Skip to content

สู่วิถีอสุรา 792

ตอนที่ 792 ต่อสู้

“ฮ่าๆ แดนรกร้างต้นกำเนิดจิตกว้างใหญ่เพียงนี้ แต่ข้าซานไท่ก็ยังเจอคนผู้นี้ นี่คือโชคของข้า คือโอกาสและเป็นโชควาสนาหมื่นปีของข้า!”

“สี่มหาโลกแท้จริงตั้งรางวัลเอาไว้ว่า หากสังหารคนที่ทำให้ไข่มุกโลหิตจำแนกเปล่งแสง แล้วดูดวิญญาณเข้ามาในไข่มุกได้ จะมอบหินโลกที่มีพลังแห่งโลกให้เป็นการแลกเปลี่ยน!”

คนร่างอ้วนตัวสั่น ครั้นร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นแล้ว เรือใต้ร่างพลันหมุนกลับแล้วไล่ตามหินผุพังของซูหมิงไป ในเวลาเดียวกัน ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสองคนบนเรือก็มีสีหน้าตื่นเต้นเช่นกัน มีซานไท่อยู่ด้วย ถึงพวกเขาสังหารศัตรูแล้วคงจะไม่ได้หินโลกมา แต่ก็ได้รางวัลอื่นๆ ไม่น้อย

โดยเฉพาะคนที่สี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ ไม่อยากเชื่อว่า….จะอยู่เพียงระดับดินจริงๆ หนำซ้ำยังไม่น่าจะผนึกขั้นพลังตัวเองไว้ด้วย เพราะว่าในประกาศจับของสี่มหาโลกแท้จริงบอกไว้ชัดเจนว่าบุคคลนี้อยู่เพียงระดับดิน

ฟิ้ว!

สองคนทะยานไป ความเร็วเพิ่มขึ้นในพริบตาเดียวก็เข้าใกล้หินผุพังของซูหมิงแล้ว ก่อนจะกลายเป็นสายรุ้งแยกไปซ้ายขวา ภายใต้การปะทุของพลังระดับฟ้า มันก่อเป็นแรงกดดันรุนแรงพุ่งตรงไปหาซูหมิง

“ฮ่าๆ ตายซะ!”

“ข้าอยากรู้นักว่าคนที่สี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับจะมีดีอย่างไร!”

ซูหมิงลืมตาอย่างช้าๆ มองคนทางซ้ายและขวาด้วยความเย็นชาแวบหนึ่ง ในแวบเดียวนี้เขาสะบัดแขนเสื้อไป

เสียงร้องโหยหวนพลันดังมาจากทางขวา ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าทางขวาเพิ่งเข้าใกล้ซูหมิงยังไม่ถึงสามสิบจั้ง ตรงระหว่างคิ้วกลับปรากฏจุดดำโดยทันที

จุดดำนี้เหมือนถูกตัวอะไรบางอย่างต่อย กระทั่งเขายังมองไม่ชัดเลยว่าคืออะไร ความเจ็บปวดแผ่กระจายไปทั่วร่าง เสียงร้องของเขายังคงดังกึกก้อง ทว่าร่างกายกลับหลอมละลายกลายเป็นน้ำโลหิตตกลงบนหินผุพังไปแล้ว

“รนหาที่ตาย” ซูหมิงยืนขึ้น ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าทางซ้ายหน้าเปลี่ยนสี นัยน์ตาฉายแววเหลือเชื่อและหวาดกลัว ทุกอย่างเมื่อครู่เกิดเร็วมาก เขาไม่เห็นอะไรเลย เห็นเพียงจู่ๆ สหายร้องโหยหวน เพียงพริบตาก็กลายเป็นน้ำโลหิตตายไป

ภาพนี้ทำให้ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าคนนี้ตัวสั่นเทิ้ม เขาถอยร่นอย่างไม่ลังเลทันที สภาพจิตใจเต็มไปด้วยความหวาดผวา เขาพลันนึกถึงคำถามอันน่ากลัวข้อหนึ่ง…เหตุใดบุคคลนี้ถึงถูกสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ?

