Skip to content

สู่วิถีอสุรา 713

ตอนที่ 713 มักมีคนสละชีพ มักมีคนรักตัวกลัวตาย

วงแหวนอาคมชั้นสามของสำนักเทียนหลันหรือสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ส่งเสียงระเบิดรุนแรงติดต่อกัน ถึงวงแหวนอาคมนี้จะแกร่งอย่างยิ่ง มีพลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัดจากการแปรเปลี่ยนของสายลม สายฝน สายฟ้า และฟ้าผ่าสี่กฎใหญ่อยู่ภายในก็ตาม

ทว่าต่อให้มีพลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัดกว่านี้อีก ก็ไม่อาจระงับความบ้าคลั่งและการบุกทะลวงของคนสี่ห้าแสนคนได้ นั่นไม่ใช่การเข่นฆ่าโดยไม่สนสิ่งใด แต่คือการโต้กลับที่เกิดขึ้นจากความแค้นต่อเซียน

วงแหวนอาคมยืนหยัดไปได้ครู่หนึ่ง พลังทำลายล้างไร้ขีดจำกัดที่ว่าก็ไม่อาจคงอยู่ได้นานนัก เผ่าหมานตายตกไปไม่น้อย แต่พวกเขายินยอม ยอมตายเพื่อชนเผ่า ยอมตายเพื่อให้เผ่าหมานผงาดขึ้น พวกเขาตายอย่างไม่เสียใจ

ต่อให้เป็นซูหมิงก็ยังห้ามเผ่าหมานเหล่านี้ไม่ให้สู้รบจนบาดเจ็บล้มตายเพื่อความรุ่งเรืองไม่ได้ หากเขาห้ามการบุกโจมตีของเผ่าหมาน แต่ต่อต้านวงแหวนอาคมของสำนักเทียนหลันเพียงลำพังละก็ ความแกร่งของเขาเพียงคนเดียวอาจทำลายซุ้มประตูภูเขาสำนักเทียนหลันได้

ทว่าหากเป็นอย่างนั้นจริงๆ สงครามนี้ก็จะไม่ใช่ระหว่างเผ่าหมานกับเผ่าเซียนอีก แต่เป็น…ซูหมิงกับเผ่าเซียน หากเป็นอย่างนั้นจริงๆ เผ่าหมานจะไม่ผงาดขึ้น ต่อให้ผงาดขึ้นจริงๆ ก็เป็นของซูหมิง ไม่ใช่ของเผ่าหมาน

การผงาดขึ้นของหนึ่งชนเผ่าจำเป็นต้องมีโลหิต ต้องมีการเสียสละ ต้องมีจิตใจแน่วแน่

ซูหมิงมองชาวเผ่าหมานข้างกายที่คลุ้มคลั่งจนตาแดงก่ำ เขาทำได้เพียงอย่างเดียวคือนำพาพวกเขาบุกทะลวงวงแหวนอาคมพร้อมกัน เขาเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ภายใต้การโคจรพลังขั้นรูปแบบชะตา เขาพลันเดินหน้าหนึ่งก้าว ฟ้าดินส่งเสียงครึกโครม ก่อนปรากฏเท้ายักษ์บนฟ้าข้างหนึ่ง

นี่คือเจ็ดก้าวแห่งเทพหมาน เท้ายักษ์เหยียบวงแหวนอาคมสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ของสำนักเทียนหลันติดต่อกันเจ็ดครั้ง ขณะสั่นสะเทือนวงแหวนอาคม ชาวเผ่าหมานนับไม่ถ้วนก็บุกทะลวงเข้าไป ใช้ร่างกาย ใช้เลือดเนื้อ ใช้ขั้นพลัง ใช้ทุกอย่างที่มีเข้าโจมตีวงแหวนอาคม

เสียงระเบิดดังสนั่นในวินาทีนี้ มีเผ่าหมานตายไปนับไม่ถ้วนภายใต้การระเบิด ทว่าในเวลาเดียวกัน วงแหวนอาคมสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์ก็พังพินาศลง

หลังจากวงแหวนอาคมพังทลายลง ตอนนี้ระหว่างหมานกับเซียนเหลือเพียงวงแหวนอาคมคุ้มกันสุดท้าย สี่ฤดูสูญสิ้น!

