Skip to content

สู่วิถีอสุรา 397

ตอนที่ 397 เต๋าซ่อนมังกร

ซูหมิงผมแดงยิ้มเยาะมองชายชราระเบิดพลังสูงขึ้นไม่หยุด เขาไม่สนใจอักขระจำนวนมากที่ลอยอยู่รอบตัว และยังมีอักขระสีทองยักษ์ที่กำลังตรงมาทางตนด้วยความเร็วแม้แต่น้อย ราวกับมองไม่เห็น

“หกเต๋าซ่อนมังกร อัคคีซ่อนในอาภรณ์!” หลังจากชายชราได้ยินคำว่าซู่มิ่งก็มีสีหน้าจริงจังยิ่งนัก กระทั่งยังตึงเครียดเล็กน้อย ยามนี้ขณะกางแขนสองข้าง เส้นผมเขาเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม เสื้อคลุมทั้งตัวกระพือขึ้น และแสดงพลังมากกว่าครึ่งในม่านไร้รูปที่สตรีผมยาวใช้วิชาปกปิดท้องฟ้าหมานจากหยดโลหิต เพื่อเรียกใช้อภินิหารยิ่งใหญ่ของสำนักซ่อนมังกร

ช่วงที่กล่าวคำว่าอัคคีซ่อนในอาภรณ์ ชายชรายกสะบัดแขนเสื้อขึ้น ใบหน้าพลันกลายเป็นสีแดง ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับแฝงไว้ด้วยปราณแท้จริง ก่อนสะบัดแขนเสื้อไปทางซูหมิง

จากนั้นมีเสียงระเบิดดังสนั่นตรงหน้าชายชรา มวลอากาศปานเผาไหม้ลุกโชน พริบตาเดียวก็กลายเป็นทะเลเพลิง มันลุกลามอย่างต่อเนื่องและปกคลุมทุกสารทิศ

จนถึงตอนนี้ ชายชราเพิ่งจะอ้าปากพ่นปราณแท้จริงออกมา เกิดเป็นสายลมพายุคลั่งถาโถมใส่โดยรอบ ทำให้ทะเลเพลิงรอบทิศนั้นรวมเข้าด้วยกัน ก่อนม้วนตรงเข้าใส่ซูหมิงทั้งหมด!

หากมองไกลๆ จะเหมือนท้องฟ้าลุกไหม้ มีทะเลเพลิงจะกลืนกินซูหมิง เสียงระเบิดดังกึกก้องโดยรอบ ทะเลเพลิงปกคลุมซูหมิงในพริบตา ทันใดนั้น อักขระสีทองบนท้องฟ้ากับอักขระรอบตัวซูหมิงเหล่านั้นก็โจมตีใส่เขาพร้อมกับทะเลเพลิง

เสียงอึกทึกดังสนั่นฟ้าดิน ซูหมิงผมแดงยืนยิ้มเยาะ ไม่ทำอะไรทั้งสิ้น ปล่อยให้อักขระโดยรอบประทับใส่ตัว ปล่อยให้อักขระยักษ์บนท้องฟ้าผนึกเหนือศีรษะจนเกิดเสียงดังสนั่น และปล่อยให้ทะเลเพลิงรอบๆ ล้อมตนเอาไว้ภายใน

อภินิหารเหล่านี้โจมตีโดนซูหมิง ทว่าชายชรากลับไม่มีสีหน้ายินดี เขาเบิกตากว้างราวกับลูกตาจะถลนออกมา สูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าดูเหลือเชื่อ

ทะเลเพลิงที่ปกคลุมรอบตัวซูหมิงพลันหดเล็กลงในเวลาไม่กี่ลมหายใจ จนสุดท้ายหายไปจนสิ้น ซูหมิงยังคงยืนอยู่ที่เดิม เพียงอ้าปากสูบไปก็เท่านั้น

ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะสูบทะเลเพลิงไปทั้งหมด ประหนึ่งร่างกายเขาเป็นหลุมดำไร้สิ้นสุด ขณะเดียวกับที่ทะเลเพลิงหายไป อักขระสีทองบนตัวซูหมิงมืดสลัว สุดท้ายก็หายไปในผิวหนังราวหลอมละลาย โดยเฉพาะอักขระผนึกสีทองยักษ์บนศีรษะที่ยิ่งมืดสลัวด้วยความเร็วระดับสายตา สุดท้ายก็กลายเป็นเส้นสายลมสีทอง ก่อนหายเข้าไปในกลางกระหม่อมซูหมิง

