ตอนที่ 691 ผงาดขึ้น
“สิ่งที่ข้าไม่เข้าใจคือหากหน้าตรงของกระจกหมายถึงความเป็นสู่ความตาย ด้านกลับก็ย่อมต้องเป็นความตายสู่ความเป็น…เช่นนั้นวัฏจักรหลายครั้งของข้า บ่วงที่เจ้าเอ่ยถึง และยังมีวิชาเมื่อครู่นี้ที่เหมือนความจริงทว่ากลับเป็นภาพมายา มันคืออะไร…” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ สายตามองตี้เทียน ในคำพูดไม่มีการถาม แต่ตนมีคำตอบอยู่แล้ว
“จนตอนนี้ข้าถึงได้เข้าใจ ที่แท้ด้านตรงและด้านกลับของกระจกไม่ใช่วัฏจักรสมบูรณ์” ซูหมิงส่ายศีรษะ ปลงอนิจจังอยู่เล็กน้อยในใจ
“เหมือนกับการคงอยู่ของหยินกับหยาง ผู้คนเห็นเพียงสองด้าน แต่ลืมไปว่า…..ยังมีอีกหนึ่งจุด!”
“โลกนอกกระจกคือเผ่าเซียน โลกในกระจกคือเผ่าหมาน ความจริงแล้วยังมีกระจกในกระจกอีก เหมือนกับเอากระจกสองบานวางไว้ตรงข้ามกัน ความมืดว่างเปล่านับไม่ถ้วนนั้นคือกระจกในกระจก!
ที่นั่น คือจุดที่เจ้าให้ข้าตกลงไป และก็เป็นจุดขอบเขตของวัฏจักร!
ที่นั่น คือเขาแดนหมานที่ท่านปู่พร่ำบอกข้าเสมอ
การสละชีวิตกระโดดลงไปในเขาแดนหมานไม่ใช่การฝังร่างตัวเอง แต่คือการหาจุดนั้นให้พบ แล้วเดินออกมาจากจุดนั้น ก่อนเดินออกจากโลกกระจกภายในกระจก แล้วก้าวเข้าสู่ในโลกกระจก
ข้าในตอนนี้อยู่ในกระจกอย่างแท้จริง….และก้าวต่อไปของข้าคือเดินจากความตายสู่ความเป็น เดินออกจากกระจกไปสู่นอกกระจก เดินออกจากแดนมรณะหยินไปสู่แดนแสงสว่างหยาง ออกจากเผ่าหมาน…..ไปสู่แดนเซียน!” เมื่อสิ้นเสียง กลิ่นอายพลังที่เหนือกว่าวิญญาณหมานสมบูรณ์พลันปะทุขึ้น มันสะเทือนฟ้าดิน ทำให้โลกใบนี้งดงามเพราะซูหมิงในชั่วขณะนั้น
ใบหน้าดาราบนฟ้าบิดเบี้ยวในชั่วพริบตา ตอนที่ซูหมิงยกมือขวาสะบัดก็พังพินาศลงทันที เผยให้เห็นเป็นฟ้าสีคราม นั่นคือวิชาของชายชราผู้สร้างซวินที่ใช้ขวางการมาเยือนของเซียนไว้
เส้นผมซูหมิงเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม ขั้นพลังเกิดการแปรเปลี่ยนในร่างกายอย่างรุนแรง การเปลี่ยนครั้งนี้ส่งผลให้กลิ่นอายพลังจากตัวเขาเปลี่ยนเป็นแรงบีบอัดแผ่กระจายออก แล้วปกคลุมแผ่นดินในพริบตา ปกคลุมท้องนภาเผ่าหมาน แผ่กระจายไปทั้งโลกหมาน
แผ่นดินหมานสั่นสะเทือน เทือกเขาทั้งหมดสั่นไหว แม่น้ำหยุดนิ่ง สัตว์ร้ายทั้งหมดพากันเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า
แม้แต่สัตว์ร้ายที่กำลังเข่นฆ่ากันยังหยุด แล้วเงยหน้าส่งเสียงคำรามกึกก้องไปทั่วเผ่าหมาน
ทะเลมรณะม้วนเป็นคลื่นลูกใหญ่ ประหนึ่งว่าทั้งทะเลเดือดพล่าน เสียงคลื่นโครมครามราวกับเสียงคำรามจากการผงาดขึ้นของทั้งเผ่าหมาน
แดนอรุณใต้ แดนรกร้างบูรพา แดนพันธมิตรตะวันตก แดนทวีปเหนือ สี่แผ่นดินล้วนส่งเสียงคำราม ทำให้ทั้งเผ่าหมานในวินาทีนี้มีจิตวิญญาณที่รวมพวกมันเข้าด้วยกันได้แม้แยกกันอยู่
นี่คือจิตวิญญาณของเผ่าหมาน!