วงแหวนอาคมนี้น่ากลัวอย่างยิ่ง มันไม่มีการโจมตีที่เป็นรูปธรรม ไม่มีการสังหารดับวิญญาณ สิ่งที่มันมีคือพลังซึ่งส่งจากฤดูใบไม้ผลิไปสู่ฤดูหนาว ทำให้คนคนหนึ่งเปลี่ยนไปเหมือนสี่ฤดู จากความเป็นสู่ตาย…ใช้อายุขัยลักษณะเดียวกันดับเปลวเพลิงชีวิตคน

“ศิษย์สำนักเทียนหลัน พวกเราคือเซียน ต่อให้ตายก็ต้องตายด้วยการสังหารเผ่าหมาน หากตายแบบนี้ วิญญาณของพวกเราจะถูกส่งกลับบ้านเกิด!

แต่หากตายด้วยความอัปยศ หากคนเถื่อนพวกนั้นทำลายวงแหวนอาคมเข้ามา การตายของพวกเราจะไม่คุ้มค่า!”

ชั่ววินาทีที่วงแหวนอาคมสี่สวรรค์ศักดิ์สิทธิ์พังทลายลง ภายในสำนักเทียนหลัน เจ้าสำนักเทียนหลันสาขาแผ่นดินหมานเป็นชายวัยกลางคนมีสีหน้าทะมึนคนหนึ่ง เขายืนอยู่กลางอากาศ สายตามองศิษย์สำนักเทียนหลันทั้งหมดบนยอดเขาสิบแปดลูก

นัยน์ตาค่อยๆ อ่อนโยน เผยความอาลัยอาวรณ์เล็กน้อย

“ข้าไม่อยากตาย ทว่า….สำนักเทียนหลันใกล้จะพินาศลงแล้ว ตอนที่วงแหวนอาคมพังลง พวกเราต้องเผชิญหน้ากับความตายอย่างเลี่ยงไม่ได้ ข้าหวังว่า….การตายของข้าจะคุ้มค่า หวังว่าการตายของข้าจะทำให้พวกคนเถื่อนแห่งแดนมรณะหยินเหล่านั้นต้องจ่ายในราคาแสนสาหัส

ข้าหวังว่า การตายของข้าจะทำให้กองทัพของพวกเราเผ่าเซียน มีคนสละชีพน้อยลงตอนสู้รบกับเผ่าหมานเพื่อแก้แค้น….

ข้าเป็นคนเห็นแก่ตัวก็จริง แต่ตอนนี้ข้าหวังว่าการตายของข้าจะคุ้มค่า!

พวกเรา ใครยินยอมตายพร้อมกับข้าบ้าง!” ชายวัยกลางคนมีน้ำเสียงฮึกเหิม ช่วงที่กล่าวประโยคนี้เขาพลันเงยหน้าขึ้น แล้วเดินไปยืนอยู่บนวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้นของสำนักเทียนหลัน

ทันทีที่ก้าวเดิน เลือดเนื้อเขาแห้งเหี่ยวอย่างรวดเร็ว ตอนที่เข้าใกล้เลือดเนื้อก็พลันกลายเป็นโครงกระดูกเหี่ยวแห้งและหายไป ทว่าร่างจิตแรกที่มีเลือดเนื้อและขั้นพลังกลับบินออกมาจากร่างโครงกระดูกแห้งเหี่ยวนั้น แล้วบินเข้าไปในวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้น

“วงแหวนอาคมสุดท้ายของสำนักเทียนหลัน ที่มันมีนามว่าสี่ฤดูสูญสิ้นก็เป็นเพราะขอเพียงมีคนเซ่นไหว้ชีวิต ใช้ชีวิตแลกชีวิต มันก็ยากจะถูกทำลายลง สำนักเทียนหลันมีเพียงวิญญาณแห่งความตาย ไม่มีผู้มีชีวิตรอพวกเจ้าเผ่าหมานบุกเข้ามาหรอก!”

“ข้ายังมีอายุขัยอีกสี่พันแปดร้อยกว่าปี ใครจะแลกชีวิตพร้อมกับข้าบ้าง”

เจ้าสำนักเทียนหลันสาขาแผ่นดินหมานส่งเสียงดังกึกก้องอยู่ทั้งในและนอกวงแหวนอาคม ต่อให้เป็นชาวเผ่าหมานข้างนอกก็พากันหยุดชะงัก

ซูหมิงอยู่ตรงหน้าสุด ตอนที่มองไป เขารู้สึกถึงการตัดสินใจยอมตายอย่างบ้าคลั่งของเผ่าเซียน ต่อให้เขาเกลียดชังเผ่านี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทุกเผ่าพันธุ์ล้วนมีจุดที่น่าเคารพอยู่

“ข้ายังมีอายุขัยเจ็ดร้อยกว่าปี ใครจะแลกชีวิตพร้อมกับข้าบ้าง!”

