Skip to content

สู่วิถีอสุรา 408

ตอนที่ 408 ธารน้ำแข็งทะเลมรณะ

ความหนาว เหมือนความรู้สึกของอดีตในความฝัน…

ความหนาวเหน็บรอบตัว ลืมตาไม่ขึ้น ความมืดมิดคล้ายความรู้สึกในความฝันยิ่งนัก ความเงียบสงบโดยรอบก็เงียบจนน่ากลัว ไม่มีเสียงใดๆ เลย

นอกจากความหนาวและความมืดแล้วก็ไม่มีอะไรอีก

หากมีเสียงของนางบอกข้าว่าท้องฟ้าตอนนี้สดใส เมฆคล้ายกระต่ายน้อย….มันคงจะดีนัก

ทว่าไม่มี เสียงนั้นหายไป อากาศหนาวขึ้นเรื่อยๆ ขยับตัวไม่ได้ ความรู้สึกเจ็บปวดไม่ยอมจางหาย แต่ดูเหมือนจะค่อยๆ ชา….ข้ากำลังหลับอยู่หรือ…

ข้าเป็นใคร…

ที่นี่เป็นก้นทะเลสีดำ ไม่มีแสงสว่างใดๆ ตรงส่วนลึกของก้นทะเลมีก้อนน้ำแข็งยักษ์จำนวนมาก ก้อนน้ำแข็งนี้มิได้ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ เพราะความพิเศษของทะเล มันจึงดำดิ่งอยู่ใต้ทะเลอย่างเงียบๆ

บางทีอาจกล่าวได้ว่าเดิมทีที่นี่ไม่ใช่ก้นทะเล แต่เคยเป็นธารน้ำแข็งมาก่อน…ก้นทะเลจริงๆ อยู่ส่วนลึกใต้ธารน้ำแข็ง ตรงนั้นห่างไปไกลเท่าไร ไม่มีใครรู้

เหนือธารน้ำแข็งเป็นน้ำทะเลสีดำ มันสูงเท่าไร มีเพียงคนที่เคยผ่านเท่านั้นถึงอาจจะรู้

บนชั้นน้ำแข็งหลายชั้นมีภูเขาน้ำแข็งนูนขึ้นมาหนึ่งจุด มันไม่สูงมากนัก ประมาณหนึ่งร้อยจั้ง ทุกส่วนเป็นสีดำ ไม่รู้ว่าเป็นสีเดิมของมันหรือว่าถูกน้ำทะเลย้อม

หากมองดีๆ จะเห็นรางๆ ว่าในภูเขาน้ำแข็งเหมือนผนึกอะไรบางอย่างไว้…หากมีคนยืนอยู่ตรงนั้น และมีขั้นพลังเพียงพอจะแผ่ขยายจิตสัมผัสทะลวงผ่านภูเขาน้ำแข็งได้ละก็ จะเห็นว่าในภูเขาน้ำแข็งผนึกน้ำวนลักษณะวงรีขนาดสิบกว่าจั้งเอาไว้

ลักษณะของน้ำวนคล้ายประตูบานหนึ่ง ด้านในเต็มไปด้วยสีทึบ ถูกผนึกอยู่ในภูเขาน้ำแข็ง

ข้างประตูน้ำวนมีร่างหนึ่งถูกผนึกเช่นกัน เขาไม่ได้ยืน แต่นอนอยู่ตรงนั้น หลับตาถูกสะกดปานรูปปั้น เขาเป็นชายหนุ่มผมยาว ใบหน้าซีดขาว ตรงระหว่างคิ้วมีตราสัญลักษณ์ดอกท้อจางๆ สวมเสื้อคลุมตัวยาวขาดวิ่น ตรงหัวเข่ามีสีแดงเข้ม นั่นคือเลือดที่แข็งตัว

กระทั่งตรงมุมปากยังมีคราบโลหิตแข็งตัว บนนิ้วชี้มือขวามีเส้นผมสองเส้น ทั้งยังมีแหวนสีแดงหนึ่งวง ใบหน้าเขาฝืดเฝื่อน ทว่าคิ้วกระบี่กลับให้ความรู้สึกเด็ดเดี่ยว

เขานอนอย่างสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ถูกแช่แข็งเอาไว้

จนกระทั่งวันนี้ ณ ก้นทะเลสีดำ ภายในภูเขาน้ำแข็งสีเดียวกัน ชั้นน้ำแข็งรอบตัวชายหนุ่มเกิดเสียงกึกๆ แต่กลับไม่เกิดรอยร้าว เห็นได้ชัดว่าชายหนุ่มในน้ำแข็งนั้น แม้จะลืมตาไม่ขึ้น ในร่างกายกลับยังมีพลังชีวิตเบาบางอยู่

เขาก็คือซูหมิง!

