ตอนที่ 525 ฟางชางหลัน
วินาทีที่เสียงนั้นดังแว่วเข้ามา นางตัวสั่นสะท้าน พลันหมุนตัวไปมอง เห็นว่าด้านหลังตนตรงจุดที่เด็กหนุ่มอยู่เมื่อครู่ ตอนนี้มีคนเพิ่มมาหนึ่งคน
บุคคลนี้สวมอาภรณ์ขาว อายุราวยี่สิบเจ็ดปี ใบหน้าหล่อเหลายิ่งนัก
ใต้ดวงตาทั้งสองข้างมีรอยแผลเป็น ใบหน้าจึงมีความชั่วร้ายเพิ่มเข้ามาเล็กน้อย และยังมีกาลเวลาโชกโชนในแววตา เมื่อมองจะเหมือนตกอยู่ในห้วงเวลา
เขายืนมองอย่างเงียบๆ อยู่ตรงนั้น
ลักษณะหน้าตากับเด็กหนุ่มที่จากไปเมื่อครู่มีความคล้ายกันห้าหกส่วน ทำให้นางเหม่อลอยเล็กน้อยในช่วงวินาทีนี้
ทั้งสองคนสบสายตากัน เวลาค่อยๆ ผ่านไปในห้องเงียบสงบ ผ่านไปนาน ความอึ้งงันในสีหน้าสตรีผู้นั้นหายไป มุมปากนางเผยรอยยิ้ม แววตาเปล่งประกาย
“ข้ารู้ว่ามันไม่จริง” นางกล่าวเสียงอ่อนนุ่ม ยกมืองามรวบเส้นผม ขณะยกมือขวาพลันมีแสงอ่อนหลายเส้นตรงไปหาซูหมิงปานสายฟ้า
แสงอ่อนนั้นแผ่ไอหนาว มันเข้าใกล้ซูหมิงในชั่วพริบตา การลงมือของนางทำให้ซูหมิงตะลึงงัน ทว่าวิชาระดับนี้ไม่มีค่าพอให้เขาสนใจ
เขาไม่หลบ เพียงตัวเปล่งแสงสีทองอ่อนก็พลันเกิดเสียงเสียงปุดๆ ดังก้อง เส้นผมสามเส้นถูกรวมอยู่ตรงหน้าซูหมิงแล้วสลายไป
สตรีนางนั้นยืนขึ้นเช่นกันแล้วถอยไปหลายก้าว จ้องซูหมิงด้วยนัยน์ตาโกรธแค้นและดุร้าย
“เจ้าเป็นใครกันแน่!”
“ข้าคือซูหมิง” ซูหมิงพลันยิ้ม มองนางแวบหนึ่ง
“ซูหมิงไม่มีทางมีขั้นพลังอย่างเจ้าตอนนี้” นางขมวดคิ้วแล้วถอยไปอีกหลายก้าว
“ที่นี่คือเกาะบึงใต้ มีผู้แข็งแกร่งคุ้มกันอยู่ ต่อให้เจ้าเชี่ยวชาญการแปลงกาย อีกทั้งไม่รู้ว่ารู้จักหน้าตาของซูหมิงได้อย่างไร ทว่าปาหี่แบบนี้มันไร้ยางอาย!” นางกล่าวด้วยเสียงเย็นชา
ซูหมิงมองสตรีตรงหน้า รอยยิ้มเพิ่มมากขึ้น ไม่เจอกันมายี่สิบปี อีกฝ่ายเปลี่ยนไปไม่น้อย ดูเหมือนสงบนิ่ง แต่จริงๆ แล้วคนที่มีชีวิตรอดจากภัยพิบัติได้จะต้องมีความตื่นตัวสูงมาก ไม่มีทางเชื่อคนอื่นง่ายๆ แม้จะได้ยินกับหูและเห็นกับตาตัวเองก็ตาม บางครั้งก็อาจเป็นของปลอม
เห็นได้ชัดว่าสตรีผู้นี้มีความรู้สึกแบบนี้อยู่
“เช่นนั้นเจ้าคิดว่าเหตุใดข้าต้องแปลงเป็นคนอื่นมาหาเจ้า?” ซูหมิงยิ้มพร้อมกับเดินหน้าหนึ่งก้าว
เขาเดินหนึ่งก้าว นางถอยไปทันที เหมือนอยากจะถอยจนถึงปากประตู ทว่ามันไม่ง่ายดาย เลยจ้องซูหมิงอย่างนั้น ความแค้นในแววตามากขึ้นเรื่อยๆ
