Skip to content

สู่วิถีอสุรา 880

ตอนที่ 880 ผีร้ายชั่งช้าง

ในเวลาปกติประกายแววตาอาจมีเพียงแบบเดียว

ทว่ายามนี้ ในสายตาซูหมิงมีแววตาสองแบบ หนึ่งคือประกายบ้าอำนาจเด่นชัด อีกหนึ่งคือประกายอ่อนนุ่มนวล

แสงสว่างพร่างพราวของเทวรูปสุริยันและจันทราส่องสะท้อนทั้งห้องลับ ทำให้ทุกมุมห้องถูกปกคลุมด้วยแสงสว่าง ความบ้าอำนาจและนุ่มนวลไม่ได้ตัดสลับกัน แต่แบ่งห้องเป็นสองส่วนโดยมีซูหมิงเป็นใจกลาง

ด้านหนึ่งบ้าอำนาจอย่างยิ่ง อีกด้านหนึ่งนุ่มนวลอย่างยิ่ง

กระทั่งซูหมิงที่หลับตาอยู่ ดวงตายังเกิดแสงสองชนิดต่างกัน ทำให้ร่างกายเหมือนถูกแยกออก ใช้เส้นกลางจมูกเป็นใจกลาง ร่างกายแบ่งเป็นแสงอ่อนและชัดต่างกัน

ซูหมิงเอาสองมือตั้งขึ้นและวางบนหัวเข่า ภูเขาวิถีเต๋าอยู่มือขวา ตอนนี้ท่ามกลางแสงสว่างมันค่อยๆ ให้ความรู้สึกคลับคล้ายมีชีวิต ระหว่างที่ผีร้ายตนนั้นดุร้ายขึ้นเรื่อยๆ ค้างคาวบนฝ่ามือผีร้ายก็ส่งเสียงคำราม

ครู่ต่อมา ผีร้ายภูเขาวิถีเต๋าพลันเงยหน้าขึ้น ทั่วร่างบิดเบี้ยวพร้อมกับลอยขึ้นจากภูเขาวิถีเต๋า ร่างกายราวกับหมอกวนเวียนรอบซูหมิง และวนเวียนอยู่ระหว่างแสงเด่นชัดกับแสงอ่อน มองไปดูประหลาดอย่างยิ่ง

ซูหมิงมีสีหน้าปกติ เขายังคงหลับตาอยู่ ตอนนี้ช้างมงคลบนมือซ้ายส่งเสียงดังสนั่น ก่อนค่อยๆ แยกออกเป็นเงามายาช้างกับตาชั่ง แล้ววนเวียนไปพร้อมๆ กับผีร้ายตนนั้น

‘ขอเพียงเชื่อว่ามีพลัง จงปรากฏ!’ ซูหมิงพลันลืมตาขึ้น ประกายแววตาจะหลอมรวมเข้าสู่แสงอ่อนและชัดในห้องลับ กลายเป็นความรู้สึกแสงที่สามในที่นี้

ชั่วขณะที่เขาลืมตา ผีร้ายภูเขาวิถีเต๋าข้างกายเงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า ขณะมันคำราม เขายกมือซ้ายขึ้นคว้าตาชั่งที่วนเวียนอยู่ข้างกายเหมือนกัน

เครื่องชั่งอยู่ในมือ ประหนึ่งว่าตอนนี้ผีร้ายกลายเป็นคนจากเครื่องชั่ง ขณะเดียวกับที่หยิบเครื่องชั่งนี้ขึ้นมา ช้างมงคลก็กลายเป็นสายรุ้งยาวมาปรากฏอยู่บนเครื่องชั่ง

ทุกอย่างเอ่ยมาเหมือนช้า ทว่าขั้นตอนจริงๆ เสร็จในไม่กี่ลมหายใจ ผีร้ายไม่มีสีหน้าดุร้ายอีก แต่เกิดความน่าเกรงขามขึ้นมา พร้อมกันนั้นซูหมิงก็คว้ามือขวาอย่างรุนแรง จับตัวค้างคาวเอาไว้แล้วเอามาแขวนไว้บนเครื่องชั่ง

ทันทีที่ทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าเขาคือภาพผีร้ายชั่งช้าง!

ค้างคาวตัวนั้นก็คือเข็มของคันชั่ง!

