Skip to content

สู่วิถีอสุรา 511

ตอนที่ 511 ชน

ไม่มีน้ำทะเล

ร่างเงาซูหมิงหายเข้าไปในม่านแสงก้นทะเลลึก วินาทีที่เข้าไปในเทือกเขาที่จากกันมาสิบห้าปี แต่ในความรู้สึกกลับยาวนานไม่มีสิ้นสุดนั้น เขามองความคุ้นเคยรางๆ ในความทรงจำ มองทุกอย่างรอบๆ และมีสีหน้าปลงอนิจจัง

เพราะมีม่านแสงอยู่ น้ำทะเลจากโลกภายนอกจึงไม่เข้ามา ทว่าดูจากลักษณะของม่านแสงแล้วเหมือนจะยืนหยัดได้อีกไม่นาน เมื่อนั้นที่นี่จะกลายเป็นก้นทะเลลึกอย่างแท้จริง

ใต้เทือกเขา ประตูผนึกน้ำแข็งยังคงอยู่และปล่อยไอหนาวเยือก ซูหมิงมองประตูผนึก นัยน์ตาเป็นมันวาว ที่หลบภัยพิบัติรกร้างบูรพาที่เขานึกถึงระหว่างทางมาที่นี่ก็คือโลกหลังประตูผนึกน้ำแข็งนี้

ตามที่ซูหมิงคาดเดาเอาไว้ เต่าน่าสะพรึงในตอนนั้นไม่น่าจะรออยู่ตรงนั้นแล้ว ฉะนั้นโลกในผนึกน้ำแข็งจึงเป็นที่หลบภัยที่ดีที่สุด

‘ภัยพิบัติรกร้างบูรพามาถึงแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเผ่าหมานหรือเชมัน ก็ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้รอด…..ไม่รู้ว่าตอนนี้อาจารย์เป็นอย่างไรบ้าง…’ ซูหมิงเงียบ เขาไม่อยากนึกถึงอาจารย์มาโดยตลอด ไม่อยากนึกถึงศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รอง หู่จื่อ จื่อเชอ และยังมียอดเขาลำดับเก้าที่เป็นดั่งบ้าน

เพราะทุกครั้งที่นึกถึงจิตใจเขาจะสับสน เขาในตอนที่ออกจากยอดเขาลำดับเก้าและเข้าร่วมมหาสงครามหมานเชมัน คงนึกไม่ถึงว่าการจากกันครั้งนี้กินเวลาเกือบยี่สิบปี

‘ด้วยขั้นพลังของอาจารย์ ต่อให้เป็นภัยพิบัติรกร้างบูรพาก็น่าจะไม่มีปัญหา…บางทีศิษย์พี่ใหญ่อาจออกฌานแล้ว ศิษย์พี่รอง…..เขายังอยู่ยอดเขาลำดับเก้าหรือไม่ และยังมีหู่จื่อ…..’ ซูหมิงหลับตา หลังจากออกจากโลกเก้าหยินและรู้เรื่องราวน่าตะลึง อีกทั้งยังเห็นโลกของเผ่าเซียนข้างนอกแล้ว เขาพลันคิดถึงยอดเขาลำดับเก้า คิดถึงมากๆ…..

ในความคิดเขาค่อยๆ ผุดขึ้นมาเป็นความทรงจำในตอนนั้น ต้นไม้ใบหญ้าบนยอดเขาลำดับเก้า ความห่วงใยอย่างเงียบๆ ของศิษย์พี่ใหญ่ ศิษย์พี่รองเงยหน้า ให้เสี้ยวใบหน้ารับแสงตะวัน ใบหน้าเผยรอยยิ้ม คำพูดหนึ่งประโยค : ‘แบบนี้ ไม่ดี……’ ดังก้องอยู่ข้างหูซูหมิงเบาๆ

เสียงกรนของหู่จื่อ นิสัยถ้ำมองน่าเอือมระอา และยังมีอาจารย์ในชุดคลุมหลายสี อดีตเหล่านี้ ตอนนี้…..กลายเป็นความทรงจำ

“รออยู่ที่นี่จนกว่าภัยพิบัติรกร้างบูรพาจะจบลง จากนั้นข้าจะกลับยอดเขาลำดับเก้า!” ซูหมิงพึมพำเบาๆ ลืมตาขึ้น ที่นี่ไม่มีวานรเพลิง ช่วงที่เขาเข้ามาในม่านแสงก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบดูแล้ว

