Skip to content

สู่วิถีอสุรา 452

ตอนที่ 452 เทพผนึกปรากฏ 2

คำพูดของซูหมิงทำให้ในใจหนานกงเหินกระตุก ตอนตนใช้ผลึกเชมันซื้อเองก็ไม่เป็นเช่นนี้ แต่พอเห็นคนอื่นเอาผลึกเชมันของตนไปประมูลกลับรู้สึกต่างกัน

โดยเฉพาะก่อนหน้านี้เขาเป็นคนยินยอม อีกทั้งยังเสนอขึ้นมาเองด้วย ทว่าแม้จะเป็นอย่างนั้น พอเอาเข้าจริงๆ หนานกงเหินก็ยังอดรู้สึกปวดใจไม่ได้

ตอนที่ประมูลหินหมายเลขแปดร้อยสามสิบเจ็ด ซูหมิงเคาะประมูลอีกครั้ง ทุกก้อนหลังจากนี้เขาจะทำเช่นนี้ และราคาในแต่ละครั้งล้วนทำให้หัวใจหนานกงเหินเต้นระรัว ทั้งยังตึงเครียด

จนกระทั่งในนั้นมีหลายก้อนที่ซูหมิงประมูลอย่างเด็ดขาด ให้ความรู้สึกว่าจะต้องซื้อให้ได้ เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงทำให้การแย่งชิงกันดุเดือดยิ่งขึ้น

ทว่าก็มีคนจำนวนมากมองเห็นเงื่อนงำ เรื่องนี้เดิมทีก็คือการพนันอยู่แล้ว จึงไม่พูดอะไรมาก

ไม่นาน หนานกงเหินก็ค่อยๆ มองออกถึงความหมายแฝงจากการเคาะประมูลของซูหมิง ในใจจึงรู้สึกดีขึ้น แต่ทันใดนั้น ซูหมิงก็ประมูลหินหมายเลขแปดร้อยเก้าสิบเจ็ดด้วยท่าทีคลุ้มคลั่ง และทำให้หนานกงเหินใจเต้นตุบๆ อีกครั้ง

“แปดแสน!”

“เก้าแสน!”

“หนึ่งล้าน!”

“มะ…โม่ซู เอ่อ….” ขณะหนานกงเหินกำลังจะกล่าว ซูหมิงพลันยืนขึ้น

“หนึ่งล้านห้าแสน!” เขาตะโกนไปอย่างไม่ลังเล กวาดสายตามองกลุ่มคนโดยรอบ ให้ความรู้สึกอยากซื้ออย่างเด่นชัด

หนานกงเหินข้างกายเห็นซูหมิงเป็นเช่นนี้ก็พลันเกิดความตื่นเต้นในความเครียด ดวงตาแดง จ้องคนโดยรอบเช่นกัน ราวกับว่าหากมีใครเคาะประมูลอีก หนานกงเหินจะขอเป็นศัตรูคู่แค้น ไม่ขออยู่ร่วมโลก!

“หนึ่งล้านหกแสน!” เสียงต่ำพลันดังมาจากในกลุ่มคน ผู้ประมูลเป็นชายร่างกำยำที่ยืนอยู่ข้างซูหมิงตอนเปิดหิน และยังเปิดได้แสงพิลึกสองสี ชายร่างกำยำผู้นี้กัดฟัน ดวงตาแดงก่ำเช่นกัน

“หนึ่งล้านแปดแสน!” ซูหมิงขบคิดชั่วครู่ก่อนกัดฟันกล่าว หนานกงเหินข้างกายตึงเครียดถึงขีดสุด ลมหายใจกระชั้นขึ้นมา

“หนึ่งล้านเก้าแสน!” ชายร่างกำยำเงยหน้าจ้องหินหมายเลขแปดร้อยเก้าสิบเจ็ด ยิ่งมองยิ่งรู้สึกว่ามันคล้ายกับหินหมายเลขหกร้อยเก้าสิบเจ็ด บวกกับเขาสังเกตซูหมิงตลอดเวลา หินนี้ก้อนนี้ซูหมิงยืนกรานมากสุด ฉะนั้นจึงกัดฟันประมูลในราคาสูงลิ่ว

“สองล้าน!” หลังจากชายร่างกำยำออกปาก พลันมีเสียงตะโกนดังขึ้น ครั้งนี้ไม่ใช่ซูหมิง แต่เป็นหนานกงเหินข้างๆ เขาตะเบ็งเสียงตะโกนออกไป

ซูหมิงพลันอึ้งงัน

“สองล้านหนึ่งแสน!” ชายร่างกำยำแทบจะหายใจไม่ออก ตะโกนต่ออย่างบ้าบิ่น

หนานกงเหินเบิกตากว้าง ขณะกำลังจะเอ่ยต่อ ซูหมิงกระแอมเสียงแล้วดึงเขา

“พวกเราไม่ต้องการแล้ว”

“อืม อะไรนะ?” หนานกงเหินพยักหน้า ต่อมาก็ตะลึงงัน จากนั้นจึงเข้าใจและยิ้มแห้งมองซูหมิง ในใจบ่นพึมพำไม่หยุด เขาไม่ใช่คนเขลา เพียงแต่ถูกบรรยากาศโดยรอบครอบงำ ยามนี้พอเข้าใจและรู้ถึงความหมายแฝงของสิ่งที่ซูหมิงทำ นอกจากหัวเราะอย่างขมขื่นในใจแล้วก็ยังยิ้มเจื่อนๆ

‘ย่ามันเถอะ ไม่ใช่ผลึกเชมันของตัวเองนี่ หากเป็นข้าข้าก็เล่นแบบนี้เหมือนกัน…’ หนานกงเหินบ่นในใจ ทว่าใบหน้ายังเผยรอยยิ้มดูใจกว้าง

“ผลึกเชมันแค่นี้ก็ไม่เท่าไร หากสหายโม่ชอบหินก้อนนี้ พวกเราจะแย่งมันมา!” หนานกงเหินกล่าวอย่างองอาจ

ซูหมิงมองหนานกงเหินแล้วขยิบตา ความจริงช่วงที่ชายร่างกำยำประมูลมาว่าหนึ่งล้านแปดแสน เขาก็คิดจะเลิกเล่นแล้ว ถึงอย่างไรเขาก็ประมูลมั่วๆ ให้คนมองไม่ออกว่าเขาจะซื้ออะไรจริงๆ แต่หนานกงเหินกลับตะโกนขึ้น จึงทำให้ซูหมิงตึงเครียด

จากหมายเลขแปดร้อยสามสิบถึงเก้าร้อย ทุกครั้งที่ซูหมิงประมูลจะเผื่อทางรอดเอาไว้เสมอ ด้วยความระมัดระวัง บวกกับหินกลุ่มนี้จะต้องเปิดพร้อมกัน คนที่โชคดีย่อมมีอยู่แล้ว เมื่อเป็นเช่นนั้นเขาก็เลยสร้างช่องทางขึ้น ทำให้มีคนไม่น้อยมุดเข้ามาในช่องนี้

เมื่อเวลาในการตัดหินหนึ่งร้อยก้อนนี้มาถึง บรรยากาศถึงระดับดุเดือด กระทั่งยังรุนแรงกว่าก่อนหน้านี้อีกเล็กน้อย ถึงอย่างไรหนึ่งร้อยก้อนนี้ ผู้ซื้อส่วนใหญ่ก็จ่ายไปในราคาสูงขึ้น อีกทั้งยังแย่งมาจากซูหมิง โดยเฉพาะหินราคาสองล้านหนึ่งแสนที่ถูกประมูลไปในราคาสูงที่สุด

แต่ทว่า เมื่อเปิดหินและมีเสียงตัดหินดังขึ้น เสียงฮือฮาในกลุ่มคนดังมากขึ้นเรื่อยๆ ในเสียงนั้นส่วนใหญ่จะผิดหวัง

หนานกงเหินมองหนึ่งร้อยคนบนท้องฟ้า เห็นแต่ละคนกลับมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าหมองและซีดขาว เขาจึงเผยรอยยิ้มลำพองใจ

โดยเฉพาะหินที่ถูกประมูลไปในราคาสองล้านหนึ่งแสน หลังจากหินแดงกลายเป็นเศษหินทั้งหมดภายใต้สายตาตึงเครียดของทุกคนแล้ว ชายร่างกำยำบนท้องฟ้าตะลึงงันอยู่พักหนึ่ง ก่อนกระอักเลือด ตอนที่เขาโซเซกลับมา การตัดหินในรอบนี้ก็ถือว่าสิ้นสุดลง

น่าแปลก ในหินสีแดงหนึ่งร้อยก้อนนี้ปรากฏแสงพิลึกอ่อนๆ เพียงหนึ่งครั้ง ทว่าในนั้นกลับว่างเปล่าเหมือนหินอื่นๆ

