Skip to content

สู่วิถีอสุรา 53

ตอนที่ 53 ความลับของตัวเลขหกตัว

ยามนี้ผู้คนนับร้อยบนลานต่างจ้องไปยังรูปปั้นทั้งเก้า ทุกรูปปั้นจะมีรายชื่อปรากฏเหมือนกัน ขณะที่พวกเขาแยกย้ายกันไปดู ต่างก็มีเสียงสนทนาดังระงมไปทั่วบริเวณ

บ้างก็มีรายชื่อพลันพรวดขึ้นจนร้องตะลึง บ้างก็มีรายชื่อที่อยู่อันดับสูงกลับดิ่งลงอย่างน่าเสียดาย

งานประลองครั้งนี้พูดได้ว่าการแข่งขันบนภูเขาถือเป็นเรื่องรองไปแล้ว จุดสำคัญล้วนอยู่ที่ตรงนี้ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นเผ่าร่องลม ทว่าก็มีเผ่าอื่นอยู่ด้วยไม่น้อย พูดได้ว่า แทบทุกเผ่าในแดนแปดทิศใกล้เคียงแทบจะอยู่ที่นี่กันหมด

พวกเขาจะนำรายชื่อทั้งสามด่านกลับไปประกาศในชนเผ่าของตน ให้ทุกคนได้รับรู้

มันเป็นธรรมเนียมประเพณี ครั้งก่อนๆ ก็เป็นเช่นนี้

เวลาเดินผ่านไป เยี่ยวั่งคงยังเป็นอันดับหนึ่ง ทว่าการเดินของเขาค่อยๆ ช้าลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อมาถึงขั้นที่สามร้อยสี่สิบห้า เฉินชงที่ตามหลังมาติดๆ อยู่ขั้นที่หนึ่งร้อยแปดสิบเก้า ส่วนอูเซินที่เป็นความหวังของใครหลายคนกลับไม่ทราบว่าเหตุใดถึงตกไปอยู่อันดับเก้า ได้เพียงหนึ่งร้อยยี่สิบเจ็ดขั้น

ในทางตรงกันข้าม ปี้ซู่ กลับดึงความสนใจของใครหลายคนบนลาน เขาอยู่อันดับสาม ได้หนึ่งร้อยแปดสิบแปดขั้น!

“ปี้ซู่นี่เป็นใครกันแน่ ไม่น่าเชื่อว่าจะเก่งขนาดนี้! หรือว่าในด่านแรกนี้จะไม่มีใครล้มเขาได้!”

“รอบนี้น่าสนใจ นานแล้วที่ไม่ได้เห็นเผ่าอื่นติดหนึ่งในสิบ กระทั่งอันดับหนึ่งในสามสิบยังปรากฏขึ้นไม่บ่อยครั้ง”

ท่ามกลางเสียงสนทนา ชายฉกรรจ์จ้าวหมานเผ่าภูผาดำกำลังนั่งขัดสมาธิมองอันดับรายชื่อบนรูปปั้นใกล้ตัว มุมปากเผยรอยยิ้มลำพองใจ พลางกวาดสายตามองไปทางเผ่าเขาทมิฬ

ตรงจุดเผ่าเขาทมิฬ ซานเหินกำลังนั่งขัดสมาธิหลับตา ไม่มองอันดับรายชื่อราวกับไม่มีความสนใจแม้แต่น้อย ส่วนผู้นำกองรักษาการณ์ขมวดคิ้วขึ้นราวกับร้อนใจ เขามองอันดับรายชื่อบนรูปปั้นใกล้ๆ พบว่าเป่ยหลิงอยู่อันดับห้าสิบเจ็ด เหลยเฉินอยู่อันดับเจ็ดสิบสาม และอูลาอยู่อันดับเก้าสิบเอ็ด

ยายเฒ่าเผ่ามังกรทมิฬและคนอื่นๆ ยามนี้เพ่งสมาธิมองอย่างจริงจัง สีหน้ายังคงเรียบเฉย คนเป็นผู้นำเผ่า ปกติแล้วจะปิดซ่อนความรู้สึกของตนได้ เว้นแต่จะเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น มิเช่นนั้นแล้วยากจะเผยให้เห็น ส่วนผู้นำกองรักษาการณ์เผ่าเขาทมิฬ หากไม่ใช่เป่ยหลิง เขาคงไม่ทางเผยความร้อนใจให้เห็นอย่างแน่นอน

