Skip to content

สู่วิถีอสุรา 789

ตอนที่ 789 ร้อยปี

ผืนฟ้ามืดมิด มองไม่เห็นแสงสว่าง ไม่มีเสียงใดๆ มีเพียงความเงียบสงัดราวนิพพาน

บางครั้งจะปรากฏแสงเส้นหนึ่งในฟ้ากระจ่างดาวสีดำนี้ ไม่รู้ว่าเกิดจากการเสียดสีกันของสิ่งใด ชีวิตของพวกมันแสนสั้น วูบเดียวก็หายไปแล้ว

ความหนาว ความเงียบ ความมืด กลายเป็นพื้นฐานชั่วนิรันดร์ของท้องฟ้าดวงดาวตรงนี้

หนึ่งร้อยปีก่อน ที่นี่เคยมีกลุ่มหินผุพังเป็นเส้นยาวสีมัวหมองลากผ่านไกลออกไป ไม่รู้ว่าไปที่ใด หนึ่งร้อยปีต่อมา ตรงจุดที่หินผุพังเคยผ่านมาก็มีหินผุพังลากผ่านมาอีกกลุ่มหนึ่ง

หินผุพังกลุ่มนี้คือวัตถุเมื่อร้อยปีก่อน พวกมันบินตามวงโคจรบางอย่างจนครบร้อยปีแล้วจึงกลับมาที่นี่อีกครั้ง เพียงแต่ว่าเทียบกับร้อยปีก่อน หินผุพังน้อยลงไปเล็กน้อย แต่ละก้อนก็เล็กลงด้วย

ไม่มีใครรู้ว่าหินผุพังก้อนยักษ์หนึ่งในกลุ่มหินมีแดนผนึกอยู่ ภายในหินก้อนนี้มีหินหนืดสีม่วงอมดำ และภายในหินหนืดมีคนนั่งฌานอยู่คนหนึ่ง

เขาเป็นชายหนุ่มผมสีเทา สีหน้าเหมือนกำลังหลับใหล ร่างกายขยับแสงมันวาววูบวาบ หินหนืดสีม่วงอมดำรอบตัวแผ่ไอหนาว ทั้งยังมีเส้นสีแดงเน่าเปื่อยกลุ่มใหญ่กองอยู่ข้างๆ มองไปแล้วสุดลูกหูลูกตา

หนึ่งร้อยปีมานี้ ซูหมิงตกอยู่ในสภาวะสูบพลังแห่งเลือดเนื้อ ภายใต้การสูบกินอย่างต่อเนื่อง ร่างกายก็แกร่งขึ้นเรื่อยๆ ตามกาลเวลา

เมื่อสี่สิบปีก่อน ร่างกายเขาทะลวงผ่านระดับดินก้าวสู่ธรณีประตูระดับฟ้า ซูหมิงที่มีพลังแห่งเลือดเนื้อก้าวสู่ระดับนี้ หมายความว่าร่างกายเขาสามารถรับวิชาอภินิหารของคนระดับพลังนี้ได้

กระทั่งชกหนึ่งหมัดไปยังสั่นสะเทือนรากฐานชีวิตของคนระดับพลังนี้

นี่เป็นเพียงร่างกายเท่านั้น ไม่ใช่ขั้นพลังในร่างกาย หากรวมกับขั้นพลังและอภินิหารวิชาต่างๆ แล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับเจ้าปกครองโลก ขอเพียงอีกฝ่ายไม่ใช้พลังของระดับขั้นนี้ ซูหมิงจะต้องมีชัยอย่างแน่นอน

ถึงอย่างไรพลังแห่งโลกก็ทรงพลังที่สุดในขั้นเจ้าปกครองโลก เกรงว่าหากใช้พลังแห่งโลกควบคู่กับอภินิหารธรรมดา จะต่างกันราวกับพลิกฟ้าดิน

