ตอนที่ 711 ทำลายสำนัก
ซูหมิงไม่ได้บุกหอคอยรกร้างบูรพาอีก หลังจากชั้นเก้าไปคืออะไร เขาเอาคำตอบเก็บไว้ภายภาคหน้า ยามนี้มีเรื่องอีกมากนักที่ต้องทำ เขาไม่มีเวลาหยุดอยู่ในหอคอยรกร้างบูรพานานนัก ตามการคาดเดา หากอยากจะเข้าใจทุกอย่างของหอคอยนี้ ไม่เพียงต้องมีขั้นพลังเพียงพอเท่านั้น ยังต้องมีเวลาด้วย
ตอนนี้ซูหมิงมีกลิ่นอายชั่วร้ายอบอวลอยู่ เขาอยากเปลี่ยนให้ฟ้ากลายเป็นสีแดง อยากเห็นสีของฤดูใบไม้ร่วงเพื่อยืนยันความเข้าใจของตน จากนั้นก็จะก้าวสู่ขั้นรูปแบบชะตาตอนกลาง
ท่ามกลางเสียงคำรามของชาวเผ่าหมานสี่ห้าแสนคนรอบๆ ซูหมิงมองแผ่นดินที่ไกลออกไป ดวงวิญญาณแผ่กระจาย สิ่งที่เขาเห็นมีเพียงอย่างเดียวคือ…รูปปั้นศิษย์พี่ใหญ่ตรงจุดมาเยือนของเซียน
รูปปั้นยังคงอยู่ที่เดิมอย่างสมบูรณ์ ภายในตัวเขามีการป้องกันที่ซูหมิงแอบใส่เอาไว้ตอนหนีจากกระบี่สังหาร ซูหมิงไม่เชื่อว่าศิษย์พี่ใหญ่จะตายเช่นนี้ เขาไม่มีทางเชื่อ
ซูหมิงละสายตากลับอย่างเงียบๆ เขาไม่กล้าพาศิษย์พี่ใหญ่ไปด้วย เพราะไม่รู้ว่ามันจะทำให้ศิษย์พี่ใหญ่บาดเจ็บกว่าเดิมหรือไม่
“ศิษย์พี่ใหญ่ ข้าจะทำให้ท่านตื่น…..”
ซูหมิงเงยหน้าขึ้น กวาดสายตามองชาวเผ่าชะตาชีวิตแล้วพยักหน้า จากนั้นก็มองไกลออกไป ภายใต้การแผ่ขยายดวงวิญญาณ ตรงนั้นมีสำนักเซียนอยู่ สำนักเต๋าเทียนหลัน!
ที่นั่นเป็นฝ่ายภูเขาที่ใหญ่ที่สุดบนแดนหมานของสำนักเทียนหลัน และเป็นรากฐานของสำนักบนแดนหมาน ตอนนี้ปิดสำนักสนิท วางอาคมใหญ่เอาไว้รอบๆ ในระยะหลายหมื่นลี้ สร้างเป็นปราการแข็งแกร่งอย่างยิ่ง ภายในวงแหวนอาคมนี้ เผ่าหมานยากจะก้าวผ่านไปได้ ทว่าคนสำนักเทียนหลันก็ออกไปข้างนอกไม่ได้เช่นกัน
“ติดตามข้า…ไปทำลายสำนักเซียนทั้งหมดบนแผ่นดินหมาน เป้าหมายแรกคือสำนักเทียนหลัน!” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อ น้ำเสียงดังก้องกังวานรอบๆ ชาวเผ่าหมานที่ได้ยินทั้งหมดล้วนโลหิตเดือดพล่าน ดวงตาแดงก่ำ ก่อนร้องคำรามด้วยเสียงแหบแห้ง
พวกเขารอวันนี้มานานมากแล้ว ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง
ภายใต้การนำของเทพหมานซูหมิง พวกเขาจะกวาดล้างสำนักเซียนบนแผ่นดินหมานให้เรียบ เพื่อให้จากนี้ไป…เผ่าหมานกลายเป็นแดนต้องห้ามของเซียน!
