Skip to content

สู่วิถีอสุรา 539

ตอนที่ 539 ใครรบกวนการฝึกของข้า

ทางเหนือของแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพา บนผืนดินลักษณะแอ่งกระทะโอบล้อม พบเห็นเงาคนบนท้องฟ้าน้อยมาก รัศมีรอบๆ ที่นี่ไร้ที่สิ้นสุด

เป็นขอบเขตของสำนักเวไนยสัตว์ คนนอกเผ่าห้ามย่างกรายแม้เพียงครึ่งก้าว

สำนักเวไนยสัตว์รวมขึ้นจากสิบสองเผ่าแห่งแดนรกร้างบูรพาเมื่อหมื่นปีก่อน และเป็นหนึ่งในสี่สำนักใหญ่ของแดนรกร้างบูรพา มีอำนาจยิ่งใหญ่ ภายในสำนักมีขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์อยู่ ทำให้สำนักนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนรกร้างบูรพา!

ยามนี้ ณ กลางแอ่งกระทะไร้ที่สิ้นสุด ภายในมีหองดงามโอบล้อมอยู่นับไม่ถ้วน ทั้งยังมีควันดำลอยขึ้นฟ้า ตรงส่วนลึกของควันดำจะเห็นว่าบนพื้นมีวิหารใหญ่สีดำอยู่หลังหนึ่ง

วิหารนี้เหมือนกำลังเผาไหม้จึงมีควันดำลอยโชย ควันดำที่ว่านี้ก็มีเพียงเส้นเดียวจากในพื้นที่กว้างใหญ่! มันก็คือสัญลักษณ์ทางจิตใจของทั้งสำนักเวไนยสัตว์ เป็นภาพที่สร้างความตื่นตะลึงให้กับคนนอกและชัดเจนที่สุด!

บนแผ่นดินใหญ่รกร้างบูรพามีเพียงนักรบขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์เท่านั้นถึงจะรวมควันแบบนี้ได้ และใช้วิธีเช่นนี้สร้างความตื่นตะลึงรอบแปดทิศ!

ยามนี้ในวิหารใหญ่ตรงส่วนลึกของควันดำมีชายชราเสื้อคลุมดำนั่งอยู่ ชายชราคนนี้เส้นผมยุ่งเหยิง บนใบหน้ามีลายหมานแมงป่อง แมงป่องเปล่งแสงอ่อนจางจึงทำให้ชายชราดูลึกลับยิ่งขึ้น

ระลอกคลื่นแก่กล้าโอบล้อมอยู่ทั้งในและนอกตัวเขา โดยรอบมีเพียงชายวัยกลางคนผู้หนึ่งคุกเข่าตรงหน้าด้วยความนอบน้อมห่างไปสิบกว่าจั้ง

ทว่าทันใดนั้นเอง มือขวาชายชราพลันระเบิดกระจุย บาดแผลเหวอะหวะ ห้านิ้วมือซ้ายขาดพร้อมกัน

เหตุการณ์ดังกล่าวทำให้ชายวัยกลางตรงข้ามพลันเงยหน้าขึ้นด้วนสีหน้าตื่นตระหนก ทั้งยังมีความหวาดกลัว เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เพียงแค่ได้รับคำร้องขอจากหมัวหลัวเท่านั้น เลยมาพบผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเพื่อเชิญให้อีกฝ่ายลงมือ

แต่พอผู้อาวุโสใหญ่ใช้วิชาแล้ว กลับเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น มันย่อมสร้างความตื่นกลัวให้เขาอย่างแน่นอน

“ผู้อาวุโสใหญ่…” ชายวัยกลางคนยังกล่าวไม่จบ พบว่าชายชราที่มีลายหมานแม่งป่องตรงหน้าพลันลืมตาขึ้น นัยน์ตาเป็นมันวาววูบวาบในทันใด ชายวัยกลางคนรู้สึกว่าในวิหารใหญ่นี้มีกลิ่นอายพลังน่าสะพรึงปรากฏขึ้น!

กลิ่นอายพลังนี้ไม่ใช่ของชายชรา แต่เป็น…เงาทวนมายากลางอากาศในวิหาร เงานี้ขยับวูบวาบตรงไปยังชายชรา วินาทีที่เข้าใกล้ ชายชรากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตมา โลหิตนั้นรวมเป็นใบหน้าคนแล้วตรงไปยังทวน

เสียงโครมครามดังก้องกังวานในวิหารใหญ่ สร้างเป็นคลื่นลมทำให้ชายวัยกลางคนถอยหลังไปอย่างต่อเนื่อง ทั้งยังกระอักโลหิต สีหน้าหวาดกลัวยิ่งกว่าเดิม เขาเหมือนเดาอะไรบางอย่างได้ แต่กลับไม่กล้าเชื่อ!