“อ่อนแอเกินไป ข้าจะให้โอกาสเจ้าลงมืออีกสองครั้ง” ซูหมิงเอ่ยช้าๆ มีสีหน้าปกติ ขณะยิ้มเยาะนัยน์ตาก็ฉายแววเหยียดหยาม

ชายชรามีสีหน้าเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย จ้องซูหมิงอยู่อย่างนั้น ในใจขมขื่น แม้เขาจะรู้ข่าวลือของซู่มิ่งมาบ้าง กลับไม่คิดเลยว่าจะน่ากลัวขนาดนี้ วิชาอาภรณ์ซ่อนอัคคีเมื่อครู่นี้เพียงพอจะรับมือกับขั้นวิญญาณหมานไหว ซู่มิ่งคนนี้กลับไม่เป็นอะไรเลย

‘บัดซบ ไม่คิดเลยว่าจะเป็นซู่มิ่ง มิเช่นนั้นแล้วข้าคงไม่ต้องถ่วงเวลาสุดชีวิตเช่นนี้ ตอนนี้เกิดปรากฏการณ์คนอื่นๆ ในสำนักน่าจะใกล้มาถึงแล้ว…’ นัยน์ตาชายชราวูบไหว ในใจคิดถอยหนี ทว่าทันใดนั้น ซูหมิงตรงหน้ายิ้มเย็นชามากขึ้น

“ภายในสามลมหายใจ หากเจ้าไม่ลงมือ ก็ถึงตาเจ้าที่ต้องรับฤทธิ์เดชของข้า”

ซูหมิงกล่าวพลางยกมือขวาขึ้น ยืดกำปั้นไปข้างหน้า จากนั้นคลายมือออกกลายเป็นฝ่ามือกดอากาศ

ทันใดนั้น แผ่นดินด้านล่างสั่นสะเทือน รอยแยกปรากฏขึ้นจำนวนมาก ขณะเดียวกันมีปราณปฐพีมหาศาลลอยขึ้นมาจากรอบทิศ ปราณปฐพีนี้ดุจลูกคลื่น ผนึกโดยรอบในระยะห้าพันลี้ไว้ดั่งคุก

หากมองไกลๆ จะไม่เห็นคนตรงนี้ เห็นเพียงกำแพงปราณขุ่นมัวเชื่อมโดยรอบและท้องฟ้าเข้าด้วยกัน

อภินิหารชนิดนี้เป็นวิชาเหนี่ยวนำปราณปฐพี ทำให้ชายชราหรี่ม่านตาลงและถอยไปหลายก้าวโดยสัญชาตญาณ แววตาเขาตื่นกลัว ตรงหน้าผากมีเม็ดเหงื่อผุดขึ้น แอบขมขื่นในใจทั้งยังแค้นสตรีผมยาวที่ยามนี้ใบหน้าซีดขาว หากมิใช่เพราะนางบอกฐานะอีกฝ่าย เขาคงไม่ต้องลงมือ

ยามนี้กลืนไม่เข้าคายไม่ออก ตอนที่ซูหมิงกล่าว เขาพลันนึกถึงคำพูดสามลมหายใจของอีกฝ่าย ยามนี้จึงไม่คิดอะไรอีก เส้นผมชายชราปลิวไสวอย่างบ้าคลั่ง เส้นเลือดดำปูดโปนบนใบหน้า ยกมือขวาขึ้นแล้วทำสัญลักษณ์มือข้างหน้า พริบตาเดียวตัวเขาก็กลายเป็นเศษเสี้ยวเงาจำนวนมาก ขยับวูบวาบปานเชื่อมเป็นแผ่นเดียวกัน

หลังจากทำสัญลักษณ์มือ เส้นเลือดดำบนใบหน้าชายชราพลันบิดเบี้ยวและเคลื่อนไหว ก่อขึ้นเป็นลายอักษรหวาง (王) ราวกับลายจุดของพยัคฆ์!

