Skip to content

สู่วิถีอสุรา 738

ตอนที่ 738 ศัตรูมาเยือน

“แม่นางน้อยสองคนนั้นไม่เลวเลย…” นัยน์ตาเต้าหยวนฉายแววชั่วร้าย ก่อนเดินออกจากเรือยาวไป สายตามองเกาะบึงใต้บนทะเลมรณะด้านล่าง ตอนนี้ฟางชางหลันกำลังยืนอยู่บนยอดเขา มองฟ้าดินกว้างไกล จุดที่นางมองไปคือเกาะสำนักเหมันต์สวรรค์

ด้านหลังนางมีหวั่นชิวยืนอยู่ หญิงสาวสองคนนี้แม้ใบหน้าไม่งดงามเท่าอวี่เซวียน แต่ก็งามหยาดเยิ้มเช่นกัน ทั้งยังมีความรู้สึกผ่านโลกมามากอยู่ ทำให้หญิงสาวสองคนนี้ต่างมีความงามเฉพาะตัว และเสริมกันและกันให้เด่นยิ่งขึ้น

เต้าหยวนเลียริมฝีปากโดยไม่รู้ตัวแล้วยกยิ้ม

“ไม่เลวๆ ไม่นึกเลยว่าที่ดึกดำบรรพ์แบบนี้จะมีหญิงงามถึงเพียงนี้สองคน เทียบกับเหล่าหญิงบำเรอของข้าได้เลย” เต้าหยวนกางพัดในมือ ชี้ไปลงไปยังเกาะด้านล่าง

“ทาสเต๋าสิบเก้า พวกเจ้าห้าคนลงไปทำลายเกาะนี้ แต่ห้ามทำร้ายแม่นางน้อยสองคนนั้น นอกจากนี้ดูด้วยว่ายังมีหญิงงามคนอื่นอีกหรือไม่” เต้าหยวนเลียริมฝีปากก่อนกล่าวขึ้นทันที

คนเสื้อคลุมดำห้าคนด้านหลังประสานมือคารวะชายหนุ่มพร้อมกันด้วยใบหน้าไร้อารมณ์

“ขอรับ!” สิ้นเสียงจากห้าคน พวกเขาก็เดินหน้าหนึ่งก้าว ชั่วขณะที่จะลงไปยังเกาะบึงใต้ซึ่งไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญหน้ากับอันตราย ทันใดนั้นทั้งผืนฟ้าสั่นสะเทือน เมฆลมเปลี่ยนสี ส่งผลให้ท้องฟ้าเหมือนเกิดหมอกดำหมุนตลบ ก่อนมีไอหนาวเยือกที่เพียงพอจะแช่แข็งจิตใจแผ่กระจายไปรอบๆ

คนเสื้อคลุมดำห้าคนที่กำลังลงไปยังเกาะบึงใต้หน้าเปลี่ยนสีพร้อมกัน และหยุดชะงักลง ก่อนถอยมาอยู่ข้างชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มผู้นั้นเองก็ตะลึงงัน ละสายตากลับจากเกาะบึงใต้แล้วมองไปรอบๆ

เขาพบว่ารอบๆ ท้องฟ้ามีไอหนาวเยือกโอบล้อมอยู่ ไม่ใช่โอบที่นี่เป็นใจกลาง แต่ผ่านทางมาตรงนี้ แล้วมุ่งหน้าไปยังบางแห่งที่ห่างไกล หมอกหนาวเยือกนี้มองด้วยตาเนื้อจะเห็นไม่ชัดนัก ทว่าหากใช้จิตสัมผัสก็จะเห็นว่ามันไม่ใช่หมอก แต่คือเสี้ยววิญญาณร่างบิดเบี้ยวจำนวนมาก

วิญญาณเหล่านี้มีทั้งคนและสัตว์ ร่างกายล้วนเป็นมายา มีสีหน้าสับสน แต่กลับมุ่งหน้าไปด้วยความบ้าคลั่งดุดัน และเพราะพวกมันจึงเกิดเป็นความหนาวเย็นขึ้น

“วิชาภูตผีสวรรค์! คุณชาย มีคนกำลังเรียกวิญญาณทุกตนในโลกนี้ให้มารวมเป็นร่างภูตผีสวรรค์!” หนึ่งในกลุ่มคนเสื้อคลุมดำด้านหลังชายหนุ่มกล่าวเสียงหนักแน่นขึ้น

นัยน์ตาเต้าหยวนแวววาว สายตามองเกาะบึงใต้ด้านล่าง ก่อนมองทิศทางที่วิญญาณกำลังมุ่งหน้าไป ดวงตาเขาค่อยๆ ฉายแววตื่นเต้น

