Skip to content

สู่วิถีอสุรา 654

ตอนที่ 654 บังเอิญหรือ

“เป็นเขา!” ซูหมิงตัวสั่นสะท้านโดยพลัน ลมหายกระชั้น สายตาเพ่งมองร่างคนหัวโล้น มองไปในดวงตาว่างเปล่าราวกับสูญเสียจิตวิญญาณ และตอนนี้เป็นเพียงศพเดินได้

ทว่ากลิ่นอายพลังเชมันจากตัวเขากลับไม่ลดน้อยลงเลย ในทางตรงข้ามกลับมากยิ่งขึ้น ดูเหมือนขั้นเซ่นไหว้กระดูก แต่ความจริงแล้วต่างออกไปอีก พอซูหมิงเห็นแล้วก็มองไปยังร่างรอบตัวชายร่างกำยำหัวโล้น

ทุกร่างล้วนมีกลิ่นอายเชมันเข้มข้นอย่างยิ่งเหมือนกับชายร่างกำยำหัวโล้น ทำให้ช่วงที่เกือบร้อยคนนี้ปรากฏ จึงดึงดูดความสนใจอย่างมากบนสนามรบ คล้ายกับโยนก้อนหินลงน้ำ สร้างเป็นคลื่นน้ำกระเพื่อมหลายชั้น

‘คนเหล่านี้คือวิญญาณหมานสามร้อยทาสของศิษย์พี่ใหญ่…ดูจากรูปลักษณ์แล้วเหมือนจะถูกควบคุมจิตใจ…ฉะนั้นศิษย์พี่ใหญ่…’ ซูหมิงเงียบงัน ก่อนมองไปทางสำนักเต๋าเทียนหลัน แววตามีจิตสังหารวูบผ่าน

สำหรับซูหมิงแล้วนี่เป็นเบาะแสที่สำคัญมากนัก เป็นเบาะแสสำหรับตามหาศิษย์พี่ใหญ่!

แทบทันทีที่ร่างเชมันเกือบร้อยคนปรากฏ พวกเขาล้วนแผ่กลิ่นอายพลังเชมันทั้งร่าง ก่อนพุ่งทะยานไกลออกไป ขณะเดินหน้าร่างพวกเขาเหมือนไม่มีแก่นแท้ แต่ค่อนข้างเลือนรางดุจภาพมายา นี่จึงทำให้ร่างคนเผ่าเชมันเหล่านี้เป็นอมตะ…แม้จะมีพลังเพียงขั้นเซ่นไหว้กระดูก!

ซูหมิงเห็นแล้วว่าพอกลุ่มเผ่าเชมันเข้าปะทะกับสำนักอสูร ถึงร่างกายพวกเขาจะสลายไปด้วยอภินิหารของอีกฝ่าย แต่ครู่ต่อมาก็รวมขึ้นมาใหม่ทันใด

หากเพียงเท่านี้คงไม่เท่าไร แต่ความจริงทุกครั้งที่พวกเขารวมขึ้นมาใหม่ คลื่นพลังบนร่างจะสูงขึ้นเรื่อยๆ!

ตอนนี้เอง ทางสำนักอสูรพลันมีเสียงคำรามสะเทือนฟ้าดินแว่วมา ทันใดนั้นก็เกิดพายุกระหน่ำบริเวณสำนักธุลีอสูร พายุลูกนี้ม้วนตลบไปรอบทิศ แม้ไม่อาจม้วนหมอกดำบนพื้นดินมาได้ แต่ก็เหมือนจะรวมเศษฝุ่นธุลีจำนวนมากมาแล้วก่อตัวเป็นเต่าทมิฬยักษ์สามตัว!

เต่าทมิฬสามตัวเป็นสีดินทรายทุกส่วน หลังรวมขึ้นจากมายาแล้วก็เปล่งเสียงคำรามพร้อมบุกโจมตีไปข้างหน้า บนหัวเต่าสามตัวนั้นมีคนยืนอยู่สามคน พวกเขาสวมอาภรณ์ยาวสีดิน ร่างโอนเอนตามการเคลื่อนตัวของเต่าทมิฬ แทบเป็นช่วงที่เต่าทมิฬสามตัวกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศ สามคนนั้นพลันทำสัญลักษณ์มือขวา พลางยกมือซ้ายขึ้นสะบัดไปข้างหน้า

ฉับพลันนั้นมีกระดาษสีเหลืองเก้าแผ่นถูกโยนออกไป บนกระดาษเหลืองเก้าแผ่นไม่ใช่อักขระ แต่เป็นเด็กชายเก้าคน!

