ตอนที่ 495 รับศพพิษ
ซูหมิงจากไปโดยไม่มีเผ่าชะตาชีวิตคนใดสังเกตเห็น อีกทั้งแม้บอกว่าเขาหายวับไป แต่ก็ทิ้งจิตสัมผัสเอาไว้ จึงยังรับรู้เรื่องที่นี่ด้วย หากเกิดอะไรขึ้นช่วงที่เขาออกไป ก็จะใช้วิชาเคลื่อนย้ายกลับมาให้เร็วที่สุด
กลับกัน ฝั่งมังกรแดงฉาน ความเจ็บปวดที่ส่งมาจากคลื่นเบาบางของมัน ทำให้ในใจซูหมิงเกิดเพลิงโทสะอย่างรุนแรง แม้หงหลัวจะเป็นคนสร้างมังกรแดงขึ้น ทว่าในงานพนันสมบัติครั้งใหญ่ พอเห็นซูหมิงแล้วมันก็กลับมาอย่างไม่ลังเล เห็นได้ถึงความภักดีของมัน
มันติดตามมาตลอด จนกระทั่งซูหมิงเข้าไปในศพจู๋จิ่วอิน มังกรแดงก็ยังคงรออยู่ข้างนอก จวบจนเกิดเหตุไม่คาดคิดขึ้น ซูหมิงเลยพอคาดเดาได้ว่าเรื่องนี้จะต้องเกี่ยวกับชายชราวิญญาณหยินที่เขาเช่ามาในตอนนั้นอย่างแน่นอน
ซูหมิงจึงต้องไปช่วยมังกรแดงออกมา
แม้จะรู้ซึ้งถึงความแกร่งของเผ่าวิญญาณหยินในตอนนั้นก็ตาม เขาเป็นเจ้านายมังกรแดงฉาน หากให้ทิ้งมันเพราะเจออันตราย ซูหมิงทำไม่ได้
เพราะหาบ้านไม่พบ ซูหมิงจึงให้ความสำคัญกับความรัก!
เพราะญาติพี่น้องไม่อยู่ ซูหมิงจึงให้ความสำคัญกับบุญคุณ!
ระหว่างเขากับมังกรแดงฉาน ไม่เกี่ยวกับเรื่องบุญคุณความรัก ทว่าสำหรับความภักดีนี้ ซูหมิงจะไม่มีทางทิ้งมันเพราะกลัวอย่างแน่นอน
“เผ่าวิญญาณหยิน…” ซูหมิงห้อเหยียดอยู่กลางอากาศ กลายเป็นสายรุ้งยาวสายหนึ่ง ดวงตาสองข้างฉายแววเย็นชา เขายกมือขวาขึ้น ตรงกลางฝ่ามือปรากฏระฆังเขาหาน
ซูหมิงมองระฆังเขาหาน แล้วมองเส้นผมเทพหมานรุ่นหนึ่งตรงนิ้วมือ เส้นผมตอนนี้เหลือไม่มาก แต่เขากลับมีสีหน้าเด็ดขาดและเพิ่มความเร็วขึ้น
หลังจากบำรุงจิตแรกเสร็จ ความเร็วก็เพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน โดยเฉพาะเมื่อใช้วิชาเคลื่อนย้ายร่วมด้วย สายรุ้งยาวทะยานผ่านท้องฟ้าและหายวับไป มาปรากฏตัวอยู่ที่ไกลขึ้น
ใช้เวลาหลายชั่วยาม ขณะซูหมิงกำลังห้อเหยียด ในที่สุดจากหุบเขาเผ่าชะตาชีวิตก็มาถึงผืนดินที่มีหนองน้ำอยู่เต็มไปหมด หนองน้ำนี้เมื่อสิบห้าปีก่อนไม่มีอยู่ ตอนนี้ปกคลุมพื้นที่ราวหมื่นจั้ง บ้างก็มีฟองปุดๆ ผุดขึ้นมา พอฟองแตกแล้วจะกลายเป็นหมอกเขียวลอยวนรอบหนองน้ำ คนที่เข้ามาใกล้จะเห็นเป็นหมอกขมุกขมัว
ซูหมิงไม่ได้บุ่มบ่ามไปเผ่าวิญญาณหยินก่อน แต่มาที่นี่เพราะภาพในจิตสัมผัสเขา ที่แห่งนี้มีศพพิษขั้นวิญญาณหมานอยู่
จะไปเผ่าวิญญาณหยิน ซูหมิงต้องเตรียมพร้อมให้ดีที่สุด ถึงอย่างไรเขาก็เคยสัมผัสกับความแกร่งของเผ่าวิญญาณหยินมาอย่างลึกซึ้งยิ่งแล้ว
ยามนี้เขายืนอยู่เหนือหนองน้ำ ก้มหน้า นัยน์ตาเป็นประกายสีทอง มองทะลุหมอกข้างล่างและดิ่งลงไปในหนองน้ำ ระลอกคลื่นที่คุ้นเคยต่อต้านขึ้นมาจากด้านใน
ขณะเดียวกันมีเสียงคำรามเบาๆ ดังก้องในฉับพลัน ราวกับแผ่กระจายมาจากในหนองน้ำ สั่นสะเทือนหมอกโดยรอบ เสียงคำรามนี้แฝงไว้ด้วยความโหดเหี้ยม ประหนึ่งว่าจะเข้ามาสำรวจจิตสัมผัส และดูไม่ยินดีเป็นอย่างยิ่ง