‘เป็นไปไม่ได้ ด้วยขั้นพลังของผู้อาวุโสใหญ่ กะ…..กลับได้รับบาดเจ็บ และยังถูกกลิ่นอายพลังของอีกฝ่ายไล่ตามมา…นี่เป็นไปได้อย่างไร ผู้อาวุโสใหญ่ไปช่วยหมัวหลัวกลับมา หมัวหลัวอยู่นอกทะเล ศัตรูคือแดนอรุณใต้ หรือว่า…หมัวหลัวจะเจอกับสามยอดฝีมือผู้ยิ่งใหญ่แห่งแดนอรุณใต้!

ทว่าต่อให้เป็นสามยอดฝีมือ ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่น่าจะเป็นเช่นนี้!’ ขณะชายวัยกลางคนตื่นตะลึง ควันดำที่ลอยนอกวิหารใหญ่เหมือนถูกตัดขาดไปในชั่วพริบตา แม้จะกลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว แม้จะมีคนเห็นไม่มาก ทว่าภาพนี้ก็เพียงพอจะอธิบายได้ว่าผู้อาวุโสใหญ่คนนี้กำลังตื่นตะลึงกับทวนของซูหมิง

เสียงโครมดังผ่านไป เงาทวนก็ค่อยๆ เลือนหาย ผู้อาวุโสใหญ่ที่นั่งขัดสมาธิอยู่ สองมือที่ขาดสะบั้นงอกออกมาใหม่อย่างน่าประหลาด ดูจากลักษณะแล้วคงอีกไม่นานก็จะกลับมาเป็นปกติ

ชายวัยกลางคนหัวใจเต้นรัว ขณะกำลังจะกล่าวก็ถูกขัดขึ้นอีกครั้ง พบว่าชายชราเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า

“เจ้าเป็นใคร!” น้ำเสียงแฝงไว้ด้วยโทสะ ทั้งยังมี…ความกลัวเล็กน้อย!

“แดนอรุณใต้ ซูหมิง!” ทันทีที่ผู้อาวุโสใหญ่กล่าว ชายวัยกลางคนตัวสั่นงันงกก่อนเงยหน้าขึ้น เขาได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นจากอากาศรอบๆ ประหนึ่งตัดขาดจากมวลอากาศ

เสียงนั้นเย็นชาและเยาว์วัยเล็กน้อย ทว่าเมื่อเข้าถึงหูชายวัยกลางคนกลับทำให้จำฝังใจ

ชายชราผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเวไนยสัตว์มีสีหน้ามืดทะมึนอย่างยิ่ง ไม่มองสองมือที่กำลังคืนสภาพ แต่นัยน์ตาวาววับ เขารู้ว่าตนประมาทคู่ต่อสู้ ไม่คิดเลยว่าศัตรูของหมัวหลัวจะมีเสี้ยวกลิ่นอายพลังสร้างชะตาอันน่าสะพรึง!

“สร้างชะตา…..ในโลกใบนี้มีคนก้าวข้ามไปอยู่ในระดับนั้นจริงๆ…ซูหมิง ซูหมิง…..”

ผ่านไปนาน ชายวัยกลางคนด้านข้างตัวสั่นพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองชายชรา เมื่อลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงกล่าวอย่างนบนอบ

“ท่านบรรพบุรุษ…”

“ไม่ต้องสนใจหมัวหลัวแล้ว เจ้าจัดการต่อไป จากนี้ไปศิษย์สำนักเวไนยสัตว์ห้ามเหยียบเข้าไปในแดนอรุณใต้!”

……………

บนเกาะหมัวหลัว ซูหมิงคืนร่างจากซู่มิ่งแล้ว เขายืนอยู่ตรงนั้น ยังคงสวมเกราะฝังอสูร ทว่ากลิ่นอายพลังในร่างไม่เท่าก่อนหน้านี้ แม้จะเป็นอย่างนั้น แต่หลังจากใช้ทวนยาวที่แกร่งที่สุดแล้ว ซูหมิงก็เหมือนเข้าใจอะไรบางอย่าง

เขารู้สึกเหมือนคว้าอะไรบางอย่างได้ ทว่ากลับเลือนรางไม่ชัดเจน ราวกับมีหมอกควันจำนวนมากบดบังเส้นทางข้างหน้าเอาไว้

แต่กระนั้น เขาเชื่อว่าสักวันหนึ่งเมื่อตนข้ามไปสู่ขั้นวิญญาณหมาน เขาจะสะบัดมือไล่หมอกบังทางเหล่านี้ไปได้!