“จำตำแหน่งตรงนี้เอาไว้ พวกเราไปดูก่อนว่าใครใช้วิชาแห่งภูตผีสวรรค์ คนที่ใช้วิชานี้ได้ ดูแล้วคงไม่ใช่เผ่าหมานธรรมดา บางทีอาจเป็นเทพหมานที่ว่านั่นก็ได้

ไปจับมันมา ข้าจะสังหารชาวเผ่าต่อหน้ามัน ฮ่าๆ ตอนอยู่ข้างนอกข้าทำเรื่องแบบนี้มาไม่น้อยแล้ว ทว่าเป็นครั้งแรกที่แดนมรณะหยิน ช่างน่าสนใจจริงๆ พอกลับสำนักแล้วจะได้ไปโอ้อวดให้คนอื่นฟังได้” ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดัง แล้วกลับขึ้นไปอยู่บนเรือ หลังจากคนเสื้อคลุมดำห้าคนตามขึ้นมาแล้ว เรือยาวก็กลายเป็นสายรุ้งยาวหายลับไป มุ่งหน้าตามวิญญาณหนาวเยือกบนฟ้าไปข้างหน้า

เรือยาวสีดำทึบรวดเร็วอย่างยิ่ง ไม่นานก็ข้ามผ่านเกาะจำนวนมากบนทะเลมรณะ มุ่งหน้าไปยังสามเกาะอรุณใต้

ทาสเต๋าคนที่ถือเข็มทิศอยู่ด้านหลังนัยน์ตาขยับประกายโดยพลัน บนเข็มทิศในมือเขา ภายในเขตสามเกาะใหญ่อรุณใต้มีจุดแสงหลายจุดพลันสว่างขึ้น

“คุณชาย ที่นี่มีผู้ฝึกตนค่อนข้างแกร่งอยู่หลายคน บนเกาะเทพเชมันมีอยู่คนหนึ่งที่แกร่งที่สุด…ไปสู่ก้าวที่สองแล้ว ทว่ากลับไม่บริสุทธิ์

และยังมีอีกคนบนเกาะเหมันต์สวรรค์ บุคคลนี้…มีขั้นพลังไม่ชัดเจน วิญญาณรอบๆ ก็มุ่งหน้าไปรวมอยู่ที่นั่น น่าจะเป็นผู้ใช้วิชาภูตผีสวรรค์ แต่ข้างๆ เขายังมีอีกสองคน

หนึ่งในนั้นมีกลิ่นอายพลังพิลึกมาก คล้ายๆ กับวงแหวนอาคมศักดิ์สิทธิ์ยันต์พยัคฆ์ที่นอกโลก ส่วนคนสุดท้ายน่าจะหลับใหลจากอาการบาดเจ็บสาหัส มีจิตสำนึกเบาบาง ดูท่าผู้ใช้วิชาภูตผีสวรรค์คงอยากจะช่วยให้บุคคลผู้นี้ตื่นขึ้น” หลังจากทาสเต๋าผู้ถือเข็มทิศกวาดสายตามองเข็มทิศแล้วก็เอ่ยขึ้น

เห็นได้ชัดว่าเข็มทิศนี้ไม่ใช่ของธรรมดา อีกทั้งความรู้ของทาสเต๋าผู้นี้ต้องไม่ธรรมดาด้วยเช่นกัน มิเช่นนั้นแล้วไม่มีทางมองออกมากขนาดนี้ ทว่า…เขาไม่รู้เลยว่าบนเข็มทิศของตนไม่มีจุดแสงของซูหมิงอยู่

ชายหนุ่มบนเรือยิ้มเย็นชา พลางควบคุมเรือให้เป็นสายรุ้งยาวตรงไปยังเกาะเหมันต์สวรรค์ของซูหมิงด้วยความเร็วสูง ภายใต้วิญญาณรวมตัวกันอยู่เต็มฟ้า ไม่นานเรือยาวก็มาอยู่นอกเกาะเหมันต์สวรรค์

ช่วงที่มีเสียงดังกึกก้องน่าตกใจ เรือยาวไม่หยุดแม้แต่น้อย แต่ชนเข้ากับวงแหวนอาคมคุ้มกันเกาะเหมันต์สวรรค์ ม่านแสงวงแหวนอาคมพลันบิดเบี้ยว ยื้อไว้ได้เพียงลมหายใจเดียวก็พังทลาย กลายเป็นเศษกระจายจำนวนมาก จากนั้นเรือยาวก็ข้ามผ่านเข้าไปสู่เกาะเหมันต์สวรรค์!

วินาทีที่เข้ามาในเกาะเหมันต์สวรรค์ เรือยาวยังไม่หยุด แต่ทะยานตรงไปยังจุดที่รวมวิญญาณบนท้องฟ้า…ยอดเขาลำดับเก้า!