ทุกอย่างสมบูรณ์แบบเช่นนี้ สมบูรณ์แบบจนหาข้อบกพร่องไม่พบ เหมือนว่าเดิมทีมันควรจะเป็นแบบนี้อยู่แล้ว

“ช้างมีสองร่าง หนึ่งคือร่างแห่งความจริง อีกหนึ่งคือความว่างเปล่าแห่งมายา!” น้ำเสียงเลือนรางดังอื้ออึงมาจากปากผีร้าย

“ร่างความจริงของช้างเครื่องชั่งเหมือนกับฐานะสูงส่งของเผ่าวิถีเต๋า มิใช่พลังแห่งบรรพบุรุษวิญญาณ ความว่างเปล่ามายาของช้างเครื่องชั่ง ก็เหมือนกับความนึกคิดเพ้อฝัน สามารถชั่งน้ำหนัก…ช้างตัวนี้สามลมหายใจ!”

ภาพผีร้ายชั่งช้างคงอยู่ตรงหน้าซูหมิงราวสามลมหายใจแล้วก็กลายเป็นสายรุ้งสองสายตรงไปยังดวงตาสองข้างของเขา ผีร้ายกับเข็มเครื่องชั่งค้างคาวหลอมรวมสู่ดวงตาซ้ายในพริบตาและหายไปอย่างไร้ร่องรอย

ช้างมงคลกับเข็มตาชั่งก็เข้าไปในดวงตาขวา ขยับวูบวาบแล้วค่อยๆ หายไป

ซูหมิงตัวสั่นสะท้าน

“เชื่อข้า…” ซูหมิงพึมพำเสียงเบา พร้อมกันนั้นดวงตาสองข้างขุ่นมัว เขารู้สึกถึงพลังนั้นในดวงตาสองข้างจริงๆ เพราะพลังนี้อยู่ในความคิดเขา ตอนนี้จึงเป็นเสียงดังเด่นชัด

เสียงนี้มาพร้อมด้วยความน่าเกรงขามสูงสุด คลับคล้ายเสียงคำรามดังก้องไม่หยุด ซูหมิงไม่ได้รู้สึกถึงอันตราย นี่ไม่ใช่ว่ามีวิญญาณเตรียมจะยึดวิญญาณเขา นี่คือเสียงที่หลงเหลืออยู่ในกาลเวลาจากไม่รู้กี่หมื่นปีก่อน

ในเวลาปกติคงไม่ได้ยินเสียงนี้ มีเพียงอยู่กลางแสงของเทวรูปสุริยันและจันทรา และหลังจากผีร้ายวิถีเต๋ากับช้างมงคลเป็นของคนคนหนึ่งแล้ว ก็จะเป็นการผลักดันพลังต้นกำเนิดจิต ตอนที่ใช้ภาพของผีร้ายชั่งช้างถึงจะเกิดเสียงนี้ขึ้น

บางทีอาจกล่าวได้ว่าภาพผีร้ายชั่งช้างก็คือ หัวใจสำคัญของสามวิถีสวรรค์ แต่พลังมหัศจรรย์ที่ซูหมิงปรารถนาในสามวิถีสวรรค์ก็คือ…..ประโยคหนึ่งที่ซ่อนอยู่ในภาพผีร้ายชั่งช้าง!

“เชื่อข้า…” เสียงนี้ดังก้องอย่างต่อเนื่อง ทำให้เขาเกิดความรู้สึกหลงใหล

ใช้ภาพมายาเก็บซ่อนเสียงหนึ่งเอาไว้ ใช้สามวิถีสวรรค์ปิดบังภาพนี้ เสียงนี้ คำพูดประโยคนี้ก็คือหัวใจสำคัญ และเป็นต้นกำเนิดของพลังมหัศจรรย์

“ไม่นึกเลยว่าพลังที่ทำให้ข้ายึดมั่นแน่วแน่…จะเกิดจากประโยคเดียว” นัยน์ตาซูหมิงมีประกายแสงหม่น เขาในตอนนี้ดูประหลาดยิ่งนัก เสียงพึมพำเหมือนมาพร้อมด้วยความรู้สึกว่างเปล่าและล่องลอย

‘ประโยคนี้อยู่มานานแสนนาน…..อีกทั้งเพียงประโยคเดียวก็รวมเป็นพลังงานแก่กล้าขนาดนี้ได้ นี่ไม่มีทางใช่…..สิ่งที่เทพสุริยันและจันทราจะทำได้!

