ตอนที่ 549 ร่ำรวยแล้ว
ซูหมิงเงยหน้ามองน้ำวนที่ยังไม่ถูกหมอกดำลุกลามไปถึงบนผืนฟ้าอย่างเย็นชา ข้างหูมีเสียงนุ่มนวลของซือหม่าซิ่นดังกึกก้อง ทุกสิ่งที่แฝงอยู่ในเสียงนี้มีแต่ความเคียดแค้นและอาฆาตของฝ่ายตรงข้าม
ใช้จื่อเชอเหนี่ยวนำใจของซูหมิง ทั้งยังใช้ไป๋ซู่กระตุ้นความทรงจำ สุดท้ายก็บอกถึงเรื่องอันตรายของหู่จื่อ ทุกอย่างเหล่านี้กลายเป็นเวลาจำกัดครึ่งชั่วยาม
เห็นชัดเลยว่าซือหม่าซิ่นอยากให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงอำนาจบีบบังคับ โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายคนนั้นคือ ซูหมิง!
เขาอยากให้ซูหมิงร้อนรน โกรธแค้น ให้อีกฝ่ายพุ่งเข้ามาโดยไม่สนสิ่งใด เขาอยากจะเห็นสิ่งน่าชมเหล่านี้ยิ่งนัก ทั้งยังอยากเห็นซูหมิงมีบาดแผลทั้งตัวยืนอยู่ตรงหน้าเขา ให้เขาชำระแค้นในอดีต!
เขาเตรียมตัวมานานมากเพื่อวันนี้! ผ่านการประมือและวางแผนต่อซูหมิงมาหลายครั้ง แม้สุดท้ายเขาจะพ่ายแพ้ ทว่ากลับเข้าใจซูหมิงมากขึ้นเรื่อยๆ หลังจากได้รับโชควาสนาออกจากอุโมงค์เหมันต์สวรรค์ เขาก็สาบานว่าชีวิตนี้จะต้องสังหารซูหมิงให้ได้!
ฉะนั้นเขาจึงวางกับดักครั้งใหญ่เอาใว้ในฝ่ายนภา และรอคอยซูหมิงกลับมาท่ามกลางความแค้น!
ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง!
ซูหมิงเงียบนิ่ง เขาไม่ได้โกรธแค้นและตะโกนอย่างที่ซือหม่าซิ่นอยากจะเห็น แต่เงียบสงบ มองน้ำวนบนผืนฟ้าอย่างเรียบๆ ก่อนขยับตัวเดินขึ้นไป แต่ช่วงที่กำลังจะพุ่งไปยังน้ำวนนั้น ฟากจื่อเชอกับชายชราเสื้อคลุมขาวที่อยู่ไกลๆ และยังมีหญิงชรา หลังจากฟื้นฟูร่างกายมาเล็กน้อยแล้ว จื่อเชอก็คลุ้มคลั่ง ชายชราสับสน ส่วนหญิงชรากัดฟัน ทั้งสามคนนี้ห้อเหยียดเข้ามากลายเป็นสายรุ้งสู้กับซูหมิง!
“ซูหมิง ข้าจะรอเจ้าอยู่บนชั้นเก้า…”
ซูหมิงอยู่กลางอากาศ มองสามคนตรงเข้ามา นัยน์ตาขยับวูบวาบ มือขวาถือทวนฝังอสูรอยู่ เขาไม่สนใจสามคนนั้น แต่ปาทวนไปยังน้ำวนบนผืนฟ้า
ทวนยาวสีม่วงหลายจั้งลากยาวผ่านมวลอากาศไป
เมื่อผสานรวมกับเสียงของซือหม่าซิ่นแล้ว หากมองไกลๆ จะเหมือนกับมังกรยาวสีม่วงตัวหนึ่งกำลังคำรามพุ่งไปยังน้ำวน
ซือหม่าซิ่นยังกล่าวไม่จบ ทวนยาวที่แฝงด้วยขั้นพลังของซูหมิงก็ส่งเสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว ปะทะกับผืนฟ้าตรงๆ ตอนที่ปะทะกัน น้ำวนหยุดนิ่งในทันใด ครู่เดียวก็ส่งเสียงดังสนั่น
ท่ามกลางเสียงกึกก้องปานฟ้าผ่า มันกลบเสียงของซือหม่าซิ่นจนหมดสิ้น ทำให้ผืนฟ้ามีเค้ารางจะเกิดรอยร้าว น้ำวนพลันแตกเป็นเสี่ยงๆ ทั้งผืนฟ้าเผยเป็นอุโมงค์ยักษ์!