แทบเป็นขณะเดียวกับที่เรือยาวทำลายม่านแสงอาคมนอกเกาะเข้ามา ซูหมิงที่กำลังนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขาลำดับเก้าลืมตาขึ้น ขณะนัยน์ตาขยับวูบวาบเด่นชัด ก็กลับกลายเป็นกลิ่นอายชั่วร้ายมหาศาลโดยทันที

ความรุนแรงของกลิ่นอายชั่วร้ายนี้มากเกินกว่าตอนสู้กับตี้เทียนตรงจุดมาเยือนของเผ่าเซียน เขาจ้องเขม็งไปข้างหน้า ดวงวิญญาณทั่วร่างกระจายออก ก่อนเห็นว่าไกลออกไปตอนนี้มีเรือลำหนึ่งเป็นสายรุ้งยาวตรงเข้ามา!

และยังมีคนหกคนบนเรือด้วย!

ในเวลาเดียวกัน คนอื่นๆ บนยอดเขาลำดับเก้าต่างสังเกตเห็นกลิ่นอายชั่วร้ายจากตัวซูหมิง รวมทั้งเสียงระเบิดจากวงแหวนอาคมเกาะเหมันต์สวรรค์ที่พังทลายอีก

ไป๋ซู่หน้าเปลี่ยนสี อวี่เซวียนที่กำลังขมวดคิ้วไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่เงยหน้าขึ้น และยังมีสุนัขตัวนั้น เดิมทีมันนอนหมอบขี้เกียจอยู่ ทว่าเวลานี้กลับยืนขึ้นแล้วจับจ้องไกลออกไป สีหน้าไม่มีความเฉื่อยชาอีก แต่จริงจังอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

ชั่วขณะที่ซูหมิงเห็นเรือลำนั้น ดวงดาราบนตัวเต้าหยวนพลันเปล่งแสง การหมุนโคจรของดวงดาวนับไม่ถ้วนดูเหมือนธรรมดา แต่ในสายตาซูหมิงกลับมีความรู้สึกเหมือนจิตวิญญาณกำลังถูกดูดเข้าไปอย่างรวดเร็ว

เขายกมือขวากดไปบนหินผาใต้ร่างอย่างไม่ลังเล ฉับพลันนั้นในระยะหมื่นลี้รอบๆ ยอดเขาลำดับเก้า ผิวทะเลที่เดิมทีเป็นพื้นที่กว้างโล่งกลับเกิดเสียงระเบิดดังสนั่นอย่างรุนแรง ภายใต้เสียงดังสนั่น ภายในระยะหมื่นลี้พลันบิดเบี้ยวและขมุกขมัว จึงยากจะมองเห็นข้างในชัดเจน

ตอนนี้เสียงหัวเราะของเต้าหยวนดังกึกก้อง ในเสียงหัวเราะแฝงไว้ด้วยความอวดดีเป็นที่หนึ่ง

“พวกคนเถื่อนโง่เขลา เสื้อคลุมเต๋าบนตัวข้าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีเพียงคนสายเลือดตระกูลเต้าแห่งสำนักดาราสัจธรรมเท่านั้นถึงจะมีได้ จิตสัมผัสทุกอย่างไร้ผลกับข้า และจะถูกอาคมบนเสื้อคลุมเต๋าโจมตีสวนกลับ ตอนนี้จิตสัมผัสของคนเถื่อนอย่างเจ้าบาดเจ็บสาหัสอยู่ ข้าไม่ต้องลงมือเอง อย่างไรเจ้าก็หนีไม่พ้นความตาย

ทาสเต๋า เปิดวงแหวนอาคมให้ข้า เมื่อครู่ข้ารู้แล้วว่าพวกมันใช้วิชาภูตผีสวรรค์รักษาจริงๆ เฮอะๆ ข้าละชอบทำให้ผู้อื่นเจ็บปวดทรมานมากที่สุด” เต้าหยวนหัวเราะอย่างลำพองใจ โบกพัดในมือด้วยสีหน้าเย่อหยิ่งโอหัง เรื่องนี้ทำให้เขาตื่นเต้นอย่างยิ่ง

เมื่อสิ้นเสียง ทาสเต๋าห้าคนด้านหลังเดินออกไปสี่คน สี่คนนี้เข้าไปใกล้ม่านบิดเบี้ยวในระยะหมื่นลี้รอบยอดเขาลำดับเก้าด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ ก่อนยกมือขวาแล้วกดลงไปพร้อมกัน ม่านบิดเบี้ยวอาคมหมื่นลี้พลันสั่นสะท้าน เกิดเสียงดังสนั่นกึกก้อง ท่ามกลางเสียงโครมคราม วงแหวนอาคมหมื่นลี้เกิดเค้าลางว่าจะพังพินาศลง

