Skip to content

สู่วิถีอสุรา 684

ตอนที่ 684 แสงสว่างหยาง มรณะหยิน

ตอนนี้ ไม่ว่าจะเป็นชาวเผ่าเมฆายักษ์หรือศิษย์สำนักเวไนยสัตว์ คนเกือบสองหมื่นจากสองทิศทางบนฟ้านี้เป็นภาพที่น่าตะลึงนัก ชั่ววินาทีที่พวกเขาเห็นเทวรูปหมานใหญ่ยักษ์กลางอากาศ ทุกคนก็รู้สึกว่าสายเลือดพลันเดือดพล่านขึ้นมา

เทวรูปหมานสร้างแรงกดดันต่อเผ่าเซียน

แต่สำหรับเผ่าหมานแล้วมันคือความฮึกเหิมและคลุ้มคลั่งที่ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยาย ราวกับว่าเพียงอยู่รอบๆ เทวรูปหมานก็จะปลดปล่อยศักยภาพของตนออกมาได้ทั้งหมด กระทั่งกำลังรบยังสูงกว่าเมื่อก่อนไม่น้อย

นอกจากเทวรูปหมานจะทำให้เผ่าหมานเกือบสองหมื่นคนโลหิตเดือดพล่านแล้ว ผู้ฝึกฌานเผ่าเซียนหลายหมื่นคนบนพื้นก็ทำให้คนเผ่าเมฆายักษ์กับสำนักเวไนยสัตว์พากันหรี่ตาลง

หลังจากเผ่าเซียนหลายหมื่นคนบนพื้นสังเกตเห็นเผ่าหมานกลุ่มใหญ่ตรงเข้ามาก็ต่างเงียบงัน ทว่ากลับไม่ได้มีท่าทีโอหังเหมือนเมื่อก่อน เพราะว่าที่นี่มีบุคคลน่าสะพรึงกลัวซึ่งพวกเขาเห็นกับตาว่าสังหารร่างแยกตี้เทียนจนหมดได้!

การมาเยือนของเผ่าเมฆายักษ์กับสำนักเวไนยสัตว์ทำให้สนามรบเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพียงแต่ว่าขุมอำนาจเผ่าหมานสองกลุ่มนี้เพิ่งมาถึง ยังไม่ทันเข้าใจสถานการณ์ใดๆ พวกเขาเห็นแค่ว่านอกเทวรูปหมานยักษ์ยังมีวงแหวนอาคมน้ำวนที่กำลังหมุนโคจรอยู่บนฟ้า!

ขณะวงแหวนอาคมหมุนโคจรก็มีแสงจ้าเปล่งออกมา เห็นได้ชัดว่าเซียนรอบใหม่กำลังมาเยือน

นอกจากนี้แล้ว ยังมีสิ่งที่ดึงดูดสายตาของเสวี่ยซาชายชราร่างซูบผอมแห่งเผ่าใหญ่เมฆายักษ์กับเทียนฉี่ผู้อาวุโสแห่งสำนักเวไนยสัตว์พร้อมกัน

นั่นก็คือการต่อสู้บนฟ้าระหว่างศิษย์พี่ใหญ่กับจี๋อั้น ศิษย์พี่ใหญ่ถือขวานสงคราม อีกมือหนึ่งถือโล่ยักษ์ที่รวมจากวิญญาณเชมันเกือบร้อยตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ ส่วนจี๋อั้นถอยร่นไปอย่างต่อเนื่องด้วยสีหน้าทะมึน เขาใช้อุบายทุกอย่างแล้ว แต่กลับไม่อาจโค่นล้มปณิธานอันแน่วแน่ที่ไม่เคยมีมาก่อนของอีกฝ่าย!