ด้านหลังอุโมงค์นั้นก็คือ….ชั้นสองของฝ่ายนภา!
ขณะเดียวกับที่เผยอุโมงค์ บนผืนฟ้าชำรุดในชั้นหนึ่งนี้ หมอกดำกลิ่นอายความตายที่ไหลเชี่ยวประดุจเจอกับรูระบาย มันหลั่งทะลักเข้าไปในอุโมงค์พร้อมกัน ฉะนั้นผืนฟ้าจึงเกิดเป็นน้ำวนอีกครั้ง หมอกดำพรั่งพรูออกมาราวกับปะทุจากในอุโมงค์
แม้ยังเป็นน้ำวนอยู่ น้ำวนนี้สร้างขึ้นจากซูหมิง มันกลบเสียงของซือหม่าซิ่น เหมือนกับเป็นการตบหน้าฝ่ายตรงข้าม แม้ก่อนหน้านี้ซูหมิงยังไม่กล่าวใดๆ ยามนี้กลับใช้การกระทำบอกกับซือหม่าซิ่นถึงความเด็ดขาดของเขา!
“ข้าซูหมิง ชีวิตนี้สังหารมาไม่น้อย…..วันนี้จะมากขึ้นอีก หนึ่งในนั้นก็คือเจ้า”
ฟ้าดินส่งเสียงโครมคราม หมอกดำหลั่งทะลักเข้าไปในอุโมงค์ เสียงซูหมิงดังกังวานรอบๆ อย่างสงบนิ่ง แล้วผสานรวมกับเสียงโครมคราม สร้างเป็นคลื่นเสียงไร้ขีดจำกัด ทำให้คนฟังแยกไม่ออกว่าซูหมิงกำลังกล่าวหรือว่าตะโกนกันแน่
แทบเป็นขณะเดียวกับที่ผืนฟ้าปรากฏอุโมงค์ พวกจื่อเชอสามคนเข้ามาใกล้ซูหมิงแล้ว สามคนนี้มีขั้นพลังวิญญาณหมานตอนกลาง เมื่อลงมือจึงเกิดเสียงดังสนั่น จื่อเชอกลายเป็นหมอกแดง จุดที่ผ่านแม้แต่อากาศยังถูกเขากินไปบ้างดุจดั่งถูกกัดกร่อน
ชายชราชุดขาวทำสัญลักษณ์สองมือ มวลอากาศด้านหน้าและด้านหลังบิดเบี้ยว ปรากฏเป็นเทวรูปหมานสองรูป ทว่าเทวรูปหนึ่งในนั้นถือขวดล้ำค่าไว้หนึ่งขวด
ร่างกายเทวรูปนี้นอกจากขวดล้ำค่าแล้วอย่างอื่นล้วนเป็นมายายิ่ง มองดูแล้วเลือนราง เทียบไม่ติดกับเทวรูปหมานด้านหลังที่สมจริงราวกับมีชีวิต!
และยังมีหญิงชรา เส้นผมยุ่งเหยิงของนางยามนี้ยืดยาว ขณะกำลังตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว เส้นผมนางไม่ยาวไปด้านหลัง แต่ลอยขึ้นก่อนขาดตรงกลาง แล้วกลายเป็นเส้นผมจำนวนมากตรงไปหาซูหมิง
ซูหมิงเงียบสงบ เขาเดินหนึ่งก้าวไปหาหญิงชรา วินาทีที่ก้าวเดิน ตัวเขาปะทะกับเส้นผมนางในทันใด ทว่าตอนที่ปะทะกันนัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาววับ มีเสียงระฆังดังกึกก้อง ระฆังเขาหานปรากฏขึ้นครอบร่างซูหมิงเอาไว้ ขณะรับการโจมตีจากเส้นผม พริบตาเดียวเขาก็มาอยู่ตรงหน้าหญิงชรา
หญิงชรากรีดร้อง ชั่วขณะที่ถอยไปด้านหลัง ซูหมิงพลันยกมือขวาขึ้นคว้าอากาศไปทางนั้น การคว้านี้แฝงไว้ด้วยพลังด้านบวกและลบที่ซูหมิงตระหนักรู้ได้ ทำให้หญิงชราที่กำลังถอยไปชะงักอยู่ชั่วครู่ ท่ามกลางเสียงดังก้องกังวานประหนึ่งจะระเบิด หญิงชรากัดปลายลิ้นพ่นโลหิต จากนั้นผิวหนังทั้งตัวนางเกิดเค้าลางว่าจะปริแตก
