ตอนที่ 402 รับทัณฑ์สวรรค์
เมื่อซูหมิงกล่าวจบ ขณะลูกตาลอยไปเบื้องหน้า มันขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดเท่ากำปั้นมือ ด้านบนอัดแน่นไปด้วยเส้นเลือดฝอย ภาพสัญลักษณ์ผังแปดทิศขยับวิบวับ อีกทั้งรูปร่างพิเศษเฉพาะของมันยังดูชั่วร้ายน่ากลัว
ทันทีที่ซูหมิงสะบัดลูกตานี้ออกไป ตี้เทียนที่กำลังเดินมาทางเขานัยน์ตาเป็นประกายเล็กน้อย ทว่ากลับไม่หยุดฝีเท้า เขายังคงเป็นเหมือนเดิม ราวกับว่าโลกนี้ไม่มีผู้ใดและไม่มีพลังใดหยุดจังหวะก้าวของเขาได้
ต่อให้เป็นวิชาโบราณของสำนักซ่อนมังกรก็ทำไม่ได้!
อีกอย่างแม้วิชาโบราณนี้จะยิ่งใหญ่ ชายชราสำนักซ่อนมังกรก็ใช้ได้เพียงเสี้ยวเดียวเท่านั้น ต่อให้ซูหมิงผมแดงปรับแต่งมันอีกเล็กน้อย เมื่อเทียบกับวิชาโบราณที่แท้จริงแล้วก็ยังเทียบไม่ติด ทว่าต่อให้เป็นอย่างนั้น อย่างไรมันก็ยังเป็นวิชาโบราณ อยู่ในระดับสูงยิ่งในบรรดาวิชาและอภินิหาร อานุภาพของมันเพียงพอจะทำลายฟ้าดินได้
หลังจากลูกตาพองบวม ภาพผังแปดทิศขยับวิบวับ พลังมืดทะมึนพลันกระจายมาจากข้างใน ขณะเดียวกัน ท้องฟ้าสว่างมืดครึ้มลงไม่น้อย ทั้งยังมีเสียงพึมพำเบาๆ ก้องกังวานฟ้าดิน ได้ยินไม่ชัดว่าพูดอะไร
เสียงนี้ดังขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายแทบจะสะเทือนฟ้าดิน สนั่นแก้วหู ประหนึ่งโดยรอบมีคนไร้รูปจำนวนมากกำลังพึมพำพร้อมกัน ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพสัญลักษณ์ผังแปดทิศในลูกตาก็ค่อยๆ โคจร และเพิ่มความเร็วขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียวก็มองเห็นไม่ชัด
ตี้เทียนมีสีหน้าเช่นปกติ เขาก้าวเดินเข้ามาโดยไม่สนใจเสียงพึมพำรอบๆ กับลูกตาพิลึก เพียงทำสัญลักษณ์มือขวาพร้อมกับเดินหน้าชี้ไปยังลูกตา
“ข้าคือสวรรค์ ทุกสรรพสิ่งล้วนอยู่ใต้สวรรค์ อยู่ใต้ตัวข้า สวรรค์ให้กำเนิดวิญญาณสิ่งมีชีวิตที่ต่างกัน หากข้าไม่ยินยอมก็ชิงวิญญาณกลับมาได้…สวรรค์ชิงวิญญาณ” ขณะที่ตี้เทียนกล่าวราบเรียบอย่างไร้อารมณ์นั้น เขากดนิ้วชี้มือขวาไปทางลูกตา
ทันใดนั้น ภาพผังแปดทิศในลูกตาพลันโคจรช้าลง เสียงพึมพำโดยรอบซึ่งเหมือนเพิ่งถึงจุดที่มั่นคงกลับเริ่มเบาลง อ่อนกำลังลงไม่น้อย
ดูจากลักษณะแล้ว เกรงว่าอีกไม่กี่ลมหายใจคงจะหายไปจนหมด!
ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน เขาตื่นตะลึงกับพลังของตี้เทียนอีกครั้ง ครั้นหน้าเปลี่ยนสีก็กัดปลายลิ้นในทันใด ก่อนพ่นโลหิตแล้วตะโกนเสียงหนักแน่น
“สำเร็จโทษ แหลกละเอียด!”
