ตอนที่ 407 ตะวันขึ้นนภา
ทันทีที่ฟ้าดินสงบนิ่ง มีแรงดึงดูดมาจากน้ำวนทรงวงรีด้านหลังซูหมิง ทว่าแรงดูดนี้เจาะจงเฉพาะซูหมิงเท่านั้น สิ่งอื่นๆ ไม่มีผล
ตี้เทียนจ้องซูหมิง จ้องน้ำวนยักษ์ด้านหลัง สีหน้าเขาเขียวปัดเป็นครั้งแรก เขาทำสัญลักษณ์มือขวาข้างหน้าอย่างไม่ลังเลแล้วชี้ไปยังซูหมิง
“ผู้ปกปักสวรรค์ ด้วยคำสั่งของข้าตี้เทียน ขอผนึกฟ้าดิน!” ตี้เทียนพูดแล้วชี้นิ้วไป น้ำวนหลังซูหมิงพลันคล้ายจะหยุดนิ่ง แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ก่อนกลับมาเป็นดังเดิมในทันใด หมุนโคจรต่อไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าช่วงเสี้ยววินาทีนั้น นัยน์ตาตี้เทียนฉายแววเย็นชา เขาเดินหน้าหนึ่งก้าว หนึ่งก้าวนี้เป็นเวลาเดียวกับที่น้ำวนหยุดชะงักและพลังแห่งความรกร้างว่างเปล่าภายในหยุดลง เขามายืนอยู่ตรงหน้าซูหมิงแล้วคว้ามือไป
“เจ้าลูกทรพี ออกมา!”
นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหาร ทันทีที่เขาถอยหลังก็ยกมือขวาขึ้นชี้นิ้วไปทางฝ่ามือของตี้เทียน นิ้วนี้ก็คือนิ้วชี้มือขวา เป็นนิ้วที่มีเส้นผมพลังเทพหมานพันรอบ ทันใดนั้น เส้นผมบนนิ้วพลันเผาไหม้ พลังแห่งเทพหมานรุ่นหนึ่งปะทุออกจากนิ้ว
พลังนี้เต็มไปด้วยการใช้อำนาจบาตรใหญ่ ราวเป็นใหญ่เพียงผู้เดียว ตอนที่มาเยือนยังฟ้าดิน แม้แต่การโคจรประตูความว่างเปล่ายังถูกรบกวน ราวกับจะพังทลายลงภายใต้พลังนี้ นี่เป็นเพียงแค่คลื่นพลังเท่านั้น หากซูหมิงชี้นิ้วไปยังประตูมันต้องรับไม่ไหวอย่างแน่นอน
ยามนี้ คนที่ต้องรับพลังนั้นก็คือตี้เทียน!
“พลังเทพหมานรุ่นหนึ่ง!” ตี้เทียนหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง ทั้งยังดูตื่นกลัวอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน!
เรื่องที่ซูหมิงได้พลังของเทพหมานมานั้น เพราะความแข็งแกร่งของเทพหมานรุ่นหนึ่ง ตอนที่เขาได้รับพลัง นอกจากตาเนื้อโดยรอบที่จะเห็นแล้ว จิตสัมผัสตรวจสอบอื่นๆ ล้วนถูกอำนาจหมานผลักออกไป
อีกทั้งตอนเทวรูปหมานปรากฏ ความพิเศษของมันทำให้มีคนเผ่าเซียนน้อยนักที่จะกล้าปล่อยจิตสัมผัสมาล่วงเกิน ต่อให้เป็นร่างเงาของตี้เทียน เพราะสติปัญญาเขาถูกระงับไว้ ส่วนใหญ่ชายชราในเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์จะดำรงอยู่เป็นหลัก ฉะนั้นเขาจึงเข้าใจเรื่องซูหมิงรับพลังเทพหมานไม่มาก
แม้ชายชราเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ได้ยินมาบ้าง ทว่าไม่เห็นกับตาตัวเอง ทั้งยังไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดบนแผ่นดินเผ่าหมานถึงมีข่าวลือนับไม่ถ้วน ในข่าวลือเหล่านี้มีบางส่วนพูดถึงซูหมิงและก็มีพูดถึงคนอื่น ในนั้นมิใช่มีเพียงเรื่องที่ซูหมิงรับพลังแห่งเทพหมาน แต่ยังพูดอีกว่าขั้นพลังเขาทะลวงถึงวิญญาณหมานแล้ว
อีกทั้งยังบอกว่าซูหมิงได้รับของวิเศษของเทพหมาน ข่าวลือเหล่านี้โถมเข้ามาดุจเป็นเงาตามตัว ส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องโป้ปดเสียมากกว่า ทำให้ผู้ฟังต้องขมวดคิ้วสงสัย
แม้เรื่องนี้จะทำให้ชายชราสนใจ ทว่าก็ยังดำเนินแผนการสังเกตต่อไป ทำให้ร่างเงาของตี้เทียนแทบจะไม่รู้เรื่องนี้!
