Skip to content

สู่วิถีอสุรา 683

ตอนที่ 683 เผ่าหมานเดินทางมาถึง

“ในสามสิบหกครั้ง มีอยู่สิบเก้าครั้งที่เจ้าหลับใหลด้วยกระบี่ยมโลกของข้า ครั้งนี้มาดูกันว่าเจ้าจะเป็นอย่างไร!” ตี้เทียนก้าวเดินมาเหมือนกับครั้งแรกที่ซูหมิงเห็นเขา กลิ่นอายพลังที่อยู่สูงส่งประหนึ่งยอดเขากดทับลงมา ขณะเดียวกันตี้เทียนยกมือขวาขึ้นคว้าไปยังท้องฟ้า

เมื่อคว้าไปพลันปรากฏแสงหม่นเส้นหนึ่งจากฟ้าลงมาสู่มือขวาตี้เทียน ก่อนกลายเป็นกระบี่เล่มหนึ่งในมือ มันคือกระบี่ยมโลกของตี้เทียน!

และก็เป็นกระบี่ยมโลกชนิดเดียวกับที่ซูหมิงเจอตอนสู้กับร่างแยกตี้เทียน ทว่าตอนนี้ผู้ที่อยู่ตรงหน้าคือร่างอาคมชุดคลุมดำที่ทำให้เขาวนเวียนอยู่ในวัฏจักรมาแต่โบราณกาล!

ร่างอาคมนี้เชื่อมต่อกับชีวิตตี้เทียน ระดับความแกร่งจึงสูงกว่าร่างแยกมาก และยังเป็นร่างที่แกร่งที่สุดของตี้เทียนบนแดนหมาน

สามสิบหกครั้งในอดีต ตี้เทียนล้วนใช้ร่างอาคมในการพิพากษาครั้งสุดท้าย เมื่อร่างนี้ออกมานั่นหมายถึงจุดจบ

จนถึงตอนนี้ร่างอาคมเพิ่งลงมาจากแดนเซียน นี่เพียงพอจะอธิบายได้ว่าในใจจริงๆ ของตี้เทียนเพิ่งตัดสินใจอย่างเด็ดขาดได้ก็ตอนนี้

นอกจากนี้ยังมีสาเหตุที่สำคัญที่สุดคือ ร่างอาคมเขาลงมาเยือนมากกว่าสามสิบหกครั้งตั้งแต่โบราณกาล ย่อมถูกกฏของเผ่าหมานต่อต้านอย่างรุนแรง ต่อให้มาเยือนก็อยู่ได้ไม่นาน เลยต้องรีบจบการต่อสู้

ยังมีอีกอย่างหนึ่งคือ หลังจากผนึกซูหมิงครั้งที่สามสิบหกแล้ว ตี้เทียนกลับเกิดความรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรงขึ้น ภยันตรายนี้ไม่ได้มาจากซูหมิง แต่มาจากดวงตาไร้รูปคู่หนึ่งบนแผ่นดินหมาน

ดวงตาคู่นี้เหมือนจ้องเขาอยู่ตลอด ในช่วงพันปีมานี้จึงส่งมาเพียงร่างแยก ไม่ได้เสี่ยงอันตรายส่งร่างอาคมที่เชื่อมต่อกับชีวิตมา หากมิใช่เพราะตอนนี้อยากทำลายล้างซูหมิงให้สิ้น เขาจะไม่มีทางส่งร่างอาคมมาอย่างแน่นอน

อีกทั้งเรื่องนี้ยังต้องไหว้วานคนอื่น ตี้เทียนเลยไม่วางใจยิ่งนัก ร่างแยกยังถูกทำลายจนหมดสิ้นอีก จึงเหลือเพียง…ส่งร่างอาคมลงมา!

ครั้นกระบี่ยมโลกปรากฏขึ้น น้ำวนไร้ขอบเขตบนฟ้าพลันหมุนโคจรเร็วยิ่งกว่าเดิม และยังมีกลิ่นอายมรณะหยินเส้นหนึ่งถูกกระบี่ยมโลกเหนี่ยวนำลงมาจากในน้ำวน กลายเป็นควันดำกลุ่มหนึ่งวนเวียนรอบๆ กระบี่ยมโลก ขณะควันดำอบอวลก็เหมือนกลายเป็นใบหน้าภูตผีร้องคำรามใส่ซูหมิง

“หนึ่งยมโลกสรรเสริญนภา!”

“สองยมโลกปฐพีผุดขึ้นมา!”