พวกเทียนฉี่ เสวี่ยซา และชื่อเหลยเทียน นอกจากซูหมิงแล้วพวกเขาเป็นผู้มีพลังสูงสุด พวกเขาเห็นซูหมิงสู้กับตี้เทียน เห็นวงแหวนอาคมมาเยือนของเซียนพังพินาศลง ตอนนี้ยังเห็นซูหมิงเดินออกจากหอคอยรกร้างบูรพา ครั้นได้ยินว่าซูหมิงจะทำลายล้างสำนักเซียนบนแผ่นดินหมาน พวกเขาจึงบินขึ้นอย่างไม่ลังเล แล้วประสานมือคารวะอยู่ตรงหน้า
“พวกข้ายินยอมปฏิบัติตามประสงค์ของเทพหมาน ขอติดตามเทพหมานทำลายล้างเซียน!”
“ขอติดตามเทพหมานทำลายล้างเซียน!” เสียงแบบเดียวกันดังจากชาวเผ่าหมานทุกคนอย่างบ้าคลั่ง ก่อนมีสายรุ้งยาวจำนวนมากบินขึ้นฟ้า คนสี่ห้าแสนคนบินขึ้นพร้อมกัน ภาพนี้เพียงพอจะสร้างความตื่นตะลึงกับผู้พบเห็นทุกคน
ซูหมิงมองพวกเทียนฉี่แวบหนึ่ง แล้วเดินอากาศกลายเป็นสายรุ้งยาวบินอยู่หน้าสุด พวกเทียนฉี่ตามติดอยู่ด้านหลัง ถัดมาก็เป็นเผ่าชะตาชีวิตโดยมีหนานกงเหินเป็นผู้นำ
ด้านหลังสุดคือชาวเผ่าหมานราวสี่ห้าแสนคน เป็นแสงสายรุ้งยาวปกคลุมฟ้า ส่งผลให้พื้นดินเกิดเป็นเงามืดยักษ์มุ่งหน้าตามซูหมิงไปยังสำนักเทียนหลัน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว การบินของคนสี่ห้าแสนก่อให้เกิดพายุคลั่ง หินทรายนับไม่ถ้วนบนพื้นดินถูกม้วนตลบขึ้นมา ยังไม่ทันที่สายรุ้งเหล่านี้จะเข้าใกล้ ชั้นเมฆบนฟ้าก็แหลกสลายไปในทันที สายลมถูกตีขึ้นส่งเสียงดังครืนๆ หลังจากเดินทางมาทั้งวันก็เข้ามาใกล้สำนักเทียนหลัน
สำนักเทียนหลันคือหนึ่งในสำนักเซียนบนแผ่นดินรกร้างบูรพา เป็นฝ่ายภูเขาบนแผ่นดินนี้ ครอบครองพื้นที่หลายหมื่นลี้ มียอดเขาสิบแปดลูกอยู่ภายใน ทุกยอดเขาล้วนมีหองดงามอยู่เหลือนับไม่ถ้วน รับศิษย์ได้หลายหมื่นคน อีกทั้งสิบแปดยอดเขานี้ยังเป็นใจกลาง เชื่อมกันเป็นวงแหวนอาคมหนึ่งวง วงแหวนอาคมนี้สามารถสูบพลังวิญญาณฟ้าดิน ทำให้เซียนที่นี่ฝึกฝนได้อย่างต่อเนื่อง
โดยเฉพาะตอนนี้ หลังจากวงแหวนอาคมทั้งสำนักเทียนหลันเปิดออก นอกสำนักเทียนหลันอบอวลไปด้วยหมอกหนา ภายในหมอกนี้มีสายฟ้าลักษณะโค้งปรากฏอยู่ และยังมีเสียงคำรามต่ำดังกังวาน ให้ความรู้สึกว่าสิ่งมีชีวิตห้ามเข้าใกล้
ภายในหมอกอบอวลในระยะหลายหมื่นลี้ นอกจากสายฟ้ากับเสียงคำรามแล้ว ยังมีแสงสว่างพร่างพราววูบวาบ นั่นคือปราการสูงสุดชั้นที่สองของวงแหวนอาคมคุ้มกันภูเขาสำนักเทียนหลัน!
