Skip to content

สู่วิถีอสุรา 548

ตอนที่ 548 อยู่ร่วมโลกกันไม่ได้

เสียงจากในวิหารลอยฟ้าที่สามยังกล่าวไม่จบ

ซูหมิงก็ยิ้มเย็นชาพร้อมกับมาปรากฏตัวอยู่ข้างคนที่ร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนยกมือขวาคว้าไป นักรบขั้นวิญญาณหมานผู้นี้คลุ้มคลั่ง รู้ว่าวิชาอภินิหารของตนไร้ผล จึงร้องตะโกนพลางเผาขั้นพลังจะระเบิดตัวเอง!

ทว่าเพิ่งจะเตรียมระเบิดตัวตาย มือขวาของซูหมิงที่คว้ามาเปล่งแสงม่วง แขนขวารวมถึงฝ่ามือปรากฏเกราะสีเดียวกัน ทะลวงผ่านการเผาไหม้เตรียมจะระเบิดตัว ตรงไปคว้าคอคนผู้นี้เอาไว้

“เราไม่ใช่ครอบครัวเดียวกัน” ตอนที่ซูหมิงกล่าวเสียงเบา เขาออกแรงบีบมือขวา เสียงโครมดังขึ้น ผู้แข็งแกร่งขั้นวิญญาณหมานในมือร่างกลายเป็นเศษเนื้อ ครั้นซูหมิงคลายมือออก เศษซากศพร่วงลงสู่พื้น มีกำไลสีขาววงหนึ่งบินขึ้นจากศพเข้ามาอยู่ในมือซูหมิง

ซูหมิงมองกำไลนั้น เขาจำได้ว่าสิ่งนี้เคยวางอยู่ในถ้ำของอาจารย์

ซูหมิงถือกำไลนี้ไว้ จิตสังหารในใจเข้มข้นขึ้นอีก เขาเงยหน้าขึ้นมองผู้อาวุโสขั้นวิญญาณหมานฝ่ายนภาคนสุดท้ายที่กำลังหนีไป บุคคลนี้เข้าไปใกล้วิหารลอยฟ้าหลังที่หนึ่งแล้ว ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ทว่าวินาทีที่ย่างก้าว มีชายชราเสื้อคลุมขาวเดินออกมาจากวิหารลอยฟ้าหลังที่สาม

ชายชราคนนี้มองซูหมิงด้วยความซับซ้อน เขาเคยเจอซูหมิงตอนอยู่ในงานประมูล เขามากับนายน้อยของเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ และได้เจอกับซูหมิงพร้อมกัน

นายน้อยเผ่าใหญ่เหมันต์สวรรค์ในตอนนั้นยังคิดจะเอาชนะใจอีกฝ่าย ตอนนี้ยี่สิบปีต่อมาทุกอย่างเปลี่ยนไปมาก ตอนที่เห็นซูหมิงอีกครั้งจิตใจเขาสั่นสะท้าน ผ่านไปพักหนึ่งแล้วยังไม่สงบลง

“ซูหมิงเป็นศิษย์ยอดเขาลำดับเก้า เจ้าไม่เห็นต้องทำเช่นนี้ ตอนนี้เจ้าแกร่งแล้ว แต่เจ้าอย่าลืมว่าตอนที่เจ้าอ่อนแอ ใครเป็นคนรับเจ้าไว้ สำนักเหมันต์สวรรค์เป็น…”

ขณะชายชราก้าวเดินก็กล่าวเสียงหนักแน่น ในใจเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง ความแกร่งของซูหมิง อภินิหารพิลึก โดยเฉพาะวิชาผนึกฟ้าดินยิ่งทำให้เขาหวาดกลัว

คนเช่นนี้เดิมทีเป็นของสำนักเหมันต์สวรรค์ ตอนนี้กลับเป็นศัตรู เขาจึงลอบถอนหายใจด้วยความขมขื่น

แต่ยังกล่าวไม่จบ ซูหมิงก็เงยหน้าขึ้นมองเขา

“เป็นยอดเขาลำดับเก้า!” ซูหมิงกล่าวนิ่งๆ ย่างก้าวมาอยู่ข้างชายชราขั้นวิญญาณหมานซึ่งหนีมาจนถึงนอกวิหารลอยฟ้าหลังที่หนึ่ง ขณะบุคคลนี้กำลังตื่นกลัวและสิ้นหวัง ซูหมิงก็เข้ามาใกล้ พลันมีเสียงหึเย็นชาดังแว่วมาจากวิหารลอยฟ้าหลังที่หนึ่ง จากนั้นประตูวิหารนี้เปิดออกพร้อมกับมีแสงอ่อนบินตรงมายังซูหมิง

