ตอนที่ 443 เหมือนกัน
ซูหมิงหยุดเดินแล้วหันกลับมามองชายชุดขาว
ชายคนนี้ยกมือซ้ายขึ้น หยิบถุงเก็บวัตถุใบหนึ่งมาจากอกเสื้อ หลังจากตรวจสอบครู่หนึ่งแล้วก็โยนให้ซูหมิง ถุงใบนั้นตรงมายังเขา เมื่อรับเอาไว้แล้วก็เพ่งจิตมอง
จำนวนข้างในนั้นมีสองแสนหนึ่งหมื่นผลึกเชมันพอดี ราคาขนาดนี้ บางทีในสายตาบางคนในโลกเก้าหยินอาจไม่เท่าไร ทว่าสำหรับซูหมิงแล้ว นี่เป็นครั้งแรกที่มีผลึกเชมันมากที่สุด
ทว่าเทียบกับผลึกเชมันเหล่านี้แล้ว สิ่งที่ทำให้ซูหมิงสนใจคือหินสีแดงที่วางอยู่บนชั้นนี้! ซูหมิงเดินหน้ามาหลายก้าว ภายใต้สายตาของชายชุดขาว เขามาหยุดอยู่ข้างหินสีแดง ก่อนยกมือขวาขึ้นสะบัดไปด้านบน หินสีแดงใหญ่นี้พลันหายวับเข้าไปในถุงเก็บวัตถุของซูหมิง หากแต่เขาดูระมัดระวังอย่างยิ่ง ไม่ได้วางรวมกับคนเล็กสีดำ แต่เก็บไว้อีกถุงหนึ่ง
หลังจากเก็บหินสีแดงแล้ว ซูหมิงก็หยิบโอสถชำระล้างที่เหลือโยนให้ชายชุดขาว เมื่ออีกฝ่ายรับเอาไว้ เขาก็หมุนตัวเดินไปยังอาคมเคลื่อนย้าย
แสงจากอาคมขยับวูบวาบ ตอนที่เงาร่างซูหมิงหายไป ชายชุดขาวเงยหน้าขึ้น มีสีหน้ามืดทะมึนราวกับกำลังลังเลอะไรบางอย่าง ทันใดนั้น มวลอากาศด้านหลังเขาพลันบิดเบี้ยว มีชายชราอาภรณ์ยาวสีดำเดินออกมา ในมือชายชราถือไม้เท้าศีรษะงู
ชายชุดขาวก้มหน้าคำนับใดทันใด มีสีหน้านอบน้อม
“บุคคลนี้มีระดับพลังซับซ้อน ในตัวเขาข้ายังรู้สึกถึงอันตรายบางเบาด้วย ไม่ต้องคิดอะไรแล้ว” หลังจากชายชราเดินออกมาก็มองอาคมเคลื่อนย้ายที่ซูหมิงเข้าไป ก่อนกล่าวด้วยเสียงแหบแห้ง
“ทำให้ท่านรู้สึกถึงอันตราย? หรือว่า…เขาจะเป็นเชมันระดับปลาย?” ชายชุดขาวเงยหน้าขึ้นถามอย่างลังเลใจ
“มีความเป็นไปได้ หินสีแดงของเจ้ามันคืออะไรกันแน่? และพวกเรายังขาดโอสถชำระล้างอีกเท่าไร?” ชายชราเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเนิบๆ
“นายท่าย หินสีแดงนี้ข้าได้มาโดยบังเอิญ ไม่ใช่ได้มาจากงานพนันสมบัติครั้งก่อน เดิมทีตั้งใจจะศึกษามัน ทว่าภายในกลับว่างเปล่า เป็นเพียงหินขยะเท่านั้น ส่วนโอสถชำระล้างรวมกับสามเม็ดคุณภาพชั้นดีของวันนี้แล้วก็ยังขาดอีกสองเม็ด!”
