ตอนที่ 829 ร่างแยกเอ้อชาง 1
เวลาผ่านไปพริบตาเดียวก็หนึ่งร้อยแปดสิบปี!
ภายในเวลาเกือบสองร้อยปีมานี้ สำหรับคนธรรมดาแล้วคือสองกว่าชีวิตคน ฟุ่มเฟือยจนไม่อาจจินตนาการ ทว่าสำหรับผู้ฝึกฌาน เวลาเท่านี้ บางทีการปิดด่านที่กายและใจตกอยู่ในห้วงสมาธิหนึ่งครั้งก็ผ่านไปเองแล้ว
ซูหมิงมาถึงแดนประหลาดวงแหวนบูรพาสามร้อยปีแล้ว ในเวลาสามร้อยกว่าปีนี้ ชื่อหั่วโหวยังคงหลับใหล กลายเป็นตราประทับอยู่บนแขน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะแดนประหลาดหรือไม่ สรุปคือเขายังหลับอยู่
ตอนนั้นซูหมิงเคยสงสัยจุดนี้มาก่อน ว่าเหตุใดชื่อหั่วโหวถึงมาที่นี่กับเขาได้ แต่กลับไม่ได้แผ่นศิลา ขบคิดอยู่นานก็ยังไม่เข้าใจ เลยไม่ได้ใคร่ครวญต่อ
และยังมีกระเรียนขนร่วง มันออกจากถุงเก็บวัตถุไม่ได้ ซูหมิงเคยลองหลายครั้งแล้ว ก็พบว่ามีเพียงในโลกแผ่นศิลาเท่านั้นกระเรียนขนร่วงถึงจะออกมาได้ แต่หากกลับมายังแดนศิลาหนึ่งแสนอันจะเหมือนกับผนึกอย่างหนึ่ง กระทั่งกระเรียนขนร่วงยังทำลายไม่ได้
บางทีมันอาจไม่ใช่ผนึก แต่เป็นส่วนหนึ่งของกฏที่นี่
ดีที่ซูหมิงเคยลองในทะเลสีทองครั้งหนึ่ง กระเรียนขนร่วง…ปรากฏตัวออกมาได้ หลังรับปากเรื่องหินผลึกจำนวนมาก มันก็ตบหน้าอกด้วยความตื่นเต้นและตอบตกลงแผนการซูหมิง ทำให้แผนการของเขาสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น
หลังจากยึดร่างล้มเหลวในครั้งแรก ซูหมิงก็มาถึงขั้นดันทุรังแล้ว หลังจากนั้นมา เขาทำให้แผ่นศิลาสูงถึงเก้าหมื่นกว่าจั้งเจ็ดครั้ง และเข้าไปในดาวแท้จริงทะเลสีทองเจ็ดครั้ง
ยึดร่างทุกครั้งจะล้มเหลว ต้องเผชิญหน้ากับการสังหารด้วยความโกรธและคลุ้มคลั่งของต้นไม้ใหญ่สีทองหลายต่อหลายครั้ง ทว่ามีกฏของซุ่ยเฉินจื่ออยู่ จึงทำให้พลังการสังหารหลายร้อยหลายพันครั้งถูกเปลี่ยนเป็นกาลเวลาย้อนกลับ ฉะนั้นต่อให้ซูหมิงแพ้ก็ไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต
ลองมาเจ็ดครั้ง ในนั้นมีอยู่ครั้งหนึ่งที่สั้นที่สุด ถูกอีกฝ่ายตรวจสอบว่าตนจะยึดร่างได้ในพริบตา จากนั้นก็ล้มเหลว แต่ครั้งที่นานที่สุดคือเก้าลมหายใจ
นี่ทำให้การคาดเดาของเขาเกิดความผิดพลาด เขาไม่แน่ใจว่าอีกฝ่ายรู้ว่าตนจะยึดร่างได้อย่างไร ถึงเกิดการคลาดเคลื่อนเช่นนี้ ระหว่างหนึ่งลมหายใจกับเก้าลมหายใจเหมือนไม่นาน ทว่าหลายลมหายใจนี้คือจุดสำคัญของความเป็นตาย ด้วยความแกร่งของอีกฝ่าย ไม่น่าจะเกิดความไม่เสถียรเช่นนี้
เรื่องนี้กลายเป็นจุดสำคัญที่รบกวนใจซูหมิง เขาต้องการเวลา ต้องมีเวลามากพอจึงจะยึดร่างสำเร็จ กระทั่งเขายังเคยคาดเดาว่าต้องใช้เวลาเกือบเก้าร้อยลมหายใจถึงจะสำเร็จได้
ขอเพียงเก้าร้อยลมหายใจนี้ไม่ถูกขัด เขามีความมั่นใจว่าหลังจากใช้วิญญาณครอบคลุมเส้นใยทั้งหมดแล้ว ด้วยพรสวรรค์ของเผ่ายมโลก เขาจะมีโอกาสสำเร็จกว่าผู้ยึดร่างคนอื่นๆ
เพราะการยึดร่างของคนอื่นจะยึดร่างจริงของต้นไม้ใหญ่ แต่เขาต่างออกไป การยึดร่างของเผ่ายมโลกจะต่างกับคนอื่นโดยสิ้นเชิง กระทั่งไม่ถือว่าเป็นการยึดร่างแล้ว แต่เป็นการเกิดใหม่!
ในร่างต้นไม้ใหญ่สีทอง แก่นสำคัญและชีวิตกับพลังงานทุกอย่างจะรวมออกมาอีกครั้งเป็นหนึ่งร่างกาย ร่างกายนี้เท่ากับการเกิดใหม่ และจะเป็นร่างแยกของซูหมิง
นี่คือการยึดร่างถือเกิดใหม่จากในสู่นอก เทียบกับการยึดร่างของคนอื่นจากนอกสู่ในแล้ว โอกาสสำเร็จของซูหมิงย่อมมีมากกว่า เหมือนกับแมลงที่นอนอยู่บนผิวหนังแล้วหมายจะมุดเข้าไปในร่างกาย มันจะถูกบี้ตายโดยง่าย ทว่าหากอยู่ในร่างกายก็ยากจะสังหารมัน
‘เพราะเหตุใดกันแน่ อีกฝ่ายถึงสังเกตเห็นว่าข้าจะยึดร่างในช่วงเวลาต่างกัน…’ นี่คือคำถามที่วนเวียนในหัวเขามาหนึ่งร้อยแปดสิบปี หากไม่ไขคำถามนี้ ต่อให้แผนการยึดร่างสำเร็จไปมากกว่าครึ่งแล้ว ก็ยังไม่มีทางได้เวลาถึงเก้าร้อยลมหายใจ
จนกระทั่งผ่านไปอีกหกสิบปี ตอนที่ซูหมิงยึดร่างครั้งที่เก้า ในที่สุดเขาก็เจอจุดสำคัญ การยึดร่างครั้งนี้ได้เวลามาถึงสิบห้าลมหายใจ!