การโคจรของปราการสูงสุดคุ้มกันนี้ นอกจากต้องให้ศิษย์สำนักเทียนหลันควบคุมแล้ว ยังต้องมีพลังวิญญาณฟ้าดินที่สูบจากวงแหวนอาคมปฐพี มาเสริมพลังวิญญาณทั้งหมดที่วงแหวนอาคมนี้ต้องการไม่ขาดสาย
กำแพงหมอกนภาบนแผ่นดินอรุณใต้ตอนนั้นก็คือปราการสูงสุดนี้ในรูปแบบย่อส่วน โดยเฉพาะภายในปราการสูงสุดมีผู้พิทักษ์เซียนหมอกนภาอยู่ ผู้พิทักษ์เซียนเหล่านี้ล้วนเป็นหุ่นเชิด จะปฏิบัติตามคำสั่ง แม้ต้องระเบิดตัวเองก็ตาม
อีกทั้งด้านหลังปราการสูงสุดนี้ สำนักเทียนหลันยังมีวงแหวนอาคมชั้นที่สาม มีนามว่าสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ คือหนึ่งในแกนสำคัญของวงแหวนอาคมคุ้มกันภูเขาของสำนักเทียนหลัน ภายในนั้นมีสายลม สายฝน สายฟ้า และฟ้าผ่ารวมสี่กฎใหญ่อยู่ สามารถสังหารผู้บุกรุกได้ทุกคน
นอกจากสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์แล้ว วงแหวนอาคมสุดท้ายของสำนักเทียนหลันคือสี่ฤดูสูญสิ้น! มันมีกาลเวลาของฤดูใบไม้ผลิ ร้อน ใบไม้ร่วง และหนาวอยู่ โดยใช้อายุขัยของศิษย์สำนักเทียนหลันทั้งหมดเป็นรากฐานเพื่อหมุนโคจรชีวิตคนที่เข้าไปในวงแหวนอาคมนี้
เป็นที่รู้กันดีว่า สำนักเทียนหลันมีศิษย์เพียงหนึ่งหมื่นคน หากทุกคนเซ่นไหว้อายุขัยคนละหนึ่งปี เช่นนั้นก็จะเป็นหนึ่งหมื่นปี สำหรับคนจำนวนมากแล้ว หนึ่งหมื่นปีนี้หมายความว่าหากเข้าไปในวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้น ก็จะแก่ชราจนกลายเป็นโครงกระดูกทันที
เวลานี้ หลังจากที่สายรุ้งยาวสี่ถึงห้าแสนคนห้อเหยียดมาถึงนอกสำนักเทียนหลัน ยังไม่ทันเข้าใกล้ก็เกิดพายุคลั่งม้วนดินทรายนับไม่ถ้วนขึ้นมา แล้วถาโถมใส่หมอกหนานอกสำนักเทียนหลัน
วินาทีที่พวกมันปะทะกันก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่น มีเสียงระฆังแว่วมาจากในสำนักเทียนหลันอย่างกระชั้นถี่โดยทันที วินาทีที่ศิษย์สำนักเทียนหลันภายในสิบแปดยอดเขาได้ยินเสียงระฆัง ไม่ว่าจะทำเรื่องใดอยู่ล้วนหน้าเปลี่ยนสีกันหมด
อีกทั้งชั่วขณะที่หน้าเปลี่ยนสี แผ่นดินยังสั่นสะเทือนและเกิดเสียงอึกทึก ยอดเขาสิบแปดลูกสั่นไหวพร้อมกัน จากนั้นสายรุ้งยาวบินออกมาจากยอดเขาสิบแปดลูก กลายเป็นคนหลายสิบคนกลางอากาศ คนเหล่านี้ล้วนมีขั้นพลังไม่ธรรมดา ทว่าเวลานี้กลับจ้องฟ้าเขม็งด้วยใบหน้าหน้าขาวซีด
“เผ่าหมานบุกรุก รักษาวงแหวนอาคมเอาไว้อย่างสุดกำลัง ไม่ว่าต้องแลกกับอะไร จะให้เผ่าหมานทำลายวงแหวนอาคมสำนักเทียนหลันไม่ได้!”