“ดวงตาฝังศพ ระเบิด!”
พริบตาที่ซูหมิงเอ่ย เส้นเลือดฝอยในดวงตาขยับแสงสีแดงและลุกลามไปจำนวนมาก ลูกตาระเบิดกระจุยทันที สัญลักษณ์ผังแปดทิศที่กำลังโคจรอยู่ภายในหลุดออกมา เมื่อสูบแรงระเบิดจากลูกตาเข้าไปจนหมดก็ตรงไปยังตี้เทียนขณะที่ยังหมุนโคจร
ในเวลาเดียวกัน เสียงพึมพำโดยรอบพลันดังขึ้นหลายเท่า เสียงเหล่านั้นพุ่งไปยังตี้เทียนพร้อมกัน ทำให้รอบตัวตี้เทียนปรากฏระลอกคลื่นบิดเบี้ยวนับไม่ถ้วน
ในใจซูหมิงรู้ดีว่าวิชานี้ไม่ส่งผลกับตี้เทียนมากนัก ทว่าก็สะกดไว้ได้หลายลมหายใจ ยามนี้เขาไม่สนใจผลของวิชาโบราณอีก ร่างพลันร่นถอยไป สองมือทำสัญลักษณ์ เส้นผมสีแดงพิลึกขยับวูบวาบ ดวงตาเป็นสีแดงเด่นชัดขึ้น กระทั่งทั้งตัวเขาตอนนี้ยังเปล่งแสงสีแดงสว่างจ้า ผิวหนังก็เช่นกัน
สีแดงนี้ปานโลหิตน่าสะพรึง
“ข้าไม่เชื่อหรอกว่าจะสังหารไม่ได้แม้แต่ร่างเงาเจ้า!” ซูหมิงมีสีหน้าดุร้าย ขณะทำสัญลักษณ์มือก็พลันหมุนตัว ก่อให้เกิดเป็นพายุหมุนสีแดง เมื่อเสียงหวีดหวิวดังกังวาน ผิวหนังซูหมิงปรากฏจุดโลหิตจำนวนมาก
จุดโลหิตเหล่านี้มีโลหิตสดไหลซึมออกมา โลหิตสดเพิ่งปรากฏก็ถูกม้วนเข้าไปในพายุหมุน หลายลมหายใจต่อมา ด้านนอกพายุหมุนสีแดงก็เต็มไปด้วยหมอกโลหิต!
นั่นคือโลหิตของซูหมิง
“วิชาโลหิต!” เสียงซูหมิงดังแว่วมาจากในพายุหมุน ยามนี้ใบหน้าเขาซีดขาวเล็กน้อย โลหิตมากกว่าครึ่งตัวถูกบีบออกมา สำหรับเขาแล้ว มีแค่ตอนร่างกายสมบูรณ์เต็มร้อยเท่านั้นถึงจะใช้วิชาต้องห้ามได้!
ทันทีที่ซูหมิงกล่าว พายุหมุนรอบตัวเขาพลันหยุดนิ่ง จากนั้นหมอกโลหิตบนนั้นก็อาศัยแรงหมุนแผ่กระจายออกไป อบอวลอยู่บนท้องฟ้า ย้อมให้เป็นสีแดงในพริบตา ขณะเดียวกัน ซูหมิงกระทืบเท้าขวากระโดดขึ้นสูง แล้วหายไปในมวลหมอกโลหิต
“โลหิตชะล้างนภา!” ตอนซูหมิงหายไปบนท้องฟ้า ปานสวรรค์กำลังร้องคำราม มีเสียงอื้ออึงแผ่กระจายทันใด เกิดหมอกโลหิตขึ้นทั้งผืนฟ้า เพียงครู่เดียวหมอกนั้นก็หนาแน่นขึ้นและก่อเป็นลูกคลื่นโลหิต
ใช้ท้องฟ้าเป็นทะเล ใช้โลหิตเป็นสี ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นทะเลเลือดไร้พรมแดน ทะเลเลือดก่อตัวเป็นลูกคลื่นยักษ์ท่ามกลางเสียงคำรามจากท้องฟ้า หากมองไกลๆ ภาพนี้จะเหมือนกับวาระสุดท้ายของโลก ผู้คนพบเห็นเป็นต้องใจสั่นไหว ยากจะเชื่อได้ลง
กลางทะเลโลหิตบนท้องฟ้า หลังเกิดลูกคลื่นยักษ์ก็มีใบหน้าขนาดใหญ่นูนออกมาจากในคลื่น ใบหน้านั้นกินพื้นที่ของน้ำทะเลมากกว่าครึ่ง นั่นก็คือซูหมิง!
