Skip to content

สู่วิถีอสุรา 873

ตอนที่ 873 ยุคสมัยที่เหล่าเทพตกต่ำ

เทวรูปสุริยันถล่มลง นี่เป็นเรื่องที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ตระกูลอวี้ เมื่อก่อนคนในตระกูลรวมถึงผู้มาเยือนที่บุกสามสามวิถีสวรรค์ส่วนใหญ่จะนุ่มนวล ทว่าครั้งนี้…กลับรุนแรงถึงสุดขีด

เสียงระเบิดดังสนั่น เศษชิ้นส่วนนับไม่ถ้วนกระเด็นไปรอบๆ จากบนฟ้า ประหนึ่งท้องฟ้าพังพินาศ เศษเหล่านั้นมาพร้อมแรงปะทะรุนแรง จุดที่ผ่านเมฆลมจะเปลี่ยนสี กระทั่งมีหอของตระกูลอวี้ไม่น้อยถูกเศษเหล่านี้ปะทะใส่จนพากันถล่มลง

เสียงสนั่นกึกก้อง สั่นสะเทือนรอบๆ ไปหลายหมื่นลี้ ทำให้คนตระกูลอวี้ใจสั่นไหว และยังทำให้คนในตระกูลอีกไม่น้อยที่ไม่ได้มาที่นี่หน้าเปลี่ยนสี พากันห้อเหยียดตรงมา

ภาพเหตุการณ์นี้เหมือนกับมีศัตรูแกร่งกล้าบุกตระกูลอวี้ มีเสียงคำรามแหลมเล็กแว่วมาจากในตระกูลอวี้อย่างรวดเร็ว ม่านแสงโผล่ขึ้นจำนวนมาก นี่คือสัญญาณการเปิดยอดวงแหวนอาคมคุ้มกันของตระกูลอวี้

หลังจากร่างคนนับไม่ถ้วนห้อเหยียดมา รอบๆ ภูเขาวิถีเต๋าปรากฏคนเกือบหมื่นอย่างรวดเร็ว พวกเขาคือคนในตระกูลมากกว่าครึ่งที่อยู่ในตระกูลอวี้ เมื่อทอดสายตามองไป ท้องฟ้ารอบด้านยังมีร่างคนอีกไม่น้อยกำลังทยอยกันมา

อวี้เฉินไห่เหม่อมองเทวรูปสุริยันที่พังลงกลางอากาศ เขาเหมือนลืมหายใจ ความคิดขาวโพลน หน้ายังเปลี่ยนสีอย่างรวดเร็ว กระทั่งไม่รู้ว่าตนเองกำลังคิดอะไรอยู่

คนในตระกูลรอบด้านล้วนมีสีหน้าตื่นตะลึง

เมื่อคนมาเยอะขึ้นเรื่อยๆ หลังจากอวี้เฉินไห่เห็นว่าในกลุ่มคนมีสี่คนที่อายุไล่เลี่ยกับเขาและมีขั้นพลังเหมือนกันมาจากทิศทางต่างกันแล้ว นัยน์ตาเขาฉายแววเย็นชา สีหน้าพลอยทะมึนตาม

สี่คนนี้คือผู้แข่งขันงานประมูลกับเขาครั้งนี้ เขาต้องเหนือกว่าคนพวกนี้ถึงจะได้รับความสนใจจากตระกูล

การมาถึงของสี่คนนี้เสริมจิตใจอวี้เฉินไห่ให้แกร่งขึ้นทันใด จิตใจที่พังทลายในตอนแรกเหมือนสงบลงทันควัน เขารู้ว่าไม่ว่าอย่างไรตนก็ต้องยืนอยู่ฝั่งซูหมิง ยิ่งซูหมิงแกร่งมากเท่าไร เขาจะยิ่งได้ประโยชน์มากเท่านั้น นี่คือโอกาสจากสวรรค์ให้ผงาดขึ้นในตระกูล!

ขณะเดียวกับที่เทวรูปสุริยันพังทลายลงและสั่นสะเทือนไปทั้งตระกูลอวี้ กลางสามวิถีสวรรค์ด่านสอง ฝ่ามือยักษ์จากต้นไม้ใหญ้เอ้อชางสีม่วงด้านหลังซูหมิงยกขึ้นมาจากซากเทวรูปสุริยัน

เขายืนอยู่กลางอากาศ เส้นผมเคลื่อนไหวเองแม้ไร้ลม นัยน์ตาสองข้างฉายประกายพิลึก เขาไม่หยุดเท่านี้ แต่ยกมือขวาขึ้นคว้าไปยังเทวรูปจันทรา

