ตอนที่ 680 คำสาปตามติด
ร่างเงานั้นเหมือนคำรามเสียงต่ำ สามารถต้านการโจมตีของซูหมิงในสภาวะลงมาเยือนได้ คนที่ทำแบบนี้ได้ชัดเจนว่าพลังไม่ใช่ธรรมดา ถึงอย่างไรผู้มาเยือนคนอื่นก็ไม่อาจต่อต้านแม้แต่น้อยขณะมาเยือน ทำได้เพียงปล่อยให้ซูหมิงโจมตีอย่างรวดเร็ว แล้วหายไปทีละคนด้วยความเคียดแค้น
เห็นเพียงว่าร่างเงานั้นยกมือขวาขึ้นอย่างเร็วรี่ จากนั้นทำสัญลักษณ์มือก่อนกดมาทางหมัดของซูหมิง สองฝ่ายปะทะกันในชั่วพริบตา เสียงโครมดังสนั่นหวั่นไหว ระลอกคลื่นหนึ่งชั้นม้วนตลบถอยไป สั่นสะเทือนลำแสงจนแทบจะพังพินาศ ซูหมิงโซเซถอยไปเกือบร้อยจั้ง เลือดลมในร่างกายเดือดพล่าน ก่อนเงยหน้าขึ้นพร้อมนัยน์ตาวาววับ
ร่างเงาในลำแสงนั้นสั่นสะท้านทั่วร่าง แล้วจึงระเบิดกลายเป็นเศษเส้นควันดำลอยหายไปในที่สุด การมาเยือนล้มเหลว ต่อให้ไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บสาหัส!
มีเสียงคำรามอย่างไม่ยอมและคลุ้มคลั่งดังแว่วมาจากในลำแสง
“ใครลอบโจมตีข้า ข้าจะจำความแค้นครั้งนี้เอาไว้! มาเยือนครั้งหน้า ข้าจะฆ่าเจ้าให้ตายเป็นหมื่นเป็นแสนครั้ง!”
ซูหมิงเหมือนไม่ได้ยินคำพูดนี้ แม้จัดการวงแสงที่มาเยือนไปหนึ่ง ทว่ายังมีอีกหนึ่ง ตอนนี้ร่างมายาหลายคนในลำแสงก่อรูปร่างอย่างรวดเร็ว ในนั้นมีร่างเงาสองคนยกเท้าเหมือนจะก้าวออกจากลำแสง
นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย พลันมีเส้นควันดำหลายสายปรากฏอยู่รอบตัวเขา ควันดำเหล่านี้รวมอยู่ตรงมือขวาเขา แทบจะชั่ววินาทีนั้น ทวนฝังอสูรปรากฏขึ้น เมื่อคว้าเอาไว้ในมือแล้วก็ยกขึ้นก่อนขว้างไปทางลำแสงอย่างรุนแรง
ทวนฝังอสูรพุ่งตรงไปประหนึ่งมังกรตัวยาวสีม่วงอมดำ พร้อมกับเสียงฉีกแยกมวลอากาศเล็กแหลม พริบตาเดียวก็ทะลวงเข้าไปในลำแสง แล้วทะลวงผ่านร่างเงาที่กำลังจะก้าวออกมานั้น นอกจากนี้ซูหมิงยังทำสัญลักษณ์มือขวาชี้ไป ฉับพลันนั้นก็เกิดแรงระเบิดในลำแสง สร้างเป็นแรงปะทะมหาศาลกระจายออกไปเป็นวงกว้าง
ชั่วขณะที่ร่างเงาซึ่งกำลังรวมตัวเหล่านั้นหยุดชะงักจากแรงปะทะ ซูหมิงก็เข้าไปใกล้ดุจดาวตกแล้ว เขาเข้าไปในลำแสง หมอกดำโอบล้อมรอบตัวและปกคลุมร่างไว้ จุดที่ผ่านไปจะเห็นเพียงมือแห้งเหี่ยวยื่นมาจากหมอกแล้วบดขยี้ร่างเงาที่ไม่อาจต่อต้านไปทีละคน ทว่าร่างเงาผู้มาเยือนเหล่านี้กลับมีอยู่คนหนึ่งห้อเหยียดถอยไปขณะซูหมิงลอบสังหาร
