Skip to content

สู่วิถีอสุรา 409

ตอนที่ 409 ประตูเคลื่อนย้าย

ณ แผ่นดินอรุณใต้ แดนเผ่าเชมัน เขตกันดารอันเป็นที่ตั้งของเผ่าโคขาวกับกระเรียนดำ เร็วๆ นี้เกิดเรื่องที่ทำให้เผ่าโคขาวกับกระเรียนดำตื่นกลัวอย่างยิ่งขึ้น

ความตื่นกลัวของเผ่าโคขาวเป็นเพราะซูหมิง แม้ซูหมิงจะจากไปแล้ว ทว่าการกระทำของจ้าวเชมันเผ่าโคขาวกลับทำให้ชาวเผ่าโกรธแค้น ชาวเผ่าส่วนใหญ่คิดว่าการส่งสตรีในเผ่าตัวเองออกไปเพื่อให้คนนอกระบายความใคร่นั้นเป็นการถูกเหยียดหยามอย่างรุนแรง พวกเขายอมสู้จนตัวตายดีกว่ายอมให้เป็นแบบนั้น

อีกทั้งในความคิดคนส่วนใหญ่ หากพวกเขาร่วมมือกันก็ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสสังหารซูหมิงเลย ฉะนั้นจึงเกิดความสงสัยเกี่ยวกับวิธีของจ้าวเชมันในตอนนั้น

แม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นจริงๆ ความโกรธเคืองและสงสัยก็ฝังลึกลงปานเมล็ดพันธุ์ จุดนี้ชายชราปากแหลมแก้งลิงรู้ดี ทว่าเขาได้แต่เงียบ

ชายชราต่างจากเผ่าอื่นที่ควบคุมด้วยความเหี้ยมโหด เขารักเผ่าตนจากใจจริง ดีที่ความโกรธและสงสัยค่อยๆ หายไปเล็กน้อยหลังจากผ่านเหตุการณ์ที่ทั้งเผ่าต้องพรั่นพรึงครั้งนั้นไปครึ่งเดือนกว่า

สาเหตุของเรื่องนี้คือชาวเผ่าโคขาวผู้หนึ่งออกไปข้างนอกเพียงลำพัง เขาเป็นชายหนุ่ม มีอารมณ์ชั่ววูบและความเลือดร้อนของช่วงอายุนี้ และก็ยังเป็นสหายของสตรีสองในสามคนที่ถูกส่งออกไปตอนนั้น

เขามาถึงถ้ำของซูหมิงเพียงลำพัง ทว่าเขากลับพบว่าเทือกเขาตรงนี้…หายไป! ทุกอย่างหายไปจนหมด จุดที่เคยเห็นเทือกเขายามนี้ราบเตียน โดยรอบไม่มีร่องรอยถูกทำลาย เหมือนกับว่าที่นี่ไม่เคยมีภูเขามาก่อน…

เมื่อเขากลับถึงเผ่าและทั้งเผ่าโคขาวรู้เรื่องนี้แล้ว ชายชราปากแหลมแก้มลิงก็พาคนไปยังอดีตถ้ำของซูหมิงด้วยตัวเอง หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้ว ชายชราก็สับสนเช่นกัน ทว่าที่มากกว่าคือความตื่นกลัวในสิ่งที่ไม่รู้

ไม่เพียงแค่เทือกเขาหายไป แม้แต่เหมืองผลึกเชมันของพวกเขายังหายไปด้วย….

ชายชราปากแหลมแก้มลิงมองพื้นที่ว่างเปล่า ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา เหมือนกับว่ากลางแผ่นดินเงียบสงบนี้มีพลังชั่วร้ายอยู่ ใจเขาสั่นไหว รีบพาคนกลับเผ่าในทันใด และใช้ฐานะของจ้าวเชมันสั่งให้ทุกคนเงียบปาก ห้ามใครพูดถึงเรื่องนี้อีก ผู้ฝ่าฝืนจะต้องโทษหนัก!