การประกาศจับของสี่มหาโลกแท้จริงไม่บอกเหตุผล เพียงประกาศจับบุคคลนี้เท่านั้น คนที่สี่มหาโลกแท้จริงออกประกาศจับได้จะเป็นคนอ่อนแอได้อย่างไร

ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าหน้าซีดขาว แต่เขายังถอยไปไม่ถึงสิบจั้ง ตรงหน้าก็ปรากฏเศษเสี้ยวเงาร่างหนึ่ง เศษเสี้ยวเงานี้เขาเห็นชัดแล้ว มันคือผึ้งพิษตัวหนึ่ง

นี่คือภาพสุดท้ายที่ผู้ฝึกฌานระดับฟ้าเห็น และก็เป็นความทรงจำเสี้ยวสุดท้าย

เสียงร้องดังกังวาน โลหิตสาดกระเซ็น ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ลมหายใจ กระทั่งคนอื่นบนเรือมองมา ยังเห็นเพียงซูหมิงลืมตาแล้วสะบัดแขนเสื้อคลุม

การกระทำง่ายๆ นี้คร่าชีวิตผู้ฝึกฌานระดับฟ้าไปสองคน

“เจ้าขวางข้าอย่างไร้เหตุผล มีเรื่องอะไร” ซูหมิงกล่าวเสียงเบา แววตาสงบนิ่ง มองไปยังคนอ้วนที่เดินหน้าและถอยหลังคล้ายลังเลใจ

ช่วงที่ซูหมิงกล่าว หินผุพังใต้ร่างค่อยๆ หยุดลง ลอยอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว อยู่ตรงข้ามกับเรือของคนอ้วนไกลลิบ

“ฮ่าๆ เข้าใจผิดแล้ว เป็นการเข้าใจผิดกันเท่านั้น แซ่ซานจำผิดคน เรื่องนี้ข้าผิดเอง หวังว่าท่านจะไม่ถือโทษ แซ่ซานขอตัวก่อน” คนอ้วนหยีตา ใบหน้าเค้นรอยยิ้มเป็นมิตรแล้วถอยหลังไปอย่างช้าๆ

เขาไม่แน่ใจระดับของบุคคลในประกาศจับตรงหน้าเล็กน้อย มองดูเหมือนระดับดิน ทว่ากลับสังหารผู้ฝึกฌานระดับฟ้าได้ง่ายดายประหนึ่งหายใจ ภาพนี้สร้างความตื่นตะลึงและความสนใจให้กับเขา

เทียบกับหินโลกแล้ว ชีวิตก็ยังสำคัญกว่า อีกทั้งหากเขาคิดสังหารบุคคลนี้ บางทีน่าจะต้องหาสหายมาร่วมด้วยอีกหลายคนถึงจะมีความมั่นใจ

คนอ้วนซานไท่หัวเราะเสียงดังพร้อมกับรีบถอยไปอย่างเร็วรี่ ขณะกำลังจะจากไปนั้น ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชา มองไปดูเหมือนยังนั่งขัดสมาธิอยู่บนหินผุพัง แต่พริบตาเดียวกลับมาปรากฏอยู่ตรงหน้าซานไท่ จนถึงตอนนี้ ร่างบนหินผุพังถึงเพิ่งจะค่อยๆ หายไป หมายความว่านั่นเป็นเพียงเศษเสี้ยวเงาเท่านั้น

“ในเมื่อลงมือแล้วก็อย่าเพิ่งรีบไป” ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าวบีบเข้าหาซานไท่ ก่อนชกหมัดขวาเข้าไป

เขาไม่ได้ใช้น้ำเต้าล้ำค่าหรือทวนยาว ไม่ได้ใช้ผึ้งพิษหรืออภินิหารอื่นๆ แต่ใช้เพียงร่างกายเท่านั้น ยากนักที่จะเจอผู้แข็งแกร่งระดับเจ้าปกครองโลกตอนต้น เขาอยากรู้ว่าร่างกายตนในตอนนี้มีกำลังรบเป็นอย่างไรบ้างแล้ว

“เจ้ารนหาที่ตาย!” ไขมันทั้งร่างซานไท่สั่นกระเพื่อม นัยน์ตาฉายแววเหี้ยมโหด เขาเห็นอีกฝ่ายกล้าลงมือกับตนจริงๆ หัวใจพลันเต้นระรัว แต่ไม่ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็เป็นระดับดิน เขาจึงคำรามเสียงต่ำพลางทำสัญลักษณ์สองมือแล้วสะบัดไปข้างหน้า มวลอากาศตรงหน้าฉีกแยกออก ตาข่ายมายาผืนใหญ่ตรงเข้ามาครอบซูหมิง

โครม โครม โครม

ซูหมิงก้าวเท้ายาว หนึ่งก้าวชกไปหนึ่งหมัด ตาข่ายใหญ่รับไปสามหมัดก็ระเบิดกลายเป็นกระแสปั่นป่วนม้วนถอยไป ซานไท่หน้าเปลี่ยนสี ชั่วขณะที่คำรามเสียงดังและไขมันทั่วร่างสั่นกระเพื่อม เขาหดตัวเข้าหากัน ระหว่างที่ปากพึมพำอย่างรวดเร็ว ร่างกายก็ระเบิดแสงแวววาวพร่างพราว แล้วกลายเป็นก้อนเนื้อยักษ์พุ่งชนใส่ซูหมิง

“กล้ามาเทียบแรงกายกับข้า เจ้ามันแค่ระดับดินเล็กจ้อย เดิมทีข้าว่าจะปล่อยเจ้าไปแล้ว แต่เจ้ากลับรนหาที่ตาย เช่นนั้นก็ตายซะ”

“พูดมากน่ารำคาญ!” ซูหมิงก้าวเดินพร้อมชกหมัดไปอีกครั้ง

ตูม ตูม ตูม!