ร่างเงานั้นรวมได้เพียงครึ่งเดียว แต่ความเร็วขณะถอยกลับไม่ลดน้อยลงเลย แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงเหยียบเข้าไปในม่านแสง ร่างเงานั้นก็หลบทวนฝังอสูรและพุ่งออกจากลำแสงโดยไม่สนสิ่งใด แล้วกลายเป็นชายวัยกลางคนใบหน้าซีดขาวคนหนึ่ง สวมชุดคลุมดำ กำลังห้อเหยียดด้วยสีหน้าโกรธแค้นและอึมครึม
เขาคือผู้อาวุโสของสำนักอสูรสวรรค์ที่มาเยือนเป็นกลุ่มแรกในครั้งนี้ ร่างจริงเขามาเยือนไม่ได้ ทำได้เพียงรวมร่างอาคมให้มายังแดนหมาน แต่แม้จะเป็นเพียงร่างอาคมก็มีพลังกำราบเผ่าหมานได้ ถึงอย่างไรในความเข้าใจของพวกเขา ขั้นพลังที่แกร่งที่สุดของเผ่าหมานก็เทียบเท่าเพียงขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์เท่านั้น
ทว่าเมื่อครู่ตอนมาเยือน เขารู้สึกถึงภยันตรายเป็นตายอันน่าขนลุก ไม่คิดเลยว่าขณะมาเยือนจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น นี่เป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ต่อให้สำนักเซียนกับสำนักอสูรสู้กันอย่างดุเดือดกว่านี้ ก็ไม่มีทำลายร่างเงาคนที่กำลังมาเยือนอย่างแน่นอน เรื่องแบบนี้ต่ำทรามเกินไป! อีกทั้งยังเป็นเรื่องต้องห้ามของเผ่าเซียน!
“เจ้าเป็นใคร!” หลังจากชายเสื้อคลุมดำออกจากลำแสงก็ถอยหลังไปอย่างเร่งรีบ ตอนที่เงยหน้าขึ้น ลำแสงที่เขาใช้มาเยือนก่อนหน้านี้ไม่มีสหายร่วมสำนักคนอื่นๆ อีกแล้ว มีเพียงร่างที่อบอวลไปด้วยหมอกกำลังเดินออกมาจากข้างใน
หลังจากคนที่อบอวลไปด้วยหมอกเดินออกมาจากลำแสงแล้ว หมอกจำนวนมากหายไป เผยให้เห็นเป็นใบหน้าแก่ชรา เพียงแต่ว่าขณะเดินออกมา ใบหน้าแก่ชรากลับขยับยึกยือพร้อมกับฟื้นฟูอย่างรวดเร็ว ตอนเดินออกมาก้าวที่เจ็ดก็กลับมาเป็นใบหน้าของซูหมิง
‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น!’ ชายเสื้อคลุมดำหน้าซีดขาวยิ่งกว่าเดิม ภาพเหตุการณ์พิลึกจากซูหมิงสร้างความตื่นตระหนกให้กับเขา มิหนำซ้ำการสังหารผู้มาเยือนของสำนักเซียนยังทำให้เขาหวาดกลัว ไกลออกไปมีบุคคลไร้หัวกำลังสู้กับจี๋อั้นอยู่ และยังมีเสียงครึกโครมดังสนั่นหวั่นไหว ยิ่งทำให้ในใจเขาตื่นตะลึง เขาไม่รู้ว่าที่นี่…มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โดยเฉพาะเผ่าเซียนหลายหมื่นคนด้านล่าง ในนั้นมีสำนักอสูร มีสำนักเซียน ทว่ากลับยืนมองผู้มาเยือนของสองฝ่ายถูกสังหาร ไม่มีใครเข้ามาขวางเลยสักคน กระทั่งตอนเขามองไป ยังเห็นความลังเลและหวาดกลัวจากสีหน้าคนเหล่านี้!