“อิสระที่ยากจะได้มาสิบห้าปีนี้ ทำให้เจ้ามีสติปัญญาใหม่…บังอาจเห็นข้าแล้วกลับไม่ออกมา! ตอนนั้นก่อนเจ้าตายข้าจับเจ้าเอาไว้ ตอนนี้สติปัญญาใหม่ของเจ้าก็เช่นกัน” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ ก่อนยกมือขวาขึ้นกดไปยังหนองน้ำใหญ่
เมื่อกดลงไป แสงสีทองจากตัวซูหมิงขยับวูบวาบอย่างรุนแรง พลังมหาศาลปล่อยมาตามมือขวาตรงไปยังหนองน้ำ ส่งเสียงโครมครามดังก้อง บนหนองน้ำพลันปรากฏเป็นลักษณะฝ่ามือยักษ์เว้าลงไป ฝ่ามือนี้เกิดขึ้นจากแรงกดทับของซูหมิง
เมื่อหนองน้ำสั่นสะเทือนและฝ่ามือยักษ์กดลงอย่างต่อเนื่องแล้ว เสียงคำรามจากหนองน้ำก็ดังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ครู่ต่อมา ช่วงที่ฝ่ามือกดลงไปราวหลายสิบจั้ง เว้าลึกลงไปในหนองน้ำ มีฝ่ามือสีเขียวยื่นมาจากข้างใน ปะทะกับฝ่ามือกดทับของซูหมิงจนเกิดเสียงดังสนั่นฟ้า
น้ำและโคลนกระเด็นออกโดยรอบจำนวนมากดุจพังทลาย หุ่นเชิดที่ซูหมิงตามหาและซ่อนตัวอยู่ในหนองน้ำยังไม่ยอมออกมา ราวกับว่ามันหลบหนีมาตลอด นี่คือสัญชาตญาณเดิมของมัน!
“ไม่ออกมาอย่างนั้นรึ” นัยน์ตาซูหมิงขยับวูบไหว ใช้จิตสัมผัสทั้งหมดตรงเข้าไปในหนองน้ำ หลังจากตรวจหนองน้ำแล้วก็เห็นโครงกระดูกสัตว์และของมนุษย์นับไม่ถ้วน อีกทั้งตรงส่วนลึกยังเห็นร่างคนนั่งยองอยู่ ดวงตาเป็นแสงสีเทา กำลังร้องคำราม
ซูหมิงใช้จิตสัมผัสตรงเข้าไปยังร่างเงานั้นอย่างไม่ลังเล พริบตาเดียวก็ปกคลุมเอาไว้ จากนั้นก็สังเกตเห็นว่าตราประทับของตนในตอนนั้นยังอยู่บนตัว เพียงแต่ว่ามัวหมองไปมาก เห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้ตราประทับถูกศพพิษโจมตีใส่บ่อยครั้ง
“ศพพิษ กลับมา!” ซูหมิงกล่าวเบาๆ พลางใช้จิตสัมผัสเหนี่ยวนำตราประทับในตอนนั้น ร่างเงาพลันตัวสั่นอย่างแรง ทั้งยังร้องคำรามดังขึ้น ก่อนจะเคลื่อนตัวอย่างรวดเร็วอยู่ใต้หนองน้ำเหมือนพยายามหลบจิตสัมผัสของซูหมิง
ทว่าจิตสัมผัสของซูหมิงตอนนี้แกร่งจนศพพิษไม่อาจหลบซ่อน ครู่ต่อมา ร่างเงานั้นก็เปล่งเสียงคำรามอย่างชั่วร้าย ก่อนพุ่งขึ้นมายังผิวหนองน้ำโดยไม่สนสิ่งใด
ร่างเงาสีเขียวพุ่งขึ้นมา ตรงมายังซูหมิงในชั่วพริบตาพร้อมกับกลิ่นเน่าและกลิ่นซากศพ
ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าปกติ วินาทีที่ร่างเขียวมาถึง เขายกมือขวาขึ้นสะบัดไปข้างหน้า สายฟ้าเส้นโค้งจำนวนมากพลันไหลเวียนอยู่รอบตัวเขาอย่างรวดเร็ว อีกทั้งมวลอากาศท่ามกลางสายฝนปรอยๆ ยังมีสายฟ้าขยับวูบวาบจำนวนมาก
ซูหมิงสะบัดมือ สายฟ้าเหล่านั้นหลุดจากร่างเขาแล้วมารวมกันกลางอากาศ ก่อนตรงไปยังร่างเงาสีเขียว พริบตาเดียวก็เข้าไปปะทะจนเกิดเป็นเสียงสายฟ้าดังสนั่น หากมองไกลๆ จะเหมือนว่าร่างเงาเขียวนั้นดูดสายฟ้าได้ มีแสงมังกรสายฟ้านับไม่ถ้วนทะลวงออกจากมวลอากาศรอบตัวมัน ผ่าลงมายังมัน!