ซูหมิงตื่นขึ้นแล้ว เพียงแต่ลืมตาไม่ขึ้น ขยับตัวไม่ได้ กลิ่นอายพลังหนาวเยือกทะลวงผ่านทั้งตัว

‘ข้า…อยู่ที่ใด…’ ซูหมิงค่อยๆ แผ่ขยายจิตสัมผัสจากในร่าง ช่วงที่ชนกับชั้นน้ำแข็งก็พลันรู้สึกถึงแรงขวางกั้น ความแข็งแกร่งของมัน ทำให้จิตสัมผัสของเขาขยายไปได้หลายจั้ง ทว่าก็ไปต่อไม่ได้อีก

‘รอบตัวเป็นน้ำแข็ง และยังมี…ประตูแห่งความว่างเปล่า?’ ซูหมิงสงสัยในใจ เขาจำได้ว่าหงหลัวเคยบอกไว้ ประตูนี้จะพาเขากลับไปยังเทือกเขา ทว่าน้ำแข็งตรงนี้ทำให้เขารู้ว่าที่นี่…ไม่ใช่เทือกเขา!

‘หรือว่าหลังจากวิชาตะวันขึ้นนภาของตี้เทียนกับพลังแห่งเทพหมานปะทะกันแล้วจะทำให้เกิดพลังรุนแรง จนทำให้…ประตูความว่างเปล่าผิดเพี้ยนไป…’ ซูหมิงนึกคำตอบออกโดยเร็ว นอกจากหงหลัวโกหกแล้ว นี่คือคำตอบที่ใกล้เคียงที่สุด

ทว่าหงหลัวไม่จำเป็นต้องปิดบังในจุดนี้จริงๆ ในใจซูหมิงจึงมีคำตอบ ขณะเดียวกับที่เขาค้นพบคำตอบนี้ ในใจก็เกิดความสงสัยใหม่

‘เหตุใดประตูแห่งความว่างเปล่าถึงยังอยู่ ตามที่ข้าเข้าใจจากความหมายในคำพูดของหงหลัว มันน่าจะส่งข้ากลับ แล้วก็น่าจะหายไปเองถึงจะถูก

แต่ตอนนี้…แม้จิตสัมผัสข้าจะขยายไปได้ไม่ไกลนัก ทว่าก็รู้สึกถึงประตูความว่างเปล่าอย่างชัดเจน มันเพราะอะไรกันแน่…’ ซูหมิงขบคิดอยู่นาน ก่อนระงับความสงสัยไป แล้วโคจรพลังในร่างกายอย่างเงียบๆ

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาตรวจสอบขั้นพลังในร่างกายหลังจากตื่นขึ้น เพราะตี้เทียน เพราะคำพูดของหงหลัว เพราะภาพในความฝันเหล่านั้น การตื่นขึ้นก่อนหน้านี้เขาจึงไม่ได้นึกถึงการตรวจสอบขั้นพลังเลย

ยามนี้ ท่ามกลางความเงียบสงัดโดยรอบ เมื่อรู้ว่าตนน่าจะถูกแช่แข็งอยู่ ในใจซูหมิงก็เริ่มสงบลง ขณะเดียวกับที่ตรวจสอบขั้นพลัง ในความคิดเขามีข้อมูลเพิ่มเข้ามา

นั่นคือวิชาหนทางสู่ชีวิต อภินิหารและวิชา ความเข้าใจในขั้นพลัง และยังมีความเข้าใจในเผ่าเซียนรวมถึงระบบขั้นพลังทั้งหมด

ซูหมิงตื่นตะลึงในใจ ตามข้อมูลเหล่านั้น ในใจเขาเกิดลูกคลื่นยักษ์ คลื่นนี้ถาโถมจิตวิญญาณเขา ทำให้เขาอึ้งงันไปพักหนึ่งกว่าจะได้สติกลับมา

‘นี่คือเผ่าเซียนหรือ…สามก้าวเหยียบนภา….หลอมรวมต้นกำเนิดทุกโลก กลายเป็นตะวันแห่งภัยพิบัติ…’ ในใจซูหมิงขมขื่น แต่ขณะเดียวกันก็เกิดเป็นความแน่วแน่!