เกรงว่าเบื้องหลังของสามวิถีสวรรค์ยังมีก่อนเทพสุริยันและจันทราอีก บางที…..นี่อาจเป็นของคนหนึ่งที่เก่าแก่กว่าเทพสุริยันจันทรา เป็นวัตถุล้ำค่าที่เขาฝากเอาไว้!’

ซูหมิงใจเต้นระรัวหลายครั้ง นัยน์ตาเป็นประกายแสงหม่น ก่อนลองกำสองมือที่วางบนหัวเข่าอย่างช้าๆ

‘พลังนี้ต้องอาศัยความเข้าใจ บรรพบุรุษตระกูลอวี้เข้าใจอยู่บ้าง ดังนั้นจึงใช้พลังนี้ได้…..ข้ารู้สึกได้ว่า หากข้ากำสองมือทั้งหมดและนำแสงอ่อนและเด่นชัดนอกร่างกายกลับเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง ข้า….จะทำสำเร็จ‘

ระหว่างที่ซูหมิงค่อยๆ กำสองมือ แสงสว่างในห้องลับพลันบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง ราวกับว่าแสงสว่างกลายเป็นเส้นแสงหลายเส้น เส้นแสงเหล่านี้พุ่งตรงไปรวมยังสองมืออย่างรวดเร็ว

เวลาค่อยๆ ผ่านไป พริบตาเดียวก็หนึ่งวัน

ในหนึ่งวันนี้ ซูหมิงไม่ได้กะพริบตาเลย แสงหม่นในแววตาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จากแสงตรงมุมรอบห้องลับก่อนหน้านี้เปลี่ยนเป็นสีดำทึบแล้ว

มองไป ห้องลับนี้ดูพิลึกอย่างยิ่ง คลับคล้ายว่าแสงถูกจำกัดอยู่ในพื้นที่ ดูต่างกับสีดำทึบรอบๆ เหมือนกับว่ามีเส้นแบ่งโลกแยกพวกมันออกจากกัน

ทางด้านซูหมิง บนใบหน้ามีแสงมืดและสว่างขยับวิบวับ ในแสงหม่นตรงดวงตาเห็นรางๆ ว่ามีเส้นเลือดฝอยอยู่นับไม่ถ้วน ร่างกายเขาดูเหมือนสงบนิ่ง ทว่าส่วนลึกในใจกลับเกิดคลื่นลูกใหญ่ เสียงนั้นยังคงดังอยู่ ดังก้องกังวานเป็นเสียงคำรามในจิตใจเขาหลายต่อหลายครั้ง

ตอนสุดท้าย เสียงนี้ก็เงียบหายไปนานก่อนดังขึ้นอีกครั้ง แต่ตอนนี้เสียงดังกึกก้องติดกันในความคิดซูหมิง

“เชื่อข้า….เชื่อข้า…..เชื่อข้า……”

เสียงเก่าแก่นี้ไม่มีระลอกคลื่น มันเข้ามาแทนความคิดซูหมิง แทนจิตสำนึกเขา ประหนึ่งว่าร่างกายตอนนี้ว่างเปล่า มีเพียงประโยคนั้นที่ขยายออกไม่หยุด

ทุกอย่างดูเหมือนอันตราย ทว่าความจริงซูหมิงรู้ว่ามันมีความอันตรายไม่สูงนัก เขาไม่ลดความตื่นตัวลงเลย นี่คือการตระหนักรู้ เป็นการตระหนักรู้จากเสียงที่หลงเหลือจากกาลเวลาโบราณประโยคหนึ่ง หากสำเร็จ เขาจะได้รับพลังที่แฝงอยู่ในประโยคนี้ หากล้มเหลว ก็แค่ล้มเหลวเท่านั้น

เวลาผ่านไปอีกหนึ่งวันเต็ม ซูหมิงในห้องลับนั่งฌานมาสองวันแล้ว ตอนนี้เสียงในความคิดดังก้องไม่มีสิ้นสุด เหมือนจะค่อยๆ ปรากฏการรวมใหม่จากสภาวะกระจายสู่ข้างนอกอีกครั้ง

จนกระทั่งผ่านไปสามวัน ในที่สุดเสียงในความคิดก็เสร็จสิ้นขั้นตอนการกลับมารวมกันอีกครั้งหลังจากกระจายออก จนกลายเป็นประโยคเดียว

“เชื่อข้า…..”