ตรงจุดที่สองคนสู้กันมีหมอกดำหนาแน่น เหมือนมีปีศาจร้ายนอกฟ้านับไม่ถ้วนกำลังคำราม ทว่าไม่กล้าเข้าใกล้ศิษย์พี่ใหญ่ เสียงระเบิดยังคงดังกระจายอย่างต่อเนื่อง การต่อสู้ของพวกเขากินพื้นที่ไปครึ่งท้องฟ้าเลยทีเดียว

และยังมีอีกด้านหนึ่ง รูปร่างมายาไม่ชัดเจนที่คล้ายสายรุ้งยาวตรงไปหาคนสวมชุดคลุมดำและมงกุฎจักรพรรดิ ช่วงที่เผ่าหมานเหล่านี้เพิ่งมาถึงและเห็นการต่อสู้ในเขตนี้อย่างชัดเจน ก็มีเสียงครึกโครมที่สะเทือนฟ้าดินรอบด้านดังมาจากทางคนสวมชุดคลุมดำและมงกุฎจักรพรรดิ

“สามสิบหกครั้ง สามสิบเจ็ดครั้งอะไร ความทรงจำเหล่านี้จะจริงก็ดี จะลวงก็ดี สำหรับข้า…มันไม่มีประโยชน์!” น้ำเสียงของซูหมิงดังกึกก้อง ร่างเขาโซเซถอยไปเกือบร้อยจั้ง เมื่อหยุดลงก็เงยหน้าขึ้น ตรงมุมปากมีโลหิตไหล

โลหิตนี้ไม่ได้เกิดจากตี้เทียน แต่เป็นซูหมิงกัดปลายลิ้นอย่างแรง ทำให้จิตสำนึกตื่นขึ้นท่ามกลางความปั่นป่วนในความทรงจำ

“ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่อาจคลายผนึกความทรงจำออก แต่พอเจ้ามาถึง ผนึกนี้กลับคลายออกเองเล็กน้อย ตี้เทียน…เรื่องนี้มันปลอมจนเกินไป ต่อให้สิ่งที่เจ้าบอกเป็นความจริง แต่ขอเพียงแค่สังหารเจ้า ทุกอย่างก็ไม่สำคัญแล้ว!” ซูหมิงตาแดงก่ำ ก่อนเดินหน้าหนึ่งก้าวไปทางตี้เทียนอีกครั้ง

ขณะยกมือขวา เทวรูปหมานบนฟ้าร้องคำรามแล้วชกหมัดเข้าไป ไม่ได้ชกไปทางตี้เทียน แต่เป็น…ซูหมิง!

ทันใดนั้นเอง คนเผ่าเมฆายักษ์กับสำนักเวไนยสัตว์ที่อยู่สองทิศห่างจากสนามรบไปหลายพันจั้งเพ่งมองซูหมิง

พวกเขา…เห็นใบหน้าของซูหมิงเหมือนกับเทวรูปหมานอย่างชัดเจน และตอนที่เพ่งสายตามองซูหมิง โลหิตในกายก็พลันถูกกระตุ้นให้ปะทุขึ้นอย่างไร้การควบคุม

แรงกระตุ้นนี้ทำให้สายเลือดชาวเผ่าหมานทั้งหมดจากสองกลุ่มอำนาจบนฟ้าเดือดพล่านอย่างรุนแรง ไม่รู้ว่าใครร้องคำรามเป็นคนแรก จากนั้นเสียงคำรามก็ดังขึ้นต่อเนื่องกัน จนสุดท้ายทั้งท้องฟ้าเหลือเพียงเสียงนี้เสียงเดียว!

“คารวะเทพหมาน!”

“คารวะเทพหมาน!”

“คารวะเทพหมาน!”

เสียงนี้ดังสนั่นฟ้าดิน นี่คือเสียงคำรามพร้อมกันของคนเกือบสองหมื่น เป็นเสียงระเบิดของสายเลือดคนเกือบสองหมื่น และเป็นเสียงตะโกนของเผ่าหมานเกือบสองหมื่นคนที่ลุยน้ำข้ามทะเลมาถึงที่นี่!

แทบทันทีที่เสียงนี้ดังกังวาน สั่นสะเทือนไปรอบๆ หมัดขวาเทวรูปหมานของซูหมิงก็ปะทะกับตัวเขาแล้ว

ตอนที่พวกเขาปะทะกัน เทวรูปหมานพันจั้งเงยหน้าขึ้นร้องดังลั่น เหมือนกับตอบรับเสียงตะโกนของชาวเผ่าหมานเหล่านั้น

ท่ามกลางเสียงคำราม ร่างซูหมิงผสานรวมเข้าไปในเทวรูปหมาน วินาทีที่หายเข้าไปภายใน ดวงตาเทวรูปหมานพลันเปล่งประกายแรงกล้าอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประกายนั้นเหมือนมีจิตสังหาร เหมือนปราดเปรียว วินาทีที่ปรากฏประหนึ่งว่าเทวรูปหมานนี้ก็คือซูหมิงเอง!