ผู้คนหลายร้อยคนบนลานต่างสนทนาและให้ความสนใจกับผู้เข้าแข่งขันแตกต่างกัน ยามนี้ บนเส้นทางขั้นบันไดนับร้อยสายบนภูเขายักษ์ ผู้เข้าร่วมแข่งขันในด่านแรกทุกคนต่างรู้สึกว่าตนอยู่เพียงลำพังบนเขาลูกนี้

หมอกหนาไม่เพียงแต่บดบังทัศนวิสัยของพวกเขาเท่านั้น แม้แต่จากข้างนอกก็ยังมองไม่เห็นข้างใน ต่อให้เป็นจิงหนานจ้าวหมานเผ่าร่องลมก็ไม่อาจมองทะลุหมอกเหล่านี้ได้ ทำให้ไม่ทราบถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้านใน ทว่าแดนแห่งนี้ก็ไร้ซึ่งอันตราย ถึงอย่างไรงานประลองก็จัดขึ้นมาแล้วหลายครั้ง

ไป๋หลิงกัดริมฝีปากล่าง มีเม็ดเหงื่อผุดขึ้นบนหน้าผาก ค่อยๆ เดินขึ้นไปทีละก้าว ขั้นบันไดเบื้องหน้ามองไม่เห็นปลายทางราวไร้ที่สิ้นสุด ทำให้คนที่เดินอยู่เกิดความรู้สึกสับสน รวมกับแรงต้านที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ตามจำนวนขั้น ยิ่งทำให้รู้สึกเหมือนถูกบีบอัดอย่างรุนแรง คลับคล้ายมีเสียงกระซิบบอกให้ยอมแพ้ดังขึ้นข้างหู

ห่างจากไป๋หลิงไปไม่ไกล เหลยเฉินคำรามเสียงต่ำไม่หยุด เขาฉีกเสื้อหนังสัตว์ออกไปมากกว่าครึ่ง เผยให้เห็นร่างกำยำท่อนบน บนตัวเขามีเม็ดเหงื่อรินไหล สีหน้าดุดันแฝงไว้ด้วยความเหนื่อยล้า เขาเดินก้าวขึ้นไปทีละก้าว นัยน์ตาฉายแววบ้าคลั่งและเด็ดเดี่ยว

ห่างไปไกลอีก เป่ยหลิงมีใบหน้าขาวซีด ช่วงหลายวันที่ผ่านมาเขามอบโลหิตตรงระหว่างคิ้วให้กับอูเซินหลายครั้ง ทำให้ร่างกายอ่อนแอ ตามสัญญาแล้วเขาจะได้โลหิตหมานส่วนหนึ่งจากอูเซินในด่านที่สาม ทว่ายามนี้เขากลับวิตกกังวล ไม่ทราบว่าสัญญายังคงเป็นเหมือนเดิมหรือไม่ เป่ยหลิงกัดฟัน เขาไม่อยากให้ตนพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ จึงเดินขึ้นไปทีละก้าวพร้อมกับความภาคภูมิใจของเผ่าเขาทมิฬ

หากเทียบกับความลำบากของพวกเขาแล้ว เยี่ยวั่งโอรสแห่งสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดในเผ่าร่องลมกลับดูสงบนิ่งกว่ามาก เขาเดินขึ้นไปทีละก้าวอย่างไม่เร่งรีบ มือทั้งสองข้างไพล่หลัง ทางขั้นบันไดเหล่านี้เขาไม่ได้ขึ้นเป็นครั้งแรก แต่นี่เป็นครั้งที่สามแล้ว!

เขาจำได้อย่างแจ่มชัดว่าในครั้งที่สอง เขาเดินขึ้นไปมากกว่าแปดร้อยขั้น ส่วนครั้งนี้เขาตั้งเป้าเอาไว้ว่าต้องได้เก้าร้อยขั้น!

“ท่านปู่เคยบอกว่า เขาลูกนี้ดูเหมือนสูงมาก ทว่ากลับมีเพียงเก้าร้อยเก้าสิบเก้าขั้น ทั้งยังแฝงไว้ด้วยพลังพิลึกบางอย่างราวกับสามารถเปลี่ยนแปลงฟ้าดิน เดินได้เท่าไร ก็จะสะท้อนออกมาเป็นจำนวนเส้นเลือดที่ไปได้ไกลสุดในขั้นพลัง”

“จากนี้ไปต้องกินให้น้อยลงแล้ว เฮ้อ ต้องกินให้น้อยลงให้ได้….” ณ เส้นทางบางแห่งด้านหลังเยี่ยวั่ง เฉินชงกำลังหอบหายใจแรง บ่นไปพลางเดินไปพลาง รูปร่างของเขาค่อนข้างอ้วน ทำให้เวลาเดินราวกับเนื้อกระเพื่อม ทว่านัยน์ตากลับเด็ดเดี่ยว มองตราหินที่อยู่ในมือพลางขบคิด เขาเห็นอันดับรายชื่อทั้งหมดในนั้น และทราบดีว่ามีคนที่ชื่อปี้ซู่กำลังตามหลังมา!

