Skip to content

สู่วิถีอสุรา 73

ตอนที่ 73 ใช่เขาหรือไม่…

ในช่วงที่โลหิตสีเขียวสัมผัสกับระหว่างคิ้ว ซูหมิงพลันรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายพลังที่เด่นชัดอย่างมาก มันแฝงไว้ด้วยกลิ่นอายแห่งความตาย คลับคล้ายมีเสียงร้องโหยหวนดังก้องในจิตใจ ยิ่งไปกว่านั้น ยามนี้โลหิตสีเขียวราวกับมีจิตวิญญาณ พยามดิ้นให้หลุดจากมือของซูหมิงเพื่อทะลวงเข้าไปตรงระหว่างคิ้วของเขา

แววตาซูหมิงเพ่งมอง โคจรพลังโลหิตในกาย รีบขับไล่กลิ่นอายพลังแห่งความตายไป ในขณะเดียวกันก็ต้านโลหิตเขียวที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามาเอาไว้ด้านนอก ก่อนใช้มือขวาจับโลหิตออกห่างหว่างคิ้ว ทันใดนั้น นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายวาวประหลาด

“สิ่งนี้น่าจะหลอมขึ้นเมื่อได้รับเคล็ดการฝึกพลังหมานมาแล้ว เป็นสิ่งสำคัญต่อผู้ฝึกพลังหมาน ทว่าสำหรับคนอื่นแล้ว กลับส่งผลเสียต่อร่างกาย” ซูหมิงขบคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงทำการวิเคราะห์ เดิมทีเขามั่นใจห้าส่วนเรื่องที่อูเซินอ่อนแอลงเพราะเจ้าสิ่งนี้ ทว่าตอนนี้เพิ่มมาอีกสามส่วน แม้จะไม่เต็มสิบ ทว่าแปดส่วนก็เพียงพอแล้ว

ในความเป็นจริงเขาวิเคราะห์ได้แม่นยำมาก โลหิตพลังซากศพนี้ หากเขาฝืนดูดรับจะส่งผลเสียอย่างใหญ่หลวง แม้ว่าจะโชคดี หลังจากปรับสมดุลแล้วก็ยังได้ไม่คุ้มเสีย

ซูหมิงเก็บโลหิตเข้าไปในขวดเล็กอีกครั้ง หลังจากใช้มือขวาโบกไปทางขวด พลันมีแสงจันทร์เข้ามาโอบล้อมเอาไว้ เขาเก็บขวดเล็กเข้าไปในอกเสื้อ ยืนขึ้นแล้วเดินออกจากห้องไป

ยามนี้ดวงจันทร์ลอยสูง รูปร่างของมันไม่ได้เป็นเสี้ยว แต่ค่อนข้างกลมเล็กน้อย ดูท่าอีกไม่กี่วันต้องเป็นจันทร์เต็มดวงอย่างแน่นอน

ซูหมิงสูดลมหายใจเข้าลึก กลั่นกรองความคิดก่อนหน้านี้สักครู่ แววตาเป็นประกาย ก่อนเดินออกไปนอกเรือนกลางดึก โดยรอบเงียบสงัด ไม่มีเสียงใดๆ

ช่วงที่เพิ่งเดินออกมาจากเรือนพักเผ่าเขาทมิฬในเมืองหินโคลน ซูหมิงพลันหัวใจเต้นแรง ในขณะนั้นเอง มีเสียงเย็นชาดังมาจากหลังของเขา

“ดึกเช่นนี้แล้ว เจ้าจะไปไหน!”

ซูหมิงชะงักฝีเท้า หมุนตัวกลับไปมองตรงมุมมืดประตูใหญ่ พบว่าเป็นชายร่างกำยำเดินเข้ามา ลักษณะหน้าตาดูธรรมดา ดวงตาหรี่ลงราวกับมีประกายแสงเย็นเยือก เขาคือซานเหินแห่งเผ่าเขาทมิฬ!

