ตอนที่ 793 วงแหวนบูรพาล่าสังหาร
บนเรือชำรุดของซานไท่ที่อยู่ไม่ไกล ผู้ฝึกฌานระดับดินสิบกว่าคนบนเรือใบหน้าขาวซีด สายตาเหม่อมองภาพเมื่อครู่ พวกเขาเห็นกับตาว่าซานไท่สิ้นชีพอย่างไร การตายพิลึกพิลั่นแบบนั้น รวมถึงซูหมิงที่หลับตาอยู่ในตอนนี้ ในสายตาพวกเขากลายเป็นสิ่งที่น่าสะพรึงกลัวถึงสุดขีด
พวกเขาไม่กล้าขยับและไม่กล้าหนี เวลานี้โชคชะตาหนีจากพวกเขาไปแล้ว ไม่อยู่ในกำมือตัวเองอีก
ผ่านไปพักใหญ่ซูหมิงถึงลืมตาขึ้น นัยน์ตามีประกายวูบผ่าน
‘ข้าได้รับความทรงจำของบุคคลนี้…ซานไท่’ ซูหมิงตกอยู่ในห้วงความคิดชั่วครู่ จากนั้นยกมือขวาคว้าอากาศ ถุงเก็บวัตถุด้านล่างใบหนึ่งพลันลอยขึ้นอยู่ในมือแล้วถูกกวาดข้างใน หยิบออกมาเป็นไข่มุกสีโลหิตเม็ดหนึ่งในมือ
ไข่มุกเปล่งแสงสีแดงสว่างจ้าระหว่างสองนิ้วของซูหมิง ราวกับบอกทุกคนที่เห็นแสงนี้ว่าเขาคือผู้ถูกสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับ
‘สี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับข้า ทว่ากลับไม่บอกเหตุผล ใช้หินโลกเป็นรางวัล เป็นตายไม่ว่ากัน…..’ ซูหมิงขมวดคิ้วมองหินดาวผุพังแวบหนึ่ง
ทันใดนั้น มีแสงสีแดงสองเส้นบินจากด้านในมาลอยอยู่ตรงหน้าเขา มันคือไข่มุกสีแดงสองเม็ดเหมือนกัน และก็เป็นวัตถุจากอกเสื้อของผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสองคนที่ตายไป
‘ไข่มุกโลหิตจำแนก ในความทรงจำของซานไท่ ร้อยปีมานี้ผู้รักษาการณ์มอบให้ผู้ฝึกฌานระดับฟ้ากับเจ้าปกครองโลกแทบทั้งหมดในมากกว่าครึ่งของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตเพื่อหาตัวข้า
ดูท่าสี่มหาโลกแท้จริงคงจะวางการป้องกันอย่างแน่นหนาในแดนรกร้างแห่งนี้เพื่อตามหาข้าไว้แล้ว ขอเพียงโผล่หน้าไปก็จะถูกพบทันที ไม่ว่าจะเปลี่ยนใบหน้าหรือไม่ก็ตาม’ ซูหมิงก้มหน้ามองไข่มุกในมือ นัยน์ตาเต็มไปด้วยประกายเย็นชาและจิตสังหาร
‘ไม่อยากเชื่อว่าสี่มหาโลกแท้จริงจะสร้างไข่มุกนี้เพื่อตามหาข้า…ทว่าที่พวกเขาประกาศจับข้าจุดนี้ข้าคิดเอาไว้อยู่แล้ว ถึงอย่างไร…การเปลี่ยนแปลงของดาวแดงเพลิงก็มีความสำคัญกับพวกเขามากพอ’ ซูหมิงยิ้มมุมปากเย็นชา
“บางทีข้าอาจบอกเจ้าได้ว่าพวกเขากำหนดเจ้าเป็นเป้าหมายได้อย่างไร”
เสียงชื่อหั่วโหวแว่วมาข้างหูซูหมิง เขาเดินออกมาหนึ่งก้าวจากหินผุพังไกลออกไป
เขาหัวโล้น ร่างกายกำยำอย่างยิ่ง สวมเสื้อคลุมยาวตัวใหญ่ ทำให้เหมือนมีเอกลักษณ์เฉพาะพิลึกอย่างยิ่งบางอย่าง โดยเฉพาะรอยสักบนศีรษะล้าน ยิ่งเสริมให้มีความน่าเกรงขามโดยธรรมชาติ
เขามายืนอยู่ข้างซูหมิงแล้วใช้มือขวาหยิบไข่มุกขึ้นมาหนึ่งเม็ด นัยน์ตาเปล่งแสงหม่นขณะบีบมันอย่างเบามือ ไข่มุกแตกออกทันที วินาทีที่มันแตกก็มีหมอกโลหิตลอยขึ้นมา
ภายในหมอกโลหิตค่อยๆ ปรากฏภาพเลือนรางหลายภาพ ภาพเหล่านั้นขยับวูบวาบว่องไว สะท้อนเข้าสู่สายตาซูหมิง
ภาพแรกคือพื้นดินดาวแดงเพลิง ปรากฏหลุมยักษ์แห่งหนึ่ง ภายในหลุมอัดแน่นไปด้วยโลหิต
ภาพที่สองคือชายชราสวมเสื้อคลุมยาวสีเทา ตรงระหว่างคิ้วพลันเกิดรอยจันทร์เสี้ยวเหมือนดวงตาที่สาม ด้านหลังเขามีคนที่แผ่กระจายพลังแห่งโลกหลายสิบคน ด้านหลังไปอีกเป็นกองทัพหลายหมื่นคนเชื่อมกับฟ้าดิน
ตรงหน้าพวกเขามีหญิงชราคุกเข่าอยู่คนหนึ่ง
หญิงชราคนนี้ก็คือ เหมยหลัน
ในภาพที่สาม ชายชราเสื้อคลุมเทายืนอยู่บนยอดเขา ยอดเขานี้คือยอดเขาลำดับเก้าที่ซูหมิงสร้างขึ้น มันดูเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา ทั้งยังมีร่างคนนับไม่ถ้วนวูบวาบไปมา สุดท้ายมีร่างคนหนึ่งชัดเจนขึ้น กลายเป็นรูปร่างซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนยอดเขา
ภาพที่สี่ ชายชราใช้มือขวากดศีรษะหญิงชรา มวลอากาศด้านหลังนางบิดเบี้ยว แล้วค่อยๆ ปรากฏรูปร่างของซูหมิง
ภาพที่สี่นี้หายไปในพริบตา หมอกโลหิตตรงหน้าซูหมิงก็กระจายหายไปในที่สุด
“ใช้ความทรงจำคนอื่นตามหารูปลักษณ์ของเจ้า ใช้ความทรงจำของพื้นดินภูเขาและแม่น้ำมายืนยันกลิ่นอายพลังเจ้า เมื่อรวมเข้าด้วยกันจะเป็นการตั้งเป้าหมายสู่เจ้า
บวกกับใช้โลหิตที่เก็บมาโดยวิธีการพิเศษ เมื่อหลอมรวมกับกลิ่นอายพลังและรูปลักษณ์เจ้าแล้ว จะสร้างเป็นไข่มุกแบบนี้ขึ้น ขอเพียงอยู่ในพื้นที่การตอบสนอง ไม่ว่าเจ้าจะแปลงเป็นอะไรก็ตรวจพบ นี่คือกลอุบายของผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติจันทรา
การเปลี่ยนแปลงของดาวแดงเพลิงทำให้ผู้ฝึกฌานระดับภัยพิบัติจันทราลงมือ ดูแล้วสี่มหาโลกแท้จริงคงจะตื่นตกใจกันน่าดู เฮอะๆ พวกเขาไม่ได้ตกใจที่ข้าหนีออกจากผนึก แต่ตกใจที่ข้าหนีออกมาอย่างไรต่างหาก
โดยเฉพาะเจ้าที่เคยปลดผนึกของสัตว์ร้ายบนดาวแดงเพลิง ฉะนั้นพวกเขาเลยสนใจเจ้า ที่พวกเขากลัวไม่ใช่ข้า แต่กลัวว่า…เจ้าจะปลดผนึกของดาวแท้จริงอีกดวงหนึ่ง
ตอนนั้นข้าเคลื่อนย้ายแดนผนึกจากมา และเจ้ายังซ่อนตัวอีกร้อยปี ดังนั้นพวกเขาจึงยังหาเบาะแสเกี่ยวกับเจ้าไม่พบ ทว่าตอนนี้เจ้าปรากฏตัวแล้ว ด้วยความเข้าใจในขั้นภัยพิบัติจันทราของข้า ไข่มุกนี้ไม่ได้ใช้เพียงตรวจสอบอย่างแน่นอน
หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้ในเขตฟ้ากระจ่างดาวของรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงคงตรวจพบเจ้าแล้ว อีกทั้ง…ในระยะใกล้ๆ นี้ ข้าเดาว่าผู้ฝึกฌานที่มีไข่มุกชนิดนี้ทั้งหมดคงจะรู้ตำแหน่งเจ้าแล้วเช่นกัน!” ชื่อหั่วโหวกล่าวเสียงต่ำ
ซูหมิงจ้องไข่มุกในมือ เงียบงันอยู่ครู่หนึ่งนัยน์ตาก็เต็มไปด้วยจิตสังหาร ก่อนจะยิ้มเยาะ
“อย่าคิดว่าโชคดีไป สี่มหาโลกแท้จริงไม่สนว่าเจ้าจะเป็นหรือตาย พวกเขาต้องการอย่างเดียว ถึงเป็นศพเจ้า พวกเขาก็มีวิธีรู้เบื้องหลังของเจ้าได้” ชื่อหั่วโหวกล่าวเนิบช้า
“คิดจะสังหารแซ่ซูก็ต้องจ่ายสิ่งแลกเปลี่ยน” ซูหมิงหมุนตัวกลับ เกราะแขนขวาพลันหลอมละลายปกคลุมทั่วร่าง ขณะเดียวกันกระเรียนขนร่วงก็บินออกมาจากหินผุพัง เห็นได้ชัดว่าซูหมิงเรียกมัน พอบินมาแล้วก็เข้าไปในถุงเก็บวัตถุ
เวลานี้ซูหมิงอาบไปด้วยแสงสีแดงฉาน ค่อยๆ กลายเป็นโลงศพสีแดง บนโลงศพมีอักขระจำนวนมากขยับเว้านูนและแผ่กลิ่นอายโบราณ
“ไป!” เสียงซูหมิงแว่วมาจากในโลงศพ ชื่อหั่วโหวเดินหน้าหนึ่งก้าวแล้วหายวับไป กลายเป็นรอยสักบนศีรษะประทับบนโลงศพ ทำให้โลงศพสีแดงเต็มไปด้วยความประหลาด
โลงศพหมุนเปลี่ยนทิศทางแล้วมุ่งหน้าไปยังผืนฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ
“ซูหมิง ข้าควบคุมทิศทางเอง พวกเราต้องไปยังส่วนลึกของแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ที่นั่นมีดาวบรรพกาลจำนวนมาก และก็มีสิ่งมีชีวิตที่เป็นร่างแยกของเจ้าได้…”
ชื่อหั่วโหวเอ่ยเสียงดังก้อง ค่อยๆ เลือนหายไป
กลางผืนฟ้าดวงดาว หลังจากซานไท่ตายลง พอสิบกว่าคนบนเรือลำนั้นเห็นซูหมิงจากไปไกลแล้วก็ถอนหายใจโล่งอกทันที ต่างพากันตื่นตระหนกและยังรู้สึกหวาดกลัวกับเหตุการณ์เมื่อครู่ ขณะกำลังจะควบคุมเรือจากไปอย่างระมัดระวังนั้นกลับมีกลิ่นอายพลังแก่กล้าลงมาเยือน
ครืด!
ฟ้าถูกฉีกออกเป็นรอยแยก มีบุคคลหนึ่งเดินออกมาจากภายใน แต่งตัวคล้ายคนป่า เส้นผมยาว อาภรณ์ขาดวิ่น แต่มีกลิ่นอายพลังแก่กล้าอบอวลอยู่ในตัว
“เป็นที่นี่ ผู้ถูกรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับคนนั้นหนีไปเร็วมากจริงๆ” ในมือชายร่างกำยำมีไข่มุกสีโลหิตอยู่ บนไข่มุกเปล่งแสงสว่างพร่างพราว
ในเวลาเดียวกัน ภายในฟ้ากระจ่างดาวเกือบครึ่งรอบๆ บริเวณที่ซูหมิงประมือกับซานไท่ ช่วงที่ซูหมิงเผยกลิ่นอายพลัง กลางฟ้ากระจ่างดาวก็ดี บนดาวแท้จริงก็ดี ไม่ว่าผู้ฝึกฌานกำลังทำสิ่งใดอยู่ ขอเพียงอยู่เหนือกว่าระดับฟ้า ไข่มุกโลหิตที่สี่มหาโลกแท้จริงมอบให้มาหนึ่งร้อยปีนี้และเก็บไว้ติดตัวทุกคนจะส่องแสงโลหิตสว่างจ้าเป็นครั้งแรก
ในเวลาเดียวกัน ยังมีดวงจิตชัดเจนส่งมาจากในไข่มุกทุกเม็ด ดวงจิตนี้เป็นเสมือนตัวนำทาง ทำให้ผู้ถือไข่มุกโลหิตรู้ถึงตำแหน่งของซูหมิง
“สังหารคนผู้นี้แล้วเก็บวิญญาณใส่ไข่มุกโลหิต รางวัลคือหินโลกสามก้อน!”
ภายในดวงจิตมีเสียงแก่ชราเช่นนี้ด้วย เสียงนี้อาศัยไข่มุกโลหิตกล่าวขึ้นพร้อมกัน เสียงดังกึกก้องอยู่ข้างหูผู้ฝึกฌานที่ถือไข่มุกโลหิตทั้งหมดเกือบครึ่งฟ้า
“รางวัลร้อยปีก่อนคือหินโลกก้อนเดียว ไม่อยากเชื่อว่าตอนนี้เป็นสามแล้ว ต้องสังหารมัน!”
“หินโลกสามก้อน มันมากพอจะให้ข้าใช้พลังแห่งโลกตามอำเภอใจได้หลายครั้ง อีกทั้งยังไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องฟื้นฟูพลัง งานครั้งนี้คุ้มค่า!”
“ถูกสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับได้ ถึงเรื่องนี้จะไม่ได้พบเห็นยากนัก ทว่าหมื่นปีมานี้ก็เกิดขึ้นเพียงครั้งนั้นเท่านั้น ข้าควรร่วมสนุกครั้งนี้ด้วย”
บนดาวแท้จริงจำนวนมาก เพราะดวงจิตของไข่มุกตื่นตัวขึ้นมา จึงมีสายรุ้งยาวพากันบินออกจากดาวของตัวเอง ก่อนมุ่งหน้าไปตามการตอบสนอง
ระหว่างนั้นเอง กลางแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต ภายในเขตฟ้ากระจ่างดาวของรักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริง ดาวอินสิบเก้าดวงที่ลอยอยู่กลางฟ้านั้น มีดวงหนึ่งขยับแสงวิบวับ
แสงวิบวับส่องสว่างไปรอบๆ ทั้งยังกระจายระลอกคลื่น ทำให้รักษาการณ์สี่มหาโลกแท้จริงทั้งหมดสัมผัสถึง
“ผู้ถูกประกาศจับระดับสี่ดาว ต้นเหตุการเปลี่ยนแปลงแห่งดาวแดงเพลิง สงสัยว่าจะเป็นเผ่าประหลาดและมีพลังปลดผนึก ปรากฏตัวทางเขตตะวันออกเฉียงใต้ของฟ้ากระจ่างดาววงแหวนบูรพา…ผู้ถูกประกาศจับผู้นี้ให้จับเป็นก่อน หากจับเป็นไม่ได้ให้สังหาร” เสียงเย็นชาไร้ปรานีดังกังวานอยู่ในผืนฟ้าของรักษาการณ์จากสี่มหาโลกแท้จริง
ครู่ต่อมา กลางฟ้ากระจ่างดาวมีระลอกคลื่นผ่านมา กระบี่ยาวทองสัมฤทธิ์โบราณยาวหมื่นจั้งปรากฏขึ้น ด้านบนมีนักรบสวมเกราะยืนอยู่หลายพันคน ตรงปลายกระบี่มีสามคนนั่งฌานอยู่
หลังจากกระบี่ยาวโบราณเล่มนี้บินไกลออกไป ก็มีกระบี่ใหญ่ทองสัมฤทธิ์แบบเดียวกันอีกเจ็ดเล่มขยับวูบวาบอยู่กลางฟ้า ทะลวงผ่านเขตแดนรกร้างไปตามกลิ่นอายพลังของซูหมิง
ทั้งฟ้าของวงแหวนบูรพา ตอนนี้มีสายรุ้งยาวอยู่ทุกจุด สายรุ้งเหล่านั้นห้อเหยียดไปในทางเดียวกันด้วยความเร็วทั้งหมด ทั้งยังมีของวิเศษเดินทางจำนวนมากอยู่รอบๆ มาจากที่ต่างกันแต่มุ่งหน้าไปจุดเดียวกัน
กลางผืนฟ้าดวงดาว โลงศพสีแดงของซูหมิงกำลังมุ่งหน้าไป อักขระบนโลงศพขยับแสงวิบวับ มีจิตสังหารเย็นเยียบแผ่มาจากในโลงศพช้าๆ และวนเวียนอยู่รอบๆ
“ซูหมิง รอบตัวพวกเราตอนนี้มีกลิ่นอายพลังเจ้าปกครองโลกหกคนและผู้ฝึกฌานระดับฟ้าสามสิบกว่าคนกำลังตามมา คนพวกนี้อยู่ใกล้ที่สุด ด้านหลังยังมีมากกว่าอีก” เสียงชื่อหั่วโหวดังในจิตใจซูหมิง
“ดาวแท้จริงที่ใกล้ที่สุดอยู่ไกลเท่าไร?” ซูหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงกล่าวอย่างเย็นชา
“ประมาณสามชั่วยามตรงหน้าเป็นดาวแท้จริงที่ใกล้ที่สุด”