ยามนี้ซูหมิงชี้นิ้วไป เส้นผมบนนิ้วเผาไหม้อย่างรวดเร็ว
ซูหมิงเห็นตรงนิ้วตัวเองปรากฏหลุมมิติดำขนาดเท่ากำปั้น มิติดำนี้เคลื่อนไหวตามนิ้วของเขา ตอนที่มันปรากฏ ท้องฟ้าสงบนิ่งพลันมืดสลัว ไม่เพียงแค่ท้องฟ้าผืนนี้เท่านั้น แต่เป็นท้องฟ้าทั้งแผ่นดินเชมัน ทั้งแดนอรุณใต้ กระทั่งรวมทะเลมรณะอยู่ในนั้นด้วย ไม่รู้ว่ามีระยะเท่าไร
ท้องฟ้ามืดสลัวก็เพราะว่าแสงสว่างทุกอย่างรวมเข้ามาในนิ้วมิติดำของซูหมิงด้วยวิธีการอันน่าเหลือเชื่อและรวดเร็ว
ตรงซูหมิงมีแสงสว่างจ้าลานตา ประหนึ่งเหนี่ยวนำแสงทั้งหมดของโลกใบนี้เข้ามา นอกจากนี้แล้ว ปราณปฐพีของผืนดินยังสั่นไหว มิใช่แค่แผ่นดินแดนอรุณใต้ แต่เป็นแผ่นดินใหญ่อื่นๆ ด้วย กระทั่งกล่าวได้ว่าปราณปฐพีของแผ่นดินที่ลอยอยู่บนทะเลมรณะทั้งเผ่าหมานสั่นไหว พริบตาเดียวก็ถูกสูบเข้ามาอยู่ในมิติดำของซูหมิงด้วยความเร็วและวิธีการแบบเดียวกับแสงสว่างบนท้องฟ้า
หลุมมิติดำรอบนิ้วซูหมิงดูดแสงสว่างท้องฟ้า ดูดปราณปฐพี และแฝงไว้ด้วยโลกหนึ่งใบ ชี้ไปยังตี้เทียนที่มีสีหน้าเปลี่ยนอย่างเด่นชัด
“พลังแห่งโลก! พลังแห่งโลกของเทพหมานรุ่นหนึ่ง!” ตี้เทียนหน้าเปลี่ยนสี ทั้งยังถอยหลังอย่างรวดเร็ว สองมือทำสัญลักษณ์ มือขวาชี้ขึ้นฟ้า มือซ้ายชี้ลงดิน ปากพึมพำเร็วๆ ปานสายฟ้า
“พลังเทพหมานรุ่นหนึ่ง ดี ตอนเจ้าเกิดข้ายังไม่บรรลุเต๋า วันที่ข้าบรรลุเต๋าเจ้าหายตัวไป เผ่าหมานคิดว่าเจ้าตาย แต่ข้ารู้ว่าเจ้ายังไม่ตาย เจ้าฝึกฝนถึงจุดสูงสุดของกาลเวลาอันยาวนาน ไม่อาจก้าวหน้าได้อีก ฉะนั้นจึงออกค้นหาโลกกาลเวลาอื่นๆ!
หมื่นโลกรวมเป็นกาลเวลายาวนาน คนที่สูบต้นกำเนิดหมื่นโลกอย่างเจ้า จุดสูงสุดของโลกกาลเวลาที่พวกเราอยู่นี้อย่างเจ้า ข้าอยากรู้นักว่าจะแข็งแกร่งสักเพียงใด!
วันนี้เจ้าใช้พลังของเจ้า แม้จะเป็นเพียงเสี้ยวเดียว แต่ข้าก็เป็นร่างเงาเหมือนกัน มาดูกันว่าระหว่างข้ากับเจ้าใครคือผู้แข็งแกร่ง!” ตี้เทียนถอยหลัง สองมือชี้ฟ้าดิน พร้อมกับตะโกนเสียงหนักแน่น
“ตะวันขึ้นนภา!”