พลังแกร่งกล้าอย่างยิ่งปะทุมาจากตัวชายชรา ความแข็งแกร่งของมันทำให้ท้องฟ้าเหนือม่านแสงไร้รูปที่สตรีผมยาวสร้างขึ้นเกิดลมพายุ มีเสียงลากยาวดังมาจากในมวลอากาศขุ่นมัว

จากนั้นบนท้องฟ้ามัวหมองและขุ่นมัวมีสายฟ้าผ่าลง ปรากฏเป็นรอยแยกยักษ์หนึ่งรอย แรงกดดันที่บอกไม่ถูกแผ่ขยายมาจากในรอยแยกนั้นทันใด

ขณะเดียวกับที่รอยแยกปรากฏ ซูหมิงเงยหน้าจ้องมัน มีสีหน้าจริงจังอย่างที่พบเห็นได้ยาก ส่วนชายชราตื่นกลัวยิ่งกว่าเดิม พอเห็นรอยแยกด้านบนแล้วพลันกัดฟัน ทำสัญลักษณ์มือต่อเพื่อแสดงวิชาของเขา

ส่วนสตรีผมยาวนางนั้น รอบตัวนางมีแสงโลหิตโอบล้อมหนึ่งชั้น แสงโลหิตนั้นซึมทะลุมาจากในตัวนาง ดูไม่สว่างจ้า ทว่ากลับมีผลช่วยป้องกันสูงยิ่ง

ตนเป็นผู้ถูกเลือกให้ช่วยคนในสำนักปกปิดท้องฟ้าเผ่าหมาน ความปลอดภัยของนางมักจะเป็นจุดสำคัญของการต่อสู้

ทว่ายามนี้ใบหน้านางซีดขาว มุมปากมีโลหิตไหล เห็นได้ชัดว่าใช้วิชาปกปิดนภาหมานอย่างต่อเนื่องได้ไม่นานนัก และที่สำคัญที่สุดคือ ยามนี้นางมีสีหน้าแปลกไปเล็กน้อย สายตาไม่มองชายชรา แต่มองซูหมิงตลอด ความซับซ้อนในแววตา บางครั้งก็กลายเป็นเหม่อลอย นางไม่รู้ว่าการบอกฐานะอีกฝ่ายเป็นเรื่องถูกหรือผิดกันแน่

นางไม่มีวันลืมได้ ตอนนั้นนางยังเป็นเพียงศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักซ่อนมังกร นางกลายเป็นหนึ่งในกลุ่มที่ได้รับภารกิจลึกลับจากการคัดเลือก ในกลุ่มมีสตรีเกือบหนึ่งร้อยคน นางในตอนนั้นขี้ขลาดยิ่งนัก ขั้นพลังอยู่เพียงรวมปราณขั้นหก อีกทั้งยังอ่อนแอ นางไม่อยากฝึกบำเพ็ญเป็นเซียน เพียงแค่อยากกลับบ้านมาอยู่กับบิดามารดาเท่านั้น

ศิษย์ฝ่ายนอกของสำนักซ่อนมังกรก็มิใช่ความตั้งใจดั้งเดิมของนาง แต่เพราะในตระกูลรุ่นนี้ นางเป็นคนเดียวที่มีคุณสมบัติฝึกเซียน จึงต้องเลือกเข้าสำนักซ่อนมังกรเพื่อให้การฝึกฝนในสกุลสืบทอดต่อไป หลังจากเข้าร่วมกลุ่มนั้นแล้ว นางกับศิษย์พี่ศิษย์น้องหญิงเหล่านั้นก็ถูกส่งไปยังสถานที่แปลกประหลาดแห่งหนึ่ง ที่นั่น จากหนึ่งร้อยกว่าคนมีเพียงเจ็ดคนที่เหลืออยู่ คนอื่นๆ ไม่ถูกเลือก และนางก็เป็นหนึ่งในเจ็ดคนนั้น

นางใช้ชีวิตในสถานที่ประหลาดนั้นมาหนึ่งร้อยแปดสิบปีเต็มๆ…

สตรีผมยาวกัดริมฝีปาก แววตาสับสน เหม่อมองซูหมิงราวกับลืมทุกอย่าง

ยามนี้รอยแยกบนท้องฟ้าปรากฏมีแรงกดดันน่าสะพรึงแผ่ขยายเข้ามา ชายชราทำสัญลักษณ์มืออย่างต่อเนื่อง ก่อนบกมือขวาขึ้นชี้ไปทางซูหมิง

“สามเต๋าซ่อนมังกร พยัคฆ์หมอบ!”