เขารู้สึกรางๆ ว่าปรากฏการณ์ฟ้าดินบนเผ่าเชมันที่เกิดขึ้นเร็วๆ นี้ โดยเฉพาะดวงตะวันสีขาวยักษ์บนท้องฟ้าตลอดทั้งวัน เหตุการณ์เหล่านี้ราวกับเชื่อมโยงกับความพิลึกของที่นี่เล็กน้อย เรื่องนี้เขาไม่มีหลักฐาน เป็นเพียงความรู้สึกเท่านั้น

เทียบกับเผ่าโคขาวแล้ว เผ่ากระเรียนดำก็ตกอยู่ในห้วงความตื่นกลัวเช่นกัน ความกลัวของพวกเขาต่างกับเผ่าโคขาวเล็กน้อย ทั้งการหายตัวไปของจ้าวเผ่า จีฮูหยินไปแล้วไม่กลับมา เรื่องเหล่านี้อธิบายได้ว่าคนที่ยึดเหมืองผลึกเชมันมิใช่คนธรรมดา

กระทั่งจ้าวเชมันเผ่ากระเรียนดำยังเคยพาคนแอบเข้าไปที่นั่นเงียบๆ เพื่อเตรียมสำรวจ ทว่าพอไปถึงก็เห็นเหมือนกับชาวเผ่าโคขาว ที่นั่นว่างเปล่า ต่างจากภาพในความทรงจำโดยสิ้นเชิง

บวกกับพลังชั่วร้ายบนผืนปฐพีที่คล้ายมีและคล้ายไม่มีอยู่ ทำให้จ้าวเชมันเผ่ากระเรียนดำใจสั่นไหว รีบจากไปโดยเร็ว และบอกกับชาวเผ่าว่าที่นี่คือแดนต้องห้าม

เพราะการหายไปของเหมืองผลึกเชมัน เผ่ากระเรียนดำกับเผ่าโคขาวเลยไม่มีเหตุผลที่ต้องเข่นฆ่ากันอีก

เวลาผ่านไปเรื่อยๆ…..

หนึ่งเดือนต่อมา มีวานรเพลิงตัวหนึ่งวิ่งทะยานมาจากไกลๆ พอมาถึงที่กว้างโล่งมันก็อึ้งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนวิ่งวนตามหาอยู่หลายรอบ…

จนกระทั่งในสายตามันก็ยังคงเห็นเป็นพื้นที่กว้าง เทือกเขาถ้ำในอดีตหายไป สหายเพียงคนเดียวของมันก็หายไปด้วย แต่มันไม่ยอมแพ้ เลือกอาศัยอยู่ในแถบนั้น บ้างก็กลับมาตรวจสอบที่นี่เพื่อหาปากทางเข้าไป

ทุกคนที่นี่ไม่มีใครรู้ ความจริงแล้วเทือกเขาถ้ำไม่ได้หายไป มันยังคงอยู่ที่เดิม เพียงแต่หงหลัวใช้ฤทธิ์เดชอำพรางมันเอาไว้ คนอื่นจึงมองไม่เห็น รู้สึกไม่ได้ และไม่อาจสัมผัส ราวกับว่ากลายเป็นมิติที่ตัดขาดจากโลก

นอกเทือกเขาถ้ำ ภายในมิติแห่งนี้ บนพื้นมีศพนอนอยู่สองคน จะให้กล่าวจริงๆ คือสามถึงจะถูก เพียงแต่ศพจีฮูหยินกลายเป็นเศษเนื้อ ไม่มีเค้าโครงเหลือ

อีกสองศพที่เหลือ หนึ่งคือหุ่นเชิดของจีฮูหยินหรือก็คือจีอวิ๋นไห่สามีของนาง ส่วนอีกคนหนึ่งคือจ้าวเผ่ากระเรียนดำที่กลายเป็นศพแห้งเหี่ยว

นอกจากนี้ บนพื้นยังมีแมลงปีกแข็งสีดำจำนวนมาก แมลงเหล่านี้นอนนิ่งอยู่บนพื้น ทว่าในตัวพวกมันไม่มีเค้าลางแห่งความตาย ดุจกำลังหลับใหล

มีเพียงสิ่งเดียวที่ยังวิ่งไปมารอบๆ มันเป็นเส้นสีดำเส้นหนึ่ง หรือก็คือหนอนงูพิลึกของซูหมิง งูตัวนี้บินไปมาในนั้น บ้างก็ส่งเสียงร้อง เหมือนกำลังหาอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่เคยพบ

สุดท้ายมันก็บินออกไปไม่ไกล แล้วไปนอนพาดอยู่ข้างกระบี่เล็กสีดำกลางพงหญ้า และส่งเสียงคล้ายร้องเรียกเป็นบางครั้ง

ภายในถ้ำเทือกเขาข้างๆ กลางห้องลับวางหม้อสามขาใบยักษ์เอาไว้หนึ่งใบ พลังฟ้าดินโดยรอบยังคงหลั่งทะลักเข้าไป ให้ยาในหม้อนี้หลอมอย่างช้าๆ

