Skip to content

สู่วิถีอสุรา 448

ตอนที่ 448 หกร้อยเก้าสิบเจ็ด

ซูหมิงรอคอยอย่างอดทน มองหินสีแดงสามร้อย สี่ร้อย ห้าร้อย หกร้อยก้อนถูกขายไป อีกทั้งคนที่ซื้อไปเหล่านั้นยังเปิดมันต่อหน้าชาวเผ่าทั้งเมืองเชมัน

นอกจากรอแล้ว ซูหมิงก็ยังสังเกตตลอด สังเกตวิธีควบคุมวงแสงของห้าร้อยคนนี้ สังเกตความแปลกของของวิเศษลักษณะวงแสง โดยเฉพาะทุกครั้งก่อนให้ของวิเศษหมุน ทุกคนจะต้องนำถุงเก็บวัตถุมาวางไว้ด้านบน ซูหมิงมองออกว่าในถุงนั้นน่าจะเป็นผลึกเชมันสำหรับการซื้อหิน

นอกจากนี้แล้ว ซูหมิงยังเห็นอารมณ์ของชาวเผ่าเชมันโดยรอบถูกจุดประกายขึ้นอย่างสมบูรณ์ แทบจะบ้าคลั่งกันเลยทีเดียว

ในหินสีแดงห้าร้อยก้อน ซูหมิงนับอยู่ครู่หนึ่งว่ามีแสงพิลึกยี่สิบก้อน ทว่ามีห้าก้อนที่มีของอยู่ข้างใน นอกนั้นว่างเปล่า

แม้จะเป็นเช่นนั้น ในห้าก้อนที่มีของก็มีสองก้อนที่เมื่อเปิดแล้วทำให้ทุกคนต้องร้องเสียงดัง หนึ่งในนั้นคือก้อนที่เผ่าทะเลใบไม้ร่วงซื้อไป ส่วนอีกก้อนหนึ่ง ข้างในเป็นเส้นผมสีดำหนึ่งเส้น!

เส้นผมนี้อยู่ในหินภูเขาโปร่งใสขนาดเท่ากำปั้นมือ มันดูสมจริงราวกับมีชีวิต ทั้งยังเหมือนมีพลังชีวิตไม่น้อย ราวกับว่าแค่บีบหินก้อนนี้ให้แตกก็จะได้มันมาในสภาพสมบูรณ์

สิ่งนี้แม้แต่ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันยังหน้าเปลี่ยนอารมณ์ และใช้ราคาสูงลิ่วซื้อมันมา!

เวลาผ่านไป ตอนนี้เข้าสู่กลางดึกแล้ว ทว่าด้วยหินสีแดงบนท้องฟ้า จึงมีแสงส่องสว่างผืนดินจนใกล้เคียงกับยามกลางวัน

ยามนี้หนานกงเหินกัดฟันประมูลหินอีกหนึ่งก้อน ทว่าสุดท้าย…

“สหายโม่ ข้าไม่เอาด้วยแล้ว ดูอย่างเดียวดีกว่า…เฮ้อ หินสีแดงหนึ่งพันก้อนไม่มีวาสนากับข้าจริงๆ….สหายโม่ไม่ซื้อหน่อยรึ?” หนานกงเหินเหมือนยอมรับในโชคชะตา ถอนหายใจยาวอยู่ข้างซูหมิง

พวกหลันหลันสามคนข้างๆ ยามนี้เบิกตากว้างกับทุกอย่าง สีหน้าตื่นตะลึง บรรยากาศคึกคักเช่นนี้ เป็นเรื่องง่ายที่จะกระจายสู่อารมณ์ของทุกคน ทำให้การควบคุมจิตใจตัวเองถูกบั่นทอนไปจนถึงขีดสุด

ซูหมิงพยักหน้า ยามนี้เอง เสียงของผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมันดังกังวานแผ่นดินอย่างเนิบๆ

“งานพนันสมบัติจะขายหินจนครบหนึ่งหมื่นก้อนโดยไม่หยุดพัก หากใครที่อยากออกก็เชิญไปได้ทุกเมื่อ ตอนนี้ถึงหมายเลขหกร้อยถึงเจ็ดร้อย เริ่มประมูล!”

ชายชรามีสีหน้าสงบนิ่ง กล่าวจบก็กวาดสายตามองด้านล่าง

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก เขารอมาหนึ่งวันแล้ว นี่คือช่วงที่เขารอคอย!