ไกลออกไป เป็นชายหนุ่มลึกลับสวมเสื้อหนังสัตว์สีดำแห่งเผ่าภูผาดำ ยามนี้สีหน้าเขาเป็นปกติ เหมือนกับว่าขั้นบันไดเหล่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ต้องไปจริงจังมากนัก

‘นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ามาที่นี่ หากข้าไม่มาก็แล้วกันไป แต่ในเมื่อมาแล้ว อูเซินก็ดี เฉินชงก็ดี แม้แต่เยี่ยวั่งยังต้องหลีกทางข้าให้หมด! ครั้งนี้ข้าจะทำให้ทุกคนได้รู้ ข้าปี้ซู่ต่างหากที่เป็นโอรสแห่งสวรรค์หมายเลขหนึ่งในแดนแปดทิศใกล้เคียง!’ แววตาของชายหนุ่มผู้ปิดบังหน้ากว่าครึ่งเผยความกระตือรือร้น

หากเทียบกับทุกคนแล้ว ซูหมิงในยามนี้ถูกทิ้งห่างไปไกล ฝีเท้าของเขาช้ามาก ยามนี้เพิ่งเดินมาได้เพียงสามสิบสองขั้นเท่านั้น ซูหมิงไม่ได้เดินต่อ แต่ก้มหน้าลงขบคิด เขามองขั้นบันไดใต้ฝ่าเท้า แววตาค่อยๆ เป็นประกาย

‘ท่านปู่เคยพูดถึงตัวเลขหกตัว….ตัวเลขแรกคือสามสิบสาม…..หรือว่าจะหมายถึงขั้นที่สามสิบสาม!’ ขณะกำลังขบคิด ซูหมิงก้าวขึ้นไปบนขั้นที่สามสิบสามอย่างเชื่องช้า ทว่ากลับไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร มีแรงต้านเท่ากันกับชั้นก่อน

“ไม่เห็นมีอะไรแปลก….ก็เหมือนเดิม…” ซูหมิงขมวดคิ้ว เดินต่อไปขั้นที่สามสิบสี่ ช่วงที่เหยียบเท้าลง เขาพลันสั่นสะท้านไปทั้งตัว

“เหมือนเดิม….เหมือนเดิม….ไม่ถูกต้อง!” ซูหมิงหลับตา ใช้เท้าขวาที่เหยียบอยู่บนขั้นที่สามสิบสี่สัมผัสกับแรงต้านที่เกิดขึ้น

หลังจากลืมตาแล้ว ก็รีบถอยกลับมายืนอยู่บนขั้นที่สามสิบเอ็ด ก้าวขึ้นไปขั้นสามสิบสอง สามสิบสาม ในช่วงนั้นเอง แววตาของเขาพลันเป็นประกายสว่างไสว สูดลมหายใจเข้าลึก

‘ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้ ในขั้นสามสิบเอ็ดและขั้นสามสิบสามจะมีแรงต้านเพิ่มมากขึ้น ทว่ามีเพียงขั้นที่สามสิบสองที่แปลก ไม่ว่าจะถอยหลังหรือขึ้นไปก็จะสัมผัสได้ถึงแรงต้านที่เท่ากัน เหมือนกับว่า…..ไม่มีขั้นที่สามสิบสอง แต่ต่อให้ไม่มีขั้นสามสิบสอง ทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิมอยู่ดี’

ซูหมิงครุ่นคิดเล็กน้อย เขาไม่เดินต่อ แต่นั่งขัดสมาธิลงบนขั้นสามสิบสอง สัมผัสได้ถึงแรงต้านทั้งบนและล่างสองชนิดค่อยๆ บีบเข้ามายังร่างกายของตน ทำให้เขาเกิดความรู้สึกอึกอัด ในเวลาเดียวกัน เส้นเลือดสี่สิบเก้าเส้นปรากฏขึ้นบนตัวของเขา ในช่วงที่เส้นเลือดปรากฏ แรงต้านที่ซูหมิงสัมผัสได้พลันลดน้อยลงอย่างมากทันที หากไม่สังเกตให้ละเอียด ก็ยากจะพบข้อแตกต่างนี้

‘ขั้นบันไดส่วนใหญ่บนเขาลูกนี้มีแรงต้านสองชนิดแตกต่างกัน หนึ่งมาจากข้างบน และอีกหนึ่งมาจากแรงต้านที่เหลืออยู่ด้านหลัง…มีเพียงขั้นที่สามสิบสองเท่านั้นที่รู้สึกว่าแรงต้านจากข้างบนและข้างล่างเท่ากัน…ท่านปู่บอกตัวเลขมาหกตัว จะต้องหมายถึงขั้นบันไดหกจุดอย่างแน่นอน!’