ชายชุดขาวพลันกล่าวขึ้น
“สองเม็ด…” ชายชราขบคิดครู่หนึ่งแล้วหมุนตัวกลับ หายเข้าไปในระลอกคลื่นบิดเบี้ยว
หลังซูหมิงเดินออกมาจากหอเก้าเชมัน ก็ไม่ได้กลับโรงเตี๊ยมในทันที แต่เดินอยู่ในเมืองเชมัน เขาแผ่ขยายจิตสัมผัสจนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใครตามมาจึงกลับคืนสู่ใบหน้าเดิม สวมหน้ากากสีดำ จนกระทั่งถึงยามโพล้เพล้ เขาไปร้านค้าในเมืองเชมันอีกหลายแห่ง และใช้ผลึกเชมันเกือบหนึ่งแสนซื้อสมุนไพรที่ต้องการเหล่านั้นกลับมาทั้งหมด ก่อนกลับโรงเตี๊ยมด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
ตอนกลับมาถึงโรงเตี๊ยม ท้องฟ้าค่อยๆ มืดลง ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่ในห้อง แผ่ขยายจิตสัมผัสสู่โดยรอบ เมื่อทุกอย่างอยู่ภายใต้การควบคุมของจิตสัมผัสแล้ว เขาจึงสูดลมหายใจเข้าลึก นำหินภูเขาที่ประมูลมาจากนอกสำนักเหมันต์สวรรค์ออกมา มองคนเล็กสีดำนั่งขัดสมาธิภายในก้อนหินแล้วหรี่ม่านตาลง
“สิ่งนี้คืออะไรกันแน่…ข้ารู้เพียงว่านิ้วมือของมันเป็นหนึ่งในวัตถุดิบหลักของการหลอมโอสถมอบจิต…” ซูหมิงพึมพำกับตัวเองพลางกวาดสายตามองคนเล็กสีดำ
จุดเด่นของหินภูเขานี้คล้ายกับหินสีแดง คือยากจะใช้จิตสัมผัสตรวจสอบได้ ก่อนหน้านี้ซูหมิงยังเอามันมาเชื่อมโยงกัน ทว่าตอนนี้จุดที่คล้ายกันมีมากขึ้นเรื่อยๆ
ผ่านไปพักใหญ่ ซหมิงก็ละสายตากลับ และใช้มือขวาตบถุงเก็บวัตถุหนึ่งครั้ง ทันใดนั้นมีแสงสีแดงทึบขยับวูบวาบ ปรากฏเป็นหินสีแดงใหญ่ตรงหน้าซูหมิง
ตอนที่หินสีแดงปรากฏ ซูหมิงเห็นคนเล็กสีดำในหินภูเขาข้างๆ ตัวสั่น ราวกับพยายามดิ้นรนลืมตาขึ้น ภาพสัญลักษณ์ตรงระหว่างคิ้วขยับวูบ ปรากฏเป็นลักษณะว่านหัวมังกรเจ็ดใบอีกครั้ง
ครู่ต่อมา คนเล็กสีดำตัวสั่นรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ หมอกดำแผ่กระจายมาจากตัวมัน ราวกับหยดน้ำหมึกกระจายในก้อนหินโปร่งใส
ซูหมิงหรี่ม่านตาลงทันควัน ในใจเขารู้สึกถึงอันตราย อันตรายนี้มาเยือนกะทันหันยิ่งนัก
“ให้ข้า…ให้ข้า…” ทันใดนั้น เสียงแหบพร่ากังวานอยู่ในห้องของซูหมิง จิตสัมผัสของเขาสัมผัสได้ถึงความเย็นชา เสียงนั้นเหมือนมาจากอดีตไม่รู้กี่ปี น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยความกระหายและโบราณ ทำให้คนฟังราวกับจะเน่าผุ
“เอามันมา…ให้ข้า…ข้ารับปากว่าเจ้าจะร่ำรวย….และสูงศักดิ์ไปชั่วชีวิต…เอามันมา…..ให้ข้า…” เสียงนั้นแฝงไว้ด้วยพลังพิลึก
ขณะดังในห้องก็เหนี่ยวนำจิตสัมผัสของซูหมิง ทำให้รอบตัวเขาเกิดระลอกคลื่นบิดเบี้ยวจำนวนมาก ทุกสิ่งในห้องนี้ดูขมุกขมัว
ซูหมิงเพ่งสายตามอง ขณะจิตสัมผัสถูกกระตุ้น เขาแค่นเสียงหึเย็นชาก่อนตัดเสียงนั้นไป แล้วสะบัดแขนเสื้อม้วนหินภูเขาคนเล็กสีดำเก็บเข้าไปในถุงเก็บวัตถุ จากนั้นก็ใช้จิตสัมผัสผนึกข้างนอกเอาไว้อย่างรวดเร็ว!