“คนสำนักเทียนหลันฟังให้ดี หากตกอยู่ในมือเผ่าหมาน พวกเจ้าต้องตายแน่ แทนที่จะเป็นแบบนั้น สู้ตายพร้อมกับสำนักเทียนหลันไม่ดีกว่ารึ อีกอย่างวงแหวนอาคมของสำนักเรามีโอกาสสูงมากที่จะไม่ถูกทำลาย พวกเรา…ยังมีความหวัง!”
“ข้าติดต่อสำนักเซียนอีกครั้งแล้ว ยืนหยัดต่อไป พวกเราจะมีชีวิตรอด!” น้ำเสียงแข็งนุ่มต่างกันดังกังวานในสำนักเทียนหลัน หมายจะระงับความวุ่นวายของศิษย์ แต่ทันใดนั้นเอง เหมือนมีเสียงระเบิดดังอย่างรุนแรงแว่วมาจากนอกสำนักเทียนหลัน
เสียงนั้นสั่นสะเทือนยอดเขาสิบแปดลูกจนเศษหินร่วงหล่น สะเทือนจนศิษย์สำนักเทียนหลันไม่น้อยมีโลหิตไหลจากทวารทั้งเจ็ด
“วงแหวนอาคมชั้นแรก…พังลงแล้ว…” ศิษย์ฝ่ายนภาคนหนึ่งร้องเสียงแหลม ชั่ววินาทีที่ทุกสายตามองขึ้นฟ้า พวกเขาเห็น…..
ชายหนุ่มสวมเกราะนักรบคนหนึ่ง มีหมอกดำเทพหมาน เส้นผมยาวสีดำอมม่วง กำลังฟันกระบี่ในมืออยู่บนฟ้า หมอกหนาเกิดเสียงโครมครามแล้วม้วนถอยประหนึ่งคลื่นทะเล ก่อนแหลกสลายไปพร้อมกัน
ซูหมิงถือกระบี่สังหาร ใช้หนึ่งนิ้วสลายหมอกหนาของสำนักเทียนหลันไป
“สังหาร!” พอเขาตะโกน ชาวเผ่าหมานด้านหลังล้วนพุ่งไปยังวงแหวนอาคมคุ้มกันชั้นที่สองของสำนักด้วยความบ้าคลั่ง หลังจากหมอกหนาม้วนถอยไปอย่างต่อเนื่องแล้ว ก็ค่อยๆ เผยให้เห็นสำนักเทียนหลันภายในหมอก ศิษย์ทั้งหมดในสำนัก ไม่เพียงแค่เห็นซูหมิง แต่ยังเห็นเผ่าหมานหนึ่งแสนกว่าคนด้านหลัง และยังมี….กลุ่มเผ่าหมานมืดฟ้ามัวดินแน่นขนัดด้านหลังชาวเผ่าหมานแสนกว่าคนอีก
ดวงตาเผ่าหมานทุกคนล้วนแดงก่ำ มีความแค้นฝังเข้ากระดูกต่อเผ่าเซียนกับความคลุ้มคลั่ง
อูลายืนหน้าซีดขาวอยู่บนยอดเขาลำดับสอง มองซูหมิงนอกวงแหวนอาคมบนฟ้ากับเผ่าหมานเหล่านั้น สีหน้านางเริ่มไม่มีความซับซ้อน แต่เปลี่ยนเป็นเสียงถอนหายใจ ขณะกำลังถอนหายใจนั้น นางกำกระดิ่งคู่หนึ่งในมือเอาไว้แน่น