ในแสงอ่อนนั้นมีพลังของจุดสูงสุดขั้นวิญญาณหมานตอนกลางปะทุขึ้น ภายในเป็นหม้อสามขาใบเล็ก หม้อใบนี้หมุนโคจรอย่างรวดเร็วขณะตรงมายังซูหมิง

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ก่อนสะบัดแขนเสื้อ หม้อโอสถของเขาพลันปรากฏขึ้นแล้วปะทะกับหม้อสามขาในนั้นจนส่งเสียงอึกทึก

ทันทีที่เสียงระเบิดดังก้องกังวาน ซูหมิงเดินหนึ่งก้าว

ขณะผู้อาวุโสขั้นวิญญาณหมานกำลังจะหนีอีกครั้ง ซูหมิงกลับวูบไหวตัวผ่านเขาไป แล้วมายืนอยู่บนแท่นราบของวิหารใหญ่หลังที่หนึ่ง ผู้อาวุโสขั้นวิญญาณหมานตัวสั่นเทา มีเสียงปุดๆ ดังแว่วมาจากในร่าง ยามโลหิตไหลก็มีงูน้อยตัวหนึ่งมุดออกมาจากปากเขา บินขึ้นพร้อมแลบลิ้นขู่ฟ่อ มองไปรอบๆ

งูน้อยตัวนี้ก็คือจู๋จิ่วอินของซูหมิง!

ดวงตามันเย็นชาไร้เมตตา ในสายตามันสรรพสิ่งทุกอย่างในโลกใบนี้คืออาหาร เว้นแต่ตอนที่มองซูหมิง แววตามันกลับอ่อนโยน เหมือนไม่ยอมแยกจากกัน

เมื่อซูหมิงเหยียบบนแท่นราบของวิหารหลังที่หนึ่งแล้ว ก็มีหญิงชราคนหนึ่งเดินมาจากด้านใน หญิงชราคนนี้มีสีหน้าเหี้ยมโหด ในมือถือไม้เท้าศีรษะมังกร นางเคาะไม้เท้าลงพื้นหนึ่งที ศีรษะมังกรบนไม้เท้าพลันร้องคำรามปานมีชีวิตก่อนพุ่งไปหาซูหมิง

ในเวลาเดียวกัน หญิงชรายังยกมือซ้ายขึ้น ตรงนิ้วนางมีแหวนวงหนึ่ง เมื่อซูหมิงเห็นแหวนวงนั้นแล้วนัยน์ตายิ่งเผยจิตสังหาร

แหวนวงนี้เป็นของอาจารย์เขา!

หญิงชรากัดปลายลิ้นพ่นโลหิตใส่แหวน โลหิตละลายเข้าไปข้างในโดยพลัน จากนั้นมีเสียงคำรามดังก้องออกมา พร้อมกันนั้นมีหมอกดำลอยมาจากในแหวน ก่อนกลายเป็นมือในชั่วพริบตาแล้วคว้าไปทางซูหมิง

ชั่วขณะเดียวกัน ชายชราเสื้อคลุมขาวจากวิหารหลังที่สามก็ก้าวเดินเช่นกัน

เขายกมือขวา มวลอากาศเหนือศีรษะบิดเบี้ยวและมีเสียงสายฟ้าดังสนั่นหวั่นไหว ปรากฏกระบี่ยาวที่มาพร้อมแสงสายฟ้าหนึ่งเล่ม กระบี่เล่มนี้กวาดไปรอบๆ ทั้งผืนฟ้ากลายเป็นดั่งบ่อสายฟ้า มีสายอัสนีบาตไร้ที่สิ้นสุด จากนั้นกระบี่เล่มนี้ก็ตรงไปหาซูหมิง

ต่อมามีเสียงถอยหายใจดังมาจากวิหารหลังที่สอง ครั้นวิหารหลังนี้กลายเป็นภาพมายาแล้วหายไป ก็เผยร่างที่มีหมอกแดงโอบล้อมทั้งตัวกำลังนั่งขัดสมาธิอยู่ผู้หนึ่ง ร่างเงานี้ค่อยๆ ยืนขึ้นแล้วมองซูหมิง ขณะก้าวเดินก็กลายเป็นหมอกแดงพุ่งไปหาเขา!

สามคนนี้ ทุกคนล้วนมีขั้นพลังเฉียดขั้นวิญญาณหมานตอนปลายมาก ทว่าคำว่ามากนี้บางครั้งกลับมีหุบเหวที่ยากจะข้ามผ่านได้ พวกเขายังคงเป็นขั้นวิญญาณหมานตอนกลาง!