จุดนี้ซูหมิงไม่ได้สัมผัสอย่างลึกซึ้งนัก ตอนนั้นที่เขาเผชิญหน้ากับทาสเต๋าในแดนหมาน คนพวกนี้ยังไม่ใช้พลังแห่งโลกก็แกร่งอย่างยิ่งแล้ว ตอนนี้มานึกดูคงไม่ใช่เพราะพวกเขาไม่อยากใช้ แต่ด้วยกฎจำกัดของดินแดนเผ่าหมาน ถึงจะส่งผลต่อขั้นพลังไม่มากนัก แต่ก็มีผลจำกัดต่อพลังแห่งโลกยิ่งนัก

หากเปลี่ยนเป็นซูหมิงในตอนนี้ ยามบนแดนหมานและอยู่ภายใต้สภาวะที่พลังแห่งโลกถูกระงับ เขาไม่ต้องให้ใครช่วยก็เอาชนะได้ทุกคน และจะข้ามผ่านหายนะที่แทบทำให้เขาสิ้นหวังในตอนนั้นไป

‘เจ้าปกครองโลก ไม่รู้ว่าเมื่อไรร่างกายกับขั้นพลังข้าจะก้าวสู่ระดับนี้ ถึงตอนนั้นเมื่อไร ข้าถึงจะเรียกว่าเป็นผู้แข็งแกร่งกลางฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้!’ ซูหมิงที่นั่งฌานอยู่พลันลืมตาขึ้น วินาทีที่ลืมตาก็มีประกายวาววูบผ่าน

ตอนที่ยังไม่บรรลุถึงเจ้าปกครองโลก หากเผชิญหน้ากับศัตรูระดับเจ้าปกครองโลก ก็มียังมีผึ้งพิษกับน้ำเต้าล้ำค่าอยู่ ซูหมิงมั่นใจว่าพอจะสู้ไหว

เสียงปุดๆ แว่วมาจากในร่างกายเขาไม่หยุด คือเสียงกระดูกกับเลือดเนื้อเสียดสีกัน ยามนี้หากที่นี่มีคนอื่นอีกนอกจากชื่อหั่วโหว จะต้องตื่นตะลึงกับเสียงจากในร่างกายเขาอย่างแน่นอน

ในทุกเสียงจะมีความรู้สึกแตกหักอยู่ พอฟังแล้วเหมือนว่าร่างกายตัวเองจะแตกหักตาม นี่คือความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย แต่กลับลึกซึ้งยิ่ง

‘เจ้าปกครองโลก!’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเฝ้าปรารถนาอย่างแรงกล้า

“หากจะเป็นเจ้าปกครองโลก ต้องเตรียมต้นกำเนิดโลก และต้นกำเนิดโลกคือพลังคงที่ของทุกโลก” เสียงแหบแห้งแว่วมาไม่ไกลนัก เจ้าของเสียงคือชายร่างกำยำหัวโล้น

ชายร่างกำยำมีร่างกายสูงใหญ่ยิ่งนัก ความสูงเกือบสองจั้ง ราวกับหอคอยเหล็กนั่งสมาธิอยู่ บนศีรษะไม่มีเส้นผม มีเพียงร่างกายคล้ายงู แต่กลับมีภาพสัตว์ร้ายหกปีกประทับอยู่บนศีรษะ

หากมองดีๆ จะเห็นว่านอกภาพสัตว์ร้ายมีร่องรอยเปลวไฟจางๆ เหมือนกับว่าสัตว์ร้ายอยู่กลางเปลวเพลิง ชายผู้นี้ก็คือ ชื่อหั่วโหว!

