ตอนที่ 874 เจ้าปกครองโลกตอนปลาย
ร่างแยกกลืนนภาของซูหมิงระเบิดพลังออกมา ภายใต้แรงปะทุ เขาพบว่าไม่ว่าขั้นพลังตนจะเพิ่มขึ้นอย่างไร ก็ถูกจำกัดอยู่เกือบจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนกลาง ไม่อาจทะลวงผ่านไปได้
‘ตัวร่างแยกกลืนนภาไม่สมบูรณ์ ดังนั้นขั้นพลังจึงก้าวหน้าไปไม่ได้อีก…..หากอยากให้มันสมบูรณ์ก็ต้องหลอมรวม!’ ซูหมิงเดินหน้าหนึ่งก้าว ดวงตาขยับประกาย
หนึ่งก้าวเหยียบลง ฟ้าดินที่พังทลายรอบๆ บิดเบี้ยวและหายไปในพริบตา เขาเห็นผืนฟ้าของดาวทมิฬตรงหน้า เห็นแผ่นดินของดาวทมิฬ และยังเห็น…..คนตระกูลอวี้เกือบหมื่นคนและผู้ฝึกฌานที่มีขั้นพลังหนาลึกล้ำสามคนใต้ภูเขาวิถีเต๋า
แทบเป็นช่วงที่ร่างเงาซูหมิงเดินออกมาจากเทวรูปตะวันจันทราสว่างพร้อมเพรียงที่พังพินาศลง ก็เป็นเป้าสายตาของคนเกือบหมื่นทันที สายตาเหล่านี้มีตื่นตะลึง หวาดกลัว และซับซ้อน
เสียงอื้ออึงดังก้องที่แห่งนี้ ทุกอย่าง….เป็นเพราะซูหมิงคนเดียว!
“เป็นเขาอย่างนั้นรึ!”
“เขาบุกผ่านภูเขาวิถีเต๋าด่านแรกและตะวันจันทราสว่างพร้อมเพรียงด่านสอง มิหนำซ้ำยังทำให้เทวรูปสุริยันและจันทราพังลง!”
“ใครเชิญเขามา ผู้แข็งแกร่งแบบนี้ คนในตระกูลธรรมดาไม่มีทางได้ใกล้ชิดอย่างแน่นอน หรือว่าผู้อาวุโสในตระกูลจะเป็นคนเชิญมา?”
“เขา….เขาถือว่าผ่านด่านสองของวิถีสวรรค์หรือไม่ จะ…ปรากฏด่านสามของวิถีสวรรค์หรือไม่!”
เสียงเกรียวกราวดังขึ้น ผู้อาวุโสสูงสุดในสามผู้อาวุโสที่มีฐานะใหญ่ที่สุดในตระกูลอวี้ประสานมือคารวะซูหมิง
ขณะกำลังจะกล่าว เขากลับหน้าเปลี่ยนสีและถอยหลังไป
ขณะที่เขาถอย ซูหมิงกางสองแขนกลางอากาศ ตอนนี้เขาไม่มีเวลาไปสนใจคนอื่น หลังกินเทพสุริยันจันทราแล้ว ร่างแยกเอ้อชางของเขากำลังย่อยอาหารและแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันเมื่อร่างแยกเอ้อชางแกร่งขึ้น พลังต้นกำเนิดจิตที่วิญญาณเขาควบคุมอยู่ก็จะแกร่งขึ้นตามไปด้วย
อีกทั้งภายใต้สภาวะนี้ ร่างแยกกลืนนภายังมีโอกาสแกร่งขึ้นไปพร้อมกัน ทว่ากลับถูกจำกัดให้อยู่เกือบจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนกลาง หากอยากจะทะลวง ก็ต้องเติมข้อบกพร่องของร่างแยกกลืนนภา
นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกาย เขายกมือขวาชี้ไปยังพื้นดิน เศษซากเทวรูปสุริยันจันทราสั่นไหวพร้อมกัน และม้วนตลบจากรอบๆ พากันตรงเข้ามาด้วยเสียงเล็กแหลม
ตอนที่เศษเหล่านี้อยู่กลางอากาศก็สลายไปอย่างรวดเร็ว จากนั้นกลายเป็นเส้นคล้ายกับเลือดเนื้อตรงไปยังมือขวาซูหมิง เมื่อหลอมรวมเข้าไปแล้วก็กระจายไปทั่วร่าง
การหลอมรวมรวดเร็วยิ่งนัก เสี้ยวขณะเดียวก็ห่อหุ้มซูหมิงเอาไว้ภายใน มองไกลๆ เหมือนกับรังไหมยักษ์ หลังรวมเป็นรังไหมได้ไม่นาน เศษซากเทวรูปสุริยันจันทราก็ตรงเข้ามาจากรอบๆ และปกคลุมไว้โดยทันที ทำให้วัตถุที่หุ้มซูหมิงอยู่ประดุจหลุมศพ!