“สีเหลืองบริสุทธิ์เบิกทาง เทียนอู๋[1]จงถูกทำลาย ให้ม้าธุลีเป็นพาหนะ…เหนี่ยวนำกายแห่งเก้าชีวิต!” เสียงพิลึกดังมาจากสามคน จากนั้นกระดาษสีเหลืองก็เผาไหม้ด้วยตัวมันเอง ก่อนมีเสียงคำรามแหลมเล็กดังมาจากในแสงเพลิง เห็นได้ว่าภายในนั้นมีเด็กชายเก้าคนแหวกเปลวเพลิงออกมา

พวกเขาเพิ่งปรากฏกายก็เงยหน้าคำรามเสียงเล็กขึ้นฟ้า แล้วห้อวิ่งไปหาวิญญาณนักรบเผ่าเชมัน

ทั้งสงครามต่างเข้าสู่ช่วงใช้ของวิเศษต่อสู้กันแล้ว ไม่ว่าสำนักใดล้วนต้องมีของวิเศษสังหารที่ทรงพลัง ภายใต้สถานการณ์บีบคั้นเช่นนี้จึงต้องเรียกมันออกมาใช้

ซูหมิงยังคงเงียบงันอยู่กลางอากาศ สายตามองวิญญาณนักรบเชมันบ่อยครั้ง แล้วพยายามระงับอารมณ์ชั่ววูบที่อยากช่วยพวกเขาเอาไว้

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนนี้เขายังมีเรื่องสำคัญกว่าอยู่ นั่นคือสังหารตี้เทียน หากยังไม่เสร็จเรื่องนี้คงไม่ดีนักถ้าลงมือมากเกินไป หากดึงดูดความสนใจของตี้เทียนเข้า ราคาที่เขาต้องจ่ายคือชีวิต

จำนวนคนตายบนพื้นดินเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้วิญญาณเชมันเกือบร้อยกำลังสู้กับเด็กชายกระดาษเก้าคน ต่างฝ่ายต่างเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด และยังมีเต่าทมิฬอีกสามตัว พวกมันแบ่งเป็นสามทางแล้วปิดล้อมเหล่าวิญญาณเชมันเกือบร้อยตนเอาไว้

ห่างไปไม่ไกลนัก มังกรหยินเก้าตัวที่เหลืออยู่ก็กำลังทำศึกตัดสินกับเซียนนักรบฟ้ากระจ่างดาว ส่งเสียงดังเลื่อนลั่น

ทางอื่นโดยรอบเป็นสำนักอสูรกับสำนักเซียนเข่นฆ่ากันจนตาแดงก่ำ พื้นดินนองไปด้วยโลหิต เศษชิ้นส่วนศพกระจายเกลื่อนกลาด

เดิมทีสนามรบไม่น่าจะมาถึงช่วงนี้เร็วขนาดนี้ ตามแผนการของสองฝ่ายคือควรจะสู้กันสักเล็กน้อยก่อน ถึงอย่างไรจุดสำคัญของสงครามนี้ พวกเขาบนพื้นดินไม่ได้เป็นตัวตัดสินอะไรมากนัก แต่เป็นบนฟ้า

ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใด สงครามถึงดุเดือดเกินกว่าที่ทุกคนคาดคิดไว้

ทุกอย่างเหมือนมีมือหนึ่งคอยผลักอย่างเนิบๆ ทำให้มีคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ…มือนี้ก็คือซูหมิง!

เขายืนมองพื้นดินอยู่กลางอากาศ มองสงครามที่เขาผลักดันด้วยมือตัวเอง นัยน์ตาฉายแววเย็นชา แสงสีดำตรงมือซ้ายเปล่งแสงสว่างมากขึ้น พลังคำสาปตรงมือขวาก็แกร่งขึ้นเช่นกัน

“สังหารกันไปเถอะ ยิ่งตายกันมากเท่าไร โอกาสสังหารตี้เทียนจะมากขึ้นเท่านั้น!” ซูหมิงพึมพำเสียงเบา

ทว่าก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะขาดสติ ตอนนี้ภายใต้สงครามดุเดือดเหนือการคาดเดา ผู้แข็งแกร่งขั้นทรงอำนาจที่กำลังประมือกันของสองฝ่ายล้วนหน้าเปลี่ยนสี เสียงร้องโหยหวนดังกังวานไม่หยุด ทุกเสียงร้องล้วนเป็นคนของสำนักพวกเขา

สงครามไม่น่าจะเป็นอย่างนี้!