‘ข้าเคยบอกว่าจะต้องข้ามผ่านตี้เทียนให้ได้…ตอนนี้ก็ยังเป็นเช่นนั้น สักวันหนึ่ง ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ข้าจะมีขั้นพลังอยู่เหนือกว่าตี้เทียน! ถึงตอนนั้น…’

ซูหมิงค่อยๆ สงบจิตใจ โคจรพลังในร่างกาย เวลาผ่านไป เลือดเนื้อเขาเริ่มไม่หนาวเหน็บอีก พลังชีวิตในร่างเริ่มเปี่ยมล้นขึ้น หลังจากนั้นจิตสัมผัสก็แผ่ขยายไกลขึ้นเรื่อยๆ พลังขวางกั้นก็อ่อนตามลงมา

จนกระทั่งวันนี้ จิตสัมผัสซูหมิงพลันทะลวงออกจากภูเขาน้ำแข็ง แผ่ขยายรอบทะเลสีดำในระยะเกือบหมื่นลี้ นี่ยังเป็นเพราะทะเลสีดำมีพลังขวางกั้นอยู่เช่นกัน อีกทั้งนอกจากพลังขวางกั้นแล้ว ยังมีแรงต้านบีบจิตสัมผัสอีกด้วย

มิเช่นนั้นจิตสัมผัสซูหมิงคงแผ่ขยายไปได้ไกลกว่านี้

หลังจากแผ่ขยายไปไกลหมื่นลี้ ซูหมิงก็เห็นตรงจุดที่เขาอยู่ เห็นธารน้ำแข็งใต้ทะเล เห็นประตูความว่างเปล่ากับตัวเองในภูเขาน้ำแข็ง และยังเห็นน้ำทะเลสีดำ ทว่าจิตสัมผัสเขาไม่อาจแผ่ขยายออกจากที่นี่ ราวกับว่าในทะเลแห่งนี้ ขอบเขตจิตสัมผัสเป็นเพียงฟางข้าวหนึ่งต้นเท่านั้น

ซูหมิงลืมตาขึ้น

ชั้นน้ำแข็งรอบตัวเขากำลังละลายอย่างช้าๆ เขาจึงลืมตาขึ้นได้ ทว่ายังไม่อาจขยับตัว เขามองน้ำทะเลสีดำนอกชั้นน้ำแข็ง นัยน์ตาฉายแววสับสน ทว่าไม่นานความสับสนนั้นก็หายไป

‘หรือว่าจะเป็นทะเลมรณะ!’ ซูหมิงหรี่ม่านตา

เขาดึงจิตสัมผัสเข้ามาปกคลุมรอบตัวเอาไว้ ขณะเดียวกันก็ขยายไปจนถึงประตูแห่งความว่างเปล่าที่ถูกแช่แข็ง หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว เขาก็พอเห็นเงื่อนงำบางอย่าง

‘ตอนประตูความว่างเปล่าเคลื่อนย้าย แรงจากการต่อสู้ระหว่างข้ากับตี้เทียนไปรบกวนมันจนทำให้การเคลื่อนย้ายผิดพลาด ส่งข้ามาอยู่ในชั้นน้ำแข็งใต้ทะเลมรณะ…ทว่าเพราะผลจากพลังภายนอกและถูกแช่แข็ง ฉะนั้นมันจึงไม่หายไป แต่ยังคงอยู่เหมือนของจริง

เมื่อเป็นเช่นนั้น…หากมันยังโคจรได้อยู่ จะพาข้ากลับไปเทือกเขาได้หรือไม่…’ นัยน์ตาซูหมิงดูขบคิด พลังกระดูกหมานในร่างกายปะทุขึ้น ไหลไปตามร่างกายก่อนออกสู่ข้างนอก เกิดเสียงดังกึกๆ ชั้นน้ำแข็งนอกตัวเกิดรอยร้าว แต่ก็แค่รอยร้าวเท่านั้น จะให้หลุดออกมานั้นยังอีกไกล