สองฝ่ายปะทะติดต่อกันเกือบร้อยหมัดในเวลาสั้นๆ ร่างซานไท่ผอมลงอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายถึงเกิดเสียงระเบิด ทั้งสองคนกระเด็นถอยไปพร้อมกัน

นัยน์ตาซูหมิงเพ่งสมาธิ ลอบถอนหายใจทีหนึ่ง ร่างกายเขาตอนนี้อยู่เพียงจุดสูงสุดของระดับฟ้าเท่านั้น ยังไม่เทียบเท่ากับสุดกำลังของเจ้าปกครองโลก ยังสังหารเจ้าปกครองโลกไม่ได้และก็ยากจะกำราบ ทว่าขณะเดียวกัน หากอีกฝ่ายไม่ใช้พลังแห่งโลกก็สร้างบาดแผลให้ตนได้ยากด้วย

ถึงอย่างไรต่อให้เป็นเจ้าปกครองโลก ส่วนใหญ่แล้วจะฝึกฝนวิชาอาคม มีส่วนน้อยมากที่จะฝึกฝนร่างกายล้วนๆ

ช่วงที่ซูหมิงลอบถอนหายใจ ซานไท่มีสีหน้าราวกับเห็นภูตผีร้าย ในใจตื่นตะลึงอย่างยิ่งและยังหวาดกลัวอยู่น้อยๆ เขารู้ดีว่าต่อให้ตนไม่ใช้พลังแห่งโลก เกือบร้อยหมัดเมื่อครู่นี้ก็มากพอจะสังหารผู้ฝึกฌานที่ระดับต่ำกว่าเจ้าปกครองโลกทุกคน กระทั่งเผชิญหน้ากับเจ้าปกครองโลกด้วยกัน หากวัดกันที่ร่างกาย เขาก็จะได้เปรียบอย่างมาก

ทว่า…สู้กันมาเกือบร้อยหมัด ฝ่ายตรงข้ามแทบจะไม่เป็นอะไรเลย กลับกันร่างกายเขากลับถูกสะเทือนจนบาดเจ็บ กระทั่งสภาพจิตใจยังไม่อยู่กับร่องกับรอย

“สมกับเป็นคนที่รักษาการณ์จากสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับจริงๆ ในเมื่อเจ้ากล้ายืนอยู่ต่อหน้าข้า ข้าจะให้เจ้ารู้ว่าเจ้าปกครองโลกกับผู้ฝึกฌานฟ้าดินมนุษย์ทั้งสามระดับต่างกันอย่างไรบ้าง

ถึงต้องใช้พลังแห่งโลกสังหารเจ้ามันก็คุ้มค่า” แววตาซานไท่เผยความชั่วร้าย เห็นๆ อยู่ว่าอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว ทว่าเขากลับอ้าปากสูบพลังมาจากที่ใดไม่รู้

ครืน!

เส้นผมซานไท่ปลิวไสวรวดเร็ว ร่างกายยังแห้งเหี่ยวลง พริบตาเดียวก็กลายเป็นคนร่างผอมสูง ระลอกคลื่นแผ่กระจายจากรอบตัวอย่างรุนแรง ขณะเดียวกับที่ระเบิดกลิ่นอายพลังแก่กล้า พลังแห่งโลกก็บีบเข้ามาก่อนจะแผ่กระจายออกไปรอบๆ ตามกลิ่นอายพลังของเขา

นี่ต่างหากคือพลังแท้จริงของเจ้าปกครองโลก และก็มีเจ้าปกครองโลกที่ใช้พลังแห่งโลกได้เท่านั้น ถึงจะเรียกว่าเจ้าแห่งโลก!