“แปลงร่างเป็นเขาได้จะต้องรู้จักข้าเป็นอย่างดี หากไม่ใช่เพราะเจ้าเคยเห็นข้ามานานมาก เช่นนั้นก็ต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับศิษย์พี่หญิงจื่อเยียน” ขณะนางกล่าวก็ถอยไปอีกหนึ่งก้าว เพียงหนึ่งก้าวเหยียบลง พื้นโดยรอบซูหมิงก็พลันปรากฏวงแหวนอาคม
วงแหวนอาคมนี้เต็มไปด้วยความเฉียบคม มันหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว กลายเป็นกริชน้ำแข็งเก้าเล่มหมุนวนกลางอากาศแล้วตรงเข้าไปหาซูหมิง
ซูหมิงเดินหน้าต่อ ปล่อยให้กริชเหล่านั้นตรงเข้ามา หลังจากระเบิดบนตัวเขาแล้ว ในเรือนแห่งนี้ก็เกิดไอหนาวขึ้น
ทว่าช่วงที่ซูหมิงเดินออกมา พื้นใต้เท้าเขากลับปรากฏวงแหวนอาคมอีกชั้น วงแหวนอาคมนี้ไม่ใช่แค่หนึ่ง แต่โอบล้อมอยู่รอบๆ ตัวเก้าชั้น
ขณะแสงวงแหวนอาคมขยับวูบวาบ ไอหนาวโดยรอบถาโถมเข้ามา หลังจากถูกวงแหวนอาคมสูบไปอย่างรวดเร็วก็พุ่งออกไป ความหนาวเยือกทำให้ซูหมิงเกิดความรู้สึกเหมือนเลือดเนื้อจะแข็งตัว ราวจะถูกแข่แข็งในชั่วพริบตา
ซูหมิงร้องอุทานเบาๆ ทั้งตัวขยับแสงทองวิบวับ ก่อนก้าวเดินออกมาจากไอหนาว แต่ทันใดนั้นเองมีเสียงกึกๆ ดังมาจากด้านหลัง พบว่ามีน้ำแข็งยักษ์ถูกรวมขึ้นมา
ยามนี้สตรีผู้นั้นมีสีหน้าจริงจัง ทว่าในใจกลับตื่นตะลึง
วงแหวนอาคมของเรือนนี้อวิ๋นไหลเป็นคนเตรียมให้ อีกทั้งนางยังเตรียมเอาไว้หลายปีเพื่อสังหารอวิ๋นไหลในช่วงเวลาสำคัญที่สุด!
การสังหารผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานตอนกลางคนหนึ่ง ในความคิดทุกคนหญิงบอบบางคนหนึ่งไม่มีทางทำได้ แต่นางคิดว่ามันต้องเป็นไปได้!
ทว่ายามนี้คนในร่างซูหมิงหลบอาคมสังหารสองชั้นมาได้โดยที่ไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆ ความมั่นใจของนางจึงสั่นคลอน ตามแผนการแล้วแม้ว่าวงแหวนอาคมสองชั้นจะไม่อาจสังหารอวิ๋นไหลได้ แต่ก็หยุดเขาไว้ได้ชั่วครู่เพื่อให้นางใช้กลอุบายต่อไป
หากแต่ทุกอย่างตอนนี้ทำให้จิตใจนางสั่นไหว นางยกมือขวากดไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล รอบตัวซูหมิงปรากฏวงแหวนอาคมขึ้นอีกครั้ง ครั้งนี้เป็นสามสิบหกชั้น แทบจะคลุมพื้นทั้งหมดในเรือน ไอหนาวพลันปะทุขึ้น นางใช้แรงกระแทกจากไอหนาวส่งตัวเองถอยไปอย่างเร็วรี่จนกระทั่งออกจากเรือน จังหวะก้าวถอยเหมือนคำนวณไว้อย่างละเอียด ตรงสิบสามก้าวพอดี
ทันทีที่เหยียบก้าวที่สิบสาม พื้นใต้เท้านางพลันนูนขึ้นมาเล็กน้อย เมื่อเหยียบลงแล้วพื้นในลานนอกหอเปล่งแสงวงกลม และเกิดเป็นวงแหวนอาคมยักษ์นอกหอ!