ซูหมิงขมวดคิ้วก่อนหลับตาลง ผ่านไปครู่หนึ่งก็ลืมตาขึ้น

ทันทีที่เขาแง้มเปลือกตา นัยน์ตาเต็มไปด้วยความลุ่มลึก ทั้งยังเป็นประกายวาววับ คนเล็กซึ่งเหมือนกับเขาทุกประการที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ในจุดตันเถียนก็ลืมตาขึ้นเช่นกัน

เสียงปึกดังขึ้น ก้อนน้ำแข็งรอบตัวซูหมิงสั่นสะเทือนอีกครั้ง ในตัวเขาปะทุพลังที่ต่างจากเผ่าหมาน มันไม่เกิดรอยร้าวเพิ่มขึ้นอีก แต่รอยร้าวเดิมแตกลุกลามออกไป

พลังที่ต่างกันสองชนิด ก่อขึ้นเป็นการแปรเปลี่ยนที่ต่างกันสองอย่าง นัยน์ตาซูหมิงวูบไหว เกิดความเข้าใจในขั้นพลังของเขาใหม่

‘พลังเผ่าหมานแข็งแกร่งและดุดัน ฉะนั้นจึงทำให้ชั้นน้ำแข็งแตกออก พลังเผ่าเซียนยาวเหยียดและนุ่มนวล ฉะนั้นจึงทำให้เกิดรอยร้าวลุกลามไป…’ พลังในตัวซูหมิงเปลี่ยนไปหลายครั้ง จนหลายวันต่อมา ชั้นน้ำแข็งรอบตัวแตกกระจาย เขาจึงขยับตัวได้ในที่สุด

ทว่าชั้นน้ำแข็งนี้เป็นเพียงส่วนในเท่านั้น ยังมีส่วนนอกอีก ประดุจเป็นเปลือกยักษ์ อีกทั้งก้อนน้ำแข็งโดยรอบกำลังรวมตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว เกรงว่าอีกไม่นานจะกลายเป็นภูเขาแช่แข็งอีกครั้ง

‘ตามวิถีผู้สืบทอดที่หงหลัวมอบให้ข้า คนเล็กในกายข้าเรียกว่าวิญญาณแรก ขั้นพลังเผ่าเซียนในตัวข้าก็เรียกว่าช่วงวิญญาณก่อกำเนิด ทว่ามันยังไม่แข็งแกร่ง เทียบไม่ติดกับตี้เทียนเลย แต่หงหลัวกลับใช้จิตสัมผัสอันแกร่งกล้าทำให้ร่างกายนี้แสดงอภินิหารมากกว่าครึ่งของเขา…เมื่อเป็นเช่นนั้น จิตสัมผัสต่างหากที่เป็นจุดสำคัญของเผ่าเซียน!

แม้หงหลัวจะตายไปแล้ว ทว่าในวิถีผู้สืบทอดของเขายังมีวิชาอภินิหารเหลือไว้ไม่น้อย น่าเสียดาย…มันต้องใช้จิตสัมผัสที่แข็งแกร่ง ทว่าก็มีบางวิชาที่ขั้นวิญญาณก่อกำเนิดใช้ได้…อย่างเช่น…’ นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย เดินหน้าหนึ่งก้าว ตัวเขาพลันหายวับแล้วมาปรากฏตัวห่างออกไปหลายจั้ง

แม้เป็นเพียงระยะหลายจั้ง อีกทั้งความเร็วระดับนี้ซูหมิงแต่ก่อนก็ทำได้อยู่แล้ว ทว่าตอนนี้เขาไม่ใช้พลังเผ่าหมานเลย ใช้เพียงอภินิหารของเผ่าเซียน!

“พริบตาเดียวในระยะสั้นๆ…” ซูหมิงกล่าวเบาๆ ระหว่างขบคิดก็แผ่ขยายจิตสัมผัสอีกครั้ง ครั้งนี้เขาไม่ได้ตรวจสอบทะเลสีดำนอกภูเขา แต่ตรวจสอบในธารน้ำแข็ง

ทันใดนั้นหน้าพลันเปลี่ยนสี เพราะในจิตสัมผัส เขาเห็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากถูกแช่อยู่ในธารน้ำแข็ง

แทบทุกช่วงระยะจะมีวัตถุถูกแช่แข็งเอาไว้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version