนาจบาตรใหญ่นี้ ทำให้แม้เขาเงียบขรึมตลอดทาง กลับทำให้หวั่นชิวสับสนและยำเกรงพร้อมกันได้
บนภูเขาลึกห่างจากเผ่าทะเลใบไม้ร่วงไปไกล ช่วงที่ยามรุ่งอรุณพ้นผ่าน ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น มังกรโลหิตบินวนบนท้องฟ้า คอยคุ้มกันรอบๆ ตอนซูหมิงใช้วิชาลับ
หวั่นชิวยืนอยู่หลังซูหมิง มองชายผมแดงตรงหน้าอย่างสับสน บุคคลนี้กับซูหมิงในความทรงจำ นอกจากใบหน้าคล้ายกันเล็กน้อยแล้ว อย่างอื่นก็ต่างกันโดยสิ้นเชิง
“ข้าต้องใช้เจ้าแสดงวิชาลับ เจ้าไม่ยอมได้ ทว่าหากเจ้าควบคุมจิตใจให้ยินยอมจะเจ็บน้อยลง” ซูหมิงผมแดงกล่าวจบก็หมุนตัวมามองหวั่นชิว
“เจ้า…เจ้าคือซูหมิงหรือ?” หวั่นชิวเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงกัดริมฝีปากกล่าวเสียงเบา
“ใช่!” ขณะซูหมิงกล่าวก็ยกมือขวาขึ้นสะบัด พลันมีหมอกแดงโอบล้อมหวั่นชิวไว้ข้างใน ก่อนเขาจะเดินหน้าหนึ่งก้าวเข้าไปในหมอก
เวลาค่อยๆ ผ่านไป ท้องฟ้าเริ่มสว่าง จนกระทั่งถึงยามเที่ยงวัน แสงตะวันพาความร้อนระอุส่องปฐพี ทว่าในภูเขาลึกที่มีมังกรโลหิตบินวนอยู่กลับหนาวเยือก เมื่อปะทะกับคลื่นความร้อนรอบๆ แล้วจึงเกิดเป็นความรู้สึกบิดเบี้ยว
เมื่อแสงตะวันยามเที่ยงวันอ่อนลงเล็กน้อย ผ่านทั้งยามบ่ายไป ช่วงที่ตะวันยามอัสดงเป็นสีแดงและค่อยๆ หายไปนั้น หมอกแดงบนภูเขาลึกหนาแน่นขึ้นทีละน้อย
จนกระทั่งยามค่ำคืนมาถึง แสงจันทร์ส่องสะท้อนแผ่นดิน หมอกบนยอดเขาหายไปทั้งหมด ซูหมิงผมแดงเดินออกมาจากด้านในทีละก้าว
ริมฝีปากเขามิใช่สีม่วงอีก แต่กลายเป็นสีเนื้อดังเดิม ทว่าเส้นผมกลายเป็นสีแดงสดพิลึกยิ่งกว่า เมื่อมีเสื้อคลุมแดงทั้งตัวมาเสริม ยิ่งทำให้ดูต่างไปเล็กน้อย
“ตี้เทียน…” ซูหมิงพึมพำ เขายืนอยู่บนยอดเขา แผ่ขยายจิตสัมผัส จิตสัมผัสเขาในครั้งนี้มากกว่าเมื่อหนึ่งวันก่อน ปกคลุมอย่างหนาแน่น จากนั้นซูหมิงหลับตาลง จนกระทั่งผ่านไปครู่หนึ่งถึงลืมตามองไปทางใต้
‘ไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ใด และก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้ด้วย…ข้าแค่ต้องรู้แค่ว่าจะไปจากนี่ได้อย่างไร ขอให้เดินทางไปเผ่าเซียนก็พอ ในภูเขาลูกนั้นทางตะวันออกมีกลิ่นอายพลังเผ่าเซียนจำนวนมากอยู่ ที่นั่นจะทำให้ข้าได้กลับเผ่าเซียน’ ซูหมิงมองทิศใต้แล้วเดินหน้าหนึ่งก้าว มังกรโลหิตพลันเคลื่อนตัวเหมือนจะตามไปด้วย
