Skip to content

สู่วิถีอสุรา 472

ตอนที่ 472 กดและคว้า

ทว่าช่วงที่พวกเขาห่างกันเพียงสิบจั้ง เตรียมจะทำสงครามตัดสิน กัดกินกันอย่างบ้าคลั่ง นัยน์ตาซูหมิงก็ฉายแววคลุ้มคลั่ง เขาลืมสิ้นทุกสิ่ง เหลือเพียงการเข่นฆ่า

ทันใดนั้น บนท้องฟ้าสีเทามีเส้นโค้งสีดำลากยาวเข้ามา มันมีความยาวหลายร้อยจั้ง ตรงปลายมีคนยืนอยู่ผู้หนึ่ง!

บุคคลนี้สวมเสื้อคลุมขาว มีสีหน้าเย็นชา เส้มผมขาวปลิวไสว ดวงตาเป็นสีเทาทั้งดวง เห็นแล้วอดตื่นตะลึงไม่ได้ รอบตัวเขาแผ่ระลอกคลื่น วินาทีที่ปรากฏตัว วิญญาณอมตะหลายพันบนผืนดินล้วนตัวสั่น ระยะห่างระหว่างสองกลุ่มเพียงสิบจั้งนี้ ไม่มีใครกล้าขยับแม้แต่น้อย

ชายชราผมขาวเดินมาจากบนท้องฟ้า มาอยู่เหนือวิญญาณหลายพันตน เขาไม่มองข้างล่างแม้แต่หางตา เพียงยกมือขวาขึ้นกดและคว้าไปยังแผ่นดิน!

เมื่อกดลงไป ซูหมิงเห็นชัดเลยว่าชายชราเสื้อคลุมขาวกับท้องฟ้าหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งท้องฟ้าก็ให้ความรู้สึกกดทับ ความรู้สึกนี้ทำให้ร่างกายเขาเริ่มแหลกสลายทันใด วิญญาณอมตะโดยรอบทั้งหมดก็เช่นกัน!

โดยเฉพาะเหล่าวิญญาณที่ยังไม่มีสติปัญญา เพียงติดตามอย่างสับสน ทั้งหมดล้วนแหลกสลายไป กลายเป็นหมอกจากผืนปฐพีจำนวนมากเหมือนตอนพวกเขาเกิดขึ้น

กระทั่งซูหมิงกับวิญญาณที่กินวิญญาณตนอื่นจนแข็งแกร่งขึ้นมากเหล่านั้น ยามนี้ก็ตัวสั่นเทา ยืดหยัดได้เพียงไม่ถึงลมหายใจร่างก็ระเบิดกระจุย

รวมถึงซูหมิงด้วย!

ซูหมิงลืมตามองร่างตัวเองระเบิดกระจายกลายเป็นหมอก จากนั้นชายชราเสื้อคลุมขาวบนท้องฟ้าก็เปลี่ยนจากการกดมือเป็นคว้ามือ

ภายใต้การคว้านี้ วิญญาณอมตะทั้งหมดบนผืนดินสลายไป กลายเป็นหมอกขาวกลุ่มใหญ่ลอยขึ้นฟ้า และถูกสูบเข้าไปในฝ่ามือของชายชรา หลังจากเป็นก้อนหมอกขนาดเท่ากำปั้น เขาก็กำมือ ก้อนหมอกนั้นจึงหายเข้าไปในตัวเขา

ขั้นตอนทั้งหมดเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงสามลมหายใจ ชายชราไม่หยุดนิ่ง เขาเคลื่อนตัวออกไปไกลจนไร้เงา

บนแผ่นดินกว้างโล่ง วิญญาณอมตะทั้งหมดหายไป รวมถึงซูหมิง…..

เวลาผ่านไปอีกครั้ง หลายเดือนต่อมา บนพื้นดินค่อยๆ เกิดหมอกขาวลอยตลบขึ้น หมอกนั้นรวมเข้าด้วยกัน และกลายเป็นร่างคนเลือนรางทีละน้อย

แม้ร่างเงาคนเหล่านี้จะเลือนราง แต่พอมองออกว่าเป็นวิญญาณอมตะที่ตายไปตอนนั้น!