‘กลัว…พวกเขากำลังกลัวอะไร!’ ชายเสื้อคลุมดำถอยหลังอีกครั้ง ก้มหน้าลงกวาดสายตามองแผ่นดิน แล้วไปหยุดตรงกลุ่มคนสำนักอสูร
“เซินตง บอกข้ามาว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น!” ชายเสื้อคลุมดำรู้จักเซินตง เวลานี้จึงเอ่ยตะโกน แต่เขาเห็นเพียงความขมขื่นของเซินตง เลยไม่รอให้อีกฝ่ายตอบกลับ
เพราะว่าตอนนี้ซูหมิงจับจ้องชายเสื้อคลุมดำด้วยดวงตาวาววับ ก่อนเคลื่อนตัวห้อเหยียดเข้ามาปานสายฟ้า
ชายเสื้อคลุมดำหน้าเปลี่ยนสี เขาขยับกายวูบไหวแบ่งเป็นเจ็ดร่างกระจายกันไปคนละทางอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ขั้นพลังเขามาเยือนไม่สมบูรณ์ อยู่เพียงขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ เวลานี้กระจัดกระจายกันไป เขาไม่ได้หนีไปไหน แต่เจ็ดร่างนี้ตรงไปหาซูหมิง
แม้ซูหมิงจะสร้างความหวาดหวั่นให้เขาก่อนหน้านี้ แต่เขาก็มองเบื้องหลังซูหมิงออก นั่นคือกลิ่นอายพลังของเผ่าหมาน และยังเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าหมานด้วย ทว่าก็เทียบเพียงขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์เท่านั้น ก่อนหน้านี้ในลำแสงเป็นการลอบโจมตี ตอนนี้หากอีกฝ่ายคิดจะสังหารตนง่ายๆ เขาคิดว่าไม่มีทางเป็นไปได้แน่
‘ขอแค่ถ่วงเวลาไว้สักครู่จนกว่าผู้มาเยือนระลอกสองจะมาถึง ตอนนั้น…มันต้องตายอย่างแน่นอน ข้าจะต้องรู้ให้ได้ว่าที่นี่มันเกิดอะไรขึ้น!
ทว่าที่นี่มันแปลกยิ่งนัก คนที่ประมือกับจี๋อั้นเป็นใครกัน ไม่อยากเชื่อว่าจะทำให้จี๋อั้นต้องมีสมาธิตั้งมั่นอยู่กับการต่อสู้จนไม่มีเวลาพูดเลยด้วยซ้ำ
แล้วตี้เทียนอยู่ที่ใด?’ ชายเสื้อคลุมดำขบคิดไปเรื่อยๆ พลางทะยานตรงไปหาซูหมิง
ซูหมิงกวาดสายตามองร่างทั้งเจ็ดของอีกฝ่ายรอบๆ ตัว อภินิหารนี้วิเศษยิ่งนัก เขาไม่ได้สนใจตามหาร่างจริงของอีกฝ่าย แต่ยืนอยู่บนที่ราบ
แทบทันทีที่ซูหมิงยืนนิ่งอยู่กลางอากาศ ร่างชายเสื้อคลุมดำเจ็ดคนดวงตาเป็นประกายพลางยกยิ้มมุมปากเย็นชา
ชั่วพริบตาเดียว ร่างเจ็ดคนนั้นเร็วยิ่งกว่าเดิม เข้ามาอยู่รอบตัวซูหมิงอย่างว่องไว จากนั้นร่างทั้งเจ็ดคนประสานสัญลักษณ์มือพร้อมกัน แล้วตะโกนเสียงต่ำพร้อมกับกดฝ่ามือไปทางซูหมิง
พลังขั้นทรงอำนาจสมบูรณ์ระเบิดบนตัวซูหมิงในทันที ขณะที่เกิดเสียงดังกึกก้อง ซูหมิงไม่หลบ ปล่อยให้ระลอกคลื่นปะทะใส่ร่าง จากนั้นจึงยกมือขวาขึ้นชกหมัดใส่ร่างคนที่สี่ตรงหน้า
หนึ่งหมัดทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน ร่างคนที่สี่ร่างสั่นสะท้าน กระอักโลหิตกองใหญ่พร้อมกระเด็นถอยไปด้วยสีหน้าหวาดกลัวและเหลือเชื่อ
“นี่มัน…อยู่เหนือกว่าขั้นทรงอำนาจ เจ้า…” หลังจากร่างคนที่สี่กระเด็นถอยไป ร่างหกคนที่เหลือพากันสลายไปทีละร่าง ร่างที่สี่นี้ก็คือร่างจริงของชายเสื้อคลุมดำ ตอนนี้ขณะถอยหนีไป ซูหมิงตรงหน้าเขาก็หายไปแล้ว