บนยอดเขาสิบแปดลูกของสำนักเทียนหลัน มีร่างเงาหนึ่งบินออกมา แล้วตรงไปยังวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้น

“ข้ายังมีอายุขัยอีกหนึ่งร้อยกว่าปี…..”

“ข้ามีอายุขัยอีกสองพันสองร้อยกว่าปี…”

“ข้ายังมีอายุขัยอีกสี่ร้อยกว่าปี…”

“ข้ายังมีอายุขัยอีกหกร้อยกว่าปี…” เสียงดังก้องติดต่อกันจากสิบแปดยอดเขาสำนักเทียนหลัน ทันใดนั้นก็มีร่างเงาคนตรงไปยังวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้น พริบตาเดียวเสียงก็ดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายรวมกันเป็นเสียงคำรามแห่งสำนักเทียนหลัน

“ข้ายังมีอายุขัยอีกห้าร้อยปี” อูลากล่าวเสียงเบา เคลื่อนตัวไปผสานรวมกับวงแหวนอาคม

เทียนหลันโยวเงยหน้าขึ้นอย่างเงียบๆ ก่อนเดินไปทางวงแหวนอาคม เทียนหลันเมิ่งด้านหลังนางกัดฟัน ขณะกำลังจะเดินไปด้วยความขมขื่น เทียนหลันโยวพลันหันกลับมามอง เทียนหลันเมิ่งยังไม่ทันทำอะไร ก็สะบัดมือขวาใส่นาง หมอกสีขาวแผ่กระจาย เทียนหลันเมิ่งภายในหมอกนั้นค่อยๆ หลับตาแล้วล้มลง

“จงมีชีวิตอยู่ต่อไป…” เทียนหลันโยวเอ่ยเสียงเบา ก่อนหมุนตัวเดินไปทางวงแหวนอาคม

หลังจากแทบทุกคนในสำนักเทียนหลันเซ่นไหว้อายุขัยตน วงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้นก็เปล่งแสงสว่างจ้าตา มีแสงหมุนวนรอบๆ อยู่ตรงหน้าชาวเผ่าหมาน

เสียงคำรามดังขึ้น ประโยคคำว่าแลกชีวิตเหล่านี้เป็นตัวแทนการตีโต้กลับของพวกเขาเผ่าเซียน และก็ทำให้เผ่าหมานในสนามรบล้วนเงียบงัน

แต่ก็เพียงครู่เดียวเท่านั้น ชาวเผ่าหมานทั้งหมดก้าวเดินหน้าไป กลิ่นอายพลังที่โค่นล้มทุกสิ่งพลันโอบล้อมโดยรอบ พร้อมกับชาวเผ่าหมานที่บุกทะลวงเข้าไปในวงแสงแลกชีวิต

ซูหมิงไม่ถอย เขาเดินหน้าเข้าไปในวงแสงพร้อมกับชาวเผ่าหมาน นี่คือการเข่นฆ่ากันโดยไม่มีกลอุบาย ไม่มีแผนตรงๆ ไม่มีการวางแผนอะไรเลย

นี่คือความบ้าคลั่งด้วยการใช้ชีวิตแลกชีวิต คนเผ่าเซียนทำได้ คนเผ่าหมานก็ตอบรับเช่นกัน ขณะสองฝ่ายใช้อายุขัยต่อต้านกันอยู่ในวงแหวนอาคม เมื่อศิษย์สำนักเทียนหลันจ่ายอายุขัยจนหมดแล้วร่างก็แห้งเหี่ยว ทว่าจิตแรกพวกเขากลับระเบิดตัวเองด้วย เพื่อใช้แรงระเบิดสร้างราคาต้องจ่ายให้มากขึ้นกับเผ่าหมาน

แต่ทางเผ่าหมานก็เช่นเดียวกัน สงครามนี้ไม่มีถูกผิด ไม่มีเหตุผล มันคือความบ้าคลั่งในการแลกชีวิตกันและกัน หลังจากมีคนตายมากขึ้นเรื่อยๆ ก็มาถึงช่วงสุดท้าย

เซียนหลายหมื่นคนตายไปทีละคน จนกระทั่งเจ้าสำนักหายไป จนกระทั่งวิญญาณอูลาสลายไปด้วยความขมขื่น จนกระทั่งเซียนทั้งหมดจ่ายทุกอย่างเพื่อสังหารเผ่าหมานให้มากขึ้น….