หลังจากจบหินหนึ่งร้อยก้อนนี้ ต่อไปก็จะเป็นการประมูลหินหนึ่งร้อยก้อนสุดท้ายในหนึ่งพันก้อนนี้ ตอนนี้ทุกคนดูระวังซูหมิงอย่างเห็นได้ชัด ความคิดที่จะตามซูหมิงก็น้อยลงไปมากด้วย สุดท้ายซูหมิงก็ซื้อหินหมายเลขเก้าร้อยหนึ่งไปในราคาเพียงสี่แสน…

หลังจากงานประมูลสั้นๆ นี้จบลง ซูหมิงซื้อหินไปทั้งหมดสี่ก้อน นอกจากหมายเลขเก้าร้อยหนึ่งกับเก้าร้อยสี่สิบเก้าแล้ว ยังมีอีกสองก้อนที่ไม่มีใครประมูลต่อ มันจึงตกมาอยู่ในมือเขา

สุดท้ายก็ใช้ผลึกเชมันของหนานกงเหินไปเกือบสองล้าน ทำให้หนานกงเหินปวดใจนัก ที่มากกว่าคือเครียดว่าจะสูญเงินเปล่า เขามองซูหมิงหลายครั้ง แต่ก็มองไม่เห็นสีหน้าภายใต้หน้ากาก จึงทำให้หนานกงเหินเครียดยิ่งขึ้น

ถึงช่วงเวลาเปิดหิน ซูหมิงอยู่บนท้องฟ้าแล้ว การปรากฏตัวของเขาดึงดูดสายตาของผู้คนโดยรอบ โดยเฉพาะหนานกงเหิน เขาเฝ้าภาวนาถึงสิ่งปาฏิหาริย์อยู่ตลอด

‘จะต้องสำเร็จ จะต้องสำเร็จ!’ หนานกงเหินกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ในโลกของเขาตอนนี้มีเพียงเงาของซูหมิงเท่านั้น

ช่วงที่ซูหมิงยืนอยู่ข้างของวิเศษทรงวงแสง ไม่เพียงแต่คนเบื้องล่างที่มองเขา ผู้คนในวิหารใหญ่ทั้งแปดรอบๆ รวมถึงผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันก็มองมาเช่นกัน

ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ยกมือขวาขึ้นชี้ของวิเศษ ของวิเศษพลันขยายใหญ่ขึ้น ปกคลุมหินหมายเลขเก้าร้อยหนึ่งเอาไว้ภายใน เกิดเสียงครืดๆ ดังกังวาน กระทั่งคนที่เปิดหินก้อนอื่นๆ ยังมองมา

ซูหมิงหลับตา จิตสัมผัสรวมอยู่ตรงคนเล็กสีดำในถุงเก็บวัตถุ คนเล็กค่อยๆ สั่นไหว ตรงระหว่างคิ้วปรากฏภาพหนึ่ง ในภาพนั้นเป็นว่านใบมังกร!

ว่านใบมังกรนี้ซูหมิงรู้อยู่ก่อนแล้ว มันมีสองใบกลายเป็นหิน อีกสองใบที่เหลือแม้ยังมีชีวิต ทว่าพลังชีวิตก็ไม่มากพอ เลยไม่อาจเทียบกับว่านเจ็ดใบของซูหมิงได้ คล้ายๆ กับของชายชุดขาวแห่งหอเก้าเชมันอยู่เล็กน้อย

ครั้งนี้ซูหมิงคุ้นเคยแล้วจึงทำอย่างคล่องแคล่ว ภายใต้สายตาของทุกคน ซูหมิงพลันลืมตาขึ้นและควบคุมของวิเศษวงแสงให้หมุนอย่างรวดเร็ว เสียงอึกทึกดังขึ้น หินถูกผ่าให้กลายเป็นสองส่วน ทันใดนั้นก็มีแสงพิลึกสองสีเปล่งออกมา

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แต่เมื่อซูหมิงหมุนตำแหน่งของหินและผ่าลงไปอีกครั้ง ภายในแสงพิลึกสองสี ปรากฏเป็นแสงสีทองเพิ่มมาอีกสีหนึ่ง!