ซูหมิงใช้วิชาฝึกอักษรใต้พิภพกับตัวเอง ใช้ความพิเศษของวิชาเงากลืนนภากินแก่นสำคัญของเทวรูปสุริยันและจันทรา เพื่อให้ร่างแยกกลืนนภาสมบูรณ์ขึ้นอีกเล็กน้อย
นี่คือวิธีเดียวที่เขาคิดได้ในตอนนี้ นอกจากนี้แล้วก็ไม่มีวิธีใดทำให้ร่างแยกกลืนนภาสมบูรณ์ขึ้นในเวลาอันสั้นได้แล้ว คงทำได้เพียงปล่อยให้โอกาสแข็งแกร่งขึ้นครั้งนี้หลุดลอยไป
หลุมศพขนาดหลายร้อยจั้งลอยอยู่กลางอากาศ หลุมศพนี้ดูเหมือนกับรูปปั้นหนึ่ง ส่องแสงวูบวาบ อีกทั้งนอกรูปปั้นยังมีอักขระผืนใหญ่เว้านูนขึ้นลง ดูเต็มไปด้วยความรู้สึกประหลาด
ภาพนี้ทำให้คนตระกูลอวี้รอบๆ เบิกตาค้างอ้าปากกว้าง ต่อให้เป็นสามผู้อาวุโสยังหรี่ตา
“นั่นเขากำลัง….”
“เขากำลังสูบแก่นสำคัญของรูปปั้นสุริยันจันทรา ใช้มันเสริมข้อบกพร่องของชีวิตตัวเอง!”
“เรื่องนี้…นี่มัน….” สามคนมีสีหน้าทะมึน เทวรูปสุริยันและจันทราเป็นของตระกูลอวี้ ทว่าตอนนี้เห็นมันกำลังถูกสูบไป พวกเขาสามคนก็คงจะไม่ยินดีอยู่บ้าง
แต่ความชั่วร้ายและแรงกดดันหนาแน่นจากในหลุมศพตอนนี้กลับทำให้ทั้งสามคนเกิดความลังเลเล็กน้อย ตอนที่พวกเขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี ก็มีเสียงถอนหายใจดังก้องไปทั้งตระกูลอวี้ ทำให้ฟ้าดินสั่นสะเทือน
“ให้เขาสูบไป” สิ้นเสียงนี้ มีร่างเงาคนค่อยๆ เดินมาจากไกลๆ ตอนเพิ่งปรากฏร่างนี้ยังเลือนราง ทว่าพอเดินมาก็เผยเป็นหญิงคนหนึ่ง
บนใบหน้านางมีผ้าบางคลุมหน้า จึงมองเห็นไม่ชัด ทว่ามีระลอกคลื่นที่ไม่อาจกล่าวอธิบายกระจายมาจากตัวนาง
เมื่อนางเดินเข้ามา คนตระกูลอวี้ส่วนใหญ่รอบๆ ต่างตะลึงงัน มีไม่กี่คนที่พอเห็นนางแล้วจะหน้าเปลี่ยนสีทันที ยามเผยความตื่นกลัวก็ตัวสั่นคุกเข่าลง
“ท่านบรรพบุรุษ!” ผู้อาวุโสสามคนนั้นเห็นสตรีผู้นี้แล้วก็ตัวสั่นสะท้าน ก่อนจะคุกเข่าลงพร้อมกัน สีหน้าเคารพอย่างยิ่ง แต่ยังมีความฮึกเหิมมากกว่า
เมื่อสามคนนี้คุกเข่าและคำว่าบรรพบุรุษดังไป คนจำนวนหนึ่งในตระกูลอวี้รอบๆ ที่ยังคงสับสนพลันนึกถึงหนึ่งในภาพเหมือนของหญิงคนหนึ่งตอนเซ่นไหว้บรรพบุรุษทุกครั้ง
“คารวะท่านบรรพบุรุษ!” หลังจากมีคนนึกออกขึ้นเรื่อยๆ คนตระกูลอวี้ทุกคนต่างคุกเข่าคารวะ
หญิงคนนี้คือบรรพบุรุษเพียงคนเดียวในตระกูลอวี้ที่บุกผ่านสามวิถีสวรรค์ทั้งหมด! บางทีนางอาจไม่มีอายุมากที่สุด แต่ไม่รู้กี่ปีมานี้ ผู้แข็งแกร่งที่สุดในตระกูลอวี้ ต่อให้เป็นผู้สร้างตระกูลอวี้ ก็ยังมีขั้นพลังด้อยกว่าหญิงคนนี้