ไม่เคยมีเวลาสิบห้าลมหายใจมาก่อน จุดสำคัญอยู่ที่หลังจากซูหมิงล้มเหลวครั้งที่เก้า เขาเห็นแผ่นศิลาของสิบสี่คนรอบๆ เพิ่มจากเก้าหมื่นกว่าจั้งกลายเป็นหลายพันจั้ง
นั่นหมายความว่าหากนับรวมเขาไปด้วย จะมีทั้งหมดสิบห้าคนที่ก่อนหน้านี้เข้าไปทดสอบแผ่นศิลาหนึ่งแสนจั้ง
การค้นพบครั้งนี้ทำให้เขาตื่นเต้น จากนั้นเขาก็ลองอีกครั้ง จนกระทั่งผ่านไปอีกสามร้อยหกสิบปีเต็ม เขาก็มั่นใจแล้วว่าเวลาที่อีกฝ่ายจะสังเกตเห็นตนตอนยึดร่างมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากกับจำนวนคนที่เข้าทดสอบก่อนหน้านั้น
เมื่อมั่นใจแล้ว หลังจากซูหมิงทำให้แผ่นศิลาสูงถึงเก้าหมื่นกว่าจั้งอีกครั้ง เขาไม่ได้เลือกรับการทดสอบและยึดร่างทันที แต่เฝ้ารอ
รออย่างเงียบๆ รอโอกาสที่ดีที่สุด รอโอกาสที่มีคนมากที่สุดทำการทดสอบ
เวลาค่อยๆ ผ่านไป หนึ่งปี สองปี…เขารอมาห้าสิบปี รอมาหนึ่งร้อยปี ความดื้อรั้นนั้นสุดจะบรรยาย เขานั่งขัดสมาธิอยู่หน้าแผ่นศิลา ยอมทิ้งโอกาสฝึกฝนเพื่อรอเรื่อยๆ
เขารอจนมีสิบเจ็ดคนเข้าทดสอบติดต่อกัน รอจนมีสิบเก้าคน ยี่สิบเอ็ดคน ทว่าเขาไม่สนใจ เขาไม่เชื่อว่าในแสนคนนี้จะไม่มีสักครั้งที่รับการทดสอบพร้อมกันเกินร้อยคน
จนกระทั่งเวลาผ่านไป เขารอมาแล้วสามร้อยปี บวกกับเวลาก่อนหน้านี้ เขาถูกขังอยู่ที่นี่มานานเจ็ดร้อยปีแล้ว
ในเวลาเจ็ดร้อยปีคือความเป็นความตายของคนหลายยุคสมัย เส้นผมซูหมิงยาว ร่างกายซูบผอม ดวงตาแฝงไว้ด้วยความบ้าคลั่ง จิตใจแน่วแน่ประหนึ่งบีบรัดรวมเป็นเส้นหนึ่ง
เขาในตอนนี้ต่างกับตอนเพิ่งเข้ามาที่นี่เมื่อเจ็ดร้อยปีก่อนอย่างชัดเจน ร่างกายมีกลิ่นอายแก่ชราและผ่านโลกมานานมากขึ้น มีความบ้าคลั่งเพิ่มขึ้น กระทั่งคนที่มาแดนประหลาดเมื่อไม่กี่ปีมานี้ หลังจากไข่มุกโลหิตหมดประสิทธิภาพ ก็หาร่องรอยจากซูหมิงไม่พบแม้แต่น้อย
เพราะเขาในตอนนี้ มองจากภายนอกไม่ต่างอะไรกับพวกคนที่ไม่รู้ว่าถูกขังอยู่ที่นี่มานานเท่าไร ทว่าในใจเขากลับมีเปลวเพลิงกลุ่มหนึ่งกำลังลุกโชติช่วง กำลังระงับความบ้าคลั่ง กำลังรอคอยวันหนึ่ง…ที่จะระเบิดขึ้น
วันนี้ซูหมิงรอมาอีกเกือบร้อยปีแล้ว จนกระทั่งอยู่ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพามาเกือบแปดร้อยปี ในที่สุดมันก็เกิดขึ้น!