วานรเพลิงไม่อยู่

บางทีมันอาจจะออกไปข้างนอกก่อนที่น้ำทะเลจะจม ตอนที่มันจะกลับมา น้ำทะเลก็จมหมดแล้ว

ซูหมิงลอบถอนหายใจ ขยับตัววูบไหวไปยังถ้ำเทือกเขา เมื่อเข้าไปในห้องหม้อยาพลันหยุดชะงัก เขาได้กลิ่นสมุนไพรจางๆ นัยน์ตาเป็นประกายวาว รีบมาอยู่ตรงหม้อยา หลังจากพิจารณาอย่างละเอียดแล้วก็ขบคิดอยู่ชั่วครู่ ก่อนสะบัดแขนเสื้อเก็บหม้อยาไป จากนั้นก็เดินวนในถ้ำหนึ่งรอบ จนเมื่อเก็บของทุกอย่างที่ทิ้งเอาไว้ในตอนนั้นไปหมดแล้ว ก็มายืนอยู่ข้างผนังหินตรงส่วนลึกของถ้ำและครุ่นคิด

ผนังหินตรงนี้เป็นจุดเชื่อมกับเทือกเขา หากเปิดมัน ก็จะใช้วิชาสามตัดสังหารได้อย่างเต็มที่ เหมือนกับหัวมังกรตื่นขึ้น

ตอนนั้นหลังจากซูหมิงปรับโครงสร้างของที่นี่เสร็จแล้ว ก็ไม่เคยเปิดมันจนหมดเลย เพราะเขากังวลว่าถ้าเปิด พลังฟ้าดินจะหลั่งทะลักเข้ามาและดึงดูดความสนใจของโลกภายนอก

ทว่าตอนนี้ หากจะจากไปแบบนี้และปล่อยที่นี่ถูกจมอยู่ก้นทะเลซูหมิงก็ไม่ยอมอีก โครงสร้างในตอนนั้นจะต้องไม่สูญปล่าว

‘หากเปิดที่นี่ จะรวมพลังฟ้าดินมหาศาลเข้ามา ไม่เพียงแต่ส่งผลดีกับขั้นพลังข้า มันยังกระตุ้นกระดูกหมานให้พัฒนาขึ้น อีกทั้ง……ยังเร่งโอสถในหม้อยาให้อยู่ในระดับสูงสุด!’ ซูหมิงขบคิด เมื่อครู่นี้ตอนเก็บหม้อยาก็ได้กลิ่นสมุนไพรจางๆ อีกทั้งยังสังเกตเห็นว่าเม็ดโอสถในหม้อยาใกล้จะถึงช่วงเวลาสำคัญแล้ว

นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นเยือก พลันยกมือขวาสะบัดอากาศ ก่อนปรากฏหม้อยาขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เขาวางไว้ตรงหน้าผนังหิน ตรงนี้ก็คือใจกลางพลังฟ้าดินเมื่อเปิดผนังหิน!

และก็เป็นจุดที่เข้มข้นที่สุด ให้เม็ดโอสถเกิดผลในความเป็นไปได้สูงที่สุด!

ซูหมิงวางหม้อยาลง ร่างเงาเขาพลันเลือนรางค่อยๆ หายไป แล้วมาปรากฏตัวอยู่กลางอากาศนอกถ้ำ สายตามองม่านแสงมืดสลัว หลังจากขบคิดชั่วครู่แล้วก็แผ่ขยายจิตสัมผัส ขณะเดียวกัน จิตแรกปรากฏตัวขึ้นด้านหลังเขา จิตแรกพลันพุ่งออกไป แล้วค่อยๆ ผสานรวมกับม่านแสงมืดสลัว

ม่านแสงนี้หงหลัวทิ้งเอาไว้ หลังจากหงหลัวตาย ก็ขาดการเชื่อมต่อกับม่านแสง ฉะนั้นมันจึงค่อยๆ อ่อนลง ต่อให้ซูหมิงมีขั้นพลังกล่อมเกลาจิตของเผ่าเซียน ทว่าก็ยากจะใช้วิธีอื่นเพื่อเสริมอาคมนี้ เขาจึงต้องใช้จิตแรกผสานรวมกับอาคม เพื่อยืดเวลาของอาคมนี้ออกไป และยังเสริมให้แกร่งขึ้นอีกเล็กน้อย