“สามยมโลกลงทัณฑ์มนุษย์!” ตี้เทียนชุดคลุมดำกวัดแกว่งกระบี่ในมือ ฉับพลันนั้นกระบี่แบ่งออกเป็นสามส่วนรอบตัวเขา จากนั้นกระบี่ยมโลกสามเล่มก็กวัดแกว่งไปพร้อมกัน กลิ่นอายมรณะหยินจากน้ำวนหลั่งทะลักเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

“สี่ยมโลกส่งวิญญาณ!”

“ห้ายมโลกไว้อาลัยกายา!”

“หกยมโลกสังหารเทพ!” นัยน์ตาตี้เทียนชุดคลุมดำเป็นประกาย กระบี่ยมโลกสามเล่มขยับไหวอีกครั้งก่อนกลายเป็นหกเล่ม แล้วรวมขึ้นเป็นค่ายกลกระบี่ตรงไปหาซูหมิง กลิ่นอายมรณะหยินที่พวกมันเหนี่ยวนำมาเปลี่ยนเป็นหมอกดำเข้มข้น ก่อนรวมตัวเป็นใบหน้าภูตผียักษ์บนฟ้า ร้องคำรามพร้อมกับตรงเข้าไปหาซูหมิงอย่างรวดเร็ว

ความรู้สึกถึงภยันตรายร้ายแรงผุดขึ้นในใจซูหมิง ความรู้สึกอันตรายนี้มาจากจุดที่ความทรงจำเขาไม่สังเกตเห็น มาจากจิตวิญญาณของเขา ราวกับว่าอยู่ในความทรงจำที่ถูกผนึกไว้ เป็นอย่างที่ตี้เทียนว่าไว้จริงๆ เคยมีอยู่สามสิบหกครั้งที่เขาพ่ายแพ้ให้กับฝ่ายตรงข้ามด้วยอภินิหารนี้ และต้องตกอยู่ในห้วงการหลับใหล

“หากเจ้าพูดความจริง ตอนนี้คือครั้งที่สามสิบเจ็ด ข้าไม่รู้ว่าสามสิบหกครั้งก่อนหน้านี้แพ้ให้กับกระบี่เล่มนี้ได้อย่างไร ทว่าตอนนี้…” ซูหมิงยังกล่าวไม่จบก็หยุดชะงัก เขาไม่ถอยไปแต่กลับเดินหน้าหนึ่งก้าว ทันทีที่หนึ่งก้าวเหยียบลง ร่างพลันหายวับไป แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้ากระบี่หกเล่มของตี้เทียน

ช่วงที่จะชกหมัดไปนั้นเอง

“เจ็ดยมโลกร้องขอชีวิต”

“แปดยมโลกฝังมายา!”

“เก้ายมโลก…สูญสิ้น!” ตี้เทียนชุดคลุมดำสะบัดแขนเสื้อ ทันใดนั้นกระบี่ยมโลกหกเล่มพลันเกิดเงามายาซ้อนทับ เพิ่มมาอีกสามเล่มรวมเป็นเก้าเล่ม ก่อนปะทะกับซูหมิงในชั่วพริบตา ส่งเสียงโครมครามดังกึกก้อง

หมัดซูหมิงหยุดชะงัก วินาทีที่กระบี่ยมโลกเก้าเล่มตรงหน้าเขาแหลกกระจายเป็นเศษม้วนกระเด็นไป มันก็กลายเป็นเถ้าธุลีในทันใด แต่ไม่ได้หายไปไหน เพียงแต่หลังจากผสานรวมกับหมอกแล้วก็รวมเป็นปากภูตผียักษ์น่าสยดสยองสมจริง จากนั้นอ้าปากตรงมาหาเขา

พลังของมันมากพอจะกลืนกินขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ได้ทุกคน กระทั่งผู้มีขั้นพลังสูงส่งบางคนยังยากจะหลบหนี นี่คือการแว้งกัดของพลังมรณะหยิน เป็นอภินิหารที่หายสาปสูญไปของตี้เทียน และยังสังหารซูหมิงในอดีตได้มากกว่าสิบครั้ง

การต่อสู้ครั้งนี้ ร่างอาคมตี้เทียนเพิ่งเริ่มต้นก็ใช้ทุกอย่างแล้ว เขาลงมือด้วยจิตสังหาร