เก้าประมุขแห่งฝ่ายนภา ฝ่ายแผ่นดินก็มีเก้าประมุขเช่นกัน! เห็นได้ชัดว่าสามคนนี้คือสามในเก้าประมุขฝ่ายนภา ซูหมิงจำได้ว่าตอนนั้นอาจารย์เคยบอกว่าฝ่ายนภาขาดประมุขไปหนึ่งคน ตอนนี้จึงมีแค่แปด

ประมุขของฝ่ายแผ่นดินก็มีไม่ครบเช่นกัน

“ประมุขแห่งฝ่ายนภาก็ไม่เห็นจะเท่าไร” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา แม้จะสังหารขั้นวิญญาณหมานตอนกลางมาไม่เยอะ ทว่าก็ไม่น้อย!

วินาทีที่สามคนนี้ใช้อภินิหารตรงเข้ามา ซูหมิงยืนอยู่ตรงนั้น มีเส้นถี่สีม่วงลอยมาจากทั้งตัว เส้นถี่ยิบเหล่านี้โอบล้อมกายเขาแล้วสร้างขึ้นเป็นเกราะฝังอสูร!

ตอนที่เขายกมือขวาก็ปรากฏทวนฝังอสูรขึ้น ขณะเดียวกัน มีกลิ่นอายชั่วร้ายอบอวลอยู่รอบๆ ทั้งยังมีกลิ่นคาวเลือดเข้มข้นกระจายสู่โดยรอบ

ในกลิ่นคาวเลือดนั้นเหมือนมีวิญญาณร้ายกำลังร้องคำรามนับไม่ถ้วน วนเวียนอยู่บนทวนฝังอสูรไม่ยอมออกไป วิญญาณเหล่านั้นมีไม่น้อย พวกมันก็คือคนรกร้างของเกาะหมัวหลัว!

หลังจากฝังอสูรปรากฏ หากไม่เปื้อนโลหิตจะไม่มีวันหายไป เกราะนี้เป็นตัวแทนถึงการเริ่มสังหารของซูหมิง!

ซูหมิงวาดทวนยาวในมือ ทันทีที่สามคนนั้นเข้ามา ตัวเขาก็เปลี่ยนเป็นร่างสีม่วง กลิ่นอายความตายกลายเป็นหมอกดำเข้มข้นกระจายออกไป และยังมีดวงตาสีแดงคู่หนึ่งขยับวูบวาบในหมอกดำนั้น

เกิดเสียงโครมครามดังก้องกังวาน ทั้งยังมีแรงปะทะรุนแรงแผ่ขยายออกรอบๆ อย่างรวดเร็ว หญิงชรากระอักโลหิต ร่างกระเด็นถอยไปหลายสิบจั้งก่อนกระอักเลือดอีกครั้ง สีหน้าดูตื่นตระหนกและเหลือเชื่อ

“ขั้นวิญญาณหมานตอนปลาย!” นางอ่านขั้นพลังซูหมิงไม่ออก แม้จะหวาดกลัวอภินิหารพิลึกของอีกฝ่าย ทว่าในความคิดนาง ต่อให้อีกฝ่ายได้โชควาสนาครั้งใหญ่ กับอีแค่เวลายี่สิบปีอย่างมากสุดก็ได้แค่วิญญาณหมานตอนกลางเท่านั้น

แต่ยามนี้พอได้สัมผัสก็รู้ว่าทุกอย่างเหนือการคาดเดาของนาง

แทบเป็นขณะเดียวกับที่นางกระเด็นถอยไป ชายชราเสื้อคลุมขาวก็ลอยกระเด็นเช่นกัน เขาถอยไปหลายสิบจั้ง มีโลหิตไหลมาจากทวารทั้งเจ็ด ก่อนกระแอมไออย่างรุนแรง ตรงดวงตาขวามีเส้นสีแดงผุดขึ้นมา พริบตาเดียวก็มุดกลับเข้าไปอีกครั้ง ใบหน้าเขามีเลือดฝาดผิดปกติ สายตามองซูหมิงด้วยความขมขื่นและสับสนยิ่งขึ้น

ส่วนร่างเงาที่กลายเป็นหมอกแดงก็กระเด็นถอยเช่นกัน หมอกนั้นสลายไปขณะกระเด็น แต่ก็กลับมารวมกันอีกครั้ง กลายเป็นร่างเงาผมแดงทั้งศีรษะ ทว่าร่างกายกลับเหมือนรูปปั้น เขายืนอยู่ตรงนั้น มองซูหมิงเงียบๆ ในสีหน้าเฉยชาซ่อนอาการดิ้นรนเอาไว้

ทันทีที่เห็นคนผมแดง ซูหมิงพลันหรี่ม่านตาลง

“จื่อเชอ!”

บุคคลผมแดงคือจื่อเชอ! พอได้ยินเสียงของซูหมิง จื่อเชอตัวสั่นเทิ้ม แววตาดิ้นรนมากขึ้น!