ราวกับว่าทะเลโลหิตเป็นเส้นผมเขา อีกทั้งตัวยังใหญ่ขึ้นไร้ขีดจำกัด กำลังคำรามใส่ตี้เทียนดุจสวรรค์พิโรธ และม้วนทะเลโลหิตพุ่งตรงเข้าใส่อีกฝ่าย
ตี้เทียนในตอนนี้ ระลอกคลื่นบิดเบี้ยวรอบตัวจากเสียงพึมพำของวิชาซ่อนดวงตาหายไปแล้ว ร่างเงายกมือขวาขึ้น ตรงกลางฝ่ามือเป็นภาพสัญลักษณ์ผังแปดทิศที่หมุนตรงมาหาเมื่อครู่
เขาจับภาพผังแปดทิศพลางเงยหน้ามองท้องฟ้า บีบมือขวา ภาพผังแปดทิศพลันแตกกระจายเป็นเศษนับไม่ถ้วนหล่นลงมา ขยับแสงวิบวับหลายทีก่อนมอดดับไป
“ข้าสะบัดแขนเสื้อก็สรงน้ำให้สุริยันและจันทราได้ กับอีแค่โลหิตโสโครก กลับกล้ามาทำท้องฟ้าสกปรกต่อหน้าข้า” ตี้เทียนมีสีหน้าสงบนิ่ง ช่วงที่กล่าว ทะเลเลือดพร้อมกับเงาโลหิตของซูหมิงตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาจึงสะบัดแขนเสื้อไปทางท้องฟ้า
ชุดคลุมจักรพรรดิพลันขยับแสงวูบวาบ คล้ายสลัวลงเล็กน้อย แม้แต่ผิวหนังยังปรากฏรอยเหี่ยวย่นส่วนหนึ่ง ทว่าหากไม่สังเกตดีๆ จะมองเห็นได้ยาก
แต่เห็นได้ชัดว่าการสะบัดแขนเสื้อเพื่อสรงน้ำให้ดวงตะวันและจันทราดูเหมือนง่าย ความจริงแล้วมิใช่เรื่องง่ายดายสำหรับตี้เทียนเลย
วินาทีที่ตี้เทียนสะบัดแขนเสื้อ มีแสงสีทองเปล่งมาจากตัวเขา แสงสีทองลอยขึ้นแล้วแผ่ขยายบนท้องฟ้า ราวกับกลายเป็นมหาสมุทรสีทองใต้ทะเลโลหิต มันเต็มไปด้วยพลังของความยิ่งใหญ่ เมื่อเทียบกับทะเลโลหิตแล้ว หากยามนี้มีคนอื่นกำลังมองอยู่ข้างๆ ในความประทับใจแรกจะต้องรู้สึกว่าซูหมิงผมแดงเป็นปีศาจ ส่วนตี้เทียนเป็นผู้ผดุงความยุติธรรม!