เมื่อทำเสร็จ ซูหมิงก็สูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหมุนตัวมองเทือกเขาปานศีรษะมังกร ยกมือขวาขึ้นกดไปทางภูเขา เทือกเขาพลันเกิดเสียงโครมคราม การอำพรางสามตัดสังหารที่ซูหมิงวางเอาไว้ ยามนี้เปิดออกทั้งหมด

ท่ามกลางเสียงครึกคราม ซูหมิงมาปรากฏตัวอยู่ข้างหม้อยาในถ้ำตรงผนังหิน ก่อนใช้มือขวาตบผนังหินอย่างไม่ลังเล เสียงกึกๆ ดังก้องกังวาน ผนังหินพลันเกิดรอยร้าวหลายเส้น และลุกลามไปเรื่อยๆ เพียงครู่เดียวก็ปกคลุมทั้งผนังหิน

เสียงโครมดังสนั่นกึกก้อง ผนังหินแหลกเป็นเสี่ยงๆ ตรงหน้าซูหมิง เมื่อมันถล่มลงก็เสมือนว่าส่วนลึกของถ้ำถูกเปิดเป็นช่องโหว่ เป็นการตัดสลับกันของเทือกเขา และก่อขึ้นเป็นความรู้สึกประดุจมองท้องฟ้าจากก้นเหว

วินาทีที่ผนังหินถล่มลง มีเสียงลากยาวเข้ามาปานมังกรคำราม เสียงนี้กึกก้องอยู่ในเทือกเขา จากนั้น เทือกเขาก็สั่นไหวอย่างรุนแรง พลังฟ้าดินถูกสูบเข้ามาจากรอบๆ ทำให้ที่นี่กลายเป็นน้ำวนยักษ์

ส่วนลึกของน้ำวนก็คือจุดที่วางหม้อยา ส่วนซูหมิงนั่งฌานอยู่บนหม้อยา เมื่อพลังฟ้าดินจากรอบๆ หลั่งไหลเข้ามา ก็ถูกเขากับหม้อยาสูบไปอย่างไม่หยุดหย่อน น้ำวนจึงใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ครู่ต่อมาก็ปกคลุมทั้งถ้ำ

เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็สามวัน ในสามวันนี้น้ำวนปกคลุมทั้งถ้ำ อีกทั้งยังปกคลุมยอดเขา ดูๆ แล้วน้ำวนนี้เหมือนกับศีรษะมังกรกำลังเขมือบอย่างบ้าคลั่ง

เมื่อน้ำวนขยายใหญ่ขึ้น ส่วนลึกทะเลมรณะที่ถูกจมจึงค่อยๆ ม้วนทะเลมรณะให้เกิดปรากฏการณ์พิลึกเช่นเดียวกัน

ปรากฏการณ์เช่นนี้ดึงดูดความสนใจของสิ่งมีชีวิตจำนวนมากในทะเลมรณะ หากแต่ที่นี่มีม่านแสงอาคมอยู่ โดยเฉพาะหลังจากผสานรวมกับจิตแรกของซูหมิงแล้ว อาคมนี้จึงปกปิดเทือกเขากับถ้ำเอาไว้ ในสายตาคนนอกเป็นเพียงที่กว้างโล่ง

อีกทั้งตอนนี้ทะเลมรณะลุกลาม อยู่ในช่วงพิเศษแผ่นดินรกร้างบูรพาเคลื่อนตัวเข้ามา ในทะเลมรณะจึงมีแรงผลักรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ต่อให้รวมพลังฟ้าดินเป็นวงกว้าง สิ่งมีชีวิตในทะเลส่วนใหญ่พอสังเกตเห็นแล้วก็จะไม่สนใจ ทว่ามีบางส่วนมาตามหาร่องรอย

เวลาผ่านไปอีกครั้ง ไม่นานก็เจ็ดวัน!