เวลานี้ฟ้ากระจ่างดาวรอบๆ เหมือนกับมหาสมุทร มีคลื่นม้วนหลายชั้น พลังแห่งโลกกระจายออกไป นัยน์ตาซูหมิงเพ่งมอง แล้วจึงถอยออกจากระลอกคลื่นนั้น

“จะให้ข้าลงมือหรือไม่” เสียงชื่อหั่วโหวดังอยู่ข้างหูซูหมิง

“วิชาเงากลืนนภา หากใช้อย่างสุดกำลังจะสังหารบุคคลนี้ได้หรือไม่” ซูหมิงจ้องซานไท่พลางส่งเสียงถามไป

“ต้องดูว่าเจ้าเข้าใจมากเท่าไร เข้าใจสามส่วนทำให้บุคคลนี้บาดเจ็บ เข้าใจหกส่วนทำให้เขาบาดเจ็บสาหัส เข้าใจแปดส่วนก็สังหารได้” ซูหมิงฟังไป นัยน์ตาขยับประกายวาววับ

“หนึ่งกระบวนท่าเอาชีวิตเจ้า” เสียงซานไท่น่าสะพรึงกลัว เขายกมือขวาทำสัญลักษณ์มือชี้ไป ฉับพลันนั้นพลังแห่งโลกที่วนเวียนอยู่รอบตัวเขาก็หลั่งทะลักเข้ามา ก่อนรวมขึ้นเป็นกระดานแสงโปร่งใสตรงหน้า กระดานแสงขยับแสงวิบวับแล้วมาปรากฏอยู่ตรงซ้ายขวาหน้าหลังและบนล่างของซูหมิง รวมแล้วมากกว่าสิบแผ่น

“โลกาสังหาร!” ซานไท่สะบัดมือ กระดานแสงที่รวมจากพลังแห่งโลกสิบกว่าแผ่นและแฝงกฎบางอย่างพุ่งตรงไปหาซูหมิง ยังไม่ทันเข้าใกล้ ซูหมิงก็รู้สึกถึงแรงกดดันที่ยากจะต่อต้านอย่างยิ่ง

“วิชาเงากลืนนภา” ซูหมิงพลันหลับตาลง ยกสองมือขึ้นตบบนตัวติดกันหลายครั้ง แขนขวาแห้งเหี่ยวลงตามด้วยแขนซ้าย จากนั้นขาสองข้าง ร่างกาย รวมถึงศีรษะล้วนกลายเป็นเหมือนศพแห้ง

มีเพียงดวงตาซูหมิงที่ยังเปล่งแสงหม่น ครั้นแสงหม่นในดวงตาขยับวูบวาบติดกันหลายครั้งแล้ว ช่วงที่กระดานแสงรอบตัวบีบเข้ามา ร่างกายเขาก็เกิดเสียงสนั่น เหมือนกับคนที่อยู่ในกระจกกลายเป็นเศษนับไม่ถ้วนเมื่อกระจกแตกออก

เศษเหล่านี้พุ่งตรงไปข้างหน้า

โครม โครม โครม!

ทันทีที่กระดานแสงปะทะกับเศษเหล่านี้ก็แตกกระจาย เมื่อพลังแห่งโลกภายในถูกเศษชิ้นส่วนเหล่านี้สูบไปแล้ว เศษเหล่านี้ก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้าซานไท่ด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย แล้วพุ่งแทงเข้าสู่ร่าง

ชั่วพริบตาเดียว ซานไท่ถูกเศษชิ้นส่วนทั้งหมดแทงเข้าสู่ร่างกาย จังหวะเดียวกับที่เศษเหล่านี้ทะลวงสู่เลือดเนื้อเขา พวกมันพลันหลอมละลาย จากนั้นซานไท่ก็ร้องโหยหวนเสียงดังสุดขีด

ความทรงจำเขากำลังถูกกัดกินอย่างรวดเร็ว เลือดเนื้อกำลังหายไปอย่างเร็วรี่ พลังแห่งโลกในร่างกายถูกสูบจนเกลี้ยงในพริบตา

ตูม!

ซานไท่ร่างระเบิดออก ในเวลาเดียวกันเศษนับไม่ถ้วนก็ลอยออกจากในร่างกายเขาแล้วมารวมกันกลางฟ้ากระจ่างดาว เหมือนกับกระจกแตกผสานกันใหม่อีกครั้ง ตอนที่ผสานกันจนสมบูรณ์ก็รวมออกมาเป็นร่างกายซูหมิง

เดิมทีร่างกายเขาแห้งเหี่ยวอยู่ แต่เวลานี้ขยายออกอย่างรวดเร็ว เมื่อฟื้นคืนกลับมาในเสี้ยววินาที ในร่างกายเขาพลันมีกลิ่นอายพลังแห่งโลกส่งออกมา

‘วิชาเงากลืนนภาแกร่งจริงๆ’ ซูหมิงหลับตา สัมผัสถึงพลังโลหิตเข้มข้นในร่างกาย มันเป็นความรู้สึกที่แกร่งกว่าเมื่อก่อนอย่างชัดเจน และชวนให้เขาหลงใหล

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version