“สองแสนสามหมื่น!”

“สามแสนเจ็ดหมื่น!”

“สี่แสนสองหมื่น!” แม้เป็นกลางดึก ความคึกคักกลับไม่ลดน้อยลง ตรงกันข้าม มันกลับดุเดือดยิ่งขึ้น ราคาก็สูงขึ้นเรื่อยๆ!

ซูหมิงเงียบมาโดยตลอด เขายังคงรออยู่ จนกระทั่งมาถึงหินหมายเลขหกร้อยเก้าสิบหก หลังจากมีคนซื้อไปด้วยราคาสี่แสนสองหมื่นแล้ว ก็มาถึงหินหมายเลขหกร้อยเก้าสิบเจ็ด!

หินก้อนนี้มีความสูงประมานคน ไม่ต่างอะไรกับหินอื่นๆ เลย ภายนอกดูธรรมดา แต่มีเพียงซูหมิงคนเดียวที่รู้ว่าในหินก้อนนี้มีดอกสามกลีบอยู่ แม้สองกลีบจะเหี่ยวเฉา ทว่ามีหนึ่งกลีบยังมีชีวิตอยู่!

“หนึ่งแสนหน้าหมื่น!” ช่วงที่เริ่มประมูลหินก้อนนี้ พลันมีคนตะโกนราคาขึ้นมา ไม่ใช่ว่าเขาเห็นถึงความพิเศษของมัน แต่หลังจากเริ่มประมูลหินทุกก้อนก็ล้วนเป็นเช่นนี้กันทั้งนั้น

“หนึ่งแสนแปดหมื่น!”

“สองแสน!”

“สองแสนสามหมื่น!” เสียงเคาะประมูลดังไม่ขาดสาย ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง หลังจากมีคนเคาะประมูลไปสองแสนสามหมื่นแล้ว นัยน์ตาเขาเป็นประกายวาววับ ก่อนประมูลขึ้นเป็นครั้งแรก!

“สามแสน!” ซูหมิงกล่าวออกไป

พอหนานกงเหินได้ยินก็มองเขาในทันใด พวกหลันหลันก็ยิ่งตื่นเต้นขึ้น

“สามแสนห้าหมื่น!” มีเสียงดังมาจากในกลุ่มคนอีกครั้ง คนที่นี่มีเยอะยิ่งนัก ใครเป็นคนกล่าวขึ้นก็ไม่รู้ เว้นแต่ซูหมิงจะใช้จิตสัมผัสตรวจดู แต่เพราะที่นี่จัดขึ้นโดยวิหารเทพเชมัน ฉะนั้นจึงมีน้อยคนนักที่จะกล้าประมูลมั่ว เรื่องแบบนี้คงรู้ผลลัพธ์ดีอยู่แล้ว

“สี่แสน!” ซูหมิงกล่าวต่ออย่างไม่ลังเล

ราคาสี่แสนนี้เป็นราคาเฉลี่ยช่วงท้ายๆ ของหินสีแดงในหลายร้อยก้อนนี้ หากมากกว่านี้แล้วล้มเหลวขึ้นมาจะต้องปวดใจอย่างยิ่ง ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ควรจะหยุดในราคานี้ ถึงอย่างไรข้างหลังยังมีหินสีแดงอีกมาก จึงไม่ต้องใส่ใจหินก้อนเดียวมาก

“สี่แสนสองหมื่น!” หลังจากหลายคนเงียบ ยังมีคนเคาะประมูลขึ้นมาอีก

“สี่แสนห้าหมื่น!” ซูหมิงมีสีหน้าเหมือนปกติ กล่าวขึ้นเรียบๆ

ผ่านไปอีกหลายลมหายใจก็ไม่มีใครประมูลต่ออีก ผู้อาวุโสวิหารเทพเชมันจึงเริ่มประมูลหินหมายเลขหกร้อยเก้าสิบแปดต่อ

ครู่ต่อมา ตอนที่ประมูลหินหนึ่งร้อยก้อนในรอบนี้ครบแล้ว คนที่ซื้อหินเหล่านั้นบ้างก็ตื่นเต้น บ้างก็สงบนิ่ง หรือไม่ก็เฝ้ารอคอย ก่อนบินขึ้นมายังวงแสงของวิเศษหนึ่งร้อยวงบนอากาศ

“สหายโม่ ขอให้โชคดี!” หนานกงเหินประสานมือคารวะซูหมิง ซูหมิงพยักหน้าแล้วสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนบินขึ้นฟ้าไป

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเป็นที่จับตามองของชาวเผ่าเชมันจำนวนมาก เป็นครั้งแรกที่ซื้อหินสีแดงในงานพนันครั้งใหญ่ และยังเป็นครั้งแรกที่จะเปิดหินสีแดง!