ร่างเงาเขียวแค่นเสียงหึ ราวกับไม่สนใจสายฟ้าเหล่านั้น มันเดินหน้าต่อพร้อมกับสายฟ้าทั้งตัว พริบตาเดียวก็ห่างจากซูหมิงไม่ถึงสามจั้ง จากนั้นพ่นหมอกพิษออกมา หมอกพิษนี้กลายเป็นสีเขียวกับดำสองสี แผ่ขยายออกปานระเบิด และจะปกคลุมซูหมิงให้อยู่ข้างในในรวดเดียว
จุดที่ซูหมิงเคยอยู่มีหมอกพิษโอบล้อม พิษนี้คล้ายมีชีวิต มันกระจายออกรอบๆ อย่างต่อเนื่อง ร่างเงาเขียวคำรามอย่างลำพองใจ ดวงตาเป็นประกายดุร้าย ขณะกำลังจะพุ่งเข้าไปในหมอก มวลอากาศที่ยังไม่มีหมอกด้านหลังมันพลันบิดเบี้ยว จากนั้นร่างเงาซูหมิงก็เดินออกมาทีละก้าว
ทันทีที่เขาเดินออกมา ร่างเงาเขียวพลันสังเกตเห็น ชั่วขณะที่กำลังจะหมุนตัวกลับ ซูหมิงทำเสียงหึเย็นชา แล้วยกมือขวากดอากาศไปทางมัน!
ปลายนิ้วซูหมิงเปล่งแสงสีทองสว่างจ้า แสงสีทองซึ่งเด่นชัดที่สุดตรงนี้อาบลงบนตัวร่างเงาเขียว
ร่างเงาเขียวร้องโหยหวน ซวนเซถอยไปอย่างเร็ว คิดจะกลับเข้าไปในหมอกพิษ ทว่ายังไม่ทันไร ซูหมิงก็สะบัดแขนเสื้อสร้างพายุหมุนขึ้น พายุหมุนนี้หมุนอย่างรวดเร็วจนเกิดเป็นพายุคลั่งอย่างรุนแรง และเข้าไปในหมอกพิษเสียก่อน หมอกพิษม้วนตัวลอยตามพายุหมุนไป ร่างเงาเขียวจึงเข้าไปไม่ถึง
ร่างเงาเขียวหยุดชะงักก่อนหมุนตัวมาคำรามใส่ซูหมิง ยามนี้เองมันถึงเผยรูปลักษณ์ภายนอก มันเป็นคนที่มีขนสีเขียวยาวทั้งตัว ขนเขียวนั้นปานหนาม ดูคมกริบอย่างยิ่งและยังปกคลุมทั้งตัว!
ดวงตาเป็นประกายสีเขียว ตอนนี้จ้องซูหมิงเขม็ง ตรงระหว่างคิ้วมันยังมีขนสีขาวหนึ่งหย่อม!
พอมันหายใจ หมอกพิษสีเขียวดำก็ลอยเข้ามาอย่างต่อเนื่อง และถูกมันสูบเข้าไปอีกครั้งจนเป็นวัฏจักร
บุคคลนี้ ก็ยังพอมองออกว่าเป็นศพพิษขั้นวิญญาณหมานของซูหมิง!
ไม่รู้ว่าสิบห้าปีมานี้มันได้โชคลาภอะไรมาถึงกลายเป็นอย่างนี้ อีกทั้งระลอกคลื่นพลังของมันยังแกร่งกว่าเมื่อก่อนมาก ยามนี้มองไปเหมือนจะเทียบได้กับผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานตอนกลาง!