ในเวลาเดียวกัน หญิงชราร้องตะโกน ผิวหนังระเบิดกระจุย สิ่งที่สลายไปนั้นไม่ใช่ร่างกาย แต่เป็นผิวหนัง นางใช้ผิวหนังระเบิดนี้ต่อต้านวิชาของซูหมิง จนช่วงที่กระเด็นถอยไป รูปร่างนางดูเยาว์วัยขึ้นไม่น้อย ทว่าใบหน้าขาวซีด มีสีหน้าตื่นกลัว ตรงมุมปากมีโลหิตไหลจำนวนมาก
หากแต่นางยังถอยไปไม่ไกลนัก จื่อเชอกับชายชราชุดขาวก็ตรงเข้ามาอย่างเร็วรี่ ทันทีที่วิชาใกล้จะถึงตัวซูหมิง ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วเดินหน้าอีกหนึ่งก้าว ความเร็วบรรลุถึงระดับที่ตาเนื้อมองไม่เห็น เหมือนกับมีสายลมหมุนวนรอบหญิงชราหลายรอบแล้วสร้างเป็นพายุหมุนขึ้น มันหมุนวนรอบนางหลายรอบถึงค่อยหายไป จากนั้นร่างซูหมิงมาปรากฏอยู่ข้างๆ ไม่มองหญิงชราอีก แต่เงยหน้าขึ้นมองชายชราเสื้อคลุมขาวด้วยความเย็นชา
หญิงชราในยามนี้ตัวสั่นสะท้าน ริมฝีปากบนล่างเปิดเหมือนจะกล่าวอะไรบางอย่าง แต่เลือดเนื้อทั้งตัวนางกลับหลุดจากร่างราวถูกชิงไป สุดท้ายเหลือเพียงกระดูกดิ่งลงสู่ข้างล่าง
ลมหายใจสิ้นสุดลง!
การสังหารขั้นวิญญาณหมานตอนกลางหนึ่งคน สำหรับซูหมิงในตอนนี้ โดยเฉพาะเมื่อสวมเกราะฝังอสูร มันไม่ใช่เรื่องยาก!
โครงกระดูกหญิงชรายังไม่ทันตกถึงพื้น กระดูกก็เกิดรอยร้าวจำนวนมาก มีเส้นสีแดงขนาดเท่านิ้วมือสิบเจ็ดถึงสิบแปดเส้นมุดออกมาจากในกระดูก ขณะบิดเบี้ยว เส้นสีแดงเหล่านั้นก็กลายเป็นน้ำโลหิตแล้วตายไป
ตอนซูหมิงมองชายชราเสื้อคลุมขาว อีกฝ่ายมีสีหน้าดิ้นรน ความเร็วกลับไม่ลดน้อยลง โดยเฉพาะเทวรูปหมานที่ถือขวดล้ำค่าตรงหน้า มันเข้าไปใกล้ซูหมิงก่อน แล้วยกขวดในมือขึ้นครอบไปทางเขา
ทันใดนั้นมีแรงดูดมหาศาลพรั่งพรูไปยังซูหมิง เวลาเดียวกัน เทวรูปหมานด้านหลังชายชราเสื้อคลุมขาวก็เข้ามาใกล้แล้วยกมือขวาขึ้น ปรากฏแส้ยาวในมือ ขณะกวัดแกว่งก็ฉีกแยกอากาศจนเกิดเสียงดังก้อง ตวัดไปยังซูหมิง
ชายชราเสื้อคลุมขาวกัดฟันและหลับตาลง เสื้อคลุมทั้งตัวพองบวมขึ้น มีโพรงโลหิตปรากฏตรงระหว่างคิ้ว และยังมีเส้นสีแดงยึกยือขนาดเท่าแขนทารกมุดออกมา
“หนาน โม่ ตี๋ ลา เจิ้น” ชายชราหลับตาพร้อมกับพึมพำภาษาซับซ้อนเข้าใจยาก ทว่าเสียงให้ความรู้สึกโบราณ
วินาทีที่เสียงดังขึ้น ร่างเทวรูปหมานที่ถือขวดล้ำค่าหายไปอย่างรวดเร็ว ครั้นผสานรวมกับขวดล้ำค่าแล้ว ทำให้แรงดูดเพิ่มมากขึ้นในชั่วพริบตา
แม้แต่ซูหมิงยังขยับตัวเหมือนยืนไม่อยู่ อีกทั้งในเวลานี้ เทวรูปหมานชายชราที่ถือแส้อยู่ยังไม่ทันฟาดใส่ซูหมิง ร่างมันก็ระเบิดกระจุยเสียก่อน นี่เรียกว่าเทวรูปหมานระเบิดตัวเอง วินาทีนี้แรงกระแทกมหาศาลแผ่กระจายออก ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด แรงดูดจากขวดล้ำค่าถึงเพิ่มขึ้นอีกมาก!