การผสานรวมกับเทวรูปหมานคืออภินิหารสำหรับนักรบขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์เท่านั้น ก่อนถึงขั้นสมบูรณ์ ผู้แข็งแกร่งวิญญาณหมานจะให้เทวรูปหมานผสานเข้าสู่ร่างกายได้ ทว่าพอถึงขั้นสมบูรณ์จะกลับด้านกัน เมื่อเอาตัวเองผสานเข้าไปในเทวรูปหมานก็จะใช้พลังอันแก่กล้าของเผ่าหมานได้!

ตี้เทียนชุดคลุมดำหรี่ตาลงเล็กน้อย

ซูหมิงไม่สนว่าเรื่องถูกสังหารมาสามสิบหกครั้งที่ตนเล่าจริงหรือไม่ เขาจึงแค่นเสียงเย็นชาแล้วไม่กล่าวอีก แต่นัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่านพร้อมกับยกมือขวาสะบัดไปบนฟ้า ก่อนอ้าปากพ่นหินสีทองออกจากปากหนึ่งก้อน

หินก้อนนั้นไม่ใหญ่ มีขนาดราวๆ เล็บมือ ความยาวครึ่งนิ้วมือเท่านั้น แต่พอมันปรากฏกลับระเบิดออก ตรงขอบรอบๆ หินมีบางอย่างขยับยึกยือ ชั่วพริบตาเดียวก็กลายเป็นหินขนาดเท่ากำปั้น และอีกพริบตาหนึ่งก็มีขนาดเท่าศีรษะคน!

ครั้นหินนี้ปรากฏขึ้น พลังแห่งแสงสว่างหยางกระจายออกเป็นวงกว้างโดยพลัน ฟ้าดินรอบๆ เกิดระลอกคลื่นวงกลมประดุจถูกฉีดขาด คล้ายกับว่าแบกรับหินก้อนนี้ไม่ไหว

นี่คือหินแสงสว่างหยาง!

หนำซ้ำหลังจากตี้เทียนนำหินนี้ออกมา แสงสว่างจากตัวมันสามารถลบล้างวิญญาณแห่งมรณะหยินได้ทั้งหมด

“ถึงอย่างไรข้าก็เป็นกายมรณะหยิน หินแสงสว่างหยางนี้สังหารเจ้าได้ ด้วยแสงของมัน ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าจะรอดไปได้อย่างไร!” ตี้เทียนยกมือขวาคว้าหินแสงสว่างหยางแล้วบีบอย่างแรง หินพลันเกิดเสียงดังสนั่นพร้อมกับระเบิดออก

หลังจากมันระเบิดก็เหมือนดวงตะวันพังพินาศลง แสงทองสว่างจ้าส่องสะท้อนไปรอบๆ ทว่ากระจายออกไปเพียงร้อยจั้งเท่านั้น เพราะจู่ๆ แสงทองแห่งแสงสว่างหยางก็เปลี่ยนทิศทาง แล้วรวมตัวกันตรงไปหาซูหมิง

ทำให้รอบตัวซูหมิงที่รวมกับเทวรูปหมานกลายเป็นสีทองโดยพลัน ช่วงที่แสงทองอาบร่างเทวรูปหมานก็มีควันดำลอยโชยขึ้นมาจำนวนมาก

ใบหน้าเทวรูปหมานแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว ความรู้สึกนี้รุนแรงกว่าตอนเขาออกจากแดนมรณะหยินเป็นครั้งแรกเสียอีก

ซูหมิงคำรามเสียงดังลั่น เขาไม่ถอย แต่ก้าวเดินไปทางแสงทอง ขณะเดียวกันก็ยกมือขวา ฝ่ามือตั้งขึ้น หลังมือคว่ำลง ก่อนสะบัดไปทางแสงสว่างหยางที่กระจายรอบตัว