กล่าวจบ มือขวาที่ชี้นิ้วขึ้นฟ้าพลันเปล่งแสงสีขาวเด่นชัดในโลกมืดสลัว ความสว่างของมันทำให้ท้องฟ้ามืดหม่นพลันปรากฏสีขาว!
สีขาวนี้คือสีขาวของเมฆ ขณะเดียวกัน ท้องฟ้าจุดที่ตี้เทียนชี้รวมแสงขึ้นจำนวนมากโดยมีเขาเป็นใจกลาง ก่อนปรากฏเป็น….ดวงตะวันสีขาวหนึ่งดวง!
ดวงตะวันสีขาวนี้เหมือนกับหินดาวตกยักษ์ค่อยๆ ตกลงมาจากท้องฟ้า ตอนนี้เผยเพียงเกือบครึ่งก็ทำให้แผ่นดินหมานสั่นสะเทือน ทะเลมรณะสีดำส่งเสียงดังก้อง ผู้คนตื่นตระหนก
หากมองไกลๆ กระทั่งเงยหน้ามองทั้งแดนอรุณใต้ จะเห็นว่าบนท้องฟ้าปรากฏดวงอาทิตย์ปานหินดาวตกสีขาวยักษ์!
ตะวันดวงนี้เปล่งแสงสีขาว กลายเป็นแสงที่แทบจะเด่นชัดที่สุดในโลกใบนี้!
ภาพนี้ราวจุดสิ้นสุดของโลก! ท้องฟ้าคล้ายจะระเบิด แผ่นดินถล่มทลาย เพราะเสียงและลูกคลื่นของทะเลมรณะ ความเร็วในการเคลื่อนตัวของแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพาจึงเพิ่มขึ้นหลายเท่า!
หากใช้ความเร็วแบบนี้ ช่วงเวลาตอนที่มันจะชนกับแดนอรุณใต้ก็จะไม่ใช่ประมาณสิบปีอีก มีความเป็นไปได้สูงมากว่าจะเร็วกว่านี้อีกมาก
ใบหน้าตี้เทียนขาวซีด เสื้อคลุมจักรพรรดิลุกไหม้ มงกุฎจักรพรรดิก็เช่นกัน พวกมันเปล่งเป็นเปลวเพลิงสีขาว ผิวหนังแห้งเหี่ยวด้วยความเร็วระดับสายตา ทว่าจากการเผาไหม้และความแห้งเหี่ยว กลิ่นอายพลังเขากลับน่าสะพรึงยิ่งขึ้น
มือซ้ายที่ชี้ลงดิน ยามนี้ค่อยๆ ยกขึ้น มือขวาที่เหนี่ยวนำดวงอาทิตย์ก็ลดตามลงมา สองมือกำลังเข้าใกล้กันอย่างต่อเนื่องราวกับจะสัมผัสกัน
มือซ้ายเป็นตัวแทนพลังแห่งการขึ้นนภา มือขวาเป็นตัวแทนของท้องฟ้าแห่งดวงตะวัน การเข้าใกล้กันอย่างต่อเนื่องก็คือการขึ้นนภา!
หลังจากตี้เทียนใช้วิชานี้ ใบหน้าเขาพลันแก่ชรา อีกทั้งยังเหี่ยวย่น ทั้งตัวราวกับซากศพ แต่ในดวงตากลับมีแสงสว่างและความมุ่งมั่นในการต่อสู้กำลังแผดเผาชีวิตอยู่
ส่วนซูหมิงเห็นวิชาอันน่าเหลือเชื่อและแข็งแกร่งจนไม่อาจจินตนาการของตี้เทียนแล้วก็ตื่นตะลึง ขณะเดียวกันเขาก็ได้เข้าใจว่าประตูความว่างเปล่านี้ หากเขาไม่ใช้พลังแห่งเทพหมานคงหนีไม่พ้น!
แม้หงหลัวจะแข็งแกร่ง แม้จะทิ้งประตูนี้เอาไว้ให้ ทว่าแม้แต่หงหลัวก็ยังนึกไม่ถึงว่าตี้เทียนจะมีพลังแข็งแกร่งเทียบเท่ากับเทพหมานรุ่นหนึ่ง!
‘เขาแข็งแกร่งขนาดนี้…..ข้าจะข้ามผ่านได้หรือ….’ ในใจซูหมิงขมขื่นยามมองตี้เทียน เส้นผมในมือขวากำลังลุกไหม้อย่างรวดเร็ว ทว่าเทียบกับอภินิหารแกร่งกล้าและน่าสะพรึงของตี้เทียนแล้วเหมือนว่า….จะยังขาดไปอีกเล็กน้อย
“ขาดจิตวิญญาณ….ขาดพลังวิญญาณ…..” ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ระงับความขมขื่นในใจเพราะความแข็งแกร่งของตี้เทียนเอาไว้พลางพึมพำเสียงเบา โอกาสดีมาแล้ว เขายกนิ้วชี้มือขวาวาดลายเส้นไปทางตี้เทียน!