เขามองหมัวหลัวที่เหลือร่างไม่ถึงครึ่งบนพื้นไม่ไกลด้วยความเย็นชา

ยามนี้ชีวิตหมัวหลัวเหลือไม่มากแล้ว ทว่าเขาไม่อยากตาย เขากลัวตาย กลัวหายไปจากโลกนี้ และเขายังกลัวซูหมิงยิ่งกว่า ความกลัวนี้บรรลุถึงจุดสูงสุดของชีวิต เขาเห็นกับตาว่าแม้แต่ผู้อาวุโสใหญ่ยังต้านทวนไม่ไหว แล้วตนจะเอาอะไรไปสู้!

ช่วงที่เขามองสายตาซูหมิง นัยน์ตาฉายแววสิ้นหวัง

ซูหมิงเดินไปหาหมัวหลัว ยามนี้บนเกาะหมัวหลัวเงียบสงัด ทุกคนตายหมด หมู่เกาะอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวเลือดเข้มข้น ได้กลิ่นแล้วอยากจะอาเจียน

“จะ…..เจ้า….” หมัวหลัวตัวสั่น มองซูหมิงเดินมาทีละก้าว ทุกย่างก้าวเหมือนเหยียบทำลายชีวิตเขา ทำให้เขาเสียสติทั้งยังหวาดกลัวยิ่ง

“เจ้าสังหารข้าไปก็ไม่มีประโยชน์ ข้าเป็นคนสำนักเวไนยสัตว์ ข้ามาที่นี่เป็นแผนของสำนัก เจ้า…ทะ ท่านโม่เชวี่ยช่วยข้าด้วย ท่านโม่เชวี่ย!” หมัวหลัวคลุ้มคลั่งขึ้นมาจากความกลัว นัยน์ตาพลันเปล่งประกาย เขานึกออกแล้วว่าตนยังมีเกราะปกป้องชีวิตอยู่!

นั่นคือท่านโม่เชวี่ย กลิ่นอายพลังที่โม่เชวี่ยให้เขาสัมผัสเพียงชั่วครู่ แค่นั้นเขาก็ใจสั่นไหว ไม่กล้าลงมือ แต่ยกย่องบูชาโม่เชวี่ยด้วยความเคารพ!

กลิ่นอายพลังนี้ไม่เพียงสร้างความหวาดกลัวให้เขา หลังจากเป่าซานสัมผัสก็หวาดกลัวเช่นกัน!

นึกถึงโม่เชวี่ย หัวใจที่สิ้นหวังของหมัวหลัวก็มีความหวังขึ้นมาใหม่ เขาไม่ลังเลแม้แต่น้อย หากท่านโม่เชวี่ยลงมือ คนตรงหน้าต้องตายแน่นอน ไม่มีทางรอดชีวิตไปได้

ทว่าเมื่อเขาร้องตะโกน บนเกาะกลับไม่มีการตอบรับใดๆ ซูหมิงไม่หยุดเดินแม้แต่น้อย เดินมาจนอยู่ห่างจากหมัวหลัวหลายจั้ง

“ท่านโม่เชวี่ย!” หมัวหลัวเหมือนคว้าแสงสุดท้ายของชีวิตเอาไว้ เห็นซูหมิงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ในกายเขารวมเป็นพลังที่มีอยู่ไม่มาก หลังจากบินขึ้นแล้วก็ใช้ศีรษะกระแทกใส่พื้นอย่างแรง

ทันทีที่ศีรษะชนกับพื้น แผ่นดินพลันสั่นไหวดังกึกๆ แล้วเกิดรอยร้าวในพริบตา เมื่อเชื่อมเข้าด้วยกันก็กลายเป็นรอยแยกยักษ์บนเกาะหมัวหลัวและขยายออก

วินาทีที่เปิดรอยแยก มีกลิ่นอายพลังแก่กล้า กระทั่งเหนือกว่ากลิ่นอายสร้างชะตาปะทุมาจากรอยแยกยักษ์

ความแกร่งของกลิ่นอายพลังนี้ทำให้ฟ้าดินเปลี่ยนสี สัตว์นับไม่ถ้วนที่เวียนว่ายอยู่รอบเกาะตัวสั่น ร้องโหยหวน แล้วพากันถอยไป

ท่ามกลางกลิ่นอายพลังนี้ มีเสียงแก่ชราดังก้องกังวาน

“เป็นใคร!”