“รับนางเป็นนายเจ้าเถอะ เดิมทีเจ้ามาจากเทือกเขาของแผ่นดินนี้ ข้าใช้จิตสัมผัสสร้างร่างกายเจ้าขึ้นมา เพิ่มสติปัญญาให้ ตอนนี้ข้าจะไปแล้ว เจ้าอยู่ที่นี่เป็นสัตว์คอยคุ้มกันนางเถอะ” ซูหมิงไม่หันกลับไปมอง ขณะก้าวเดินตัวเขาก็ค่อยๆ โปร่งใสและหายไปกลางอากาศ มังกรโลหิตตะลึงงันชั่วครู่ ก่อนบินวนบนฟ้าหลายรอบ ร้องคำรามราวกับไม่อยากแยกจาก
มันรู้จักเจ้านายคนนี้เพียงสองวันก็ทำใจไม่ได้ขนาดนี้แล้ว เพราะในความทรงจำของมัน เจ้านายคนนี้สร้างมันขึ้นจากจินตนาการ
ขณะมันร้องคำรามไม่ยินยอม บนยอดเขา หวั่นชิวลืมตาขึ้น นางมองไปตรงจุดที่ซูหมิงจากไป นิ่งเงียบอยู่ตรงนั้นตอนได้ยินคำพูดเขา
เสื้อผ้านางยังครบถ้วน กระทั่งความรู้สึกยังเหมือนแค่หลับไปหนึ่งตื่น เป็นเพียงความฝันเท่านั้น นางมีสีหน้าซับซ้อนยิ่งนัก สำหรับซูหมิง นางมีความรู้สึกที่บอกไม่ถูก น่าจะเป็นโกรธแค้น ทว่ากลับไม่ลึกซึ้ง น่าจะเป็นสับสน แต่กลับหาต้นตอไม่พบ
ความสับสนนี้ทำให้หวั่นชิวเหม่อลอยอยู่นาน ก่อนยืนขึ้นด้วยความเหนื่อยล้า เดินลงเขาไปอย่างว่างเปล่า ด้านหลังนางมีมังกรโลหิตติดตามตลอดเพื่อปฏิบัติตามคำสั่งของซูหมิง
นี่เป็นวันที่สามแล้ว ซูหมิงรู้ว่าเวลาของตนมีไม่มาก เขารู้สึกถึงเค้าลางจะหลับใหลอีกครั้ง ทว่าเขายังไม่ได้สังหารตี้เทียน เขาไม่อยากสิ้นเปลืองโอกาสในการตื่นขึ้นมาอย่างยากลำบากครั้งนี้
ซูหมิงเดินทางอยู่บนท้องฟ้า เป้าหมายเป็นภูเขาลูกหนึ่งทางใต้ ตาเนื้อมองไม่เห็น ทว่าจิตสัมผัสตรวจสอบมันพบ
ภูเขาลูกนี้มีกลิ่นอายพลังเผ่าเซียนเข้มข้น และเป็นจุดที่จิตสัมผัสซูหมิงพบ ทั้งยังมีรอยแยกมวลอากาศมากที่สุด เขามั่นใจมากว่าที่นั่นจะทำให้เขากลับเผ่าเซียนได้ หากกลับถึงเผ่าเซียน เขาจะรีบหาตี้เทียนให้พบโดยเร็วที่สุด และต่อสู้ด้วยอีกครั้ง!
‘น่าเสียดายที่หญิงคนนั้นตรงตามเงื่อนไขเพียงส่วนหนึ่งของวิชาลับ จึงทำให้วิชาลับไม่สมบูรณ์แบบ…’ ซูหมิงส่ายศีรษะ นี่เป็นสตรีที่เหมาะสมที่สุดที่เขาหาพบแล้ว
ขณะเดินหน้าเขาก็เข้าใกล้ภูเขาที่มองไม่เห็นไปเรื่อยๆ นัยน์ตาเขาเริ่มมีจิตสังหารเข้มข้น เส้นผมแดงกับชุดคลุมแดงทำให้ทั้งตัวเขาประดุจคลื่นทะเลโลหิต เคลื่อนตัวเข้าไปใกล้ภูเขาลูกนั้นด้วยความเร็วรี่
ทว่าขณะห้อเหยียด ซูหมิงหยุดชะงักฝีเท้า เงาร่างเขาปรากฏออกมาจากทะเลโลหิต จ้องมวลอากาศสงบนิ่งตรงหน้า นัยน์ตาฉายแววเย็นชา
ในเวลาเดียวกัน ตรงจุดที่เขามองไปมีมวลอากาศบิดเบี้ยวเช่นกัน ชายหญิงคู่หนึ่งเดินออกมา เป็นคนชรากับผู้เยาว์
ชายชราสวมชุดนักพรต เมื่อปรากฏตัวแล้วก็มีสีหน้าเคร่งขรึม จ้องซูหมิงด้วยนัยน์ตาวาววับ
สตรีข้างกายมีเส้นผมยาว คือสตรีผมยาวเผ่าเซียนที่ซูหมิงเคยพบในสนามรบเมืองหมอกนภา!