อีกห้องหินหนึ่งเป็นชายชราเผ่าหมาน เขานอนนิ่งอยู่ตรงนั้น ทว่าเปลือกตายังคงสั่นไหว พยายามจะลืมตาตื่นขึ้น

แต่ช่วงที่เขารวมพลังทั้งหมดเพื่อลืมตา หนอนงูบนที่ราบทุ่งหญ้านอกถ้ำพลันเงยหน้าขึ้นและทำเสียงขู่ จ้องถ้ำของเจ้านายมัน ก่อนวูบไหวตัวทะยานออกจากพงหญ้าโดยพลัน ตอนที่มันบินขึ้น รอบตัวมันมีเม็ดโอสถชิงวิญญาณสามเม็ด จากนั้นทะลวงผ่านเข้าไปในถ้ำ แล้วมาปรากฏตัวอยู่ในห้องหินที่มีร่างของชายชราเผ่าหมาน

มันส่งเสียงร้องแหลมแล้วสะบัดตัว เม็ดโอสถชิงวิญญาณสามเม็ดพลันบินไปยังศีรษะชายชรา และลอยอยู่ตรงนั้น โคจรตามแบบเดิมของมัน

ทันทีที่โอสถชิงวิญญาณลอยขึ้น ชายชราเผ่าหมานพยายามแง้มเปลือกตาขึ้น พร้อมกับคำรามเสียงต่ำปานสัตว์ป่า

หนอนงูอยู่เหนือชายชรา ขณะทำเสียงขู่ฟ่อๆ นัยน์ตาก็ฉายแววเย็นชา ก่อนวูบไหวตัวตรงมายังชายชรา แล้วกัดแขนอีกฝ่ายอย่างแรง ทันใดนั้นมีหมอกดำลุกลามมาจากแขนชายชรา เมื่อปกคลุมทั้งตัวแล้ว เขาก็คำรามในลำคออย่างไม่ยินยอม ดวงตาปิดสนิทอีกครั้ง

หนอนงูสังเกตอยู่ด้านข้างต่ออีกครู่หนึ่งก่อนบินออกจากถ้ำไป แล้วกลับมาอยู่ข้างกระบี่เล็กสีดำ ชะเง้อมอง บางคราวก็ส่งเสียงร้องเรียก…

นี่คือบ้านของมัน มันรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ มันจะต้องรักษาทุกอย่างที่นี่ไว้ให้คงเดิม และรอคอยเจ้านายกลับมา…..

ก่อนที่เจ้านายจะกลับมา มันต้องปกป้องที่นี่ไปจวบจนชั่วนิรันดร์

อีกทั้งเทือกเขาถ้ำนี้ ทั่วทั้งแดนอรุณใต้ ขอแค่ไม่มีจิตสัมผัสเหนือกว่าหงหลัวก็จะไม่มีใครพบ อีกอย่างในแดนอรุณใต้ คนที่มีจิตสัมผัสเหนือกว่าหงหลัวแทบจะไม่มีเลย ส่วนตี้เทียน…สลายไปแล้ว!

แม้บอกว่าหงหลัวตายแล้ว ทว่าวิชาเขายังอยู่ ถึงอ่อนลงเรื่อยๆ ก็ตาม แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องใช้เวลาอีกหลายร้อยปีกว่าจะหายไปจนหมด

เวลาผ่านไปอีกครั้ง พริบตาเดียว ตั้งแต่ซูหมิงจากไปจนถึงตอนนี้ก็ครึ่งปีแล้ว…

ในครึ่งปีนี้ เผ่าโคขาวกับเผ่ากระเรียนดำส่วนใหญ่เลิกสนใจเทือกเขาที่หายไป และกลับมาสงบอีกครั้ง การเข่นฆ่ากันระหว่างสองเผ่าแทบไม่มี ในครึ่งปีนี้พวกเขาเอาแต่เตรียมตัวอพยพ

เผ่าเล็กๆ อย่างพวกเขา หากอพยพเพียงลำพังคงยากจะรอดพ้นจากอันตรายในแดนเชมันอันกว้างใหญ่ ฉะนั้นการอพยพจึงต้องรอเดินทางพร้อมกับเผ่าค่อนข้างใหญ่บางส่วน และเข้าร่วมกับกองกำลังอีกฝ่าย