“คารวะท่านผู้นำ” สีหน้าซูหมิงเป็นปกติ มองซานเหินที่กำลังเดินเข้ามา

“ข้าถามเจ้าอยู่” ซานเหินเดินมาอย่างช้าๆ ยืนอยู่หน้าซูหมิงห่างเพียงหนึ่งจั้ง มองเขาด้วยความเย็นชา

“ได้ยินพี่ใหญ่เป่ยหลิงบอกว่ายามค่ำคืนในเผ่าร่องลมครึกครื้นยิ่งนัก ข้าก็เลยอยากออกไปดูสักหน่อย” ในใจซูหมิงเกิดความตื่นตัว ทว่าสีหน้ากลับดูวิตก รีบกล่าวขึ้น

ซานเหินมองซูหมิงอยู่นาน จึงพยักหน้าให้อย่างเชื่องช้า

“ค่ำคืนนี้ไม่ค่อยปลอดภัย จำเอาไว้ห้ามก่อเรื่อง และต้องรีบกลับมา” ซานเหินกล่าวเรียบๆ ตัวเขาเป็นผู้นำกลุ่มล่าสัตว์ของชนเผ่า ท่านปู่พาผู้แข็งแกร่งมาในครั้งนี้ก็เพื่อปกป้องชาวเผ่า ซึ่งเป็นหน้าที่ของเขา คำกล่าวเช่นนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา

ซูหมิงขานรับแล้วคารวะซานเหิน ก่อนค่อยๆ ถอยออกมาแล้วหมุนตัวเดินจากไป เขาสัมผัสได้ว่า ซานเหินที่อยู่ด้านหลังยังคงมองเขาอยู่ตลอด เพิ่งเดินมาได้ไม่กี่ก้าว ซูหมิงพลันขนลุก เขาสัมผัสได้อย่างชัดเจนถึงแรงกดดันมหาศาลที่พุ่งเข้ามา กลายเป็นความรู้สึกถึงอันตราย ตรึงร่างกายของเขาเอาไว้แน่น

โลหิตในกายเขาโคจรขึ้นเองเพื่อต่อต้าน ซูหมิงทราบดีว่านี่เป็นสัญชาตญาณติดตัวของนักรบหมาน เพราะมีพลังโลหิตในร่างกาย ฉะนั้นเมื่อถูกกระตุ้นอย่างกะทันหัน ก็ยากจะปกปิดได้ เป็นธรรมดาที่มันจะต่อต้าน

หากเป็นคนธรรมดา ก็จะไม่รู้สึกเด่นชัดเช่นนี้ มีเพียงนักรบหมานเท่านั้นที่จะสัมผัสได้อย่างชัดเจน และนี่ก็เป็นวิธีในการตรวจสอบว่าอีกฝ่ายปกปิดพลังหรือไม่ ทว่าส่วนใหญ่แล้วจะต้องเป็นผู้แข็งแกร่งขั้นรวมโลหิตระดับสูงกระทำต่อผู้ด้อยกว่าเท่านั้นถึงจะเกิดผล

ขั้นพลังของซานเหินอยู่เหนือกว่าซูหมิงมาก

การกระทำของเขาเช่นนี้ หากเป็นซูหมิงก่อนงานประลองคงไม่อาจต้านทานได้ ทว่าก็ไม่เป็นที่สงสัยเช่นเดียวกัน เพราะบนตัวเขามีเคล็ดวิชาอำพรางของท่านปู่ ต่อให้โลหิตในกายถูกกระตุ้น ผู้อื่นก็ไม่อาจรับรู้ได้

อีกทั้งในตอนนี้ ซูหมิงยังใช้ความคิดละเอียดอ่อนควบคุมโลหิตได้ทั้งตัว ในช่วงที่โลหิตถูกกระตุ้น ความคิดเคลื่อนไหว หยุดการโคจรโลหิตอย่างสงบนิ่ง จุดนี้ผู้อื่นทำได้ยาก ทว่าสำหรับคนที่บรรลุถึงความคิดละเอียดอ่อนอย่างซูหมิงแล้ว กลับไม่ยากเลย

เพียงแต่ การอำพรางพลังโลหิตสามารถทำได้ ทว่าปฎิกิริยาเมื่อสัมผัสได้ถึงอันตรายอย่างกะทันหันเช่นนี้ มักเป็นจุดสังเกตสำคัญ และจุดที่ซานเหินสังเกตเห็นก็คือตรงนี้

ทว่าเขาดูแคลนซูหมิง บางทีอาจจะกล่าวได้ว่า หลายปีมานี้ซูหมิงไม่ค่อยอยู่ในสายตาของเขา เขาจึงไม่เข้าใจอีกฝ่าย แทบจะเป็นช่วงที่ความรู้สึกถึงภัยอันตรายตรงเข้ามา ซูหมิงไม่ชะงักฝีเท้า แต่กลับเดินต่อไปอย่างไม่รีบร้อนราวกับไม่รับรู้ ก่อนค่อยๆ หายไปกลางดึก

กระทั่งซูหมิงเดินไปไกล ซานเหินขมวดคิ้วขึ้นช้าๆ ทว่าไม่ได้ยืนต่อ หมุนตัวเดินกลับไปในเรือนพัก