ในเจ็ดวันนี้ จิตแรกของซูหมิงที่ผสานรวมกับม่านแสง สังเกตเห็นแล้วว่าแรงดันจากในทะเลมรณะรุนแรงกว่าเมื่อหลายวันก่อนไม่รู้กี่เท่า กระทั่งม่านแสงอาคมยังสั่นไหวอย่างแรง

ขณะเดียวกันด้านนอกม่านแสงอาคม จิตแรกของซูหมิงยังเห็นคนยักษ์ทะเลมรณะเจ็ดแปดตน กระทั่งยังมีมังกรน้ำยาวประมานหลายร้อยจั้งตัวหนึ่งเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ ส่วนสิ่งมีชีวิตในทะเลอื่นๆ ก็มีอีกไม่น้อย

พวกมันมารวมกันเพราะพลังฟ้าดินเข้มข้นตรงนี้ แต่ด้วยความแกร่งของอาคมของหงหลัว พวกมันจึงมองไม่ออกในช่วงเวลาสั้นๆ จึงได้แต่วนเวียนไปมารอบๆ

ทว่าเมื่อแรงดันจากทะเลมรณะรุนแรงขึ้น สิ่งมีชีวิตรอบๆ ก็ยากจะหยุดอยู่ตรงนี้ได้นาน และสลายตัวกันออกไปไม่น้อย

แต่ถึงกระนั้นด้วยความที่แรงดันเพิ่มขึ้น แม้แต่ม่านแสงอาคมยังรับผลกระทบ มันสั่นไหวพร้อมกับขยับแสงวูบวาบ เริ่มไม่อาจปิดซ่อนต่อไปได้อีก

สุดท้ายก็ผ่านไปอีกสามวัน ม่านแสงอาคมเริ่มเผยตัวจากความว่างเปล่า วินาทีนั้นเอง ก็ถูกกลิ่นอายพลังแกร่งกล้าหลายชนิดจากรอบๆ จับจ้อง เสียงคำรามดังก้องในทะเลมรณะ และยังมีคนยักษ์ทะเลมรณะสามตนก้าวเท้ายาวเข้ามา

นอกจากนี้รอบๆ ยังมีสิ่งมีชีวิตทะเลมรณะอื่นๆ อีก พวกมันทยอยกันเข้ามาใกล้ม่านแสงอาคมในทะเลมรณะ!

ทว่ายามนี้ซูหมิงกับหม้อยายังสูบพลังฟ้าดินไม่เสร็จ เขายังพอว่า แต่หม้อยากำลังอยู่ในช่วงสำคัญ การกระตุ้นดำเนินมาถึงครึ่งหนึ่งแล้ว

เห็นสิ่งมีชีวิตในทะเลเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ซูหมิงที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนหม้อยาพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นประกายจิตสังหาร ก่อนขยับวูบไหวตัวขึ้นมาจากในน้ำวนมหาศาล แล้วมาปรากฏตัวอยู่กลางทะเลมรณะนอกม่านแสงอาคม

ทันทีที่เขาปรากฏตัว คนยักษ์ตนหนึ่งกำลังมาใกล้อย่างรวดเร็ว มันยกหมัดยักษ์และกำลังชกไปยังม่านแสงอาคม ประหนึ่งคิดจะทำลายมัน ซูหมิงยิ้มเยาะ พลันยกมือขวาขึ้นแล้วชี้ไปยังคนยักษ์ทะเลมรณะตนนั้น เสียงสายฟ้าดังสนั่น พริบตาเดียวสายฟ้าก็เข้าปกคลุมคนยักษ์ในทะเล

ต่อจากนั้น นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเย็นเยียบ เขากำหมัดขวาชกใส่คนยักษ์ทะเลมรณะที่กำลังเข้ามาใกล้อีกตนข้างๆ ทว่ายังไม่ทันไร แรงดันในทะเลมรณะพลันเพิ่มขึ้นอย่างบ้าคลั่งจนไม่อาจบรรยาย เสียงกึกก้องดังสนั่น กระทั่งปานจะฉีกทะเลตรงนี้ ภายใต้แรงดัน คนยักษ์ทะเลมรณะทั้งหมดตรงนี้ถูกผลักจนกระเด็นออกไป

กระทั่งแผ่นดินยังสั่นไหวอย่างรุนแรงจนไม่อาจจินตนาการ เกิดรอยร้ายขึ้นจำนวนมาก ทั้งยังมีบางจุดถล่มทลายลง!

ซูหมิงก็คุมตัวเองไม่อยู่เช่นกัน แรงมหาศาลนี้มิใช่สิ่งที่คนจะรับมือไหว เขาหน้าเปลี่ยนสี เกิดความคิดน่าสะพรึงอย่างหนึ่ง

‘ชนแล้ว……’

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version