แม้จะเสียไปบ้างเล็กน้อย ทว่าชาวเผ่าจะมีชีวิตรอดมากขึ้นได้ก็ด้วยวิธีนี้เท่านั้น

วันหนึ่งในครึ่งปีให้หลัง กลางดึก

กลางค่ำคืนมืดมิดพลันมีแสงสว่างจ้าสายหนึ่งปรากฏขึ้นในชั่วพริบตาแล้วหายไป แม้ดึงดูดความสนใจของคนจำนวนไม่น้อย แต่ยามที่ตั้งใจมอง แสงนั้นก็หายไปแล้ว

ขณะเดียวกับที่แสงปรากฏวูบวาบ ณ เทือกเขาที่หายไปตรงใจกลางเผ่าโคขาวกับกระเรียนดำ หนอนงูพลันเงยหน้าขึ้น แววตาตื่นตัว ทำเสียงขู่ฟ่อไม่หยุด จ้องพื้นที่โล่งที่ห่างจากตรงหน้าไปหลายร้อยจั้งเขม็ง

ตรงนั้นพลันปรากฏกลุ่มแสงอ่อนจาง มันแผ่กระจายแรงกดดันรุนแรง หญ้าสีเขียวบนพื้นโค้งงอ ราวกับเกิดลมพายุคลั่งขึ้นโดยไร้สาเหตุ

อีกทั้งในแสงอ่อนยังมีไอหนาวเยือกปล่อยออกมามากมาย ไอหนาวนั้นผสานรวมกับสายลม ทำให้ผืนดินโดยรอบกลายเป็นน้ำแข็ง ก่อนค่อยๆ แผ่ขยายออกโดยรอบ

หนอนงูเงียบกริบ มันนอนหมอบอยู่บนทุ่งหญ้า จ้องกลุ่มแสงอ่อนเขม็ง ตรงนั้นคือถ้ำของเจ้านายมัน ตอนนี้เจ้านายไม่อยู่ หากมีคนนอกบุกเข้ามา มันจะต้องพุ่งออกไปปกป้องแน่นอน

ความจริงแล้วในครึ่งปีนี้มันก็ทำเช่นนี้ตลอด แทบทุกช่วงหลายวัน มันจะกัดชายชราเผ่าหมานอย่างแรงเพื่อให้อีกฝ่ายอ่อนแอลง แต่ก็ไม่ถึงกับตาย

มันจำได้ว่าเจ้านายของมันมอบหน้าที่ให้วานรเพลิง ทว่าตอนนี้วานรไม่อยู่ มันจึงรับหน้าที่แทน

หนอนงูในตอนนี้นัยน์ตาเย็นชาขึ้นเรื่อยๆ มันกำลังรอดูว่ากลุ่มแสงอ่อนนั้นคืออะไรกันแน่ เวลาค่อยๆ ผ่านไป ราวหนึ่งก้านธูปให้หลัง แสงอ่อนนั้นพลันขยับวิบวับ รูปทรงเปลี่ยนไป จากวงกลมค่อยๆ กลายเป็นวงรี และปล่อยแรงกดดันที่หนักหน่วงยิ่งขึ้น ขณะเดียวกันด้านบนยังเกิดรอยร้าวถี่ยิบ

ช่วงที่มีเสียงกึกๆ ดังออกมา มีเงาร่างคนผู้หนึ่งเดินมาจากในกลุ่มแสงวงรี วินาทีที่ร่างคนเดินออกมา ไอหนาวพลันรุนแรงขึ้นหลายเท่า ทำให้โดยรอบหนาวยะเยือก!

หนอนงูพลันเคลื่อนไหว มันพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็วและเงียบเชียบ นัยน์ตาวาววับ อ้าปากเผยเขี้ยวพิษ ขณะกำลังจะพุ่งเข้าไปกัดนั้น จิตสังหารในแววตามันหายไป กลายเป็นความตกใจและดีใจ มันเก็บเขี้ยวพิษและส่งเสียงร้องอย่างมีความสุข ก่อนพุ่งตรงไปยังเงาร่างนั้น

เงาคนผู้นั้นก็คือซูหมิง!

ยามนี้เขามีใบหน้าตื่นเต้น เมื่อยกมือขวาขึ้น หนอนงูบินตรงเข้ามาอยู่ตรงใจกลางฝ่ามือแล้วร้องใส่เขาอย่างตื่นเต้นดีใจ ขณะเดียวกัน ไอหนาวเยือกเหนือจินตนาการที่คล้ายแฝงอยู่ในกาย ยามนี้แผ่กระจายออกไปจากพื้นใต้ฝ่าเท้า ทำให้ผืนปฐพีถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งหนึ่งชั้น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version