“ให้ข้า…ให้ข้า…ให้….ข้า…” จนผ่านไปนาน เสียงในถุงเก็บวัตถุค่อยๆ เบาบาง จนสุดท้ายคนเล็กสีดำก็สงบลง หมอกดำก็ไหลย้อนคืนกลับสู่ร่างของมัน
เมื่อหมอกดำหายไป ความรู้สึกถึงอันตรายก็หายตามไปด้วย ดวงตาเขาขยับประกาย ตอนที่หันมองไปรอบๆ ก็พลันหรี่ม่านตา ทุกอย่างในห้องนี้กลายเป็นฝุ่นละออง ค่อยๆ หายไปบนพื้น
ทั้งห้องตอนนี้ว่างเปล่า
มีเพียงหินสีแดงที่ยังคงวางอยู่ตรงหน้าซูหมิงอย่างสงบนิ่ง ไม่เปลี่ยนไปแม้แต่น้อย
ซูหมิงขบคิดอยู่ชั่วครู่ คิ้วยังคงขมวดตลอดเวลา เขาเพิ่งเคยได้ยินเสียงของคนเล็กสีดำครั้งแรก เดิมทีคิดว่ามันตายแล้ว แต่ตอนนี้…เหมือนจะไม่ใช่อย่างนั้น
‘คนเล็กสีดำคืออะไรกันแน่…เหตุใดพอเห็นหินสีแดงแล้วถึงเปลี่ยนไปเช่นนี้ และยังมีภาพตรงระหว่างคิ้วอีก หรือว่าจะเป็นของในหินสีแดงนี้?’ ซูหมิงมองหินสีแดง แววตาเด็ดขาด
‘เลิกคิดเรื่องคนเล็กสีดำไปก่อนดีกว่า ส่วนหินสีแดงนี้ หากภายในว่างเปล่าจริงๆ ก็ไม่เป็นไร ทว่าหากมันมีสมุนไพรที่คนอื่นตรวจไม่พบอยู่จริงๆ อีกทั้งสมุนไพรต้นนั้นยังเป็นแบบเดียวกับภาพตรงระหว่างคิ้วคนเล็กละก็ เช่นนั้น…’ ซูหมิงยืนขึ้นแล้วเดินมาอยู่ข้างหินสีแดง หลังจากมองอยู่พักหนึ่งก็ใช้มือขวากดลงไป หินสีแดงพลันสั่นสะท้านในทันใด ก่อนมีเศษหินร่วงหล่นลงมา
ซูหมิงขมวดคิ้ว แรงจากฝ่ามือเมื่อครู่นี้เพียงพอจะตัดหินหรือเปิดภูเขา แต่พอวางบนหินสีแดงแล้วกลับร้าวเพียงเปลือกนอกเล็กน้อยเท่านั้น
ซูหมิงมองรูเล็กๆ จำนวนมากบนหิน ถอยหลังไปหลายก้าว ตรงระหว่างคิ้วขยับแสงสีดำวิบวับ กระบี่เล็กบินออกมาแล้วส่งเสียงกระบี่อยู่ครู่หนึ่ง สีดำขยับแสงอย่างเด่นชัด พร้อมกับกระบี่เล็กที่ตรงเข้าไปตัดหินก้อนนี้
เกิดเสียงดังสนั่นในฉับพลัน หากมิใช่เพราะซูหมิงใช้จิตสัมผัสผนึกทุกอย่างโดยรอบเอาไว้ เสียงนี้คงจะดังไปทั้งโรงเตี๊ยม
หลังจากเสียงดังสนั่น กระบี่ก็เล็กลอยตัวขึ้น เปลือกนอกของหินสีแดงตรงหน้าซูหมิงเผยรอยร้าวลึกราวสามฉื่อหนึ่งเส้น เมื่อเห็นดังนั้นสีหน้าซูหมิงถึงเปลี่ยนอารมณ์
‘เป็นหินที่แข็งมาก!’ ซูหมิงขบคิดครู่หนึ่ง ก่อนชี้นิ้วมือขวาไปยังกระบี่เล็ก กระบี่เล็กตรงไปยังหินสีแดงอีกครั้ง ครั้งนี้ไม่ใช่การฟัน แต่ให้มันทะลวงผ่านเข้าไป
เสียงปึกดังขึ้น กระบี่เล็กทะลวงเข้าข้างใน เหตุการณ์นี้ทำให้นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ครู่หนึ่งกระบี่เล็กก็บินออกมา แล้วแทงเข้าไปอีกตำแหน่งหนึ่ง