อีกยอดเขาหนึ่ง เทียนหลันโยวหน้าซีดขาวเช่นกัน แต่กลับมีความหนาวเยือกไร้ที่สิ้นสุด สายตาจ้องซูหมิงบนฟ้าเขม็ง ข้างๆ ยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งกำลังยืนอย่างเงียบๆ นางคือเทียนหลันเมิ่ง
นางมองซูหมิงนอกฟ้า ความทรงจำในอดีตลอยขึ้นมาในความคิด ได้รู้จักกันในตอนนั้นและได้เดินทางด้วยกันพร้อมกับความรู้สึกดีๆ แต่เพราะต้องแยกจากกันด้วยสงครามหมานเชมัน จึงทำให้ช่วงเวลาที่อาจมีความงดงามอยู่นั้นมีฝุ่นเกาะ
พอได้เจอกันอีกครั้งในโลกเก้าหยิน ระหว่างความลังเลครั้งนั้นของตน นางไม่มีวันลืมซูหมิงในตอนนั้น รวมถึงสีหน้าเสียใจและเข้าใจของเขา
“ลิขิตไว้แล้วอย่างนั้นหรือ….” เทียนหลันเมิ่งกัดริมฝีปากล่าง ภายในดวงตามีน้ำตาเอ่อคลอ
นอกสำนักเทียนหลัน คนสี่ถึงห้าแสนคนบุกทะลวงเข้ามา
ขณะเดียวกับที่ซูหมิงถือกระบี่ก้าวเดินไปยังปราการคุ้มกันชั้นสอง ภายในป่าทึบใกล้กับสำนักวิญญาณอสูรซึ่งห่างจากที่นี่ไปค่อนข้างไกล เฉียนเฉินกำลังนอนแสร้งตายอยู่บนพื้น ตรงหน้าเขามีสตรีงดงามอย่างยิ่งคนหนึ่ง เด็กสาวคนนี้กะพริบตาปริบๆ มือถือเม็ดแตง แทะเม็ดแตงไปพลาง โยนเปลือกเม็ดแตงทิ้งไปพลาง
ใต้เท้านางมีสุนัขตัวใหญ่สีเหลืองตัวหนึ่ง มันแลบลิ้นม้วนเปลือกเม็ดแตงเข้าปากอย่างเฉยเมยไม่หยุด
ชายชราร่างแปลงจากกระเรียนขนร่วงเผยเอกลักษณ์ของยอดฝีมือ กำลังทำสีหน้าลึกลับยากจะคาดเดาคุยกับเด็กสาวไม่หยุด เพราะกลัวว่าคนอื่นจะไม่รู้ว่าตนเป็นผู้สูงส่ง
“เจ้าหมายความว่าเทพหมานซูหมิงในรุ่นนี้คือศิษย์ของเจ้า?” เด็กสาวเบิกตากว้างดูไร้เดียงสา ทั้งยังมีสีหน้าเลื่อมใสเผยจากใบหน้างาม
“ข้าต้องขอแก้หน่อยสาวน้อย ซูหมิงคนนั้นไม่ใช่ศิษย์ของข้า แต่บิดาเขาเป็นศิษย์ในนามของข้า ฉะนั้นเจ้าหนูซูหมิงเลยต้องเรียกข้าว่าอาจารย์ปู่ ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเขาไม่มีสิ่งใดที่ข้าไม่รู้ เจ้าอยากรู้อะไรข้าบอกเจ้าได้” ชายชรากระแอมไอทีหนึ่งแล้วกล่าวเสียงเบา