นางยืนอย่างสงบนิ่ง เงยหน้ามองหลุมศพบนฟ้าเงียบๆ
นางไม่กล่าวสิ่งใด เหมือนว่าอากาศรอบๆ จะแข็งค้าง ทำให้ทุกคนล้วนคุกเข่า ไม่มีใครกล้าพูดอะไร
เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็หนึ่งชั่วยาม
หนึ่งชั่วยามผ่านไปแล้ว ทันใดนั้นหลุมศพบนฟ้าที่ห่อหุ้มซูหมิงจึงเกิดเสียงดังกึกๆ เสียงนี้ดังรวดเร็วรุนแรง ครู่ต่อมาก็รัวจนแทบเป็นเสียงเดียวกัน สุดท้ายเกิดเสียงดังโครม หลุมศพแตกไปมากกว่าครึ่ง
เพียงแต่ตรงรอยแตกไม่มีเศษร่วงลงมา คล้ายกับว่ากลายเป็นเถ้าธุลีลอยหายไปเอง
ในเวลาเดียวกันก็มีเสียงอู้อี้แว่วมาจากในหลุมศพ
“ภัยพิบัติครั้งที่หก!” ตอนที่เสียงนี้ดังขึ้น ฟ้าดินดังครืนๆ เมฆลมหมุนตลบ ดอกบัวสีแดงดอกหนึ่งปรากฏกลางอากาศประหนึ่งว่าเป็นภาพมายา
ดอกบัวนี้เบ่งบาน จากนั้นกลีบดอกก็ร่วงหล่นทีละใบ ตอนที่กลีบแรกร่วงหล่น หลุมศพที่ซูหมิงอยู่สั่นไหว
กลีบแรก กลีบที่สอง…กลีบดอกหลุดร่วงไม่หยุด หลุมศพของซูหมิงก็สั่นไหวแรงขึ้นเรื่อยๆ เหมือนมีเสียงคำรามที่พยายามอดกลั้นความเจ็บปวดแว่วมารางๆ
จนกระทั่งกลีบสุดท้ายร่วงลง เสียงระเบิดแว่วมาจากในหลุมศพ ก็มีมือขวาข้างหนึ่งยื่นมาจากกลางหลุมศพนี้ มือขวาดูเหมือนปกติ ทว่าหากสังเกตดีๆ ไม่ว่าใครก็จะมีความรู้สึกว่าไม่อาจทำลายมันได้
มิหนำซ้ำทันทีที่มือขวายื่นออกมา มีพลังของเจ้าปกครองโลกตอนปลายที่อยู่เหนือกว่าจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนกลางระเบิดกลางฟ้าดินแห่งนี้
จังหวะเดียวกับกลิ่นอายพลังเจ้าปกครองโลกตอนกลางแผ่ขยาย ดอกบัวบนฟ้าก็หายไปแล้ว
ซูหมิงผ่านภัยพิบัติครั้งที่หก!
“ภัยพิบัติครั้งที่เจ็ด!” ขณะที่ซูหมิงกล่าวอีกครั้งจากในหลุมศพ หลุมศพนี้แตกร้าวอีกครั้ง การแตกร้าวครั้งนี้บรรลุถึงขีดจำกัด ระหว่างที่หลุมศพสลายไปทีละชั้น ร่างซูหมิงก็เผยออกมาในสายตาของทุกคน
นอกตัวเขาไม่มีหลุมศพอีกต่อไป ไม่มีเศษจากเทวรูปสุริยันจันทรา ตัวเขาเหมือนไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ทว่ามีเพียงเขาที่รู้ว่าข้อบกพร่องของร่างแยกกลืนนภาได้รับการเสริมจากแก่นสำคัญของเทวรูปสุริยันจันทราแล้ว ถึงจะยังไม่สมบูรณ์แบบ แต่ก็เติมเต็มขึ้นมาเล็กน้อย
ยืนยันได้ว่าวิธีนี้ที่ทำให้ร่างแยกกลืนนภาสมบูรณ์นี้…ใช้ได้!