คนที่ประมือกับสือไห่หนึ่งในสามอันดับสูงสุดของสามสำนักชั้นล่างและเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของธุลีอสูรก็คือ จิงหนาน จ้าวสำนักซ่อนมังกร สองคนนี้มีขั้นพลังทรงอำนาจสมบูรณ์ ตอนนี้สองฝ่ายต่างใช้วิชาอภินิหารกันอย่างต่อเนื่อง เปิดฉากโจมตีเป็นชุดๆ สนามรบของพวกเขาอยู่ใกล้กับใจกลาง จึงเป็นฝ่ายพบก่อนว่าสงครามเกิดการเปลี่ยนแปลงจนไม่อาจควบคุบ

‘มีบางอย่างไม่ถูกต้อง…’ นัยน์ตาสือไห่แวววาว ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือก่อนตบไปข้างหน้า หลังปะทะกับอภินิหารฝ่ามือของจิงหนานแล้วก็กระเด็นถอยออกมาท่ามกลางเสียงระเบิด มือซ้ายทำสัญลักษณ์มืออยู่นานถึงคว้าไป ฉับพลันนั้นเมื่อแผ่นหยกปรากฏในมือ เขาก็ขว้างมันเข้าไปในหมอก

จิงหนานก็สงสัยเช่นกัน ทว่าในใจกลับลังเล เขาแค่นเสียงหึแล้วโยนแผ่นหยกไปเช่นกัน ก่อนเข้าประมือกับสือไห่ต่อ

ในใจสือไห่เกิดการคาดเดาเหมือนกัน เขามีบางอย่างที่ยังไม่ค่อยมั่นใจ นั่นคือสาเหตุที่สงครามเสียการควบคุมเช่นนี้เป็นเพราะสำนักเซียนอยากทำลายล้างสำนักอสูรจริงหรือไม่

สองคนอยู่ในความลังเลแต่ก็ยังไม่หยุดมือ ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีขั้นพลังสูงยิ่งนัก ต่อให้คาดเดาเรื่องสนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ก็ไม่มีเวลาไปตรวจดูเอง เพราะจะสร้างความวุ่นวายมากขึ้น ฉะนั้นจึงโยนแผ่นหยกไป

ภายใต้เสียงสนั่นหวั่นไหว สองคนโยนแผ่นหยกไปในทางเดียวกัน บริเวณนั้นมีผู้ฝึกณานขั้นทรงอำนาจตอนต้นกำลังประมือกันอยู่สองคน หนึ่งมาจากสำนักธุลีอสูร อีกหนึ่งมาจากสำนักซ่อนมังกร

หลังจากแผ่นหยกลอยเข้ามา พวกเขาสองคนต่างถอยห่างกัน พอรับแผ่นหยกเอาไว้แล้วก็ใช้จิตสัมผัสตรวจสอบ หน้าพลันเปลี่ยนสี ต่างฝ่ายต่างมองด้วยความอาฆาตแวบหนึ่ง พวกเขาไม่กล่าวอันใดแต่กลับหยุดมือกันอย่างพร้อมเพียง แล้วแยกกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว

ซูหมิงเห็นฉากนี้บนฟ้า นัยน์ตามีประกายเย็นชาวาบผ่าน ร่างเงาพลันหายไปอย่างเงียบเชียบ และกลายเป็นเงาแสงหม่นห้อเหยียดอยู่ภายในหมอก

เป้าหมายของเขาคือผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจตอนต้นแห่งสำนักซ่อนมังกร ตอนนี้บุคคลผู้นี้รวดเร็วยิ่งนัก กำลังมุ่งหน้าไปยังค่ายสำนักเซียน เขาได้รับคำสั่งจากจิงหนานว่าให้ไปตรวจสอบว่าสนามรบเกิดอะไรขึ้นกันแน่

แต่ยังไม่ทันเข้าใกล้ค่ายสำนักเซียน ขณะมุ่งหน้าไปก็พลันหรี่ตาก่อนหยุดชะงัก แล้วเห็นว่าซูหมิงเดินออกมาจากหมอกตรงหน้า จากนั้นกลายเป็นเศษเสี้ยวเงาเข้าประชิดตัวตนในพริบตา