นอกจากนี้แล้ว นี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นการสร้างความตื่นตะลึงของซูหมิง!

ร่างคนร้อยคนกลายเป็นสายรุ้งยาว มาปรากฏอยู่ข้างของวิเศษวงแสงประจำหมายเลขของตน หินสีแดงที่ซูหมิงซื้อมาคือหมายเลขหกร้อยเก้าสิบเจ็ด เขาจึงยืนอยู่ตรงของวิเศษหมายเลขนั้น และมองของวิเศษขยับแสงวิบวับ มองมันค่อยๆ หมุนตัวจนมีเสียงซ่าๆ ดังเป็นบางครั้ง

ครู่ต่อมาบนท้องฟ้า หินหมายเลขหกร้อยจนถึงเจ็ดร้อยล้วนตรงเข้ามาปรากฏอยู่ตรงหน้าทุกคน ซูหมิงมองหินสีแดง หินนี้เป็นหินก้อนที่เขามองจริงๆ กระทั่งยังได้กลิ่นสมุนไพรบางเบาอีกครั้ง

คนอื่นๆ โดยรอบ ยามนี้หยิบถุงบรรจุผลึกเชมันออกมา แต่ละคนมีสีหน้าต่างกัน แต่กลับเฝ้ารอคอยเหมือนกัน หลังจากวางถุงไว้บนของวิเศษแล้ว ของวิเศษเหล่านั้นพลันเปล่งแสงเด่นชัดปานถูกจุดไฟเผา

กลุ่มคนด้านล่างล้วนหายใจกระชั้นถี่ มองตาไม่กะพริบจนลืม พวกเขาอยากรู้ว่าในหินหนึ่งร้อยก้อนนี้มีแสงพิลึกหรือจะปรากฏสมบัติหรือไม่!

จนกระทั่งวงแสงของวิเศษหนึ่งร้อยวงถูกจุดแสงไปเก้าสิบเก้าชิ้น มีเพียงของวิเศษตรงหน้าซูหมิงที่ยังไม่ส่องแสง เมื่อเป็นเช่นนั้นมันจึงดูเด่นตาอย่างยิ่ง

เรื่องแบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในวันนี้ สายตาของผู้คนด้านล้างพลันมองไปยังซูหมิง พอเห็นหน้ากากก็มีคนจำได้!

“เป็นเขา!”

“ต่อสู้อย่างสูสีกับเถี่ยมู่เชมันระดับปลายแห่งเผ่าแดนบูรพา บุคคลนี้มีนามว่าโม่ซู!”

“หากเขาไม่ได้ปิดบังระดับพลัง เช่นนั้นเขาคือผู้แข็งแกร่งที่สุดในเชมันระดับกลาง!”

“ตอนนั้นข้าเห็นว่าเขาต่อสู้กับผู้อาวุโสเถี่ยมู่ด้วยตาตัวเอง พลังของเขาไม่มีเชมันระดับกลางคนใดรับมือไหว!”

ขณะเดียวกัน สี่วิหารในแปดวิหารใหญ่กลางอากาศ ช่วงที่ซูหมิงเป็นที่จับตามอง คนในนั้นล้วนมีสีหน้าต่างกัน

เถี่ยมู่นั่งขัดสมาธิอยู่ในวิหารใหญ่ รอบตัวเขายังมีชาวเผ่านั่งอยู่ส่วนหนึ่ง สตรีวัยออกเรือนผู้นั้นก็รวมอยู่ด้วย ยามนี้นางมองซูหมิงอยู่ไกลๆ นัยน์ตาฉายแววเคียดแค้น

“เป็นเขา…” เถี่ยมู่มองซูหมิง แม้เคยกระทบกระทั่งกับซูหมิงมาบ้าง แต่เพราะซูหมิงให้เกียรติเขาตลอดจึงพอรู้สึกดีอยู่ ตอนนี้พอเห็นซูหมิงแล้ว แม้ใบหน้าไร้อารมณ์ ทว่าก็ไม่มีจิตสังหารเหมือนครั้งก่อน