วงแหวนอาคมหมุนโคจร ก่อตัวขึ้นเป็นเปลวเพลิงสีดำนับไม่ถ้วน เปลวเพลิงนี้โอบล้อมโดยรอบ เมื่อรวมเข้าด้วยกันแล้วจึงกลายเป็นมังกรเพลิงดำตรงเข้าไปในหอ
ในเวลาเดียวกัน ภายใต้การระเบิดของไอหนาวในนั้น มันกลายเป็นก้อนน้ำแข็งยักษ์ในพริบตาเดียว ทันทีที่มังกรเพลิงกับก้อนน้ำแข็งสัมผัสกัน ความร้อนกับความหนาวเข้าปะทะ จึงเกิดเป็นพลังน่าสะพรึง เสียงระเบิดดังสนั่น เดิมทีเสียงควรจะกึกก้องโดยรอบ ยามนี้กลับถูกกระงับเอาไว้ในยอดเขาไม่กระจายออกไป
หอถล่มลง ก้อนน้ำแข็งระเบิด เปลวเพลิงสีดำกลืนทุกสิ่งอย่าง ทว่าสตรีนางนี้กลับไม่ผ่อนคลายลง ขณะหอถล่มลง นางกระเด็นถอยไปอีกครั้งประหนึ่งถูกแรงระเบิดจากตัวหอ จนกระทั่งถอยห่างมาสิบกว่าจั้งแล้วถึงยกมืองามขึ้น กลางมือปรากฏกระดูกหินหยกชิ้นหนึ่ง จากนั้นนั่งขัดสมาธิลง สองมือกดบนกระดูก นัยน์ตาเปล่งแสงอ่อน
ทันใดนั้น กระดูกหินหยกที่มือนางกดอยู่พลันเปลี่ยนสีจากขาวกลายเป็นดำ ขณะเดียวกันทั้งยอดเขาก็พลันสั่นสะเทือน
มีแสงสีดำเก้าสิบเก้าเส้นผุดขึ้นมาจากดินเก้าสิบเก้าจุดบนยอดเขานี้ ก่อนตรงมายังจุดที่นางอยู่พร้อมพลังแก่กล้า ทุกเส้นล้วนมีพลังเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น ยามนี้ขณะตรงเข้ามาใกล้ กระดูกในมือนางเปล่งแสงอ่อนจางอีกครั้ง แสงเก้าสิบเก้าเส้นทรงพลังขึ้นจนมีพลังขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนกลาง พริบตาเดียวก็ตรงหายเข้าไปในซากหอแล้วระเบิดออก
ซูหมิงเพิ่งเดินออกมาจากซากน้ำแข็งด้วยสีหน้าจำใจ แต่สีหน้าเขาก็พลันจริงจังขึ้นมา แสงดำเก้าสิบเก้าเส้นนั้นเหมือนไม่แข็งแกร่งในสายตาเขา ทว่าตำแหน่งและความเร็วของพวกมันกลับปกคลุมพื้นที่หลบหนีทั้งหมด
สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ซูหมิงต้องมีสีหน้าจริงจัง เพราะเขารู้สึกถึงภยันตรายที่มาจาก…ท้องฟ้า
แทบจะเป็นช่วงที่ซูหมิงสัมผัสถึงอันตราย นัยน์ตาสตรีผู้นั้นเผยจิตสังหาร กล่าวเบาๆ หนึ่งคำว่า
“ซู!”
ทันทีที่นางกล่าว ดวงตะวันที่นางมองอย่างสงบนิ่งก่อนหน้านี้ กระทั่งในวันธรรมดายังแทบใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการมอง ปานมองอย่างไรก็ไม่มีวันพอไปชั่วนิจนิรันดร์ มันพลันเปล่งแสงสว่างขึ้นหลายเท่า!
หินวิญญาณหลายร้อยก้อนในดวงตะวันพลันมอดดับ แสงตะวันมืดลงก่อนปล่อยลำแสงลงมา สั่นสะเทือนฟ้าดิน ทำให้ทุกคนในเกาะบึงใต้ตาค้างอ้าปากกว้างกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น!
ลำแสงนั้นเหมือนสูบแสงตะวันทั้งหมดแล้วปล่อยลงมายังยอดเขาของนางด้วยความเร็วสูง แล้วจึงพุ่งตรงเข้าไปยังซูหมิงผู้ตรงกลางแสงสีดำเก้าสิบเก้าเส้นในวงแหวนอาคม!
เสียงระเบิดดังสนั่นไปไกล ทั้งยอดเขาสั่นไหว จุดที่ปลูกหอไว้ก่อนหน้านี้กลายเป็นหมอกโอบล้อม เห็นเพียงหลุมใหญ่เว้าลึกลงไปรางๆ
นี่คือกระบวนท่าสังหารของหานชางจื่อ ทุกอย่างก่อนหน้านี้เป็นการก่อกวนจิตใจ แสงเก้าสิบเก้าเส้นก็ใช้การเพื่อสิ่งนี้!