เสียงระเบิดดังสนั่นในหมอก เสียงนี้เด่นชัดอย่างยิ่ง เพียงสิบลมหายใจซูหมิงก็เดินออกมา ในมือถือศีรษะคนไว้ ส่วนด้านหลังเป็นศพผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจตอนต้นที่ไร้หัว พอศพล้มลงพื้นอย่างช้าๆ เขาก็ใช้มือคว้าอากาศให้ศพลอยตามมาอยู่ข้างกาย

ซูหมิงมีสีหน้าทะมึน ถือศีรษะเดินเข้าไปในหมอก เป้าหมายในครั้งนี้คือผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักอสูร เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้เขาก็มีแผนการอยู่ จึงเคลื่อนตัวหายไปในหมอก

เขาหายไปได้ไม่นาน เฉินชงโอรสสวรรค์แห่งสำนักซ่อนมังกรในหมอกบนสนามรบกำลังพาศิษย์สำนักเกือบร้อยคนด้านหลังสู้กับคนสำนักอสูร เขาไม่สังเกตเห็นเลยว่าภายในหมอกรอบตัวมีเงาแสงหม่นขยับวูบผ่าน

เงาแสงหม่นนั้นคือซูหมิง ด้วยความเร็วของเขาจึงตามหาผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจตอนต้นแห่งสำนักธุลีอสูรในสนามรบพบในชั่วพริบตา ก่อนเข้าประชิดตัวด้วยความเร็วสูงคล้ายกับลอบโจมตี

ทว่าวินาทีที่เข้ามาใกล้ ผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักธุลีอสูรพลันหมุนตัวกลับ สองนิ้วเป็นกระบี่วาดใส่หมอกด้านหลังอย่างเด็ดเดี่ยว

วินาทีที่มีเสียงดังมาจากในหมอก ก็เห็นว่ามีเงาร่างหนึ่งห้อเหยียดหนีไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว ผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักธุลีอสูรจึงแค่นเสียงหึเย็นชาแล้วตามไป

สองคนหน้าหลังตามกันมาสักระยะหนึ่ง ผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักธุลีอสูรก็สังเกตเห็นว่าร่างเงาตรงหน้าพลันหายไป แล้วมีพายุมาพร้อมกับระลอกคลื่นวิชาจากทางขวา

ผู้ฝึกฌานคนนั้นยิ้มเยาะ ยกมือขวาใช้ฝ่ามือเป็นดาบฟันลงไป!

เสียงร้องโหยหวนดังมาจากในหมอก ร่างซูหมิงพลันหายไป ทว่าตอนที่ผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักธุลีอสูรมองไป สิ่งที่เขาเห็นคือศพไร้หัว ศีรษะลอยมาตกอยู่ตรงเท้าตน

หลังจากผู้ฝึกฌานคนนี้เห็นหน้าตาศีรษะนั้นแล้วก็หน้าเปลี่ยนสี เขาจำได้ว่าดาบฝ่ามือของตนเมื่อครู่ไม่มีทางมีผลเช่นนี้ ไม่มีทางสังหารผู้มีขั้นพลังเหมือนกับเขาในพริบตาได้

เรื่องแบบนี้จะต้องมีคนคอยชักใยแน่นอน! ขณะเดียวกับที่ไอหนาวลอยขึ้นจากก้นบึ้งหัวใจ เขาพลันมองถุงเก็บวัตถุบนตัวศพผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักซ่อนมังกร

ทันใดนั้นเอง ภายในหมอกตรงหน้า เฉินชงพาศิษย์สำนักซ่อนมังกรเกือบร้อยคนตรงเข้ามา!

ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องบังเอิญ เฉินชงเห็นร่างไร้ชีวิตของผู้แข็งแกร่งที่เป็นรองเพียงผู้อาวุโสสูงสุดสือไห่แห่งสำนักซ่อนมังกรนอนอยู่บนพื้น และยังมีผู้ฝึกฌานขั้นทรงอำนาจแห่งสำนักธุลีอสูรยืนอยู่ข้างศพ กำลังมองถุงเก็บวัตถุหลังการสังหารเสร็จสิ้น

[1] เทียนอู๋ คือนามของเทพวารีตามตำนานจีน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version