โดยเฉพาะหมอกพิษของมันยิ่งน่าตะลึง มิเช่นนั้นแล้วก่อนหน้านี้ซูหมิงคงไม่เลือกหลบ มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าในหมอกพิษนี้มีพิษของงูน้อยในตอนนั้นอยู่ และยังมีพิษไม่รู้ชื่ออีกชนิดหนึ่งด้วย พิษสองชนิดนี้รวมกันก็ยิ่งน่าสะพรึง
หลังจากศพพิษคำรามใส่ซูหมิงก็ตรงไปยังหนองน้ำ ไม่เข้ามาโจมตีอีก
ซูหมิงมีสีหน้าสงบนิ่ง ทว่ารอบตัวเขายังมีพายุหมุน พายุนี้ไล่หมอกพิษทั้งหมดได้ เขามองศพพิษตรงไปยังหนองน้ำแต่ก็ไม่ขวางเอาไว้ เพียงยกมือขวาคว้าอากาศ เรียกกระบองเขี้ยวยักษ์ขึ้นมาไว้ในมือ
แทบจะเป็นวินาทีที่ร่างศพพิษเข้าไปในหนองน้ำ ซูหมิงควงกระบองเขี้ยว เมื่อขนาดกระบองพลันใหญ่ขึ้นจนเกือบหนึ่งร้อยจั้ง เขาก็ฟาดลงไปยังหนองน้ำ
เสียงโครมครามสั่นสะเทือนรอบๆ ทันทีที่กระบองเขี้ยวฟาดลงไป แรงสั่นสะเทือนรุนแรงแผ่คลุมในหนองน้ำ หนองน้ำพลันถูกบีบลง ส่งแรงโต้กลับมาอย่างรุนแรง
พริบตาเดียวพลังนี้ก็แผ่กระจายออก ทำให้ศพพิษที่เข้าไปในหนองน้ำต้องถูกดีดขึ้นมา ขณะเดียวกันซูหมิงเข้ามาใกล้มันปานสายฟ้า แล้วใช้นิ้วชี้ขวากดอากาศไปทางหน้าอกศพพิษหลายครั้ง ศพพิษถอยไปติดๆ กันทั้งสีหน้าตื่นกลัว
“ข้าหลอมเจ้าเป็นหุ่นเชิดได้ ก็ย่อมลบเจ้าออกได้ แต่ในเมื่อเจ้ามีสติปัญญา ตอนนี้ก็ตัดสินใจเองเสียว่าจะติดตามข้าต่อ หรือว่า…จะตาย!” ซูหมิงหยุดลงและใช้จิตสัมผัสปกคลุมศพพิษ ในการกดนิ้วเมื่อครู่นี้ เขาส่งพลังกระดูกหมานของตัวเองไปด้วย เพียงแค่ความคิดเขาเคลื่อนไหว พลังนี้ก็จะระเบิดทั้งตัวศพพิษทันที
ศพพิษร้องคำรามอย่างบ้าคลั่ง ก่อนปล่อยหมอกพิษออกจากทั้งตัว ช่วงที่หมอกปกคลุมร่างของมันและกำลังคิดจะหลบหนีนั้น ซูหมิงยิ้มเยาะไม่ตามไป เพียงใช้ความคิดก็พลันมีเสียงระเบิดดังมาจากในหมอก
หลังจากเสียงระเบิดดังต่อเนื่องหกครั้ง ซูหมิงก็สะบัดชายเสื้อ ปล่อยพายุหมุนสลายหมอกพิษไป เผยให้เห็นศพพิษร่างเละทั้งตัวกลางอากาศ ดวงตามืดสลัว โลหิตสีเขียวไหลออกจากปาก
มันมีสีหน้าห่อเหี่ยว มองซูหมิงด้วยความกลัวมากยิ่งขึ้น
“ตาย หรือว่าเชื่อฟัง!” ซูหมิงมองศพพิษพลางกล่าวช้าๆ
ศพพิษมีสีหน้าดิ้นรน ครู่ต่อมาก็พยักหน้าและคุกเข่าตรงหน้าซูหมิง พร้อมกับทำเสียงอูๆ ปล่อยให้จิตสัมผัสซูหมิงทะลวงเข้าไปในร่าง และผสานรวมกับตราประทับในตอนนั้น
ซูหมิงไม่สนใจศพพิษอีก มองไปทางเผ่าวิญญาณหยินก่อนเดินหน้าไป ศพพิษตามอยู่ข้างหลังอย่างเชื่อฟัง บ้างก็หันไปมองหนองน้ำด้วยความอาลัยอาวรณ์