“จงพังลงเสีย!” ซูหมิงตะโกนเสียงเย็นเยียบ

ทันใดนั้นต้นไม้ใหญ่เอ้อชางสีม่วงด้านหลังก็โคลงเคลงอย่างรุนแรง ขณะแมกไม้ขยับไหวก็มีพายุคลั่งพัดเข้ามา วินาทีที่ซูหมิงยกมือซ้าย กิ่งไม้นับไม่ถ้วนบิดเบี้ยวพร้อมกับยืดยาวไปอย่างเร็วรี่ พริบตาเดียวก็กลายเป็นฝ่ามือยักษ์ แล้วพุ่งผ่านตัวเขาไปคว้าเทวรูปจันทรา

เทวรูปสุริยันยังคงพังลงอย่างรวดเร็ว ส่วนเทวรูปจันทราเปล่งแสงสว่างนุ่มนวล เพียงแต่ตอนมองไปแวบแรกแสงสว่างนี้นุ่มนวล แต่หากมองนานๆ จะทำให้ตาบอดโดยไม่รู้ตัว!

เสียงคร่ำครวญแว่วมาจากเทวรูปจันทราเบาๆ ขณะเทวรูปนี้เงยหน้าขึ้น ดวงจันทร์ในมือก็ลอยขึ้นฟ้าเอง แล้วเข้าปะทะกับมือใหญ่ของเอ้อชาง

เพียงการปะทะกันง่ายๆ กลับเกิดเสียงระเบิดจนมหาสมุทรส่งเสียงดังสนั่น ทำให้น้ำทะเลลอยขึ้นฟ้าไปหมื่นจั้ง ผิวทะเลและฟ้าดินถูกม่านทะเลปกคลุม

ท่ามกลางความขมุกขมัวและเสียงระเบิดโครมคราม มือใหญ่เอ้อชางของซูหมิงสั่นสะท้านไปทั่ว ก่อนจะถูกยกลอยขึ้นสูงหลายร้อยจั้ง

นัยน์ตาซูหมิงขยับประกาย ขณะแค่นเสียงหึเย็นชา ต้นไม้ใหญ่เอ้อชางด้านหลังก็เหมือนส่งเสียงคำราม เสี้ยวขณะเดียวก็เห็นว่ามือใหญ่เอ้อชางที่ถูกดีดลอยขึ้นเปลี่ยนจากคว้ามือเป็นตบ!

ในเวลาเดียวกัน มือใหญ่ระดับกุมชะตาเกิดดับเผยในดวงตาซูหมิง อาศัยความเข้าใจนี้ ร่างแยกกลืนนภาของเขาทำได้เพียงสร้างร่างมือขึ้น ทว่าหากให้ร่างแยกเอ้อชางใช้ที่นี่จะมีพลานุภาพเช่นกัน

แทบเป็นช่วงที่เงาฝ่ามือในดวงตาซูหมิงขยับวูบวาบ มือใหญ่เอ้อชางบนฟ้าพลันตบลงไปยังเทวรูปจันทราที่ถูกม่านทะเลบดบัง

“ก็แค่เทพจากเศษเสี้ยววิญญาณเล็กจ้อยสองตน ยังกล้ามาโอ้อวดความสามารถต่อหน้าแซ่ซู พวกเจ้า…มีสิทธิอะไรมามอบพลังให้ข้า มีสิทธิ์อะไรมาให้ข้าศรัทธาพวกเจ้า พวกเจ้า…จ่ายราคานี้ไหวรึ!”

ซูหมิงอยู่กลางอากาศ ยามเสียงดังก้องดุจฟ้าผ่า มือใหญ่เอ้อชางกดลงโดยทันที มองจากไกลๆ แยกไม่ออกว่ามือของเอ้อชางกดบนม่านทะเลหมื่นจั้งหรือกดบนเทวรูปจันทราที่ซ่อนอยู่ภายในนั้นกันแน่

โครม โครม โครม!

เกิดเสียงดังสนั่นติดต่อกันไม่หยุด เหมือนจะสั่นสะเทือนจนฟ้าดินพังทลาย และยังมีเสียงกึกๆ ดังก้อง นั่นคือเสียงเทวรูปจันทราแตกหัก ภายใต้พลังของเอ้อชาง เทพสุริยันและจันทราที่ไม่ได้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ย่อมไม่ใช่คู่ต่อสู้!

ต่อให้บางทีพวกเขาอาจเคยอยู่ระดับเดียวกับซุ่ยเฉินจื่อ

ทว่า…ระดับชีวิตของเอ้อชางอยู่เหนือกว่าพวกเขา อีกทั้งซูหมิงที่ยึดร่างเอ้อชางมา หากพูดเรื่องระดับชีวิต เขาจะยิ่งเหนือกว่าเอ้อชางเสียอีก

การต่อสู้ครั้งนี้ไม่ต้องพะวงใดๆ!

เทพสุริยันและจันทราที่มีต้นกำเนิดจิตของต่างแดน พวกเขาอยากให้ซูหมิงศรัทธา อยากให้ซูหมิงเป็นผู้เผยแพร่และเชื่อฟังคำสั่งพวกเขา กระทั่งบางทีอาจมีเป้าหมายอื่นๆ อีก หากแต่…เหมือนอย่างที่ซูหมิงว่าไว้ พวกเขาจ่ายราคาที่จะทำให้เขาศรัทธาไม่ไหว

ในเมื่อจ่ายไม่ไหวก็อย่าหวังให้เขาศรัทธา ดังนั้นจุบจบจึงมีเพียง…ถูกซูหมิงชิงต้นกำเนิดจิตไป กลายเป็นพลังรากฐานของความแข็งแกร่ง

ท่ามกลางเสียงครึกโครมสะเทือนแก้วหู ตระกูลอวี้ที่อยู่นอกสามสามวิถีสวรรค์ด่านสอง คนเกือบหมื่นหายใจกระชั้นและเบิกตากว้าง พวกเขาเห็นแจ่มชัดว่าหลังจากเทวรูปสุริยันพังลงแล้ว เทวรูปจันทราข้างๆ ก็เกิดรอยร้าวตาม

รอยร้าวยักษ์เกิดขึ้นบนตัวเทวรูปจันทราหลายเส้น เส้นพลังสีม่วงมาพร้อมด้วยความชั่วร้าย ทั้งยังมีหมอกที่ให้ความรู้สึกขนลุกกระจายมาจากในรอยร้าวอย่างรวดเร็ว เข้าปกคลุมไปมากกว่าครึ่งฟ้า

พอเงยหน้าขึ้นมอง ผืนฟ้ากลายเป็นสีม่วง

ความรู้สึกชั่วร้ายของสีม่วงยังแผ่ขยายมาถึงส่วนลึกในใจของคนที่มองด้วยตาตัวเอง ทำให้มีคนรู้สึกว่าสีม่วงนี้ดูยั่วยวนใจอย่างน่าประหลาด

โครม!

เทวรูปจันทราเกิดรอยร้าว โดยเฉพาะรอยร้าวตรงส่วนหัวเทวรูป มองไกลๆ จะเหมือนกับน้ำตาของเทพจันทรา ภาพนี้สร้างความตื่นตกใจกับทุกคนที่นี่ รอยร้าวก็ลุกลามไป เทวรูปจันรา…แตกเป็นเสี่ยงๆ

สามสามวิถีสวรรค์ ด่านที่สอง…ตะวันและจันทราสว่างพร้อมเพรียงหายไปนับจากนี้!

เทียบกับคนอื่นๆ แล้ว ผู้อาวุโสใหญ่สามคนอยู่ใกล้ภูเขาวิถีเต๋ามากกว่า ตอนนี้ชายชราที่ปรากฏขึ้นมาจากดินเมื่อครู่มีสีหน้าจริงจังอย่างยิ่ง อีกสองคนข้างๆ ก็มองตาไม่กะพริบ

“สีม่วงนี้…ทำให้ข้าตัวสั่นจนอยากจะก้มคารวะ กระทั่งในสีม่วง ข้ายังรู้สึกว่ามีพลังที่เหมือนจะทำลายสรวงสวรรค์ได้…”

“คนที่ตระกูลเชิญมาครั้งนี้…มีขั้นพลังระดับใดกันแน่!”

สามคนนี้มองหน้ากันและกัน ต่างเห็นความตื่นตะลึงในใจของอีกฝ่าย

จังหวะเดียวกับที่เทวรูปเทพสุริยันและจันทราแตกเป็นเสี่ยง ในสามวิถีสวรรค์ด่านสอง ม่านทะเลหมื่นจั้งค่อยๆ ตกลง เสียงดังสนั่นหวั่นไหวกลายเป็นคลื่นเสียง ซูหมิงยืนอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เทวรูปสุริยันจันทราบนทะเลตรงหน้าพังพินาศลงแล้ว ระหว่างที่เศษจากรูปปั้นกระจายออกเป็นวงกว้าง ชายหน้าตาเหล่อเหลายากจะบรรยายและหญิงที่งดงามไร้ที่ติ ก็ปรากฏกายอย่างชัดเจนมาจากในเทวรูปที่พังทลาย

พวกเขาสองคนยืนอยู่บนผิวทะเล จ้องซูหมิงตาเขม็ง สีหน้าดูโกรธแค้นอย่างไม่มีที่สิ้นสุด

“ในยุคสมัยที่เหล่าเทพตกต่ำ พวกเราต่างกำลังฟื้นฟูตัวเอง…นี่เป็นเพียงร่างจิตของพวกเรา เจ้าผิดสัญญาของพวกเราในตอนนั้น เจ้าต้องถูกลงโทษจากราชาวิญญาณ!”

“ไสหัวออกไปจากที่นี่ ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตไม่ใช่ที่ที่โลกแห่งเก้ายอดสวรรค์ของเจ้าจะมาได้ สนธิสัญญาของราชาวิญญาณยังอยู่ หากเจ้ากล้ากินต้นกำเนิดจิตเราสองคน ดวงจิตราชาวิญญาณจะมาเยือนทันที เจ้า…ต้องตายอย่างแน่นอน!”

ซูหมิงมีสีหน้าเช่นปกติ ทว่าในใจกลับสั่นไหว หลังจากยึดร่างเอ้อชางมาเป็นร่างแยกแล้ว เขาก็ได้รับความทรงจำที่ยุ่งเหยิงมา ความทรงจำเหล่านี้ต้องใช้เวลาค่อยๆ หล่อหลอม ตอนนี้มีเรื่องอีกมากที่ยังไม่รู้ อย่างเช่นราชาวิญญาณกับสัญญาที่สองคนนี้กล่าวถึง เขาไม่รู้เรื่องนี้เลย

“นี่เจ้าไม่รู้เรื่องสนธิสัญญาของราชาวิญญาณรึ?”

“เจ้า…หรือว่าเจ้าเป็นผู้ฝึกฌาน จะ…เจ้ายึดร่างเอ้อชางไปแล้ว!” ไม่รู้ว่าชายหญิงคู่นี้มองจิตใจซูหมิงออกได้อย่างไร ตอนนี้พลันหน้าเปลี่ยนสี

ซูหมิงแค่นเสียงหึเย็นชา ไม่กล่าวสิ่งใดตอบ ร่างกายสองคนนี้สร้างขึ้นจากต้นกำเนิดจิตทั้งหมด เขารู้สึกได้ถึงความกระหายอย่างรุนแรงจากร่างแยกเอ้อชาง หากกินสองคนนี้ ร่างแยกเอ้อชางของเขาจะแกร่งยิ่งขึ้น

สนธิสัญญาราชาวิญญาณอะไรนั่น ในเมื่อเขาไม่รู้ก็ไม่ต้องไปสนใจ แทบทันทีที่สองคนนี้หน้าเปลี่ยนสี ต้นไม้ใหญ่เอ้อชางด้านหลังซูหมิงพลันสั่นไหว ก่อนจะขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัดและเข้ามาแทนที่ฟ้าดิน หนำซ้ำยังเผยช่องโหว่หนึ่งตรงกิ่งก้านเอ้อชาง มองไปเหมือนปากใหญ่สูบไปทางสองคนกลางทะเล

การสูบไปครั้งนี้ ทั้งโลก ทั้งฟ้าดิน รวมถึงมหาสมุทรแห่งนี้หดเล็กลงในพริบตา ยามถูกสูบเข้าไปในปากเอ้อชางพร้อมกัน ชายหญิงคู่นั้นดูสิ้นหวังระคนขมขื่น พวกเขาต่อต้านไม่ได้ พวกเขาที่ไม่มีเทวรูปแล้วเป็นเพียงต้นกำเนิดจิตกลุ่มหนึ่งเท่านั้น

ฟ้าดินพลันกลายเป็นสีม่วง ครู่ต่อมาทุกอย่างก็หายไป แม้แต่ต้นไม้จากร่างแยกเอ้อชางยังหายไปด้วย

ณ เขตดาราวงแหวนบูรพา ในแดนประหลาดวงแหวนบูรพา ตรงหน้าร่างแยกเอ้อชางของซูหมิงปรากฏพลังแห่งต้นกำเนิดจิตสองกลุ่ม หนึ่งเป็นรูปดวงจันทร์ อีกหนึ่งเป็นรูปดวงตะวัน พวกมันวนเวียนรอบร่างแยกเอ้อชาง จากนั้นค่อยๆ หดเล็กลง พร้อมกันนั้นร่างแยกเอ้อชางเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

เวลาเดียวกัน ร่างแยกกลืนนภาที่อยู่กลางเศษซากฟ้าดินก็เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้าเช่นกัน ถึงขั้นพลังจะกลับมาอยู่เกือบจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนกลาง แต่ยามนี้กลับเพิ่มขึ้นพุ่งพรวดขณะร้องลั่น

“ร่างแยกกลืนนภา วิชาเงากลืนนภา ภัยพิบัติครั้งที่หก!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version