มหาสมุทรสีทองม้วนเข้าไปใกล้ทะเลโลหิตอย่างต่อเนื่อง รูปร่างมันเกิดการแปรเปลี่ยน กลายเป็นลักษณะแขนเสื้อสีทอง ก่อนสะบัดเข้าใส่ทะเลโลหิต
ทั้งสองฝ่ายปะทะเข้าหากัน เกิดเสียงโครมดังสนั่นฟ้า กระจายตัวไปเกือบครึ่งของแผ่นดินเชมัน ผู้แข็งแกร่งเผ่าเชมันทั้งหมดรับรู้ ผู้แข็งแกร่งเผ่าหมานสัมผัสได้ ทั้งหมดพากันตื่นตะลึง
เสียงโครมครามดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทะเลโลหิตบนท้องฟ้าพังทลายลง ถูกแขนเสื้อสีทองสะบัดเข้าใส่จนแตกกระจาย หลังจากกลับมาเป็นหมอกโลหิตก็ถูกบดขยี้อีกครั้ง สุดท้ายเศษหมอกโลหิตรวมเข้าด้วยกันจนกลายเป็นซูหมิง
ซูหมิงในยามนี้มีโลหิตไหลจากมุมปาก ใบหน้าขาวซีด เส้นผมแดงเพลิงมืดสลัวลง อาภรณ์ขาดวิ่นหลายจุด หลังจากปรากฏตัวก็ถอยไปหลายร้อยจั้ง จากนั้นกระอักโลหิตกองโต นัยน์ตาเป็นสีแดงฉาน
‘ข้าไม่ยอม ข้าไม่มีทางแพ้แม้แต่ร่างเงาของมันแน่!’ ซูหมิงจ้องตี้เทียนอยู่ไกลๆ ความแข็งแกร่งของตี้เทียนเกินกว่าในความทรงจำอันเลือนรางของเขา ทำให้เขาขมขื่นใจ ทั้งยังไม่ยินยอมเด็ดขาด
ตี้เทียนยังคงมีสีหน้าเย็นชา ยกเท้าขึ้นเดินตรงไปหาซูหมิง
เขายังคงสงบเหมือนเดิมตลอด ไม่ช้าไม่เร็ว ดุจราชากำลังเดินอยู่ในโลกของตน เหมือนกับว่าต่อให้ฟ้าดินถล่มทลายตรงหน้าก็ยังไม่สะทกสะท้าน บางทีโลกใบนี้อาจไม่มีสิ่งใดทำให้เขาเกิดความหวั่นไหวได้จริงๆ
“ในเมื่อเจ้าไม่ยอมถูกผนึก ข้าจะสนับสนุนเจ้าเต็มที่ โดยการทำลายวิญญาณเจ้า แยกวิญญาณเจ้าออกจากร่าง…เดิมทีเจ้าตายไปแล้ว แต่เพราะผนึกของข้าจึงทำให้เจ้ารอดพ้นจากทัณฑ์สวรรค์ ตอนนี้จงหายไปเสีย กลับไปรับโทษทัณฑ์สวรรค์อีกครั้ง
ข้าคือสวรรค์ ขอให้เจ้า….รับการลงทัณฑ์!”
ตี้เทียนกล่าวเรียบๆ แล้วเดินมาทางซูหมิง เขายกมือขวาขึ้นสะบัดไปทางท้องฟ้า
“เจ้ามิใช่วิญญาณของที่นี่ ไม่ต้องให้สวรรค์แห่งแดนหมานลงโทษ เปลี่ยนท้องฟ้าเป็นเซียน!” ตี้เทียนสะบัดมือ ท้องฟ้าพลันปรากฏการเปลี่ยนแปลงพิลึก มืดสลัวลงทันควัน นี่ไม่ใช่การถูกปกปิด แต่ท้องฟ้ากลายเป็นยามกลางคืนปานตะวันและจันทราสลับกัน!
บนท้องฟ้ามีจุดดาว ทว่าดาวเหล่านั้นกลับเลือนราง มีดาวหลายดวงเคลื่อนไหว พริบตาเดียวท้องฟ้าก็เกิดเป็นภาพน่าสะพรึง ดาวบนท้องฟ้านั้นทำให้ชาวเผ่าหมานและเชมันรู้สึกแปลกตา เพราะมัน…ไม่ใช่ท้องฟ้าเผ่าหมาน!
ท้องฟ้านี้ทำให้ชาวเซียนบนแดนอรุณใต้พากันเหม่อลอยและตื่นกลัว เพราะท้องฟ้านี้เป็นของแดนเซียน!
หากซูหมิงตัวจริงตื่นขึ้นในตอนนี้ เขาจะต้องจำได้ทันที ตอนที่เขาอยู่ภูเขาทมิฬ หลังจากท่านปู่ใช้ธงเปลี่ยนผืนฟ้าแล้ว ท้องฟ้ากระจ่างดาวมายานั้นแทบจะเหมือนกับฟ้าตอนนี้ทุกประการ!