ขั้นพลังจื่อเชอยังไม่ถึงเซ่นไหว้กระดูก ตอนนี้เมื่อเผยขั้นพลังออกมากลับเป็นวิญญาณหมานตอนกลาง ทำให้ซูหมิงขมวดคิ้ว

เขามองแวบแรกก็รู้แล้วว่าจื่อเชอผิดปกติ ร่างกายเขาไม่ใช่เลือดเนื้อ แต่เป็นเหมือนรูปปั้น ดูแล้ว…เหมือนกับเทวรูปหมาน!

ในเวลาเดียวกัน ภายใต้แรงปะทะจากการต่อสู้เมื่อครู่ ระลอกคลื่นกระจายไปสัมผัสกับวิหารใหญ่อื่นๆ ทันใดนั้น ซูหมิงเห็นว่าวิหารลอยฟ้าอีกหกหลังที่เหลือพังพินาศลงพร้อมกัน รวมถึงวิหารด้านบนก็ยังสลายไปด้วย

พอสลายไปแล้ว….ในวิหารใหญ่หกหลังนี้ไม่มีร่างคนใดๆ เลย

ภาพนี้ดูพิลึกนัก ทั้งฝ่ายนภาในยามนี้เหมือนกับแปลกไป แต่ซูหมิงสังเกตเห็นว่าศิษย์ฝ่ายนภาที่ถูกผนึกอยู่รอบๆ ล้วนดูตื่นตะลึงและสับสนตอนเห็นวิหารใหญ่หลายหลังสลายไป

“ท่านประมุขรีบไปเถอะ ที่นี่…..” ทันใดนั้นเอง จื่อเชอพลันตะโกนเสียงดัง ทว่ายังกล่าวไม่จบ ในดวงตาเขาก็มีเส้นสีแดงมุดออกมาหลายเส้นแล้วกลับเข้าไปใหม่ จากนั้นดวงตาจื่อเชอกลับเผยจิตสังหารบ้าคลั่ง

“ในเมื่อมาแล้ว ไฉนต้องรีบร้อน ซูหมิง…ข้ารอเจ้าอยู่ที่ชั้นเก้า ข้าหวังว่า…เจ้าจะมีโอกาสมาให้ข้า…สังหารเจ้าเองกับมือ!” เสียงนุ่มนวลพลันดังมาจากด้านบน บนผืนฟ้าที่ยังไม่ถูกหมอกดำปกคลุมจนหมดปรากฏน้ำวนขึ้น น้ำวนนั้นหมุนโคจร เผยให้เห็นเป็นแผ่นดินข้างบน

“ใช่แล้ว ไป๋ซู่ก็อยู่ที่นี่ และยังมีศิษย์พี่หู่จื่อของเจ้า หากเจ้าสังหารข้าไม่ได้ในครึ่งชั่วยาม เขาจะเป็นเหมือนกับจื่อเชอ…นอกจากนี้แล้ว ที่นี่ยังมีสหายเก่าของเจ้าคนหนึ่ง เขาอยากจะสู้กับเจ้ามาก…

ซูหมิง ข้ารอวันนี้มานานมากแล้ว ข้ารอเจ้ากลับมามาตลอด…ข้าจะให้เจ้าค่อยๆ ทรมาน เอาความเจ็บปวดของข้าคืนให้เจ้าร้อยเท่าพันเท่า ข้าต่างหากคือเทพหมาน!”

เสียงนี้ดังกึกก้อง ในความนุ่มนวลแฝงไว้ด้วยไอหนาวถึงขีดสุด

เสียงนี้เป็นของ…..ซือหม่าซิ่น!

ช่วงที่เสียงนี้ดังขึ้น วงแหวนอาคมที่เอาไว้ใช้ออกจากฝ่ายนภานี้พังทลายลง

ขณะเดียวกัน นอกมิติฝ่ายนภา บนยอดเขาลำดับเก้า หู่จื่อที่นอนหลับอยู่ยังไม่รู้เรื่อง ต่อให้เป็นซูหมิงก่อนหน้านี้ก็ยังตรวจไม่พบ ว่ารอยแผลเป็นบนหลังหู่จื่อยามนี้กำลังปริออกแล้วมีเส้นสีแดงหลายเส้นมุดไปมุดมา…

“มาเริ่มกันดีกว่าซูหมิง ข้าละเฝ้ารอจริงๆ…..” เสียงซือหม่าซิ่นนุ่มนวลยิ่งขึ้น ฟังแล้วแยกไม่ออกว่าหญิงหรือชาย ทว่ากลับมีความแค้นฝังใจต่อซูหมิงดุจดั่งอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version