“เป็นใครที่รบกวนการฝึกของข้า!”

“ช่างหาญกล้านักที่มารบกวนการฝึกของข้า!”

เสียงนั้นดังกึกก้องปานสายฟ้า หมัวหลัวมีสีหน้าเคารพยิ่ง ทั้งยังฮึกเหิม ร้องตะโกนเสียงดังหลายครั้ง

“ท่านโม่เชวี่ยเป็นข้าเอง ขอให้ท่านโม่เชวี่ยลงมือกับคนผู้นี้ด้วย! จบเรื่องแล้วผู้เยาว์จะถวายของบูชาให้อีกหลายเท่า!”

หมัวหลัวดีใจใหญ่ เขาเชื่อว่าขอแค่ท่านโม่เชวี่ยตื่นขึ้น ตนจะปลอดภัย!

โดยเฉพาะนึกถึงตอนรู้จักกับท่านโม่เชวี่ย เขายิ่งตื่นเต้นไปใหญ่ เขาไม่เคยเจอกลิ่นอายพลังที่แกร่งเช่นนี้มาก่อน ขณะสัมผัสกับกลิ่นอายพลังนั้น เขาเห็นร่างกายโม่เชวี่ยและยังมีวิชาของอีกฝ่าย แม้ว่าไม่มีวิชาโจมตี ทว่ากลิ่นอายพลังก็ยากเลือนจะลืมไปชั่วชีวิต

เขายอมทุ่มเทอย่างมากกว่าจะเชิญโม่เชวี่ยมายังเกาะหมัวหลัวได้ จากนั้นก็เคารพบูชา หากอีกฝ่ายต้องการอะไรเขาจะช่วยอย่างสุดความสามารถ ทั้งยังมีความคิดจะเอาใจ ยามนี้ในใจผ่อนคลายลงแล้ว มุมปากจึงยกยิ้ม สายตาที่มองซูหมิงมีจิตสังหารอีกครั้ง

“คิดจะสังหารข้าหมัวหลัวไม่ง่ายขนาดนั้น ขั้นพลังเจ้าสูงแล้วอย่างไร ไม่มีทางเทียบกับท่านโม่เชวี่ยได้หรอก!” หมัวหลัวหัวเราะเสียงดัง

เขาจินตนาการถึงภาพต่อไปว่าท่านโม่เชวี่ยจะต้องปรากฏตัวและจบการต่อสู้ในชั่วพริบตาเดียว เมื่อสังหารซูหมิงแล้ว แม้คนบนเกาะนี้จะตายหมด แต่เขาก็เชื่อว่าขอแค่ตนรักษาบาดแผลและสภาพจิตใจ ยามขั้นพลังกับอาการบาดเจ็บหายดี ความรุ่งโรจน์ของหมัวหลัวก็จะกลับมาอีกครั้ง!

‘ถึงตอนนั้นข้าจะสังหารคนแดนอรุณใต้ให้เรียบ ให้พวกมันจำชื่อของข้าไว้ และให้รู้ไว้ว่าทุกอย่างนี้เป็นเพราะคนชื่อซูหมิง!

ข้าจะไปตรวจสอบคนรู้จักกับซูหมิงทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบุรุษหรือสตรี ข้าจะให้พวกมันตายอย่างทรมาน หากเจอคู่ชีวิตของมันก็ยิ่งดี ความอัปยศในวันนี้ข้าจะคืนให้ร้อยเท่า!’

ขณะหมัวหลัวกำลังตื่นเต้นในใจ สายตาที่มองซูหมิงเย็นเยียบยิ่งขึ้น

ซูหมิงหยุดชะงักเท้า มองรอยแยกอย่างเย็นชา ข้างหูได้ยินเสียงแก่ชราดังแว่วมาจากรอยแยก กลิ่นอายพลังแก่กล้านี้เขย่าขวัญได้ทุกคน ต่อให้เป็นซูหมิงตอนเพิ่งเริ่มก็ยังขมวดคิ้ว

ทว่าไม่นาน สีหน้าซูหมิงใต้เกราะฝังอสูรดูประหลาดใจ เพียงแค่คนนอกไม่เห็น

“ท่านโม่เชวี่ยช่วยลงมือด้วย!” หมัวหลัวกล่าวอย่างตื่นเต้นอีกครั้ง

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version