บางทีลำแสงอาจจะยังไม่พอสังหารขั้นวิญญาณหมานตอนกลาง แต่เห็นได้ชัดว่านางยังมีกลอุบายอยู่อีก ยามนี้นางทำสัญลักษณ์สองมือ ขณะกำลังจะกัดปลายลิ้น กระดูกหินหยกที่ทาบมือขวาเอาไว้ขยับแสงอ่อนวูบวาบ ร่างเงาพลันหายไปแล้วมาปรากฏตัวห่างออกไปสิบกว่าจั้ง ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่ ตรงจุดที่นางอยู่เป็นจุดที่ซูหมิงเดินผ่านเมื่อครู่
ซูหมิงเดินออกมาจากจุดที่นางเพิ่งหายไป ใบหน้าเผยรอยยิ้มฝืดเฝื่อน ทว่าสายตาที่มองกลับเต็มไปด้วยความชื่นชม
แม้ตอนนี้นางอยู่แค่เซ่นไหว้กระดูกตอนต้น แต่เขาไม่คิดเลยว่าสตรีบอบบางในตอนนั้นจะวางกับดักสังหารน่าสะพรึงขนาดนี้ได้
กับดักสังหารนี้ถึงเป็นขั้นวิญญาณหมานตอนต้น หากไม่ระวังคงจะบาดเจ็บสาหัส ต่อให้เป็นขั้นวิญญาณหมานตอนกลางก็ยังต้องรอบคอบ
ทุกก้าวถูกคำนวณเอาไว้แล้วและเชื่อมต่อกัน กระทั่งซูหมิงยังจินตนาการได้ว่าหากปล่อยให้นางใช้อุบายต่อไป สุดท้ายแล้วมีโอกาสเป็นไปได้สูงมากที่นางจะใช้งานทั้งเกาะบึงใต้จนเกิดเหตุการณ์เหนือจินตนาการ
เห็นสตรีคนนี้ห่างไปสิบกว่าจั้งและยังเหมือนจะโจมตีต่อ ซูหมิงจึงขยับตัวคิดจะเข้ามาใกล้ ทว่าทันใดนั้นเอง นางกลับล้มเลิกใช้วิชา แต่หยิบกริชสีดำขึ้นมาวางไว้ตรงคอตัวเอง
“หากเข้ามาอีกก้าว ข้าจะปลิดชีพตัวเอง กริชนี้มีพิษร้ายแรงอยู่!”
หานชางจื่อมองซูหมิงด้วยความเย็นชาพลางกล่าวอย่างสงบนิ่ง
“ขั้นพลังเหนือการคาดเดาของข้า ข้าสังหารเจ้าไม่ได้ แต่เจ้าแปลงเป็นเขา ดูแล้วคงอยากจะจับข้า หากข้าตายเจ้าก็จะไม่ได้อะไรเลย!”
“ข้าคือซูหมิงจริงๆ…..” ซูหมิงฝืนยิ้ม ทว่ายังกล่าวไม่จบ กริชในมือหานชางจื่อที่นั่งขัดสมาธิอยู่ตรงหน้าก็ตกลงพื้น นางน้ำตาไหลพราก สายตาเหม่อมองซูหมิง ความเย็นชาในแววตากลายเป็นอ่อนโยน
“ซูหมิง…..เป็นเจ้าจริงๆ…..” ในดวงตานาง ซูหมิงเห็นภาพร่างเงาวูบวาบไปมา ในภาพนั้นคือความทรงจำของซูหมิงในช่วงยี่สิบปี!
นี่คือวิชาเฉพาะของหานชางจื่อ เพียงสัมผัสกับคนอื่นหรือเป็นจุดที่เคยผ่าน นางจะใช้สิ่งนี้มองเห็นทุกอย่างของอีกฝ่าย
“เป็นข้าจริงๆ ไม่เจอกันยี่สิบปี มาเจอครั้งนี้เจ้าทำให้ข้าจดจำไปอีกนาน เจ้าไม่กลัวว่าจะถูกพิษเล่นงานจนตายจริงๆ รึ?” ซูหมิงยิ้มเฝื่อน
“หากเจ้าไม่ใช่ซูหมิงจริงๆ ข้าจะยอมตาย หากเจ้าเป็นซูหมิง แน่นอนว่าข้าย่อมไม่ให้ตัวข้าตาย” ฟางชางหลันกะพริบตา ยิ้มกล่าวอย่างมีความสุข