วิญญาณอมตะใช่ว่าจะไม่ตาย แต่หลังจากตายแล้วจะฟื้นคืนชีพมาอีก วนเวียนไม่รู้จบสิ้น…..

ในนั้นมีเงาเลือนรางคนหนึ่ง เขาปรากฏตัวตรงจุดที่ร่างซูหมิงสลายไปตอนนั้น เงาร่างคนนี้มีบางอย่างต่างกับวิญญาณอมตะคนอื่นๆ….

เขาขยับมือ กดและคว้าอย่างต่อเนื่อง ทำท่าประหลาดเช่นนี้หลายต่อหลายครั้ง เมื่อหมอกรวมตัวขึ้นจนกลายเป็นใบหน้าวิญญาณอมตะ ร่างเงาคนที่ทำท่ามือประหลาดไม่หยุดคนนั้นก็คือซูหมิง!

เพียงแต่ว่าตอนนี้ดวงตาเขาเป็นสีเทาทั้งหมด ไม่มีเค้าลางว่าสติปัญญาจะตื่นขึ้น เขาเหม่อมองมือขวาตัวเอง กดและคว้าอยู่อย่างนั้น

เขาไม่รู้ว่าตัวเองชื่ออะไร ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไม่รู้ว่าเหตุใดถึงมาอยู่ที่นี่ กระทั่งปัญหาเหล่านั้นไม่มีอยู่ในความคิดด้วยซ้ำ เขาไม่คิดถึงมันเลย ในสายตาเขาโลกนี้ไม่มีสิ่งใดสำคัญ ตอนนี้ที่สำคัญคือมือขวาซึ่งตนกำลังเพ่งมอง กดและคว้า

เขาไม่รู้ว่าเหตุใดต้องทำแบบนี้ ราวกับว่ามันเป็นสัญชาตญาณ ขณะกำลังกดและคว้าอยู่นี้ วิญญาณอมตะโดยรอบก็ค่อยๆ รวมขึ้นเป็นร่างคนและไม่เลือนรางอีก พวกเขาเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าอย่างช้าๆ

มีซูหมิงเพียงคนเดียวที่ก้มหน้ามองมือขวาตัวเองตลอด เหม่อมองพลางกดมือและคว้ามืออยู่อย่างนั้น…

จนกระทั่งผ่านไปอีกหลายวัน มีเสียงแตรสัญญาณดังมาจากท้องฟ้า วิญญาณอมตะตนอื่นๆ ล้วนตัวสั่น ละสายตากลับ ก่อนมองไปทางเสียงสัญญาณ และค่อยๆ เดินหน้าไป

ซูหมิงยังคงไม่เงยหน้า ต่อให้เขาได้ยินเสียงสัญญาณ ต่อให้เดินตามวิญญาณอื่นๆ ไป เขาก็ยังคงก้มหน้ามองมือขวาตัวเองที่กดและคว้าอยู่อย่างนั้น…

ราวกับว่าทุกอย่างของโลกใบนี้ เมื่อเทียบกับการกดและคว้ามือแล้ว ไม่มีสิ่งใดดึงความสนใจจากเขาไปได้เลย ขณะซูหมิงเดินหน้าก็ยังเป็นเช่นนี้ เขาจึงดูต่างจากวิญญาณอมตะโดยรอบอย่างยิ่ง

เมื่อวิญญาณอมตะหลายพันเคลื่อนไหวไปทีละน้อย ในนั้นมีวิญญาณส่วนหนึ่งมีสติปัญญาขึ้นมา พวกเขาร้องคำราม พอนัยน์ตาเหี้ยมโหดจนถึงระดับหนึ่ง ก็เริ่มกัดกินวิญญาณตนอื่นๆ โดยรอบเหมือนก่อนตายในครั้งก่อน

เพียงแต่ว่าวิญญาณอมตะที่ตื่นในครั้งนี้ต่างไปจากครั้งก่อน….