การกระทำของเขาไม่มากเกินไป อีกทั้งต่อให้ทำต่อหน้าท่านปู่ ก็ไม่น่าจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดได้ ถึงอย่างไรก็ทำอย่างโจ่งแจ้ง ให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเขาสงสัยจึงหยั่งเชิง

ซูหมิงยังคงรักษาฝีเท้าให้สงบนิ่ง จนกระทั่งเดินไกลห่างจึงค่อยวิ่งทะยานด้วยความเร็ว หัวใจเต้นแรง ในความรู้สึกจากสายตาของซานเหินเมื่อครู่นี้ มันเหมือนกับตอนที่เขานั่งบำเพ็ญเพียรอยู่ในห้องเมื่อหลายวันก่อน ที่แท้ซานเหินก็คือคนลึกลับที่แอบมองเขา!

“เป็นเขา!” ซูหมิงขมวดคิ้ว

ในใจนึกถึงเรื่องทรยศที่ท่านปู่เคยเล่าให้ฟังตอนอยู่ในชนเผ่า แม้ท่านปู่จะไม่กล่าวอย่างละเอียด ทว่าซูหมิงกลับสัมผัสได้ถึงความวิตกของเขา

“จะใช่เขาหรือไม่…” ซูหมิงลังเล ตำแหน่งผู้นำมีอำนาจสูงส่งในชนเผ่า ควบคุมนักรบหมานในกลุ่มล่าสัตว์ทั้งหมด ทั้งยังเป็นคนรับผิดชอบเรื่องปากท้องให้แก่ชนเผ่า

หลายปีมานี้ ซูหมิงจำได้ว่าซานเหินอุทิศตัวเพื่อชนเผ่ามามากมาย แม้เขาจะดูเหมือนเย็นชา ทว่าความจริงแล้วซูหมิงเคยเห็นเขาเดินอยู่ในชนเผ่า และมักจะนำอาหารที่ล่ามาได้ในส่วนของเขาแบ่งให้กับคนชรา

เขาเคยขึ้นเขาไปนำเขี้ยวสัตว์กลับมาจำนวนมากเพื่อเด็กที่ชื่นชอบเขี้ยวสัตว์ในชนเผ่า แม้กระทั่งตอนที่แบ่งให้ลาซูยังมีท่าทีเย็นชา ทว่าซูหมิงสัมผัสได้ ในแววตาของเขาแฝงไว้ด้วยความเมตตา

กระทั่งซูหมิงยังจำได้ว่า มีฤดูหนาวในปีหนึ่ง คนในกลุ่มล่าสัตว์ออกไปข้างนอกแล้วถูกเผ่าภูผาดำโจมตีบาดเจ็บกลับมา กระทั่งเสียชีวิตไปหนึ่งคน ซานเหินเดินออกไปข้างนอกด้วยใบหน้าเย็นชาเพียงลำพัง พอวันที่สองเขาก็กลับมาพร้อมกับศีรษะเปื้อนโลหิตของนักรบหมานแห่งเผ่าภูผาดำสามคน

เรื่องนี้ หากไม่ใช่เพราะความแข็งแกร่งของท่านปู่ในตอนนั้น เกรงว่าอาจจะเกิดสงครามกับเผ่าภูผาดำ

ภาพเหตุการณ์ต่างๆ แล่นผ่านในความทรงจำของซูหมิง เขาหาเหตุผลที่ซานเหินต้องทรยศไม่พบจริงๆ ในความคิดของเขา ผู้นำคนนี้จะทรยศชนเผ่าได้อย่างไร…

“บางที…ข้าอาจจะคิดมากไป” ขณะขบคิด ซูหมิงถอนหายใจโล่งอก เดินไปเบื้องหน้าอย่างสุขุม ใบหน้าของเขาค่อยๆ เปลี่ยน ร่างกายกำยำยิ่งขึ้น เสื้อผ้าก็เปลี่ยนไป ไม่นานนัก ตอนที่เขาโผล่มาจากเงามืด ซูหมิงกลายเป็นโม่ซูผู้ลึกลับและมีชื่อเสียงโด่งดังในเผ่าร่องลมตอนนี้!

ร่างกายของเขาสั่นไหว ระเบิดความเร็วน่าตะลึง วิ่งห้อไปทางส่วนลึกของเมืองร่องลม

เรือนพักของอูเซินหาไม่ยากนัก หลังจากแปลงเป็นโม่ซูแล้ว เพียงสืบหาเล็กน้อยก็ได้ความ แม้ว่าตอนนี้เขาจะมีชื่อเสียงในเผ่าร่องลม ทว่าถึงอย่างไรก็มีแค่ไม่กี่ร้อยคนที่เคยเห็นหน้าเขา ฉะนั้นจึงไม่เป็นที่สนใจมากนัก

คนที่บอกเรือนพักของอูเซินให้กับซูหมิง ก็ไม่ทราบเลยว่าบุคคลตรงหน้าเขาคือโม่ซูผู้โด่งดัง!