“นับว่ามีกลอุบายอยู่บ้าง วงแหวนอาคมที่รับการโจมตีของทาสเต๋าสี่คนของข้าได้ถือว่าพบเห็นได้ยาก…ลงมือเต็มที่!” นัยน์ตาเต้าหยวนขยับประกายวาววับ ทั้งยังดูตื่นเต้นยิ่งขึ้น ก่อนชี้พัดในมือขวาไปทางวงแหวนอาคม

ท่ามกลางเสียงดังกระหึ่มจากวงแหวนอาคม ซูหมิงบนยอดเขาลำดับเก้าหน้าซีดขาวเล็กน้อย เมื่อครู่นี้แรงดูดจากเสื้อคลุมอีกฝ่ายรุนแรงอย่างยิ่ง หากไม่ใช่เพราะเขาละสายตากลับในทันที และให้วงแหวนอาคมต้านไว้สุดกำลัง เกรงว่าคงถูกจู่โจมสวนกลับแรงกว่านี้

“สำนักดาราสัจธรรม!” ซูหมิงยืนขึ้นด้วยสีหน้าทะมึน เขามองศิษย์พี่รองซึ่งกำลังใช้วิชาภูตผีสวรรค์และแผ่ไอหนาวจากร่างกายไม่หยุดหย่อน ยังมีหู่จื่อผู้กำลังหลับใหล มุมปากยังยกยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นดูมีความสุขเหลือเกิน

นัยน์ตาซูหมิงฉายแววแน่วแน่ เขาสะบัดแขนเสื้อม้วนเหล่าศิษย์พี่ของเขาเข้าไปในถ้ำของอาจารย์ จากนั้นก็เดินออกจากวงแหวนอาคมของยอดเขาไป ช่วงที่เขาเดินออกมา เสียงระเบิดพลันดังกังวานฟ้าดิน เกราะป้องกันในระยะหมื่นลี้พังทลายลง หดเล็กจนเหลือเพียงห้าพันลี้ทันใด

มิหนำซ้ำเสียงระเบิดยังคงดังไม่หยุด เกรงว่าอีกไม่นานอาคมคุ้มกันทั้งหมดจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เหตุที่อาคมคุ้มกันพังทลายลงด้วยความเร็วระดับนี้ ไม่ใช่เพราะอาคมแกร่งไม่พอ แต่เป็นเพราะ…ศัตรูแข็งแกร่งเกินไป!

แทบเป็นจังหวะเดียวกับที่ซูหมิงเดินออกมาจากยอดเขา ชาวเผ่าหมานหลายร้อยคนต่างบินออกมาจากทุกจุดบนยอดเขาพร้อมกัน พวกเขาล้วนหน้าซีดขาว แต่ในสีหน้ากลับเห็นความแน่วแน่

“นั่นคือเรือรบของสำนักดาราสัจธรรม อาภรณ์ที่พวกเขาสวมอยู่คือเสื้อคลุมดารา เสื้อคลุมชนิดนี้มีการป้องกันหนาแน่น คนที่เรียกตัวเองว่าคุณชายคนนั้นน่าจะเป็นทายาทสายตรงของสำนักดาราสัจธรรม!

ส่วนคนที่กำลังทำลายวงแหวนอาคม พวกเขาคือทาสเต๋า ขั้นพลัง….” อวี่เซวียนหน้าเปลี่ยนสี พอเห็นซูหมิงก็กล่าวอธิบายให้ฟังทันที

“ขั้นพลังพวกเขาคือเจ้าปกครองโลกของก้าวที่สาม ทั้งยังมีเสื้อคลุมดาราอีก แม้ขั้นพลังจะถูกจำกัด ทว่าก็ไม่มากนัก” คนที่กล่าวประโยคนี้คือสุนัข น้ำเสียงของมันดูผ่านโลกมานานมาก เมื่อสิ้นเสียงก็มีกลิ่นอายพลังแก่กล้าแผ่กระจายมาจากตัวมัน

“นายหญิงน้อย เหล่าหลงปกป้องได้เพียงท่านกับเจ้าหนูซูให้ออกไปอย่างปลอดภัยเท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ…คงยากจะทำได้ภายใต้ขีดจำกัดของเผ่าหมาน” สุนัขจ้องวงแหวนอาคมบิดเบี้ยวที่กำลังม้วนถอยมาไม่หยุดพลางกล่าวเสียงทุ้ม

อวี่เซวียนอึ้งงัน มองซูหมิงด้วยใบหน้าซีดขาว

“อวี่เซวียน เจ้าไปเถอะ” ซูหมิงกล่าวเรียบๆ เขาจะไม่ไปไหน ที่นี่คือยอดเขาลำดับเก้า ที่นี่คือบ้าน ที่นี่มีศิษย์พี่ของเขา เขาจะต่อสู้จนตัวตายไปพร้อมกับศิษย์พี่เท่านั้น จะไม่มีทางหนีไปคนเดียวเด็ดขาด

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version