ภายใต้สภาวะไร้ผนึกหนึ่งร้อยปี ร่างกายเขากลับมามีเลือดเนื้ออีกครั้ง ฟื้นฟูรูปลักษณ์ในอดีตคืนมา เสื้อคลุมตัวใหญ่คลุมตัวไว้ ดูไปแล้วมีเอกลักษณ์เฉพาะพิเศษ

“กลางฟ้ากระจ่างดาวแห่งนี้มีดาวแท้จริงจำนวนมาก ทุกดวงล้วนเรียกได้ว่าหนึ่งโลก ขอเพียงมีโลกก็จะมีต้นกำเนิดโลก หรือก็คือ พลังแห่งโลก หากอยากเป็นเจ้าปกครองโลกก็ต้องสูบพลังแห่งโลกมาเสริมตัวเอง ต้องได้รับการยอมรับจากต้นกำเนิดโลก มีเพียงต้นกำเนิดโลกยอมรับเจ้า เจ้าจึงจะสูบพลังจากมันได้ แล้วก้าวสู่ระดับเจ้าปกครองโลก ยิ่งโลกใหญ่มากเท่าไร ต้นกำเนิดโลกจะยิ่งใหญ่มากเท่านั้น เจ้าปกครองโลกที่อยู่ในนั้นก็จะมากตามไปด้วย ในทางตรงข้ามก็เป็นเช่นนี้ จำนวนของเจ้าปกครองโลกในหนึ่งโลกไม่เพียงขึ้นอยู่กับผู้ฝึกฌานเท่านั้น สิ่งที่สำคัญคือต้นกำเนิดโลกในหนึ่งโลกรับคนสูบพลังจากมันได้เท่าไรต่างหาก”

“หากพลังแห่งต้นกำเนิดโลกถึงจุดอิ่มตัว เช่นนั้นต่อให้เจ้ามีพรสวรรค์ยอดเยี่ยมกว่านี้อีกก็ไม่มีทางเป็นเจ้าปกครองโลกได้ ถึงอย่างไรตำแหน่งว่างก็มีเท่านั้น หากเจ้าอยากเป็นเจ้าปกครองโลก นอกจากออกจากที่นั่นไปหาอีกโลกหนึ่งแล้ว ก็มีเพียงสังหารเจ้าปกครองโลกคนหนึ่งเพื่อให้ตำแหน่งว่างมา แบบนี้ถึงจะมีโอกาส”

“ท้องฟ้าดวงดาวนี้กว้างใหญ่ ดาวแท้จริงมีมากมาย นั่นหมายความว่ามีโลกอยู่จำนวนมาก แต่ที่ข้ารู้มาคือแทบจะทุกโลกถูกคนพบแล้ว ตำแหน่งว่างของเจ้าปกครองโลกบนนั้นส่วนใหญ่เต็มแล้ว”

ซูหมิงเงยหน้ามองชื่อหั่วโหว ไม่กล่าวอะไร

“บนดาวแดงเพลิงมีเจ้าปกครองโลกตายไปหลายคน แต่นอกจากผู้รักษาการณ์แล้ว คนอื่นๆ ไม่ถือว่าเป็นเจ้าปกครองโลกอย่างแท้จริง ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีพรสวรรค์ แต่โลกที่พวกเขาตามหาและได้รับการยอมรับเป็นโลกชำรุด ต้นกำเนิดโลกแทบจะแห้งขอด ฉะนั้นความสำเร็จของพวกเขาจึงหยุดอยู่ในตอนที่เป็นเจ้าปกครองโลกแล้วกระทั่งการตระหนักรู้ต่อกฎเกณฑ์ยังทำต่อไม่ได้ แบบนี้จะเรียกว่าเจ้าปกครองโลกอย่างนั้นหรือ ผู้รักษาการณ์ต่างหากถึงเรียกว่าเจ้าปกครองโลก ถึงอย่างไรโลกที่พวกเขากลายเป็นเจ้าปกครองโลกก็ไม่ใช่พื้นที่สงคราม แต่อยู่นอกขอบเขตนี้ ทว่าเมื่อพวกเขาตายลง โลกที่พวกเขาเป็นเจ้าปกครองโลกจะมีตำแหน่งว่างขึ้นมา ตอนนี้เกรงว่าคงมีคนแย่งชิงไปแล้ว”

“กล่าวเช่นนี้คือ ในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต การเป็นเจ้าปกครองโลกแทบเป็นไปไม่ได้เลยอย่างนั้นรึ?” ซูหมิงเงียบอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะกล่าวเนิบๆ