และสาเหตุที่เขายอมบอก นั่นก็เพราะว่าซูหมิงหยิบเหรียญหินอันน้อยนิดของเขาขึ้นมาหนึ่งเหรียญ อีกทั้งผู้คนในเผ่าร่องลมยังมองว่ามันเป็นเรื่องปกติ เพราะหลายวันมานี้เขาทราบว่ามีคนจากเผ่าอื่นมากมายมาขอพบกับผู้มีพรสวรรค์ในเผ่าร่องลมพวกนั้น ทว่าคนที่ได้รับอนุญาตจริงๆ กลับมีไม่มาก

เรือนพักของอูเซินตั้งอยู่ตรงมุมหนึ่งแถบตะวันออกของเมืองหินโคลน ตรงนั้นเงียบสงบมาก โดยเฉพาะยามค่ำคืน ในความมืดมิด แม้จะมีแสงไฟ ทว่ากลับน้อยมาก มีเพียงแสงจันทร์เท่านั้นที่ช่วยให้เห็นเค้าลางของเรือนพักได้เล็กน้อย

ท่ามกลางเรือนหินโคลนจำนวนมาก มีอยู่เรือนหนึ่งครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ ทั้งยังมีลานตั้งแยกเป็นส่วนตัว แตกต่างกับโดยรอบอย่างเห็นได้ชัด ตรงนี้คือบ้านของอูเซิน

อูเซินเป็นผู้มีพรสวรรค์ในรุ่นของเผ่าร่องลม มีฐานะสูงศักดิ์ แน่นอนว่าเรือนพักของเขาย่อมแตกต่าง เรือนของเขามีอยู่สี่ห้อง ในค่ำคืนกลางดึกนี้ เผยกลิ่นอายความมืดครึ้มท่ามกลางความเงียบสงัด

ลานบ้านของเขาใหญ่มาก ทว่ากลับกว้างโล่ง ภายใต้แสงจันทร์ดุจแฝงไว้ด้วยความเงียบเหงาและวังเวง

ห้องทั้งสี่ห้องล้วนเป็นสีดำมืดเหมือนกับไม่มีใครอยู่ด้านใน เดิมทีไม่เป็นเช่นนี้ จะต้องมีผู้ติดตามคอยอารักขาอูเซินอยู่ตรงนี้แทบทุกเวลา แสดงให้เห็นถึงความต่างและความพิเศษของอูเซินได้อย่างชัดเจน

ทว่ายามนี้โดยรอบกลับไร้เงาผู้คน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอูเซินตกอันดับจนผู้คนเหล่านั้นหนีหาย หรือว่าเขาไม่อยากให้ผู้อื่นรับรู้ว่าเขาอ่อนแอเลยไล่ทั้งหมดไปกันแน่

ซูหมิงยืนอยู่ตรงลานห่างไปสิบกว่าจั้ง เงาของเขาถูกแสงจันทร์ลากยาวไปไกลท่ามกลางความเงียบสงบ ก่อนค่อยๆ หลอมรวมกับความมืดมิดโดยรอบ

ซูหมิงมองไปยังลานเบื้องหน้า เงียบขรึมอยู่สักครู่ ก่อนก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้าจนมาถึงหน้าประตูเรือน เขาผลักประตูไม้เข้าไปอย่างไม่ลังเล เสียงประตูพลันดังขึ้นรอบด้านในความเงียบสงัด

ทว่าทั้งสี่ห้องในเรือนกลับสงบเงียบ คลับคล้ายไม่มีคนอยู่ด้านใน

ทว่าขณะซูหมิงอยู่ด้านนอก เขามองออกว่าในห้องที่สองมีกลิ่นอายพลังโลหิตอยู่ วัดจากความอ่อนแข็งของพลังโลหิตแล้ว ซูหมิงคิดว่าน่าจะอยู่ประมาณลำดับห้าขั้นรวมโลหิตเท่านั้น อ่อนแอกว่าอูเซินตอนที่เขาใช้สายตากวาดมองหลังลงมาจากเขาร่องลมเล็กน้อย แต่พอนึกได้ว่าอีกฝ่ายน่าจะอ่อนแอลงเรื่อยๆ จึงมั่นใจ

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version