แสงสีแดงฟ้าและทองสามสีโอบล้อม พลันส่องสะท้อนสายตาของทุกคน ครั้งนี้แม้แต่ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันยังยากจะสงบลง สีหน้าเต็มไปด้วยความตื่นตะลึง

ขนาดเขายังเป็นเช่นนี้ ก็ยิ่งไม่ต้องกล่าวถึงคนอื่น หลังจากทั้งลานเงียบสงบอยู่พักหนึ่ง ก็เกิดคลื่นเสียงดังเกรียวกราวสะเทือนฟ้า

ในกลุ่มนั้น หนานกงเหินมีสีหน้าตื่นเต้นและฮึกเหิมที่สุด เขายืนอยู่ตรงนั้น เงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ท่าทางฮึกเหิมเช่นนี้เหมือนกับคนเล่นพนันทุ่มเกือบหมดตัว แล้วมองเห็นแสงสว่างแห่งชัยชนะ จึงยากจะควบคุมตัวเองได้

“แสงพิลึกสามสี…”

“โม่ซูเป็นใครกันแน่ มะ….ไม่อยากเชื่อว่าเขาจะโชคดีขนาดนี้ ตอนแรกเขาเปิดได้ดอกวิญญาณภูต มาตอนนี้ยังปรากฏแสงพิลึกสามสีอีก!”

“น้องโม่ ขายหินก้อนนี้ให้ข้าเถอะ ข้าจะให้หนึ่งล้านห้าแสน!” เถี่ยมู่ชิงกล่าวขึ้นก่อน

ซูหมิงหันกลับไปประสานมือคารวะเถี่ยมู่ จากนั้นยกมือขวาขึ้นชี้ไปยังของวิเศษอีกครั้ง หลังจากผ่าแล้ว หินก้อนนี้ถูกแบ่งเป็นก้อนใหญ่ๆ อีกครั้ง ขณะเดียวกันวงแสงก็หมุนอย่างรวดเร็ว ช่วงที่เศษฝุ่นจากหินฟุ้งกระจาย ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันมีสีหน้าเคร่งขรึมอย่างยิ่ง เขาไม่ได้มองหินแต่มองซูหมิง!

เขาไม่เชื่อว่าบนโลกใบนี้จะมีคนโชคดีอะไรขนาดนี้!

“ท่านขายหินก้อนนี้ให้เผ่าข้าจะดีกว่า เผ่าข้าขอซื้อมันหนึ่งล้านแปดแสน!” ขณะวงแสงหมุน มีเสียงตะโกนมาอย่างร้อนรน

ซูหมิงไม่สนใจ หลังจากตัดมาพักหนึ่งแล้ว นัยน์ตาเขาวูบไหว ก่อนยกมือขวาขึ้นแล้วตบไปยังหินสีแดงที่เสียรูปไปแล้ว หินก่อนนี้พลันแตกกระจาย ปรากฏเป็นหินภูเขาโปร่งใสขนาดไม่ใหญ่ตรงกลางฝ่ามือ ในนั้นมีว่านใบมังกรประจักษ์ต่อสายตาอย่างเด่นชัด

“ว่านใบมังกร นี่มันว่านใบมังกรสี่ใบ!”

“สองใบยังมีชีวิตอยู่ แม้มันไม่มีค่าเท่าดอกวิญญาณภูต ทว่าก็เป็นของหายาก ได้ยินมาว่าสรรพคุณพิเศษของมันคือแก้พิษได้ทุกชนิดในใต้หล้า!”

“เผ่าหลัวเทาขอซื้อว่านใบมังกรนี้สองล้านเจ็ดแสน!”

“แค่สองล้านเจ็ดแสนคิดจะซื้อว่านมังกรสี่ใบได้อย่างนั้นรึ? หอเก้าเชมันขอซื้อมันสามล้านสองแสน!” หนานกงเหินหัวใจเต้นตึกๆ ความรู้สึกตื่นเต้นนี้ เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อนเลยหลังจากเข้ามาในโลกเก้าหยิน ยามนี้ได้ยินราคาสูงลิ่ว ลมหายใจเขาก็พลันกระชั้นถี่มากขึ้น

ซูหมิงมีสีหน้าเป็นปกติ เขามีของที่มีคุณภาพยอดเยี่ยมกว่านี้อยู่ จึงก้มหน้ามองหนานกงเหินแวบหนึ่ง ก่อนโยนหินภูเขาโปร่งใสในมือไปทางหนานกงเหิน

“จะจัดการหินนี้อย่างไร อยู่ที่สหายหนานกงเป็นคนตัดสินใจแล้ว”

หนานกงเหินเงยหน้าหัวเราะเสียงดัง ก่อนทะยานขึ้นมารับหินภูเขากลางอากาศ ยิ้มหยีตามองคนโดยรอบ

ในตอนนี้ ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมันขมวดคิ้ว

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version