ระหว่างที่วิญญาณอมตะโดยรอบกัดกินกัน ซูหมิงยืนก้มหน้าและยังทำมือพิลึก ข้างกายเขาไม่มีวิญญาณอมตะตื่นขึ้นเลยปลอดภัยไปชั่วคราว วิญญาณอมตะที่กลืนกินวิญญาณอื่นๆ เหล่านั้นไม่เห็นซูหมิงแม้แต่น้อย หลังจากเขากดและคว้ามือไม่รู้กี่ครั้ง ตรงหน้าเขาปรากฏระลอกคลื่นบางๆ ระลอกคลื่นนี้อ่อนจางยิ่งนัก ทว่ากลับมีอยู่จริงๆ

ซูหมิงไม่สนใจระลอกคลื่นนี้ เขามองมือขวาอยู่ตลอด กดและคว้าวนเวียนไปอย่างนั้น

เวลาผ่านไปนานมาก วิญญาณอมตะโดยรอบตายไปส่วนหนึ่งแล้ว ก็มีเสียงคำรามเกิดใหม่ดังก้องฟ้าดิน ในครั้งนี้มีวิญญาณแข็งแกร่งปรากฏกายสามสิบสองตน เสียงคำรามพวกเขาทำให้วิญญาณอมตะรอบๆ ตัวสั่นงันงก และมีสีหน้าหวาดกลัว เว้นแต่….ซูหมิง!

ซูหมิงยังคงก้มหน้า ทำท่าแบบเดิมไม่หยุด ตรงหน้าเขามีระลอกคลื่นบางๆ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ

ไม่มีใครสนใจซูหมิง รวมถึงวิญญาณที่แข็งแกร่งเหล่านั้น หลังจากพวกเขาร้องคำราม ก็พาวิญญาณหลายพันตนบินออกไปไกลตามเสียงสัญญาณอย่างรวดเร็ว….

ระหว่างทางมีวิญญาณตื่นขึ้นอีกหลายครั้ง หลังนัยน์ตาพวกเขามีสติปัญญาแล้ว ก็จะกัดกินวิญญาณข้างกายตนก่อนเพื่อให้ตัวเองแกร่งขึ้น

ในนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่ง วิญญาณอมตะข้างกายซูหมิงตื่นขึ้นแล้วคำรามพร้อมกับพุ่งมาทางเขา ซูหมิงยังคงก้มหน้า ไม่มองแม้แต่หางตา เพียงเหม่อมองมือ เอาแต่กดและคว้า…

ทว่าทันทีที่อีกฝ่ายเข้ามาใกล้ ซูหมิงกดมือลง ทำให้วิญญาณอมตะตนนั้นตัวสั่นเทา นัยน์ตาที่มีสติฉายแววตื่นกลัว ยังไม่ทันเข้าใกล้ซูหมิง ร่างก็เริ่มแตกสลายเป็นชิ้นๆ ก่อนที่ซูหมิงจะเปลี่ยนมาคว้ามือ

การคว้าครั้งนี้ทำให้ชิ้นส่วนร่างวิญญาณตนนั้นเปลี่ยนเป็นหมอกขาวตรงมายังมือขวาเขา จากนั้นกลายเป็นก้อนหมอกเล็กๆ แล้วหายเข้าไปในฝ่ามือ

วิญญาณอมตะตนนั้นถอยไปด้วยความตื่นกลัวในทันใด ร่างกายอ่อนแอลงมากแล้ว ยามนี้ขณะถอยก็ถูกวิญญาณอมตะที่มีสติกระโจนเข้าใส่ สุดท้ายก็ถูกกินจนหมด

ซูหมิงยังคงก้มหน้า กดมือและคว้ามือต่อไป ทว่าระลอกคลื่นตรงหน้าเขามากขึ้นเรื่อยๆ รอบตัวเริ่มบิดเบี้ยว จึงดูเด่นตายิ่งนัก