อีกวิหารหนึ่ง หวั่นชิวสตรีศักดิ์สิทธิ์เผ่าทะเลใบไม้ร่วงยืนอยู่บนแท่นราบ มองค่ำคืนมืดบนท้องฟ้า มองเงาของซูหมิงภายใต้แสงสีแดงฉานวิบวับในค่ำคืนมืด จากนั้นขมวดคิ้วขึ้น

‘รูปร่างเหมือน ทว่า…กลิ่นอายพลังกับความรู้สึกเหมือนจะ….ต่างจากเขา’ ขณะหวั่นชิวกำลังขบคิด ตรามังกรสีแดงบนแขนขวานางขยับแสงเบาๆ

ภายในวิหารใหญ่หลังที่สาม บรรพบุรุษเทียนหลันนั่งอยู่ตรงนั้นด้วยสีหน้าปกติ เทียนหลันเมิ่งกับเทียนหลันโยวตรงหน้าเขามองไกลออกไป

เทียนหลันเมิ่งเพ่งมองซูหมิงแล้วเกิดความลังเลใจ

ภายในวิหารใหญ่หลังที่สี่ มีสตรีชุดขาวผมยาวผู้หนึ่งกำลังเหม่อมองซูหมิง แววตานางสับสน มีความซับซ้อน หากไม่ใช่เพราะว่านางเป็นเซียน หากไม่ใช่เพราะยามนี้ความรู้สึกในร่างกายยังมีอยู่เบาบาง นางคงยากจะมองออกว่าบุคคลนี้….ก็คือเขา

“เหตุใดเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่…เจ้าก็น่าจะรู้ว่า ถ้าเจ้าปรากฏตัวจะสร้างภยันตรายมากเพียงใด….” สตรีผมยาวพึมพำกับตนเบาๆ ความสับสนในแววตาหายไป แล้วแทนที่ด้วยความวิตกกังวล

ขณะเดียวกัน ในกลุ่มคนบนผืนดิน มีชายสวมชุดคลุมดำผู้หนึ่ง เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ยิ้มเยาะมุมปาก จ้องซูหมิงด้วยแววตาเย็นชา

“ผู้ครองหมายเลขหกร้อยเก้าสิบเจ็ด นำผลึกเชมันออกมาเพื่อจุดแสงของวิเศษของเจ้า!” ขณะที่ทุกคนมองซูหมิง ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมันมองเขาและกล่าวด้วยเสียงหนักแน่น

“แซ่โม่ไม่มีผลึกเชมันมากขนาดนั้น” ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง มองผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมัน

ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมันมีขั้นพลังครึ่งก้าวก่อนระดับสูงสุด จะโกรธหรือยินดีย่อมไม่เผยทางสีหน้า ยามนี้เขามีสีหน้าเหมือนเดิม มองซูหมิงพร้อมกับกล่าวช้าๆ

“ข้าจะให้เวลาเจ้าสามลมหายใจ จากนั้น หากเจ้าไม่นำผลึกเชมันตามราคาที่ประมูลออกมา ข้าจะลงมือสังหารเจ้าเสีย”

ซูหมิงย่อมเตรียมตัวมาก่อนอยู่แล้ว เขาไม่กล่าว เพียงหยิบถุงเก็บวัตถุที่เตรียมเอาไว้ โยนให้ผู้อาวุโสแห่งวิหารเทพเชมัน

ถุงเก็บวัตถุหยุดอยู่ตรงหน้าชายชรา เขามองซูหมิงด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง ก่อนใช้มือกวาดเข้ามา ใบหน้าเขาไร้อารมณ์ ใช้มือขวาชี้ไปยังของวิเศษตรงหน้าซูหมิง ยามนี้ของวิเศษถูกจุดแสงและควบคุมให้หมุนได้ทุกเมื่อ!

ชายชรามีสีหน้าปกติ แต่ในใจกลับตื่นตะลึง เพราะในถุงเก็บวัตถุนี้ เขาเห็นโอสถชำระล้างห้าเม็ด! เขาเคยเห็นโอสถชำระล้างมาก่อน กระทั่งยังเคยกินด้วยหนึ่งเม็ด ความรู้สึกพิเศษของโอสถชำระล้างทำให้เขามองออกในแวบเดียวว่าสิ่งนี้เป็นของจริงหรือของปลอม

อีกทั้งโอสถชำระล้างในถุงนี้ยังมีคุณภาพสูงกว่าเม็ดที่เขาเคยกินอย่างเห็นได้ชัด!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version