ยามนี้เอง เสวี่ยซาแห่งเผ่าเมฆายักษ์ข้างๆ ซูหมิงกับชาวเผ่าเกือบหมื่นด้านหลังรู้สึกว่าโลหิตเดือดพล่านถึงขีดสุด ต่างพากันหายใจกระชั้น ก่อนระเบิดพลังที่ไม่อาจระงับเอาไว้ออกมา
ภายใต้แรงกดดัน เซียนหลายหมื่นคนด้านล่างล้วนตัวสั่นไหว คุกเข่าลงทีละคนโดยไร้การควบคุม นี่ไม่ใช่ว่าพวกเขายินยอม ทว่าดวงจิตในโลกนี้บอกว่าหากไม่คุกเข่า พวกเขาจะถูกโลกนี้บีบอัดจนตาย
จี๋อั้นหน้าซีดขาว ทุกอย่างเหนือการคาดเดาของเขาแล้ว กระทั่งเซียนเองยังคาดไม่ถึงว่าการปรากฏของหอคอยรกร้างบูรพาจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงถึงเพียงนี้
กลิ่นอายพลังของซูหมิงทะยานขึ้นอย่างบ้าคลั่ง การโคจรพลังในร่างกายทำให้เขากลายเป็นแสงสว่างพร่างพราวที่สุดในโลก ทันใดนั้นรอบๆ ตัวเขาก็มีลำแสงรวมขึ้นจากมวลอากาศบิดเบี้ยวอย่างรวดเร็ว
ภายใต้การรวมของลำแสง แวบเดียวก็กลายเป็นรูปปั้นยักษ์ตรงหน้าซูหมิง
รูปปั้นนี้เขารู้จัก กระทั่งเคยมีชาวเผ่าหมานบางส่วนเคยเห็น
รูปปั้นนี้ก็คือ…เทวรูปชำระล้าง!
ในเผ่าหมาน หากมีคนเพิ่มเส้นเลือดจนถึงระดับที่กำหนดแล้วจะเป็นการอัญเชิญเทวรูปชำระล้าง เทวรูปนี้เทพหมานรุ่นหนึ่งสร้างขึ้นเองกับมือ เพื่อเอาไว้ให้ทั้งแผ่นดินหมานกราบไหว้และได้รับพลังแห่งการชำระล้าง!
เวลานี้ หลังจากเทวรูปแบบในความทรงจำซูหมิงปรากฏขึ้น นัยน์ตามันฉายแววพิลึก จ้องซูหมิงพลางฟื้นคืนชีพ ก่อนประสานมือคารวะเขา!
นี่คือการคารวะของเทวรูปชำระล้าง เป็นการเคารพจากมัน!
แทบทันทีที่เทวรูปชำระล้างคารวะให้ บนฟ้าส่งเสียงครึกโครมและมีลำแสงระเบิดอยู่ในอากาศอย่างบ้าคลั่งตรงหน้าซูหมิง จากนั้นเหนือเทวรูปชำระล้างก็รวมออกมาเป็นอีกหนึ่งเทวรูปใหญ่
นั่นคือ…เทวรูปเซ่นไหว้กระดูก!
ในสายตาของชาวเผ่าหมาน เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกสูงส่งอย่างยิ่ง ทุกครั้งที่มันปรากฏตัวจะหมายถึงมีบุคคลผู้มีพรสวรรค์สูงส่งได้รับการยอมรับจากต้าอวี๋ และได้รับแต่งตั้งเป็นแม่ทัพเทพเซ่นไหว้กระดูก!
นั่นคือเกียรติยศสูงส่ง ทุกครั้งที่เทวรูปเซ่นไหว้กระดูกปรากฏ คนที่พบเห็นส่วนใหญ่จะคารวะ แต่ตอนนี้หลังจากเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกมาแล้ว มัน…กลับก้มหัวประสานมือคารวะซูหมิงด้วยความนอบน้อมเหมือนกับเทวรูปชำระล้าง การคารวะครั้งนี้ทำให้ท้องฟ้าส่งเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สั่นสะเทือนโลกทั้งใบ
หลังจากคารวะเสร็จ เหนือเทวรูปเซ่นไหว้กระดูกขึ้นไปก็มีลำแสงรวมเข้ามาจากทั้งฟ้าดินในพริบตา ช่วงที่แสงสว่างพร่างพราวอาบฟ้าประดุจน้ำหลาก ก็ปรากฏเทวรูปใหญ่ยิ่งกว่า ทรงพลังยิ่งกว่าขึ้นกลางอากาศ
“นั่นมัน…..”
“นั่นมันเทวรูปวิญญาณหมาน?!”
“มันปรากฏน้อยครั้งที่สุด กระทั่งแต่โบราณกาลมาก็ปรากฏน้อยครั้งมาก!”
เสียงเกรียวกราวดังระงม จากนั้นเทวรูปวิญญาณหมานที่ตั้งตระหง่านกลางฟ้าก้มหัวประสานมือคารวะซูหมิงด้วยความเคารพ ยอมศิโรราบเหมือนกับเทวรูปชำระล้างและเซ่นไหว้กระดูก!
การปรากฏตัวของสามเทวรูปใหญ่และการคารวะของพวกมัน มีผลให้กลิ่นอายพลังของซูหมิงพลันปะทุขึ้น ครั้งนี้เขาข้ามผ่านมาไกล ขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ยังคงทะยานขึ้นอย่างต่อเนื่อง แรงกดดันน่าสะพรึงแผ่มาจากในและนอกร่างกาย เทวรูปหมานด้านหลังที่พังทลายไปก่อนหน้านี้ก็รวมขึ้นมาอีกครั้ง
ภาพเหล่านี้ทำให้ตี้เทียนมีสีหน้าสับสน ทั้งยังดิ้นรนอย่างคลุ้มคลั่ง
“สามหมานคารวะพร้อมกัน นี่มัน…การสร้างชะตาในตำนาน! นี่คือกลิ่นพลังอายสร้างชะตา…ตั้งแต่โบราณกาลมา ไม่อยากเชื่อว่าจะปรากฏกลิ่นอายพลังสร้างชะตาอีกครั้ง!” เสวี่ยซาชายชราร่างซูบผอมแห่งเผ่าเมฆายักษ์ตื่นเต้นจนควบคุมตัวเองไม่อยู่ เขาตัวสั่นพลางมองซูหมิง ความเร่าร้อนและเคารพในแววตาถูกจุดประกายให้ลุกโชนถึงขีดสุด
“นี่คือวันที่เผ่าหมานของเราจะผงาดขึ้น! ข้าเสวี่ยซาจะขอติดตามอยู่หลังเทพหมาน ขอร่วมเป็นร่วมตายกับเผ่าหมาน เพื่อให้เทพหมานเปิดเส้นทางสู่แดนเซียน” เสวี่ยซาคลุ้มคลั่งแล้ว นี่คือความคลุ้มคลั่งจากความตื่นเต้น เขาพลันคุกเข่าให้ซูหมิง พร้อมกับกล่าวคำสาบานของเผ่าหมานขณะที่ยังตัวสั่นอยู่!
“จากนี้ไปจิตวิญญาณข้าจะเซ่นไหว้ให้เผ่าหมาน ร่างกายข้าจะอุทิศให้เผ่าหมาน เลือดเนื้อข้าจะเบิกฟ้าเพื่อเผ่าหมาน พลังแห่งสายเลือดข้าจะยอมจ่ายทุกอย่างเพื่อให้เผ่าหมานผงาดขึ้น!” เสียงเสวี่ยซาดังกึกก้อง มันมาพร้อมกับความฮึกเหิม มาพร้อมกับความห้าวหาญที่ตื่นขึ้นอีกครั้งในหัวใจแก่หง่อมของเขา และมาพร้อมกับน้ำตาแห่งความตื่นเต้นซึ่งไหลอาบใต้ดวงตา
เขารักเผ่าหมาน รักเผ่าของตัวเองอย่างลึกซึ้ง ทว่า…ตอนนี้ เขาไม่ต้องอึดอัดใจและสิ้นหวังก็ระบายความรักนี้ออกมาได้อย่างเอ่อล้น
ชาวเผ่าเมฆายักษ์เกือบหมื่นด้านหลังล้วนคุกเข่าลงพร้อมกัน แล้วกล่าวคำสาบานของเผ่าหมานแบบเดียวกับเสวี่ยซา!
ในเวลาเดียวกัน เทียนฉี่แห่งสำนักเวไนยสัตว์ ชายชราผู้นี้น้ำตารินไหลก่อนคุกเข่าด้วยความฮึกเหิม รวมถึงชาวเผ่ายี่สิบเผ่ารวมกันเกือบสองหมื่นคนด้านหลังด้วย พวกเขาเอ่ยคำสาบานแห่งเผ่าหมานพร้อมกัน ว่าจะอุทิศทุกอย่างของพวกตนเพื่อชนเผ่า!
เวลานี้เอง อีกหลายด้านรอบๆ มีสายรุ้งลากยาวเข้ามาอย่างบ้าคลั่งนับไม่ถ้วน ความเร็วของสายรุ้งเหล่านั้นเหนือกว่าขีดจำกัด คลุ้มคลั่งโดยไม่สนสิ่งใด
“ชื่อเหลยเทียนคารวะท่านเทพหมาน! ข้ายินยอมให้จิตวิญญาณข้าเซ่นไหว้ให้เผ่าหมาน ร่างกายอุทิศให้เผ่าหมาน เลือดเนื้อเบิกฟ้าเพื่อเผ่าหมาน พลังแห่งสายเลือดยอมทุกอย่างเพื่อให้เผ่าหมานผงาดขึ้น!” นั่นคือเสียงของชื่อเหลยเทียน อีกทั้งชาวเผ่านับหมื่นด้านหลังชายชราผู้มีสายฟ้าไหลเวียนทั่วร่างคนนี้ก็เปล่งเสียงตะโกนสาบานสะเทือนฟ้าพร้อมกัน!
“หยาหมาน จ้าวหมานเผ่าเขี้ยวหมาน คารวะท่านเทพหมาน! จากนี้จิตวิญญาณและเลือดเนื้อข้าจะอุทิศให้เผ่าหมาน ใช้พลังแห่งสายเลือดยอมทุกอย่างเพื่อเผ่าหมาน ให้เผ่าหมานผงาดขึ้น ต่อให้ตายก็จะไม่เสียใจ!” น้ำเสียงมีระลอกสั่นๆ อยู่บ้าง นั่นคือคำสาบานของหมื่นคนจากเผ่าเขี้ยวหมานขณะกำลังบินเข้ามาด้วยความเร็วสูงสุด!
“อู๋ซวง จ้าวหมานเผ่าเขาต้นหลวน พาชาวเผ่าหมื่นคนมาคารวะท่านเทพหมาน! เผ่าหมานจงผงาดขึ้น เผ่าเขาต้นหลวนยินยอมเป็นกองนำเพื่อเทพหมาน จะเหยียบย่ำท้องนภาทั้งหมดเพื่อเทพหมานและเผ่าหมานของเรา!” ตอนนี้ชนเผ่าที่ซ่อนตัวในหุบเขามาถึงแล้ว พวกเขาล้วนคุกเข่าลงพร้อมกัน ทำให้เวลานี้เหมือนเหลือซูหมิงคนเดียวที่กำลังระเบิดพลังไม่หยุด
เส้นผมซูหมิงปลิวไสว สีหน้าเรียบนิ่ง ข้างหูมีเสียงที่คุ้นเคยดังแว่วเข้ามา
“ผู้ฝึกตนแห่งเผ่าชะตาชีวิต คารวะโม่จวิน!”
“หนานกงเหินชาวเผ่าชะตาชีวิต คารวะโม่จวิน!”
เสียงเหล่านั้นดังแว่วมาจากรอบตัว เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ในเสียงเหล่านั้นแฝงไว้ด้วยความฮึกเหิมประดุจโลหิตเดือดพล่าน
เผ่าชะตาชีวิตมาถึงแล้ว!
ซูหมิงอยู่กลางอากาศ เขากวาดสายตามองผู้คนที่คุกเข่ารอบๆ เห็นตี้เทียนที่ศีรษะลุกไหม้จนเหลือไม่ถึงครึ่งหน้าซีดขาว เห็นความคลุ้มคลั่งและไม่ยินยอมในแววตาตี้เทียน ทั้งยังมีความสับสนอยู่ลึกๆ
“วัฏจักรคือจุดหนึ่ง…จุดนี้คือเขาแดนหมาน และก็เป็นที่นี่เอง” ซูหมิงยกมือขวาคว้าแผ่นดิน แผ่นดินพังทลายลงในฉับพลัน จากนั้นมีผลึกโลหิตที่ฝังลึกอยู่ใต้ดินมานานเท่าไรไม่รู้กลายเป็นสายรุ้งโลหิตตรงมาหาเขา
อีกทั้งด้านหลังผลึกโลหิตชิ้นนี้ยังมีผลึกโลหิตลอยขึ้นมาจากพื้นดินอีกมาก ผลึกโลหิตเหล่านั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวตรงมาหาเขา ก่อนผสานรวมกับร่างกายอย่างรวดเร็ว ทุกครั้งที่ผสานรวมกันจะส่งผลให้ขั้นพลังเขาปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง แรงกดดันจากร่างกายก็เพิ่มขึ้นอย่างน่าสะพรึงด้วย!
“จากนี้ไป…จงสร้างชะตา!” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา นัยน์ตาฉายแววแน่วแน่และยึดมั่น!
ในยามนี้เอง เขาก็รู้สึกถึงเมืองหลวงต้าอวี๋ที่ถูกแช่แข็ง!