“สิ่งที่หายไปคืออดีต สิ่งที่คงอยู่คืออนาคต และตอนนี้….คือซู่มิ่ง!” ซูหมิงกล่าวเสียงดังกึกก้อง ครั้นสะบัดมือไป แสงสว่างหยางที่ให้ความรู้สึกถึงความตายแก่เขาก็พลันม้วนถอยออกไปประหนึ่งกาลเวลาย้อนกลับ ทำให้ชั่ววินาทีนี้เทวรูปหมานไม่ถูกแสงสว่างหยางปกคลุมอีก

ทว่าอภินิหารของร่างอาคมตี้เทียนที่เป็นปฏิปักษ์เฉพาะกับซูหมิงนี้ ต่อให้เป็นการย้อนเวลาของซู่มิ่งก็ส่งผลให้มันถอยกลับไปได้เพียงชั่ววินาที ไม่ทันไรแสงสว่างหยางก็เข้ามาใกล้ร่างเทวรูปหมานอีกครั้ง

หากแต่วินาทีที่แสงสว่างหยางม้วนถอยไป เทวรูปหมานซูหมิงกำลังมีควันลอยโชยจำนวนมาก ตัวเขาเหมือนแก่ชราขึ้นอย่างไม่มีสิ้นสุด จังหวะนี้เอง เทวรูปหมานยกมือซ้ายคว้าไปทางน้ำวนมรณะหยินที่อบอวลอยู่บนน่านฟ้าเผ่าหมาน

“ยมโลกมืด!” ซูหมิงเงยหน้าเปล่งเสียงคำรามขึ้นฟ้า ทันทีที่กล่าว รอบตัวเขาปรากฏร่างมายายักษ์สีดำเจ็ดร่างโดยทันที นี่ก็คือผนึกมรณะหยินเจ็ดยมโลก!

แสงสว่างหยางกำราบมรณะหยิน ทว่าเมื่อมองกลับกัน มรณะหยินก็กำราบแสงสว่างหยางได้เช่นกัน!

วินาทีที่แสงสว่างหยางเข้ามาใกล้อีกครั้งและอาบไปทั่วร่างเทวรูปหมาน ร่างมายาสีดำทั้งเจ็ดก็รวมออกมาแล้ว ก่อนคุกเข่าคารวะซูหมิงพร้อมกัน

ช่วงที่คารวะมีเสียงโครมครามดังอย่างรุนแรงมาจากในน้ำวน พบว่ามีควันดำจำนวนมากพุ่งลงมา มันไม่ได้โจมตีใคร แต่ดิ่งลงมายังซูหมิง

ผนึกยมโลกของซูหมิงโจมตีใส่ตัวเขาเอง วินาทีที่แสงสว่างหยางเข้ามาใกล้ ควันดำมรณะหยินก็ระเบิดออกแทบทันที

เสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดินดังสนั่นไปทั้งโลกหมาน สั่นสะเทือนจนฟ้าแปรเปลี่ยน แผ่นดินเหมือนจะพังพินาศลง หลังจากเสียงนั้นค่อยๆ หายไป เทวรูปหมานก็ยังคงยืนตระหง่านอยู่กลางอากาศ

ใบหน้าเขาแก่ชรา กลิ่นอายพลังจากร่างอ่อนแอถึงขีดสุด ทว่าเมื่อนัยน์ตามีจิตสังหารวูบผ่าน ความอ่อนแอนี้ก็เริ่มฟื้นฟูกลับมาในทันที เพราะขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์สามารถเหนี่ยวนำพลังฟ้าดินมาใช้ได้!

โดยเฉพาะตอนนี้ที่ซูหมิงผสานรวมกับเทวรูปหมาน ความเร็วในการสูบพลังฟ้าดินจึงเหมือนเขมือบก็ไม่ปาน

เวลานี้แสงสว่างหยางรอบด้านหายไปจนสิ้น เหลือเพียงตี้เทียนผู้มีสีหน้าทะมึนทึบห่างไปหลายร้อยจั้ง

“กระบี่เก้ายมโลกสังหารเจ้าไม่ได้ แสงสว่างหยางก็สังหารเจ้าไม่ได้…เช่นนั้น ข้าจะดูว่าเจ้าจะรับมือสิ่งนี้อย่างไร…ลงทัณฑ์!” ตี้เทียนยิ้มเยาะพลางยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือแล้วชี้ขึ้นฟ้า!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version