ตัวชายชราเสื้อคลุมขาว ยามนี้เมื่อกล่าวคาถาห้าคำนั้น ร่างกายก็แห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว พริบตาเดียวกลายเป็นหนังหุ้มกระดูก นั่นเป็นเพราะเขาได้เซ่นไหว้ชีวิตกับวิชานี้!
ด้วยสิ่งเหล่านี้จึงทำให้แรงดูดจากขวดล้ำค่าเพิ่มขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด ร่างซูหมิงกลายเป็นสายรุ้งยาวถูกดูดเข้าไปในขวดในพริบตาเดียว
ชายชราลืมตา เส้นแดงตรงระหว่างคิ้วเด่นชัดยิ่งขึ้น มันส่ายไปมาและยึกยือ ชายชราเหมือนจะชินกับขวดล้ำค่านี้แล้ว จึงใช้มือขวาคว้ามันเอาไว้ วินาทีที่สัมผัสกับขวด แม้แต่เส้นแดงตรงระหว่างคิ้วยังไม่รู้ว่าเขากระตุ้นคำพูดขอความช่วยเหลือที่เตรียมเอาไว้ในขวดล้ำค่านี้เมื่อนานมาแล้ว
“ช่วยข้าด้วย…” นี่เป็นเสียงแรกที่ซูหมิงได้ยินหลังจากถูกดูดเข้าไปในขวด
ทุกคนในยามนี้ล้วนมองการต่อสู้บนท้องฟ้า ไม่มีใครสังเกตเห็นว่าในวงแหวนอาคมที่ซูหมิงใช้เข้ามาในนี้ ตอนที่มันพังลงเมื่อครู่ มีร่างเงาสีดำมุดเข้ามา ร่างดำนั้นซ่อนตัวอยู่ข้างๆ คอยชะเง้อมอง ร่างกายดูมอมแมม มันก็คือกระเรียนขนร่วง…
“ร่ำรวยแล้ว ร่ำรวยแล้ว!”
กระเรียนขนร่วงตัวนี้ เมื่อปรากฏกายแล้วก็มีสีหน้าตื่นเต้น หายวับไปแล้วมาปรากฏตัวอยู่ข้างศิษย์ฝ่ายนภาที่อยู่ใกล้มันที่สุดอย่างเงียบเชียบ ศิษย์ผู้นี้ขยับตัวไม่ได้ อีกทั้งยังมองท้องฟ้าอย่างตื่นตะลึง
พริบตาเดียวกระเรียนขนร่วงก็เข้ามาใกล้ในทันใด ปากคาบถุงเก็บวัตถุของศิษย์ฝ่ายนภาคนนี้ไป อีกทั้งพอใช้สายตามองทั้งตัวศิษย์คนนี้แวบหนึ่งด้วยความชำนาญแล้วก็ใช้กรงเล็บเปิดเสื้อผ้าออก ขณะที่ศิษย์ฝ่ายนภาคนนี้เบิกตากว้างอ้าปากค้างและยังมึนงงอยู่นั้น โซ่เส้นหนึ่งที่แขวนอยู่ตรงคอเขา…ก็ถูกกระเรียนดำเอาไปแล้ว จากนั้นมันถึงพุ่งไปยังคนต่อไปปานสายลม
‘รวยแล้ว รวยแล้ว ฮ่าๆ ครั้งนี้ข้ารวยแล้ว คนขยับตัวไม่ได้เยอะขนาดนี้ ถ้าอาศัยจังหวะที่เจ้าหมานน้อยดึงดูดความสนใจ คนพวกนี้ก็จะไม่เห็นข้า ครั้งนี้กำไรแล้ว!’ ศิษย์ฝ่ายนภาคนนั้นเบิกตากว้างเหมือนจะโกรธและดิ้นรนขัดขืน ทว่ากลับขยับตัวไม่ได้ ได้แต่มองกระเรียนขนร่วงบิดก้นขโมยของแล้วจากไป เขาโกรธจนปวดใจ ทั้งโกรธและกลัดกลุ้มจนมีโลหิตไหลจากมุมปาก นัยน์ตามีเส้นเลือดแห่งเพลิงโทสะ
หากขยับตัวได้ เขาสาบานว่าจะสังหารกระเรียนขนร่วงสมควรตายที่ฉวยโอกาสกับผู้อื่นเช่นนี้แน่นอน!
ไม่นานเมื่อกระเรียนขนร่วงบินผ่านไป คนที่มีความคิดเช่นนี้…ก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ…