Skip to content

สู่วิถีอสุรา 704

ตอนที่ 704 แกะอ้วนมาแล้ว

ห่างจากซุ้มประตูภูเขาของสำนักวิญญาณอสูรไปค่อนข้างไกล มีเทือกเขาเชื่อมติดกันอยู่แห่งหนึ่ง ยามนี้ นอกป่าทึบใต้เทือกเขามีชายวัยกลางคนปากแหลมแก้มลิงคนหนึ่งกำลังเดินหน้าไปอย่างระมัดระวัง เดินไปพลาง มองไปรอบๆ อย่างตื่นตัวไปพลาง ราวกับว่าหากมีเสียงดังนิดเดียวก็จะตกใจ สะดุ้งหนีไปทันที

บุคคลผู้นี้คือเฉียนเฉิน

ตอนนี้ใบหน้าเขาปูดบวม มีสภาพอนาถอย่างยิ่ง อาภรณ์ยังขาดวิ่น เหมือนต้องทรมานอย่างหนัก

ไม่รู้ว่าเขาเจออะไรมาบ้าง ตอนนี้สีหน้ามีความตื่นกลัวท่ามกลางความเครียด เดินหน้าไปอย่างระมัดระวัง ตรงหน้าเขาราวๆ หลายร้อยจั้งมีสายรุ้งยาวสองสายกำลังห้อเหยียดบนผืนฟ้า ในสายรุ้งสองสายนั้นเป็นชาวเผ่าหมาน คนหนึ่งราวๆ ขั้นชำระล้างตอนกลาง อีกคนเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น น่าจะผ่านทางมาแถวนี้ สายรุ้งนั้นห้อเหยียดผ่านไปโดยไม่หยุด วูบเดียวก็จะผ่านไป

หลังจากเผ่าหมานผงาดขึ้น ในช่วงนี้หลายจุดบนแผ่นดินรกร้างบูรพามีสายรุ้งแบบนี้ผ่านไปมาบ่อยครั้ง ไม่เร่งเดินทางก็รวมพล หรือไม่ก็ออกตามหา

ซุ้มประตูภูเขาของเผ่าเซียนปิดสนิท ทั้งแผ่นดินรกร้างบูรพาปรากฏเซียนให้เห็นน้อยมาก แต่ก็มีเซียนบางส่วนอยู่กระจัดกระจายกัน บ้างถูกเผ่าหมานตรวจพบ หากเจอเซียนในลักษณะนี้จะเกิดการสังหารทันที

เวลานี้ ช่วงที่สายรุ้งสองสายบินผ่านท้องฟ้า เฉียนเฉินพลันเบิกตากว้าง หากเขาล้มแกล้งตายเลยหรือไม่ก็นั่งยองซ่อนตัวอยู่ในพุ่มไม้ บางทีอาจไม่ถูกตรวจพบ ถึงอย่างไรสายรุ้งสองสายนั้นก็เพียงแค่ผ่านทางมา และยังใช้ความเร็วสูงด้วย

แต่เหมือนว่าเขาจะตกใจกลัว บางทีเหตุการณ์ที่ผ่านมาในช่วงนี้อาจทำให้เขาเป็นนกขี้ตกใจ วินาทีที่เห็นสายรุ้งสองสายก็ร้องเสียงแหลม พลันกระโดดขึ้น วิ่งเข้าไปในป่าไม้พร้อมกับกรีดร้อง

เดิมทีสายรุ้งสองสายนั้นผ่านเฉียนเฉินไปแล้ว และก็ไม่ได้สังเกตเห็นด้วย ทว่าด้วยเสียงร้องของเฉียนเฉิน สายรุ้งสองสายนั้นพลันหยุดชะงัก ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนนัยน์ตาแวววาว มองไปยังแผ่นดินโดยพลัน สายตามองผ่านใบไม้ใหญ่ของป่าทึบ เห็นเฉียนเฉินกำลังวิ่งอย่างเร็วรี่อยู่

“เผ่าเซียน!” สองคนสบตากัน สังเกตเห็นว่าเฉียนเฉินผิดปกติ บวกกับกลิ่นอายพลังและระลอกคลื่นจากตัวเฉียนเฉินให้ความรู้สึกถึงเซียนรางๆ กลิ่นอายพลังนี้ไม่ได้แผ่ออกจากตัว แต่พออีกฝ่ายวิ่ง มันเลยกระจายเป็นวงกว้างโดยไร้การควบคุม

ฉับพลันนั้น ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนเปลี่ยนทิศทาง ตรงไปหาเฉียนเฉินในป่าทึบ

หน้าผากเฉียนเฉินมีเหงื่อซึมออกมา ท่าทางตื่นกลัวเหมือนจะตกใจตายได้ทุกเมื่อ เขาตัวสั่นและวิ่งไปอย่างรวดเร็ว แต่ทุกครั้งที่ความเร็วลดลงเล็กน้อย ก็จะถูกหญ้าในป่าทึบเกี่ยวขาจนสะดุดล้ม เผ่าหมานสองคนจึงเข้ามาใกล้เรื่อยๆ ช่วงที่ห่างจากเฉียนเฉินไม่ถึงสิบจั้งนั้นเอง…

มีเสียงหึแว่วมาจากในป่าทึบ คล้อยหลังเสียงนั้นก็มีกลิ่นอายพลังแก่กล้าอย่างยิ่งกวาดเข้ามา ชั่ววินาทีนี้ ฟ้าดินถอดสีกลายเป็นแรงกดดันถาโถมมาหา

แรงกดดันนี้ใช้อำนาจบาตรใหญ่ยิ่งนัก หนำซ้ำในความราบเรียบแต่ทรงพลัง ยังมีกลิ่นอายพลังของขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์อยู่ ซึ่งเพียงพอจะสร้างความตื่นตะลึงให้กับทุกคนที่ได้สัมผัส

“เป็นเผ่าเซียนเล็กจ้อย กลับกล้าบุกมาถิ่นนั่งฌานของข้า!” เสียงแก่ชราดังกึกก้อง ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนที่ไล่ตามเฉียนเฉินมาหน้าเปลี่ยนสี หยุดชะงักลงพร้อมกัน แล้วประสานมือคารวะไปทางป่าทึบด้วยความเคารพและฮึกเหิม

แทบเป็นช่วงที่สองคนคารวะ ชายชราเสื้อคลุมขาวเดินออกมาจากส่วนลึกของป่าทึบทีละก้าว รูปร่างหน้าตาเขาเป็นผู้สูงส่งมีคุณธรรม มีบารมีที่คนอื่นอ่านไม่ออก เส้นผมทั้งศีรษะเป็นสีขาว

ใบหน้าชายชรามีเลือดฝาด พอปรากฏตัวแล้ว กลิ่นอายพลังจากตัวเขารุนแรงยิ่งกว่าเดิม ฟ้าดินสั่นสะเทือน มวลอากาศรอบๆ บิดเบี้ยว

เฉียนเฉินตัวสั่นงันงก เหมือนจะหนีต่อไม่ได้เนื่องจากแรงกดดันนั้น เขาตะลึงงันอยู่ตรงนั้นพลางเหม่อมองชายชรา

ชายชรามีสีหน้าเคร่งขรึม เดินเข้ามาใกล้แล้วมองเฉียนเฉินด้วยดวงตาดุจสายฟ้าแวบหนึ่ง ก่อนยกมือขวาชี้ไป หนึ่งดัชนีส่งสายลมเบาๆ ไปหา ไม่มีพลังควันไฟแม้แต่น้อย กระทั่งระลอกคลื่นพลังยังไม่เผยออกมา ดูแล้วเหมือนชี้ส่งๆ ไปอย่างนั้น

ต่อให้เป็นชายหนุ่มเผ่าหมานสองคน ต่อให้หนึ่งในนั้นบรรลุถึงขั้นเซ่นไหว้กระดูกตอนต้น ก็ยังคงมองนิ้วนั้นไม่ออก ในสายตาพวกเขา นิ้วนี้ไม่มีอภินิหารอะไรเลยจริงๆ

ทว่า…เฉียนเฉินที่อยู่ห่างจากนิ้วสิบกว่าจั้งกลับกรีดร้องอย่างน่าอนาถ ตัวสั่นพร้อมกระอักโลหิตกองใหญ่ เอาสองมือบีบคอตัวเอง ใบหน้าเขียวปัด พอล้มลงชักกระตุกอยู่หลายทีก็แน่นิ่งไป

เหตุการณ์นี้ทำให้ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนใจสั่นไหว หัวใจเต้นระรัวขึ้นมาทันที สายตาที่มองชายชราตื่นตะลึงและฮึกเหิม ต่อให้เผ่าเซียนที่ตายไปมีขั้นพลังไม่สูง ทว่าหนึ่งดัชนีของผู้อาวุโสในเผ่าตรงหน้านี้กลับแฝงไว้ด้วยการแปรเปลี่ยนของฟ้าดิน มิเช่นนั้นแล้วคงไม่มีทางสังหารโดยไม่ใช้คลื่นพลังได้อย่างแน่นอน

แรงกดดันที่ทำให้หายใจขัดข้องจากตัวอีกฝ่ายแฝงอยู่ในหนึ่งดัชนีแห่งการแปรเปลี่ยนฟ้าดินด้วย ทุกอย่างนี้เพียงจะทำให้พวกเขาสองคนมีสีหน้าฮึกเหิม

“อาผู่แห่งเผ่าหงส์ขาว คารวะผู้อาวุโส”

“มู่ตัวแห่งเผ่าหงส์ขาว คารวะผู้อาวุโส” ชายหนุ่มสองคนนั้นโค้งตัวคารวะชายชราด้วยสีหน้าเคารพ

“ที่แท้เป็นรุ่นเยาว์เผ่าหงส์ขาว ใช้ได้ เจ้าสองคนอายุยังน้อย มีขั้นพลังที่ไม่เลวจริงๆ” ชายชราลูบเครา ใบหน้าเผยรอยยิ้มพลางพยักหน้าให้สองคน

“ผู้อาวุโสรู้ว่าข้าเป็นเผ่าหงส์ขาว หรือว่าจะเป็นสหายเก่าของเผ่าข้า?” ชายหนุ่มขั้นเซ่นไหว้กระดูกรีบถามขณะประสานมือคารวะ สีหน้ามีความกระตือรือร้นยิ่งกว่าเดิม

“ข้าจำได้ว่าเมื่อนานปีก่อนเคยไปเผ่าหงส์ขาวของพวกเจ้า ตอนนั้นจ้าวหมานของพวกเจ้าเป็นจ้าวหมานรุ่นสองของเผ่าหงส์ขาว…” ชายชรามีสีหน้าคะนึงคิด ท่าทางปลงอนิจจังอย่างมาก

คำพูดเขาทำให้ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนสูดลมหายใจเข้าทันที สายตาเหม่อมองชายชรา เกิดคลื่นลูกใหญ่ในใจ หากคนอื่นกล่าวเช่นนี้เขาสองคนย่อมไม่เชื่ออย่างแน่นอน ทว่าคนที่กล่าวเป็นตาแก่ที่มีขั้นพลังแก่กล้า โดยเฉพาะพลังมหาศาลของอีกฝ่ายซึ่งเห็นได้ชัดว่าเป็นขั้นวิญญาณหมานสมบูรณ์ บวกกับหนึ่งดัชนีที่มีการแปรเปลี่ยนฟ้าดิน ทั้งสองคนนี้จึงเลือกเชื่อ

“จ้าวหมานรุ่นสองของเผ่าข้า…นั่น….นั่นคือเมื่อห้าพันกว่าปีก่อน….” ชายหนุ่มขั้นชำระล้างเสียงสั่น สีหน้าดูคึกคะนองยิ่งนัก

“เลิกพูดเรื่องในตอนนั้นไปเถอะ ข้านั่งฌานฝึกฝนอยู่ที่นี่มานานมากแล้ว ใช่สิ วันนี้เหตุใดเซียนที่พวกเจ้าสองคนล่าสังหารถึงมาอยู่ที่นี่ได้?” ชายชราส่ายศีรษะ มีท่าทางเหมือนไม่อยากรื้อฟื้นอดีต

“เรียนผู้อาวุโส พวกข้าสองคนได้รับคำสั่งให้ไปรวมพลนอกสำนักวิญญาณอสูร คอยเฝ้าจับตามองสำนักวิญญาณอสูรพร้อมกับชาวเผ่าอื่นๆ ตอนผ่านทางมาก็เห็นเซียนผู้นี้ทำลับๆ ล่อๆ เลยตามมาล่าสังหารขอรับ” ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนบอกไปโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“จับตามองสำนักวิญญาณอสูร?” ชายชรามองชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนแวบหนึ่ง

“ผู้อาวุโสนั่งฌานฝึกฝนมานานปี ดูแล้วคงจะไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับเผ่าหมานของเราเร็วๆ นี้ เทพหมานปรากฏตัวเมื่อหนึ่งปีก่อน จึงกระตุ้นสายเลือดแผดเผาทั้งเผ่าหมาน ทำให้เผ่าหมานของเราผงาดขึ้น พวกเราเลยจะขับไล่เผ่าเซียนบนแผ่นดินหมานออกไปให้หมด”

“ไม่อยากเชื่อว่าจะมีเรื่องแบบนี้ด้วย!” ชายชราจริงจังขึ้นมาทันที

“เรื่องที่พวกเจ้าพูดมาจริงรึ?”

“จริงอย่างแน่นอน ผู้เยาว์ไม่กล้าโกหกผู้อาวุโสหรอกขอรับ” ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนรีบกล่าว

นัยน์ตาชายชราแวววาว เอาสองมือไพล่หลังอย่างเงียบๆ แล้วเดินไปมาหลายก้าว สีหน้าเหมือนกำลังตรึกตรอง ครู่ต่อมาก็หยุดนิ่ง แล้วเงยหน้ามองชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนแวบหนึ่ง

“เรื่องนี้ใหญ่เกินไป ข้าคงนั่งฌานต่อไม่ได้แล้ว ต้องไปหาสหายเก่าเพื่อถามให้มั่นใจก่อน เอาแบบนี้ เรื่องเกี่ยวกับข้าพวกเจ้าห้ามพูดกับใครเด็ดขาด ต่อให้เป็นจ้าวหมานของพวกเจ้าก็ห้าม” ชายชรากล่าวเนิบๆ

ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนพยักหน้าขานรับทันที

“อีกอย่าง ข้าปิดด่านนั่งฌานมานานมาก ไม่ได้ออกไปข้างนอกมาหลายปี เลยไม่ค่อยเข้าใจว่าโลกเปลี่ยนไปเพียงใดแล้ว เอาแบบนี้แล้วกัน พวกเจ้าสองคนส่งเหรียญหินของพวกเจ้ามา เอามาค้ำประกันไว้ก่อน หากพวกเจ้าพูดจริง ข้าจะเอาไปคืนให้ที่เผ่าหงส์ขาว แต่หากกล้าโกหก…หึๆ” ชายชราเอามือไพล่หลังพลางกล่าวเสียงเบา

ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนอึ้งงัน นึกสงสัยในใจ ทว่าพอนึกถึงขั้นพลังของชายชราก็หยิบถุงเก็บวัตถุมา หลังจากนำเหรียญหินออกมาหมดแล้ว ค่อยวางไว้ตรงหน้าอีกฝ่ายด้วยความเคารพ

ชายชราสะบัดแขนเสื้อทีหนึ่ง หินวิญญาณแวววับเหล่านั้นหายไปในทันที จากนั้นก็พยักหน้าด้วยสีหน้าปกติ

“เอาละ พวกเจ้าไปได้ ข้าจะไปพิสูจน์ว่าเรื่องที่พวกเจ้าพูดมาจริงหรือไม่”

ชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ไม่กล้าเอ่ยอะไรมาก จึงประสานมือคารวะแล้วรีบกลายเป็นสายรุ้งจากไป ระหว่างทางอยู่บนอากาศก็มองหน้ากันและกัน ต่างรู้สึกว่าคำพูดประโยคหนึ่งของเหล่าคนชราในเผ่าช่างตรงมากจริงๆ

ยิ่งเป็นผู้มีขั้นพลังสูงส่ง ก็ยิ่งมีนิสัยและอารมณ์แปลกพิกล…

ในป่าทึบ หลังจากชายหนุ่มเผ่าหมานสองคนจากไป ชายชราคนนั้นก็ไม่มีกลิ่นอายพลังของยอดฝีมืออีก แต่หยิบหินวิญญาณเหล่านั้นขึ้นมาด้วยนัยน์ตาวาววับ จากนั้นกัดไปทีหนึ่งด้วยท่าทางยิ้มแย้มดีใจ ดูลำพองใจเป็นอย่างยิ่ง

ส่วนเฉียนเฉินที่กระอักโลหิตเหมือนจะสิ้นใจไปแล้วค่อยๆ ยืนขึ้นมาอย่างเชื่องช้า มองชายชราตาปริบๆ เรื่องแบบนี้เขาไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก หนึ่งปีมานี้เขาทำมาแล้วถึงสิบกว่าครั้ง

ตั้งแต่ตอนแรกที่เดินทางไปสำนักวิญญาณอสูร…ก็เจอชายชราคนนี้เข้าโดยบังเอิญ หลังจากถูกปล้นชิงแล้ว โลกของเขาก็เปลี่ยนไป…

“ท่านกระเรียน…พวกเรา…พวกเราจะไปถึงสำนักวิญญาณอสูรเมื่อไรรึ….” เฉียนเฉินมีสีหน้าอยากร้องไห้ แต่พยายามทำท่าทางประจบสอพลอ

“จะรีบอะไรขนาดนั้น? รอจนพวกเราสะสมหินวิญญาณได้หนึ่งแสนก่อน แล้วข้าจะปล่อยเจ้าไปสำนักวิญญาณอสูร รออีกหน่อยเถอะ โอ้ มีแกะอ้วนมาอีกตัวแล้ว เจ้าหนูเฉิน มาทำงานเร็วเข้า!” ชายชราตื่นตะลึง สายตาทอดมองไปไกล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version