ระลอกคลื่นบิดเบี้ยวนี้ทำให้วิญญาณอมตะโดยรอบพากันถอยไปตามสัญชาตญาณ ไม่กล้าเข้าใกล้ ส่วนวิญญาณอมตะที่กินพวกพ้องและแข็งแกร่งขึ้นเหล่านั้นก็มองซูหมิง นัยน์ตาสับสน…และหวาดกลัว

พวกเขารู้สึกได้ว่ามีพลังน่าสะพรึงบางอย่างโอบล้อมซูหมิงเอาไว้ ทำให้ไม่กล้าเข้าใกล้

วิญญาณอมตะกลุ่มนี้เคลื่อนตัวอีกครั้งอย่างเชื่องช้า ทว่าในโลกอมตะนี้ นอกจากวิญญาณที่เวียนว่ายตายเกิดเหล่านี้แล้ว เรื่องอื่นๆ ก็เหมือนจะเป็นวัฏจักรแบบนี้เช่นกัน

หลายเดือนต่อมา หลังจากวิญญาณหลายพันตนเดินทางต่อ วันนี้บนแผ่นดินสีขาวตรงหน้าพวกเขามีกลุ่มวิญญาณจำนวนไล่เลี่ยกัน และมีวิญญาณอมตะที่แข็งแกร่งนำทางอยู่เกือบร้อยตนเช่นกัน

เหมือนกับหลายครั้งก่อนหน้านี้ เมื่อวิญญาณสองกลุ่มเผชิญหน้า พวกเขาก็ร้องคำรามและพุ่งเข้าใส่กันอย่างบ้าคลั่ง ฟากซูหมิงยังคงก้มหน้ามอง กดและคว้ามือต่อไป

จนกระทั่งสองกลุ่มเข้าปะทะกัน ร้องคำรามและกัดกินอย่างบ้าคลั่ง ทั้งสองฝ่ายต่างดิ้นรนเพื่ออยู่รอด ส่วนทางซูหมิง มีวิญญาณอมตะสองตนกระโจนเข้ามา แต่พอเข้าใกล้ ร่างพวกเขาพลันระเบิดกระจุยกลายเป็นหมอกขาว ถูกคว้าเข้ามาและหายไปในฝ่ามือ

ซูหมิงทำมือเร็วขึ้นเรื่อยๆ ระลอกคลื่นก็มากขึ้นและบิดโค้งเด่นชัดขึ้นทุกที ครู่ต่อมา วิญญาณอมตะที่เข้ามาใกล้ล้วนกรีดร้องและสลายไป กลายเป็นหมอกเข้าสู่ฝ่ามือซูหมิง

ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น ทำแบบเดิมต่อไปและทำเร็วขึ้นเรื่อยๆ ระลอกคลื่นขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุดหย่อน วิญญาณอมตะโดยรอบรู้สึกถึงความน่ากลัวของซูหมิง จึงหยุดกินกันและเพ่งสายตามอง

ซูหมิงที่ขยับมือขวามาไม่รู้กี่วันพลันหยุดชะงักครู่หนึ่ง

ครู่ต่อมา เขาค่อยๆ กดมือขวาลง! พลันมีเสียงโครมครามก้องกังวาน คลื่นโจมตีมหาศาลกระจายออกรอบตัวเขา วิญญาณหลายพันหลายหมื่นตนบริเวณนี้ถูกระลอกคลื่นกระแทกใส่จนร่างแหลกสลายไปทั้งหมด…

ซูหมิงกดมือลงแล้วก็ค่อยๆ คว้ามือ หมอกขาวจำนวนมากปานทะเลหมอก วนเวียนอยู่รอบตัวเขาและตรงมายังมือขวา…

ที่นี่เงียบสงบ ซูหมิงยืนอยู่ในหมอกจำนวนมาก เมื่อหมอกไหลเข้าสู่มือขวา เขาก็ค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีเทาในดวงตากำลังลดน้อยลงอย่างรวดเร็ว สติสัมปชัญญะเพิ่มมากขึ้น!

“ข้า…คือซูหมิง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version