หลังจากทำซ้ำๆ หลายครั้ง รูกระบี่ก็รวมเป็นเส้นตรงหนึ่งเส้นตรงกลางหินสีแดง
‘หินนี้แปลกยิ่งนัก ถ้าฟันจะเข้าไปได้เพียงสามชุ่น แต่หากให้กระบี่ทะลวงไปจะค่อนข้างง่าย…..’ ซูหมิงยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือชี้ไปยังกระบี่เล็ก กระบี่พลันลอยขึ้นขยับแสงวิบวับ หลังจากขยายใหญ่ขึ้นจนมีขนาดยาวเกือบหนึ่งจั้งแล้ว ก็ฟันลงไปยังเส้นตรงที่รวมขึ้นจากรูทะลวงกระบี่
หนึ่งกระบี่ฟันลง เสียงระเบิดดังปนกับเสียงกึกๆ นั่นคือเสียงรูเล็กๆ เหล่านั้นแตกกระจายแล้วกระทบเข้าหากัน เมื่อเสียงระเบิดหายไป วินาทีที่ซูหมิงยกกระบี่ขึ้น หินสีแดงตรงหน้าเขาสั่นสะท้านแล้วแบ่งออกเป็นสองส่วนจากตรงกลาง ตรงกลางของหินครึ่งก้อนว่างเปล่า หากเอาพวกมันมาประกับกันจะเป็นวงกลมว่างเปล่าตรงกลางพอดี ดูจากลักษณะแล้วน่าจะเป็นคนอื่นที่แบ่งมันออกโดยไม่รู้ว่าใช้วิธีใด
ซูหมิงเดินเข้ามา จ้องสองหินครึ่งก้อน สุดท้ายก็มองในครึ่งก้อนทางขวา ตรงนั้นมีกลิ่นหอมสมุนไพรโชยออกมา
ซูหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย ก่อนจะควบคุมกระบี่เล็กแสงดำให้ตัดหินครึ่งก้อนนั้นอีกครั้ง เมื่อแบ่งเป็นเจ็ดแปดส่วนแล้ว เขาก็หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง
มันเป็นหินลักษณะแปลกพิลึก มีขนาดสองฝ่ามือ ยามซูหมิงถือหินก้อนนี้ กลิ่นหอมสมุนไพรโชยขึ้นมากระทบใบหน้า ที่มาของกลิ่นหอมก็มาจากหินก้อนนี้นี่เอง
กระทั่งจุดที่ซูหมิงมองไป เขายังเห็นชั้นหินขาดเป็นรูปใบไม้ ใบไม้นั้นหลอมรวมกับหินแล้ว ทว่าหากสังเกตดีๆ จะมองออกว่ามันยังอยู่ เพียงแต่ซูหมิงตัดจนเป็นครึ่งมุม
เขาถือหินก้อนนี้พลางใช้มือซ้ายกดไปอย่างต่อเนื่อง และทำอย่างเบามือยิ่งนัก เศษหินร่วงหล่นกองใหญ่ หินนี้ค่อยๆ เล็กลงเรื่อย จนกระทั่งผ่านไปหนึ่งชั่วยาม หินในมือซูหมิงเหลือเพียงครึ่งเดียว
ซูหมิงเหม่อมองหินในมือ นัยน์ตาค่อยๆ เป็นประกายวาววับ เพราะหินในมือเขาไม่ใช่สีแดงอีก แต่โปร่งใส…
ลักษณะโปร่งใสนี้เหมือนกับหินภูเขาคนเล็กสีดำทุกประการ!
ภายในหินโปร่งใสมีสมุนไพรเจ็ดใบอยู่ต้นหนึ่ง หกใบในนั้นไม่มีพลังชีวิต กระทั่งตรงปลายที่ยื่นออกมายังหายไปครึ่งมุม
ทว่าใบลักษณะยาวๆ เช่นนี้ ตรงปลายมันเหมือนอสรพิษ แม้ถูกผนึกไว้ในหินก็ยังคงรู้สึกได้ถึงพลังชีวิตของมัน