มีแผ่นศิลาหนึ่งร้อยยี่สิบสี่คนสูงถึงเก้าหมื่นกว่าจั้งในเวลาอันสั้น ถึงจะไม่ใช่พร้อมกัน แต่ก็รับการทดสอบต่อกันไปเรื่อยๆ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคนทดสอบเกินร้อยหลังจากรอมาสี่ร้อยปี
บางทีนี่อาจไม่ใช่ครั้งที่มากที่สุด บางทีอาจต้องรอต่อไป ในพันปีหมื่นปีกระทั่งนานกว่านั้นอาจจะมีคนมากกว่านี้ก็ได้ ทว่าบางที…หลังจากผ่านไปนานก็อาจไม่เกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีกเลย
ดังนั้นวินาทีที่มีคนหนึ่งร้อยยี่สิบสี่คนรับการทดสอบ ซูหมิงที่นั่งฌานนิ่งสงบมาสี่ร้อยปี ดวงตามัวหมองพลันเปล่งประกาย เปลวเพลิงแห่งชีวิตที่ระงับมาสี่ร้อยปีปะทุขึ้นในตอนนี้
‘ครั้งนี้แหละ หากยังล้มเหลวอีก โอกาสสำเร็จข้าก็อาจจะเลือนรางนัก ครั้งนี้…คือความหวังมากที่สุด และมีโอกาสสำเร็จมากที่สุด!’
ซูหมิงพลันเงยหน้า แม้เงาซ้อนอักขระในดวงตาขวาจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงมาสี่ร้อยปี ทว่าระหว่างหลายครั้งก่อนหน้านี้ก็มีถึงหมื่นตัวแล้ว อีกทั้งเขายังพบว่าเมื่ออักขระถึงหมื่นจะเพิ่มจำนวนอักขระไม่ได้อีก
นี่ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่เขาเลือกรอมาสี่ร้อยปี
ตอนนี้ หลังจากเงาซ้อนอักขระในดวงตาขวาขยับวูบวาบ แผ่นศิลาเก้าหมื่นแปดพันจั้งเมื่อสี่ร้อยปีก่อนพลันเกิดน้ำวนขึ้น มันหมุนโคจรอย่างรวดเร็ว จากนั้นร่างกายเขาก็พลันเลือนราง
ตอนที่ทุกอย่างตรงหน้าชัดเจนอีกครั้ง เขามาอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวทะเลสีทองอีกครา ผ่านมาสี่ร้อยปี เขาที่มาถึงที่นี่อีกครั้งดวงตาเปล่งประกาย ในประกายแฝงไว้ด้วยความมุ่งมั่นในการต่อสู้ ความบ้าคลั่ง และมีการปะทุหลังอดกลั้นมาสี่ร้อยปี
ซูหมิงใช้ความเร็วสูงสุดทะลวงผ่านทะเลสีทองที่ทำเขาอยู่ในสภาพย่ำแย่ในตอนนั้นโดยใช้เวลาเพียงหนึ่งก้านธูป หลังอักขระหลายพันสลายไปก็พุ่งออกจากชั้นบรรยากาศของดาวแท้จริง แล้วมาอยู่บนน่านฟ้าดาวอีกครั้ง
เขาเจอกับร่างเงาคนคุ้นเคยนับไม่ถ้วน เจอกิ่งไม้ตวัดทะลวงอากาศเข้ามาแต่ไกล นัยน์ตาซูหมิงขยับประกายเด่นชัด วินาทีที่กิ่งไม้ปะทะกับร่าง วิญญาณเขา…ก็หลุดออกมา
ในเวลาเดียวกัน กระเรียนขนร่วงยังส่งเสียงแหลมลากยาว บินออกมาจากถุงเก็บวัตถุ แล้วตรงไปยังวิญญาณซูหมิง กระเรียนขนร่วงเป็นร่างมายา ไม่มีร่างจริง ตอนนั้นหลังจากซูหมิงลองอยู่ในโลกแผ่นศิลาหลายครั้ง เขาก็พบว่าวิญญาณตนบรรจุกระเรียนขนร่วงเอาไว้ได้
วิญญาณซูหมิงห่อหุ้มกระเรียนขนร่วงเอาไว้พลางต่อต้านกับพลังย้อนเวลา หลังจากปะทะกับกิ่งไม้แล้ว เขาก็ใช้ความเร็วสูงสุดและแกร่งที่สุด ทำให้วิญญาณของตนกระจายออกไปด้วยความชำนาญ พริบตาเดียวก็ปกคลุมเส้นใยสีทองในพื้นที่เล็กๆ และทำให้เส้นใยที่ถูกปกคลุมกลายเป็นสีดำ
เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ ซูหมิงร้องคำรามในใจ เขาไม่อยากล้มเหลวอีกครั้ง เขาต้องทำสำเร็จ!
‘เร็ว เร็ว เร็ว!’ ซูหมิงตะโกนในใจ วิญญาณเขาแผ่ขยายออกอย่างรวดเร็ว ช่วงลมหายใจที่ยี่สิบ เขาครอบครองพื้นที่เส้นใยไปเกือบสามส่วนในร้อยแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่เขาครองพื้นที่มากที่สุด พรวดเดียวก็เกินขีดจำกัดก่อนหน้านี้ เมื่อเวลาผ่านไป ครั้นซูหมิงร้องตะโกนในใจ ช่วงลมหายใจที่สี่สิบมาถึง ต้นไม้ใหญ่สีทองก็ยังไม่สังเกตเห็นดวงจิตของเขา ตอนนี้เขากินพื้นที่เส้นใยไปเจ็ดส่วนในร้อยแล้ว!
หกสิบลมหายใจ แปดสิบลมหายใจ…ตอนที่ถึงร้อยลมหายใจ วิญญาณซูหมิงสังเกตเห็นว่าโลกเส้นใยสีทองเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น วิญญาณเขาครองพื้นที่เส้นใยไปสิบในร้อยแล้ว!
นี่ไม่ใช่เพียงความสำเร็จอย่างไม่เคยมีมาก่อนของเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นจุดสูงสุดที่ไม่ถึงสิบคนจากหลายพันคนซึ่งจะยึดร่างต้นไม้สีทองไปถึงได้
ยังไม่ถึงยี่สิบกว่าลมหายใจ!
ยี่สิบลมหายใจต่อมา วินาทีที่วิญญาณซูหมิงครองพื้นที่เส้นใยสิบสี่ส่วนในร้อย ซูหมิงหยุดเคลื่อนไหว แต่ตะโกนเสียงต่ำในใจ กลายเป็นเสียงวิญญาณดังกังวาน
“เจ้าขนร่วง!”
แทบเป็นวินาทีที่วิญญาณซูหมิงเอ่ย กระเรียนขนร่วงที่อยู่ในร่างวิญญาณก็ส่งเสียงคำรามเล็กแหลม
“เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยนให้ท่านกระเรียนผู้นี้นะ!” กระเรียนขนร่วงรู้แผนของซูหมิงนานแล้ว ซูหมิงบอกมันในโลกแผ่นศิลา และมันยังรู้อีกว่าครั้งนี้สำคัญกับเขายิ่งนัก โดยเฉพาะเมื่อซูหมิงรับปากเรื่องหินผลึกจำนวนมากแล้ว จึงทำให้มันตื่นเต้นและไม่ยอมเสียหินผลึกไปเพราะล้มเหลว ฉะนั้นจึงออกแรงมากกว่าตอนหลอมรวมเข้ากับวงแหวนอาคมผนึกจิตเสียอีก
กระเรียนขนร่วงคำรามเสียงต่ำ เส้นใยที่ซูหมิงครองพื้นที่พลันถูกระลอกคลื่นปกคลุม เมื่อระลอกคลื่นผ่านไป จากเส้นใยสีดำก็เปลี่ยนเป็นสีทอง และไม่มีกลิ่นอายพลังของซูหมิงอีก ดูไปเหมือนกับยังไม่ได้ยึดร่าง
เวลานี้เอง เสียงคำรามด้วยความบ้าคลั่งและโกรธเกรี้ยวแว่วมาจากในต้นไม้ใหญ่
“สมควรตาย เจ้ามาอีกแล้ว จะ….เจ้า….หืม?”