ในใจเขาสั่นไหว ความรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรงผุดขึ้นในใจ เขาพลันหันกลับไปมองแล้วหรี่ตาลง ภาพชั่วนิรันดร์ในชีวิตเขาพลันปรากฏ
มันเป็นนิ้วมือหนึ่งซึ่งกินพื้นที่ทั้งหมดในสายตา เมื่อกดลงตรงระหว่างคิ้วเขาก็มีเสียงระเบิดทำลายล้างทะลวงเข้าสู่ร่างกาย ขณะเดียวกับที่เลือดเนื้อฉีกขาด จิตแรกดับสูญ ก็มีคำสาปเส้นหนึ่งผสานรวมอยู่ในจิตวิญญาณ ส่งผ่านการเชื่อมต่อไปถึงร่างจริงในแดนเซียน
“นี่เป็นไปไม่ได้!” ชายเสื้อคลุมดำร้องโหยหวน น้ำเสียงดูหวาดกลัวอย่างแท้จริง จริงๆ แล้วหากร่างอาคมนี้ตายไป อย่างมากสุดขั้นพลังร่างจริงก็ร่วงหล่นไปมากกว่าครึ่ง แต่ไม่ถึงกับตาย ขอแค่ไม่ตายทุกอย่างก็ยังกลับมาใหม่ได้อีกครั้ง ทว่าตอนนี้…คำสาปชั่วร้ายในจิตวิญญาณสามารถส่งผ่านร่างอาคมไปโจมตีร่างจริงได้ นี่ช่างน่าเหลือเชื่อสำหรับเขา และทำให้เขาหวาดกลัวจริงๆ
หลังจากเสียงโครมและเสียงร้องแหลมดังขึ้น ร่างชายเสื้อคลุมดำพลันระเบิดกระจายและสิ้นชีพลง ในเวลาเดียวกัน กลางฟ้ากระจ่างดาวของแดนเซียน ภายในเขตแผ่นดินใหญ่ที่ลอยอยู่นับไม่ถ้วน เวลานี้ตรงใจกลางมีแผ่นดินใหญ่แห่งหนึ่ง บนแท่นบวงสรวงหนึ่งในนั้นมีชายวัยกลางคนคนหนึ่งนั่งขัดสมาธิอยู่
ชายผู้นี้ก็คือชายเสื้อคลุมดำที่ถูกซูหมิงสังหาร
เวลานี้ร่างเขาสั่นไหวอย่างรุนแรง บนผิวหนังปรากฏจุดดำหลายจุดและยังเน่าเปื่อยอย่างรวดเร็ว แทบจะชั่วพริบตาเดียวก็ปกคลุมทั่วร่าง เขาพลันลืมตาขึ้นร้องเสียงโหยหวน สีหน้าหวาดกลัว ก่อนยืนขึ้นสะบัดมือขวาไปข้างหน้า เมื่อวงแหวนอาคมเผยขึ้นตรงหน้าโดยพลัน เขาก้าวเดินเข้าไปในวงแหวนอาคม
ทว่าเพิ่งก้าวเท้าก็ตัวสั่นไปหมด ดวงตามัวหมองก่อนล้มลงข้างๆ พริบตาเดียวร่างเขากลายเป็นโลหิตสีดำ แม้แต่จิตแรกยังหนีออกมาไม่ได้…ดับดิ้นไปจริงๆ!
หลังจากเขาสิ้นชีพ จะเห็นว่าแท่นบวงสรวงรอบๆ ตัวและแท่นบวงสรวงร่วมร้อยแห่งบนแผ่นดินอื่นๆ ที่ห่างไกลกว่ามากเปล่งแสงสว่างจ้า เหมือนกำลัง…จะไปเยือนอีกครั้ง
ณ แผ่นดินหมาน ซูหมิงดึงนิ้วกลับแล้วก้มหน้ามองเผ่าเซียนหลายหมื่นคนด้านล่างแวบหนึ่ง ทุกคนที่สบตาเขาจะก้มหน้าลงทันที ต่อให้เป็นโอรสแห่งสวรรค์เหล่านั้นหรือบุคคลที่รู้จักในความทรงจำก็ตาม
‘เผ่าหมานมอบพลังให้แก่ข้า’ ซูหมิงกวาดสายตามองกลุ่มคนด้านล่าง
‘ที่นี่มีคนที่ข้าตัดใจไม่ได้’
‘ที่นี่มีบ้านที่ข้าลืมไม่ลง…’
‘ข้าอยู่ที่นี่ สิ่งที่อยู่ในความทรงจำข้าคือกลิ่นอายดินของเผ่าหมาน….’
‘เช่นนั้น จากนี้ไป ข้าซูหมิงคือเผ่าหมาน!’
ซูหมิงเงยหน้ามองวงแหวนอาคมน้ำวนสองจุดบนฟ้าที่ยังคงหมุนโคจร และปล่อยกลิ่นอายพลังเผ่าเซียนลงมาอีกครั้ง นัยน์ตาเขาไม่มีความสับสนอีก แต่กลายเป็นยึดมั่น แน่วแน่…และยอมรับ!
‘ตอนที่เจ้ารู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าจะไม่ใช่เจ้า ตอนที่เจ้าไม่รู้ว่าเจ้าเป็นใคร เจ้าถึงจะเป็นเจ้า’ เหมือนมีเสียงแก่ชราดังแว่วมาข้างหูซูหมิงคล้ายบทเพลงซวิน…