ตอนที่เห็นซูหมิง นางพลันเบิกตากว้าง หายใจกระชั้น ดูเหลือเชื่อ
“ท่านมาจากสำนักใด ข้าไป่เอ้อร์หยวนแห่งสำนักซ่อนมังกร…”
“ไสหัวไป!” ซูหมิงกล่าวด้วยเสียงเย็นชา ขัดคำพูดของชายชราก่อนเดินหน้าไป เขามีเวลาจำกัด ไม่อยากเสียเวลาตรงนี้
ชายชราสีหน้าทะมึนยามจ้องซูหมิง ทว่ากลับไม่ลงมือก่อน เมื่ออยู่ต่อหน้าซูหมิง ในใจเขารู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรง ความรู้สึกนี้พบเห็นได้ยากยิ่งตั้งแต่เขามาเผ่าหมาน
“เฮอะๆ สหายคงมีเรื่องด่วน เช่นนั้นข้าจะไม่รบกวน” ชายชราอยู่มานาน ย่อมรู้จักรุกรู้จักถอย หากไม่มั่นใจเต็มสิบจะไม่ลงง่ายๆ เป็นอันขาด ต่อให้ตอนนี้รับคำสั่งมา ต่อให้พาสตรีผู้นี้มาด้วย เผื่อต้องปลดผนึกขั้นพลังตัวเอง หากมีนางอยู่จะถ่วงเวลาได้นานขึ้น
อีกทั้งเขายังมองออกว่าซูหมิงจะไปที่ใด มีเสียงเดียวที่ดึงดูดอีกฝ่ายได้ นั่นคือภูเขาแห่งการมาเยือน พอนึกได้ว่าที่ภูเขาแห่งการมาเยือนมีผู้แข็งแกร่งในสำนักเขาอยู่ ชายชราเลยถอยไปหลายก้าว อมยิ้มประสานมือคารวะ
หลังจากชายชราถอยไป ซูหมิงเดินก็ผ่านอีกฝ่าย ช่วงที่ทั้งสองเหมือนจะไม่ลงมือกันนั้น สตรีผมยาวหน้าซีดขาวพลันกล่าวขึ้น
“เขาคือซู่มิ่ง! เขาอยากกลับเผ่าเซียน!”
ตอนที่นางกล่าวคำว่าซู่มิ่ง ซูหมิงผมแดงหยุดชะงักทันที ขณะเดียวกัน ชายชราก็ตะลึงงัน สีหน้าพลันเปลี่ยนไป
“เจ้าว่าอะไร!”