ทว่าอภินิหารนี้เคยสังหารซูหมิงได้สิบกว่าครั้งก็จริง แต่ไม่ใช่ตอนนี้ ตี้เทียนคำนวณพลาดไปเล็กน้อยเรื่องสร้างอาการบาดเจ็บให้ซูหมิง ความผิดพลาดครั้งนี้จะทำให้เขาต้องจ่ายในราคาที่ยากจะรับไหว

ซูหมิงในความทรงจำของเขา นี่คือการตื่นครั้งที่สามสิบเจ็ด ในความรู้สึกเขา ความแกร่งของซูหมิงมาจากพลังที่ปะทุขึ้นครั้งสุดท้ายหลังการตื่นทุกครั้ง มันจะมากกว่าครั้งก่อนๆ ทว่าต่อให้เป็นเช่นนั้น เขาก็คิดว่าควบคุมซู่มิ่งที่ตื่นมาในครั้งที่สามสิบเจ็ดได้

หากแต่เขาไม่รู้ ซูหมิงไม่ได้ตื่นครั้งที่สามสิบเจ็ด แต่เป็น…นับครั้งไม่ถ้วน!

ห้วงวัฏจักรเสมือนจริงในโลกอมตะของจู๋จิ่วอินทำให้จิตใจแน่วแน่ของซูหมิงเพิ่มพุ่งพรวด อีกทั้งยังได้ตื่นขึ้นนับครั้งไม่ถ้วนโดยที่เขาเองยังไม่รู้ตัว!

การตื่นขึ้นทุกครั้งศักยภาพเขาจะเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย และเป็นเพราะโลกอมตะจู๋จิ่วอินมอบการตื่นนับครั้งไม่ถ้วนนี้ให้ ตี้เทียนเลยคำนวณผิดพลาด ทั้งยังปูทางความสำเร็จให้กับซูหมิง!

แทบเป็นช่วงที่ปากใหญ่จากหมอกมรณะหยินเข้ามาใกล้ ซูหมิงมีใบหน้าบิดเบี้ยว พลันเงยหน้าขึ้นร้องตะโกนไปทางปากใหญ่นั้น

“กลิ่นอายมรณะหยิน เจ้าเป็นพลังของข้า เจ้ากล้ากินข้าอย่างนั้นรึ!” เสียงตะโกนของซูหมิงดังก้องกังวาน เส้นเลือดดำปูดขึ้นบนใบหน้า ขณะตะโกนอยู่นั้นน้ำวนยักษ์บนฟ้าก็ส่งเสียงครึกโครมตามมา

ปากใหญ่ที่เข้าใกล้ซูหมิงสั่นไหว สีหน้าภูตผีดูหวาดกลัวและลังเลใจ ไม่อยากเชื่อว่าด้วยเสียงตะโกนของซูหมิง มันกลับหมุนตัวแล้วตรงไปหาตี้เทียนแทน

นัยน์ตาซูหมิงมีจิตสังหารแรงกล้าวูบผ่าน เขาขยับกายวูบไหวตรงไปหาตี้เทียนคล้ายดาวตก ร่างแยกก็ดี ร่างอาคมก็ดี เมื่ออยู่บนแดนหมาน คนที่เขาคิดสังหารย่อมต้องตาย!

“ตี้เทียน เจ้าต้องตาย!” ดวงตาซูหมิงแดงก่ำ ผนึกในความคิดระเบิดออกอย่างต่อเนื่อง ภาพความทรงจำแล่นผ่านในหัวอย่างบ้าคลั่งประดุจลมพายุ

แทบเป็นขณะเดียวกับที่ซูหมิงพุ่งเข้าไปหาตี้เทียน ตรงเส้นขอบฟ้าไกลออกไปมีสายรุ้งยาวเกือบหมื่นเส้นกำลังตรงเข้ามาประหนึ่งปกคลุมฟ้าดิน คนนำหน้าสุดคือเทียนฉี่ ผู้อาวุโสขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์แห่งสำนักเวไนยสัตว์!

นัยน์ตาเขาฉายแววฮึกเหิม ชาวเผ่าหมานเกือบหมื่นด้านหลังตอนนี้โลหิตเดือดพล่าน ร้องคำรามเสียงดังแว่วเข้ามา อีกทางหนึ่งในเวลาเดียวกัน ก็มีสายรุ้งยาวเกือบหมื่นตรงเข้ามาเช่นกัน ผู้นำหน้าสุดคือชายชราซูบผอมดุจโครงกระดูก ชายชราคนนี้คือ เสวี่ยซาจ้าวหมานเผ่าเมฆายักษ์!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version