การแลกชีวิตจบลงแล้ว

ครั้นเซียนคนสุดท้ายในวงแหวนอาคมตายลง แสงจากวงแหวนอาคมสี่ฤดูสูญสิ้นจึงค่อยๆ หายไปในที่สุด ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศ ชาวเผ่าหมานด้านหลังเขาตอนนี้ตายไปเกือบเจ็ดหมื่นคนแล้ว

คนเหล่านี้มีครึ่งหนึ่งตายไปในการแลกชีวิต ทั้งสนามรบเงียบงัน

“พวกเขาคือนักรบ ต่อให้เรากับเขามีความแค้นยิ่งใหญ่ต่อกัน ทว่า…พวกเขาเป็นนักรบ พวกเขาควรค่าแก่การนับถือ” ซูหมิงกล่าวช้าๆ เสียงกึกก้องบนสนามรบ เข้าถึงหูเผ่าหมานทุกคน

สำนักเทียนหลันพังพินาศลงแล้ว เพียงแต่ทุกเผ่าและทุกสำนักต้องมีผู้กล้าสละชีพ และก็ต้องมีผู้ขี้ขลาดอ่อนแอ ยามนี้บนยอดเขาสิบแปดลูกของสำนักเทียนหลัน มีคนอยู่หลายร้อยคนที่ไม่ยอมจ่ายชีวิตเมื่อครู่ หลังจากวงแหวนอาคมสี่ฤดูหายไปและทั้งฟ้าดินล้วนมีแต่เผ่าหมาน คนหลายร้อยเดินตัวสั่นออกมาแล้วคุกเข่าคารวะเผ่าหมานกับซูหมิง

“พวกเรายอมเปลี่ยนสายเลือด จากนี้ไปขอคารวะเทพหมานและเป็นชาวเผ่าหมาน…” หลายร้อยคนคุกเข่าลงด้วยอาการสั่น แล้วเอ่ยเพื่อมีชีวิตรอด

ซูหมิงไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น แน่นอนว่าต้องมีคนเข้าไปกดขี่พวกเขาให้เป็นบริวารของเผ่าหมานและเป็นทาสนับจากนี้ไป ซูหมิงมองร่างเงาหนึ่งล้มอยู่ท่ามกลางยอดเขาสิบแปดลูก

เขาเดินเข้าไปอย่างเงียบๆ มาอยู่ข้างเทียนหลันเมิ่งที่หมดสติอยู่ มองนางอย่างเงียบงันด้วยสีหน้าคะนึงคิดและซับซ้อน

“ชื่อเหลยเทียน!” ซูหมิงหลับตาอยู่พักหนึ่งก่อนลืมตาขึ้น เอ่ยเสียงเบา

มีสายรุ้งเส้นหนึ่งบินลงจากบนฟ้าลงมาอยู่ด้านหลังซูหมิงทันที เขาคือชื่อเหลยเทียน ในใจสั่นไหวเล็กน้อย ทว่ากลับไม่เผยทางสีหน้าแม้แต่น้อย เพียงคุกเข่าข้างหนึ่งคารวะซูหมิงด้วยความเคารพและฮึกเหิม

“ชื่อเหลยเทียนมาแล้วขอรับ”

“ในอดีต ข้าเอาผลึกหมานอัสนีครึ่งหนึ่งจากเจ้ามา….” ซูหมิงกล่าวช้าๆ ตอนที่กล่าวถึงตรงนี้ ในใจชื่อเหลยเทียนเต้นดังตึกๆ ใบหน้าเผยรอยยิ้มเจื่อนและเก้อเขิน

“ตอนนี้ ข้ามอบซากสำนักเทียนหลันให้เผ่าเจ้า ให้เป็นรากฐานสร้างความแกร่งของเผ่าเจ้า” ซูหมิงหมุนตัวกลับมามองชื่อเหลยเทียน

ชื่อเหลยเทียนตะลึงงัน เขาพลันตื่นเต้นขึ้นมา ก่อนคารวะซูหมิงอีกครั้ง

“ขอบพระคุณท่านเทพหมาน!”

“เจ้าอยู่ที่นี่ไปก่อน ส่วนชาวเผ่าหมานที่เหลือ…..ติดตามข้าไปบุกสำนักซ่อนมังกร!”

ซูหมิงเคลื่อนตัวเดินขึ้นฟ้า ชาวเผ่าหมานหลายแสนคนร้องคำรามพร้อมกัน จากนั้นกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไปพร้อมกับเขา

“หญิงคนนี้เป็นสหายเก่าข้า ให้นางอยู่ที่นี่ ห้ามทำร้ายนาง” ชื่อเหลยเทียนเงยหน้าขึ้นมองกองทัพซูหมิงบินไกลออกไป และยังมีซูหมิงอยู่ตรงหน้าสุด ตอนซูหมิงจากไปก็มีเสียงดังก้องมาทางเขา

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version