เมื่อชี้ไปครานี้ ลายอักษรหวางบนใบหน้าชายชราบิดเบี้ยว ก่อนมีศีรษะพยัคฆ์ลอยมาจากข้างใน ตอนที่ศีรษะพยัคฆ์ร้องคำราม มันปรากฏลำตัว แขนขา และร่างสมบูรณ์ กลายเป็นพยัคฆ์ดุร้ายกึ่งโปร่งใส ยามกระโจนออกมาร่างมันยืดยาวขึ้น มีขนาดหลายสิบจั้ง คำรามพร้อมกับกระโจนใส่ซูหมิง

“เต๋าสามซ่อนมังกร มังกรซ่อน!”

ในขอบเขตห้าพันลี้เกิดเมฆหมอกขึ้นเหมือนกลายเป็นทะเลหมอก ขณะเมฆหมอกหมุนตัวถาโถม ในนั้นมีร่างคล้ายงูเหลือมปรากฏขึ้นเป็นบางครั้ง ราวกับว่าในหมอกนั้นมีงูเหลือมยักษ์กำลังว่ายไปมาอยู่

แทบจะเป็นช่วงที่พยัคฆ์กระโจนใส่ซูหมิง ในเมฆหมอกด้านหลังพลันมีศีรษะยักษ์โผล่ออกมา ศีรษะนั้นมาพร้อมกับสายลมกลิ่นคาวรุนแรง ทั้งยังมีเครายาวสองข้างแกว่งไกว นี่มันใช่งูเหลือมเสียที่ไหน ชัดเจนว่าเป็นศีรษะมังกรดุร้าย

มังกรตัวนี้โผล่เพียงหัว ร่างมากกว่าครึ่งซ่อนอยู่ในเมฆหมอก เมื่อปรากฏตัวแล้วก็คำรามใส่ซูหมิงแล้วบินเข้ามา

ตรงหน้าเป็นพยัคฆ์ร้ายกึ่งโปร่งใส ด้านหลังเป็นมังกรพิโรธซ่อนตัวในเมฆหมอก ซูหมิงยืนอยู่ตรงกลาง นัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ เขาไม่หลบหลีกแต่ยกมือซ้ายขึ้นคว้าไปทางพยัคฆ์ร้าย ส่วนมือขวาสองนิ้วหุบเข้าหากันแล้วชี้ไปทางมังกรพิโรธ

“ปรากฏการณ์หงหลัว โคจรฟ้าดิน!” ซูหมิงกล่าวเนิบช้า ตอนที่เอ่ยเสียงเขาถูกเสียงคำรามพยัคฆ์กลบ ถูกเสียงคำรามมังกรปกปิด มือซ้ายงอเป็นกรงเล็บกดศีรษะพยัคฆ์ร้าย ช่วงที่กดลงไป ซูหมิงยิ้มมุมปากเย็นชา ไม่รู้ว่าใช้วิชาอะไรอยู่ แขนซ้ายเขาสั่นไหว ราวกับมีพลังถูกเขาสูบไปจากตัวพยัคฆ์ ไหลจากมือซ้ายเข้าสู่ร่างกายและส่งต่อให้มือขวา จากนั้นมือขวาซูหมิงรวมถึงทั้งแขนกลายเป็นเหมือนพยัคฆ์ร้ายตรงหน้าทุกประการ!

หากมองไกลๆ พยัคฆ์ร้ายตรงหน้าซูหมิงยังคงเหมือนเดิม หลังจากแขนขวากลายเป็นพยัคฆ์ก็เข้าปะทะกับมังกรพิโรธจากด้านหลัง

ทว่าทันใดนั้น มือซ้ายของซูหมิงที่กดศีรษะพยัคฆ์เอาไว้พลันบิดเบี้ยวกลายเป็นศีรษะมังกรพร้อมกัน!

เหตุการณ์นี้ราวกับว่าพยัคฆ์กับมังกรพุ่งออกจากตัวซูหมิงและสู้กันเองกลางอากาศ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version