“หมานสังหาร…” หมานสังหารนี้ใช้พลังของเทพหมานวาดออกมาเป็นหนึ่งลายเส้น เมื่อวาดลงไป ตี้เทียนหรี่ม่านตา ก่อนคำรามเสียงต่ำพร้อมกับสองมือประกบเข้าด้วยกัน!
“ตอนข้าเกิดชีวิตข้าไม่มีความหมาย หลังจากข้าเกิดหมานเสื่อมถอยแล้ว…..ฟ้าไม่มีเมตตา สร้างสงครามวุ่นวายจนผู้คนต้องเร่ร่อน ปฐพีไม่มีเมตตา ทำให้ภูเขาทมิฬของข้าต้องถูกทำลาย…” ซูหมิงหลับตา โลหิตในร่างเดือดพล่าน เกิดการลุกไหม้
“หากฟ้ามีตา เหตุใดถึงไม่เห็นโลกของข้าตกสู่ห้วงดำมืดชั่วนิรันดร์? หากเทพมีจิตวิญญาณ เหตุใดต้องให้ข้าแยกจากไปไกล?”
“ข้ามิได้ผิดต่อสวรรค์ เหตุใดสวรรค์ถึงไม่ให้ข้าเห็นสีดำในยามค่ำคืน? ข้ามิได้ผิดต่อเทพ เหตุใดเทพถึงทำลายเลือดเนื้อและความทรงจำข้า!”
ซูหมิงวาดลายเส้นลง เส้นผมลุกไหม้ ยามนี้เปล่งแสงพิลึก แสงนั้นขยับวิบวับต่างจากการเผาไหม้ก่อนหน้านี้ ราวกับว่าครั้งนี้มีจิตวิญญาณและพลังวิญญาณเพิ่มเข้ามา ทั้งยังมี…..จิตใจแน่วแน่!
เส้นผมลุกไหม้ปะทุพลังที่แข็งแกร่งยิ่งกว่า ทำให้ดวงตะวันบนท้องฟ้าสั่นไหว บนท้องฟ้าปรากฏดวงตาคู่หนึ่งขึ้น!
มันเป็นดวงตาที่หลับอยู่!
“ฟ้าไม่มีตา ข้าจะเหยียบสวรรค์ ใช้ดวงตาผนึกสวรรค์เอง! เทพไม่มีจิตวิญญาณ ข้าสาบานว่าจะสังหารเทพแล้วขึ้นเป็นจักรพรรดิ!”
ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น ช่วงที่เขาลืมตา ดวงตายักษ์บนท้องฟ้าก็พลันแง้มเปลือกตา ทันใดนั้น ลายเส้นหมานสังหารของซูหมิงลากผ่านท้องฟ้า ปะทะกับแสงสว่างที่เปล่งจากฝ่ามือตี้เทียน
เสียงระเบิดดุจสองโลกชนกัน สั่นสะเทือนไปจนถึงความคิดของซูหมิง เขากระอักโลหิตกองโต ถูกพลังมหาศาลอัดใส่จนกระเด็นเข้าไปในประตูความว่างเปล่าที่จะถล่มลงได้ทุกเมื่อด้านหลัง
ความคิดเขาพลันเลือนราง ก่อนหมดสติ เขาเห็นตี้เทียนรับลายเส้นหมานสังหารของพลังเทพหมาน เสื้อคลุมจักรพรรดิสลายไป มงกุฎจักรพรรดิแตกเป็นเสี่ยง ดวงตะวันบนท้องฟ้าหลอมละลายกลายเป็นฝนสีขาวตกใส่ทั้งแดนอรุณใต้ เขายังเห็นร่างของตี้เทียนหยุดนิ่งกลางอากาศ เส้นโลหิตลอยขึ้นหลายเส้น สีหน้าดูแปลกยิ่งนัก เหมือนปลงอนิจจัง เข้าใจ และห่อเหี่ยว สุดท้ายก็หลับตา ร่างโปร่งใสค่อยๆ หายไป…
“สักวันหนึ่ง ข้าจะข้ามผ่านตี้เทียน!” ซูหมิงพึมพำด้วยความขมขื่น ก่อนหลับตาลง