“มีหรือไม่มีโอกาสข้าตอบไม่ได้ เจ้าต้องเลือกเอง” นัยน์ตาชื่อหั่วโหวขยับประกายยามเอ่ยเสียงเบา

“อันดับแรก เจ้าต้องรู้ว่าเหตุใดขั้นพลังหลังจากระดับฟ้าถึงเรียกว่าเจ้าปกครองโลก หรือเจ้าแห่งโลก คำว่าเจ้ากับคำว่าปกครองโลกมีคำตอบแฝงอยู่มากมาย

เจ้าปกครองโลกที่แท้จริงคือเป็นดั่งเจ้านายหรือจักรพรรดิในโลกของตัวเอง กระทั่งในโลกของตัวเองจะใช้พลังได้เกินกว่าขั้นพลัง และสู้กับเจ้าปกครองโลกจากโลกอื่นๆ ได้ในระดับที่เหนือชั้นกว่า

นี่ต่างหากถึงเรียกว่าเจ้าปกครองโลก”

“แต่หากออกจากโลกของตัวเองไปก็จะเหมือนกับปลาออกจากน้ำ ถึงยังมีชีวิตอยู่ ยังคงแกร่งอยู่ แต่หากเสียพลังมากเกินไป การจะฟื้นฟูพลังแห่งโลกจะเป็นเรื่องยากยิ่ง

ฉะนั้นเมื่อฝึกฝนถึงระดับเจ้าปกครองโลกแล้ว ในเวลาปกติจะออกจากโลกตนน้อยมาก ต่อให้ออกไปก็จะกลับมาอย่างรวดเร็ว หากกลับมาไม่ได้ ก็ต้องพกหินโลกของโลกนั้นติดตัวไปด้วยเพื่อเสริมร่างกายตลอด อย่างเช่นผู้รักษาการณ์พวกนั้น ในถุงเก็บวัตถุพวกเขา…อืม? เหอะๆ ถึงข้าจะไม่เคยเปิดดู แต่ก็มั่นใจว่ามีหินโลกอยู่แน่”

ชื่อหั่วโหวเพิ่งกล่าวถึงตรงนี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ เขาจำได้ว่าก่อนที่จะนั่งฌานฟื้นฟูพลัง มีถุงเก็บวัตถุใบนั้นอยู่ไม่ไกล ทว่าตอนนี้หายไปแล้ว

“และยังมีอีกวิธีที่ให้เจ้าปกครองโลกคงพลังจุดสูงสุดเอาไว้ไม่ว่าอยู่ที่ใดก็ตาม วิธีนี้ง่ายมาก และก็มีคนใช้กันแพร่หลาย นั่นคือ…รากฐานพลังเจ้าปกครองโลก

มันคือการได้รับการยอมรับจากโลกไปทีละโลก แย่งชิงตำแหน่งของคนอื่นไปทีละคน จนเมื่อได้รับห้าพันโลกแล้วก็จะบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลาง หลังจากครบหมื่นโลกจะบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย

รวมพลังของหมื่นโลก ทำให้หมื่นโลกกลายเป็นหนึ่ง กลบข้อบกพร่องของตัวเองทั้งหมด ก็จะกลายเป็นเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์ หลังจากเจ้าปกครองโลกสมบูรณ์จะเหมือนกับก้าวไปอีกหนึ่งก้าว จนกำเนิดกลิ่นอายพลังภัยพิบัติ นั่นคือระดับภัยพิบัติจันทรา เมื่อเดินไปอีกก้าวและเหยียบบนจุดสูงสุด จะเรียกว่าระดับภัยพิบัติตะวัน”

“ต่อให้โลกมีมากกว่านี้อีกก็ไม่พอกับจำนวนผู้ฝึกฌาน ตำแหน่งมีจำกัด จึงเกิดสงครามขึ้น เรื่องนี้เกี่ยวกับที่สี่มหาโลกแท้จริงบุกโลกแท้จริงที่ห้าหรือไม่?”