ท้องฟ้าสั่นสะเทือน กลิ่นอายพลังของซูหมิงปะทุขึ้นในพริบตา เหมือนอยากจะก้าวไปยังความแกร่งยิ่งกว่า ทว่า…กลิ่นอายพลังเพิ่งจะปะทุก็หายไปอีกครั้งในเสี้ยววินาที เขาเคยสัมผัสความรู้สึกนี้มาแล้ว เขารู้ว่าเกิดจากข้อบกพร่องของร่างแยกกลืนนภา
การสูบเทวรูปสุริยันจันทราเสริมข้อบกพร่องได้เพียงเล็กน้อย ทำให้พลังโลหิตของร่างแยกทะลวงผ่านเจ้าปกครองโลกตอนกลางไปสู่เจ้าปกครองโลกตอนปลาย แต่มาถึงตรงนี้แล้วกลับไปต่อไม่ได้อีก
ซูหมิงลืมตาขึ้น ทันใดนั้น ดวงตะวันจันทราและดาราในดวงตาเขาเด่นชัดไร้ที่เปรียบ
“ยินดีที่ได้พบท่านทูต” เสี้ยวเวลาที่ซูหมิงลืมตา หญิงเพียงคนเดียวที่ยืนอยู่ท่ามกลางทุกคนที่คุกเข่ามองเขา แล้วโค้งตัวเบาๆ คำพูดไม่ได้ดังก้อง แต่ดังในใจเขาโดยตรง
นัยน์ตาซูหมิงมีประกาย ตอนมองหญิงคนนั้นเขานิ่งอึ้งไป หน้าตาของหญิงคนนี้มีความคล้ายกับสตรีงดงามในเทวรูปจันทราที่เขาเคยเห็นถึงแปดส่วน!
ถึงจะไม่ได้เหมือนกันทั้งหมด ทว่าความคล้ายแปดส่วนก็ทำให้หญิงคนนี้เรียกได้ว่างดงามเป็นหนึ่งแล้ว อีกทั้งเขายังรู้สึกถึงพลังนุ่มนวลของเทพจันทราจากตัวนางด้วย
กระทั่งยามมองหญิงคนนี้ เขามีความรู้สึกเด่นชัดว่าเขา….คลับคล้ายว่าจะควบคุมชีวิตและดวงจิตนางได้ กระทั่งหากเขาให้หญิงคนนี้ไปตาย นางก็จะสละชีพตัวเองอย่างไม่ลังเล
“อวี้โหรว สตรีศักดิ์สิทธิ์สายเลือดเทพจันทรา ยินดีที่ได้พบท่านทูต ในตัวท่านมีกลิ่นอายพลังของเทพจันทรารวมถึงเทพสุริยันอยู่ นี่ไม่ใช่เพียงกลิ่นอายพลังจากร่างเทวรูปของพวกเขา แต่ยังมีสัมผัสจากต้นกำเนินจิตของพวกเขาด้วย
สายเลือดเทพจันทรา ในยุคก่อนประวัติศาสตร์ได้ตามหาวัตถุเทพศักดิ์สิทธิ์ในเผ่าจนพบ หลายปีมานี้ก็ยังให้คนลองรับมรดกของเทพมาตลอด จนถึงตอนนี้ผ่านมาเนิ่นนาน…ในที่สุดท่านก็มาถึง” สตรีคนนั้นกล่าวเสียงเบา คำพูดมีเพียงซูหมิงที่ได้ยิน
นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายอย่างที่ไม่อาจตรวจพบ เขากินเทพสุริยันจันทราไป คนอื่นน่าจะไม่รู้ ถูกหญิงคนนี้เข้าใจผิดแต่ก็ยังปล่อยตามน้ำไป ถึงอย่างไร…เขาก็ให้ร่างแยกเอ้อชางกินต้นกำเนิดจิตของเทพสุริยันและจันทราจริงๆ
ส่วนร่างเทวรูปอะไรนั่น ก่อนหน้านี้เขาก็สูบกินไปจริงๆ เพื่อให้ร่างแยกกลืนนภาสมบูรณ์
บอกว่าเขาเป็นทูตของเทพสุริยันและจันทราก็เหมาะอยู่ กระทั่งบอกว่าเขาคือสองเทพสุริยันจันทราก็ยังสอดคล้องกัน
“ขอเชิญท่านทูตนำอาวุธแห่งเทพกลับไปจากในด่านสามของวิถีสวรรค์ด้วย ข้าจะมอบพลังแห่งต้นกำเนิดหยินให้ เพื่อช่วยให้ท่านทูตได้รับมรดกสุดท้ายของเทพ…และสำเร็จภารกิจของตระกูลเรา”