“ข้าเคยพบซู่มิ่ง เขาก็คือซู่มิ่ง!” สตรีผมยาวมีสีหน้าซับซ้อนและตื่นกลัว ขณะกล่าวคำก็ถอยไปอย่างต่อเนื่อง
ซูหมิงขมวดคิ้วแล้วพลันเดินหน้าหนึ่งก้าว ทว่าขณะก้าวไป มีเสียงตะโกนดังมาจากชายชราด้านหลัง
“สหายช้าก่อน!” ผมขาวของชายชราปลิวไสว ปล่อยแรงกดดันมหาศาลมาจากตัว
ชั่วขณะที่ซูหมิงหมุนตัวกลับไปมองด้วยความเย็นชา ชายชราทำสัญลักษณ์มือชี้ขึ้นฟ้า เมฆลมพลันม้วนตัว บนท้องฟ้าปรากฏอักขระยักษ์หนึ่งตัว อักขระนี้ขยับแสงสีทองตรงเข้ามายังซูหมิง
ขณะเดียวกัน ชายชราสะบัดแขนเสื้อ รอบตัวซูหมิงปรากฏอักขระจำนวนมากทันควัน อักขระเหล่านี้เปล่งแสงพิลึก หมุนวนรอบตัวซูหมิงอย่างรวดเร็ว
“ปิดท้องฟ้าหมานให้ข้า ข้าจะปลดผนึกเพื่อรั้งเขาอยู่ตรงนี้สักครู่หนึ่ง หากข้าปลดผนึกแล้ว สหายร่วมสำนักจะต้องสังเกตเห็นแน่ ถึงตอนนั้นพวกเขาจะมาสังหารซู่มิ่งทั้งหมด!” น้ำเสียงชายชราดังแว่วมาถึงสตรีผมยาวด้วยความร้อนรน
สตรีผมยาวหน้าซีดขาว ระหว่างถอยหลังก็เห็นแววตาซูหมิงซับซ้อน เมื่อครู่นางไม่คิดจะกล่าว ทว่าหลังจากลังเลครู่หนึ่งก็นึกถึงภัยพิบัตน่ากลัวหากซู่มิ่งกลับถึงเผ่าเซียน จึงเลือกบอกฐานะอีกฝ่าย
ยามนี้ขณะถอยหลัง นางหยิบขวดเล็กสีขาวมาจากในอกเสื้อ ก่อนเทโลหิตจากในนั้นมาหนึ่งหยดด้วยสีหน้าซับซ้อน จากนั้นสองมือนางทำสัญลักษณ์แล้วอ้าปากสูบโลหิตหยดนั้น โลหิตลอยเข้าใปในปากนางทันทีดวงตานางลุ่มลึกยิ่งขึ้น เมื่อสองมือชี้ขึ้นฟ้า ท้องฟ้าพลันมืดครึ้ม ราวกับถูกม่านปกคลุมไว้
ยามนี้เส้นผมชายชราเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม กลิ่นอายพลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พริบตาเดียวก็เกินกว่าเชมันระดับสูงสุด บรรลุถึงระดับที่ไม่รู้นาม ทว่าแม้จะเป็นเช่นนั้น เมื่อเผชิญหน้ากับซูหมิง เขาก็ยังคงหวาดกลัวอย่างสุดซึ้ง
หลังจากผนึกขั้นพลังชายชราคลายออกทีละชั้น นอกม่านไร้รูปมีมวลอากาศบิดเบี้ยว กลางมวลอากาศมีสายฟ้าไหลเวียน ตรงนั้นคล้ายมีหมอกหมุนตลบ ราวกับว่าในมวลอากาศนั้นมีอะไรบางอย่างกำลังจะปรากฏตัว
แรงกดดันแกร่งกล้าปกคลุมฟ้าดิน แผ่ขยายเป็นวงกว้างอย่างรวดเร็ว
“ในเมื่อเจ้าอยากตาย เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสมความปรารถนา!” ซูหมิงผมแดงกล่าวอย่างเย็นชา หลังจากมองชายชราระเบิดพลังก็มองสตรีผมยาว
“ส่วนเจ้านับว่าตรงตามเงื่อนไข ทำให้ขั้นพลังข้าสูงขึ้นอีกเล็กน้อย” ขณะกล่าวก็ยิ้มมุมปากเหี้ยมโหด รอยยิ้มนั้นแฝงด้วยความประหลาดพิลึก ชายชราเห็นแล้วเป็นต้องหัวใจเต้นแรง เมื่อสตรีผมยาวเห็นเข้าไม่รู้ว่านางคิดอะไรถึงมีสีหน้าหวาดกลัว
ระหว่างที่ตรงนี้เกิดการแปรเปลี่ยนร้ายแรง นอกแผ่นดินเผ่าเชมัน บนน่านฟ้าเมืองหมอกนภา จุดเชื่อมต่อระหว่างเผ่าหมานกับเชมัน ชายวัยกลางคนสวมเสื้อคลุมและมงกุฎจักรพรรดิเดินออกมาจากมวลอากาศบิดเบี้ยว บุคคลนี้ใบหน้าไร้อารมณ์ ดวงตาเย็นชา เมื่อปรากฏตัวแล้วก็ไม่มองด้านล่างแม้แต่หางตา แต่เดินหน้าไปทางเผ่าเชมัน ก่อนร่างจะเลือนรางแล้วหายวับไป