ซูหมิงกล่าวขึ้น

“นี่คือคำตอบที่ระดับภัยพิบัติจันทราอย่างข้าจะเข้าใจได้ ทว่าตำแหน่งต่างกัน คำตอบจึงต่างกัน แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม หากคิดจะเป็นเจ้าปกครองโลกก็ต้องสังหาร ต้องแย่งชิง ต้องปล้น” ชื่อหั่วโหวกล่าวราบเรียบ ความหมายในคำพูดแฝงไว้ด้วยความเหี้ยมโหดโดยไม่ปิดบังแม้แต่น้อย

“อะไรคือการฝึกฝน การฝึกฝนก็คือสังหาร คือการแย่งชิง คือการปล้นชิง เจ้าฆ่าคนได้ เจ้าแย่งชิงของคนอื่นได้ เจ้าปล้นของที่ไม่ใช่ของเจ้าได้ เช่นนั้นเจ้าก็จะเดินไปถึงจุดสูงสุด หากอยู่ตรงนั้นได้ตลอด เจ้าจะเป็นจุดสูงสุดเองโดยธรรมชาติ

สี่มหาโลกแท้จริง มีเจ้าภัยพิบัติอยู่สี่คน เต้าเฉินแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมและเซิ่งหวงแห่งโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์ล้วนเป็นเจ้าภัยพิบัติ เหตุที่พวกเขาแกร่งขนาดนั้นเป็นเพราะว่ากองกำลังของพวกเขานำทรัพยากรทั้งโลกแท้จริงมาให้ ทำให้ขั้นพลังเหมือนกับได้รับโชควาสนาฟ้าดิน

หลังจากเจ้าภัยพิบัติทั้งสี่ ยังมียอดบรรพชนผู้ยิ่งใหญ่อีกสี่คน พวกเขาน่ากลัวเสียยิ่งกว่าเจ้าภัยพิบัติ ท้องฟ้ากระจ่างดาวกว้างใหญ่ยิ่งนัก มีผู้แข็งแกร่งเหลือคณานับ เกรงว่าเมื่อถึงระดับเดียวกับสี่ยอดบรรพชนแล้วก็ยังไม่ใช่จุดสูงสุด

ไปถึงขั้นกุมดวงชะตาเกิดดับแล้วอย่างไร บรรพบุรุษรุ่นแรกของเผ่ายมโลกหรือจักรพรรดิของโลกแท้จริงที่ห้าก็ยังสิ้นลงด้วยความบ้าคลั่งของภัยพิบัติ….ชาวเผ่าล้มตายกันจนหมดสิ้น ถึงไม่รู้ว่าเจ้ารอดมาได้อย่างไร แต่ดูแล้วจะต้องเป็นเพราะบรรพบุรุษเผ่ายมโลกอย่างแน่นอน ตอนนั้นคงจ่ายไปอย่างมหาศาลเพื่อแลกกับชีวิตเสี้ยวหนึ่งของชาวเผ่า”

ซูหมิงหายใจกระชั้น คำพูดของชื่อหั่วโหวทำให้มีเสียงโครมดังในความคิด เขานึกไปถึงคำพูดของศิษย์พี่รองว่าเมื่อนานมาแล้วในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม มีสามีภรรยาคู่หนึ่งถูกทั้งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมล้อมโจมตี

“เผ่า…ยมโลก…” ซูหมิงพึมพำเสียงเบา

“หากภายภาคหน้าเจ้ามีโอกาสกลับไปโลกแท้จริงลำดับที่ห้า ช่วยไปบ้านเกิดเผ่าเจ้าสักครั้ง ที่นั่นหาง่ายมาก กลางฟ้ากระจ่างดาวมีธารดาราสีเงินอยู่สายหนึ่ง ในธารสีเงินนั้น…มีดาวแท้จริงสีฟ้าอ่อน หากมันยังอยู่ หากมันไม่สลายไปตามเผ่าเจ้า เจ้าก็น่าจะหามันเจอ”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version