‘บางที ท่านปู่อาจจะรู้มาจากตอนที่เข้าร่วมงานประลองของเผ่าร่องลมในครั้งนั้น เป็นความลับของเขา….’ ซูหมิงนั่งขัดสมาธิ ค่อยๆ หลับตาแล้วโคจรเส้นโลหิต ผ่านไปสักครู่หนึ่งจึงลืมตาขึ้นแล้วขมวดคิ้ว เขาไม่เห็นว่ามันจะส่งผลดีตรงไหน แม้แต่การโคจรโลหิตก็ยังเป็นปกติ ราวกับไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

ซูหมิงยังคงนึกไม่ออกถึงมูลเหตุ ทว่าก็เข้าใจดีว่าท่านปู่ไม่มีทางกล่าวขึ้นลอยๆ แน่ มันต้องมีความลับอะไรบางอย่างที่ตนยังหาไม่พบ

ทว่า….ซูหมิงเกาศีรษะ ตั้งแต่เยาว์วัยท่านปู่มักจะชอบกล่าวแบบนี้เสมอ ให้ตนเองได้ขบคิด อยากเข้าใจก็ต้องเข้าใจด้วยตัวเอง แต่หากไม่เข้าใจจริงๆ มีน้อยครั้งมากที่ท่านปู่จะบอกคำตอบแก่เขา

ขบคิดได้สักครู่หนึ่ง ซูหมิงจึงถอนหายใจ มองเส้นเลือดที่ปรากฏขึ้นบนตัวสี่สิบเก้าเส้น เส้นเลือดเหล่านี้ทำเขาเพิกเฉยต่อแรงต้านทานที่กดทับลงมายามนี้ได้ไม่น้อย

‘ท่านปู่นะ….จะบอกข้าตรงๆ เลยไม่ได้หรืออย่างไร….เฮ้อ มันซ่อนความลับอะไรเอาไว้กันแน่….’ ซูหมิงไม่ยอมแพ้ เขานั่งอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดอย่างหนัก

“แรงต้าน…..แรงต้านจากบนและล่างสมดุลกัน….ตรงจุดนี้เข้าใจได้ แต่เมื่อนั่งอยู่ตรงนี้ ภายใต้แรงต้านทำให้โลหิตในกายไหลเวียนเร็วขึ้น เป็นธรรมดาที่จะปรากฏเส้นเลือดเพื่อมาต่อต้าน…..นี่…..” ในใจของซูหมิงสั่นไหว ราวกับมีประกายแสงแล่นผ่านความคิด ทว่าก็ยังไม่แน่ใจนัก

ซูหมิงเบิกตาโพรง สูดลมหายใจเข้าลึก ก้มหน้ามองเส้นเลือดสี่สิบเก้าเส้นบนตัว

‘หรือว่าความลับที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของท่านปู่กำลังจะบอกข้าว่า ทำอย่างไรถึงจะคุมเส้นเลือดให้พวกมันค่อยๆ หายไปทีละเส้นเหมือนกับยามที่มันปรากฏขึ้น…ฉะนั้นตรงจุดนี้มีแรงต้านสมดุลเหมือนกับแรงจากโลกภายนอก จึงทำให้เรื่องที่เป็นไปไม่ได้สามารถทำได้ในที่แห่งนี้……’ ซูหมิงตัวสั่นไหว

‘เป้าหมายคือเพื่อให้ข้าควบคุมเส้นเลือดได้ยืดหยุ่นกว่าคนอื่น ต่อยไปหนึ่งหมัดสามารถควบคุมจำนวนของเส้นเลือดได้ ทำให้เพียงพอต่อระดับพลังที่ต้องการใช้ ไม่ให้สิ้นเปลืองมากเกินไป…’ ซูหมิงเลียริมฝีปาก หลับตาลงและเริ่มควบคุมเส้นเลือดบนตัว เหมือนกับการโคจรทวนเข็มนาฬิกา ทว่าพวกมันไม่ได้หายไปทั้งหมด แต่หายไปเพียงเส้นเดียว

นี่มันยากมากจริงๆ!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version