ประโยคนี้ ในมุมมองซูหมิงต่างกับเสียงที่ได้ยินก่อนหน้านี้ทุกอย่าง ถึงบอกไม่ถูกว่าต่างที่ใด ทว่าพริบตาที่เสียงนี้ดังก้อง พลันเกิดเสียงดังโครมในความคิด

ท่ามกลางเสียงดังก้อง จิตสำนึกเขาบิดเบี้ยว ราวกับว่าวิญญาณถูกประโยคนั้นบังคับดึงเข้าไปอยู่ในโลกพิลึกแห่งหนึ่ง

มันเป็นฟ้าผุพัง ฟ้าเป็นสีครามเข้มและกำลังพังลงอย่างรวดเร็ว เสียงระเบิดดังสนั่นก้องฟ้าดิน เห็นว่ามีลำแสงจำนวนหนึ่งกำลังพุ่งลงมาจากฟ้าพร้อมกับเสียงลากยาวเสียดแก้วหู จุดที่ผ่านมวลอากาศจะแตกกระจาย ท้องฟ้าพังพินาศ

โดยเฉพาะหลังจากลำแสงเหล่านี้ตกลงสู่พื้น ก็ก่อเป็นแรงปะทะวงแหวนหลายวงกระจายไปรอบๆ แผ่นดินแหลกละเอียดทีละชั้นๆ

เหมือนกับเป็นวันสิ้นโลก ฟ้าดินกำลังถล่มทลาย

“เชื่อข้า…..” ตอนนี้เอง เสียงดังสนั่นแว่วมาจากพื้นดินในฉับพลัน ซูหมิงมองไปก็เห็นทันทีว่าบนยอดเขาแห่งหนึ่งบนพื้นดินที่กำลังถล่มและขึ้นลงปานลูกคลื่น มีคนยืนอยู่คนหนึ่ง!

เขาเป็นชายหนุ่มสวมอาภรณ์สีขาว เส้นผมขาว รูปลักษณ์ดูธรรมดามาก ธรรมดาจนไม่มีความพิเศษใดๆ เลย ทว่าในตัวเขากลับมีความรู้สึกผ่านโลกมาอย่างโชกโชนเข้มข้น

เหมือนกับว่าชีวิตนี้เขาผ่านอะไรมามากมายยิ่งนัก ทำให้ตัวเขามีแรงกระทบกระเทือนทางจิตใจที่บอกไม่ถูก แต่กลับทำให้คนมองแวบแรกแล้วจะไม่มีวันลืมไปชั่วชีวิต

เขาเอาสองมือไพล่หลัง ยืนอยู่บนยอดเขา นัยน์ตาฉายแววเศร้าโศก สายลมสะบัดอาภรณ์ปลิวไสว เส้นผมขาวแกว่งไกวตามสายลม เขาเหมือนกับมองฟ้าพลางกล่าวเสียงดังก้อง

“เชื่อข้า…..”

ซูหมิงใจสั่นสะท้าน เขามองชายคนนั้น และยังเห็นอีกว่าตรงหน้าอีกฝ่ายบนแผ่นดินที่กำลังพังทลาย มีสิ่งมีชีวิตอยู่นับไม่ถ้วนกำลังคุกเข่าคารวะ สิ่งมีชีวิตเหล่านี้ตัวสั่นงันงก เห็นได้ชัดว่ากำลังหวาดกลัวฟ้าดินถล่มทลาย แต่กลับไม่มีใครกล้ายืนขึ้นหนีไป

พวกเขามองชายชุดขาว เหมือนว่าประโยคของชายคนนี้คือความเชื่อสำหรับพวกเขา เป็นความเคารพที่อยู่สูงสุด

“เคยมีคนหนึ่งพูดกับข้าว่า คนที่เชื่อข้า ฟ้าดินสูญสลายแต่ข้าไม่ ฟ้าดินสูญสิ้นแต่ข้าไม่…..วันนี้ ข้าจะพูดกับพวกเจ้าว่า….เชื่อข้า….”

ซูหมิงใจสั่น ทุกอย่างตรงหน้าพลันแตกกระจายเป็นเศษจำนวนมาก ขณะเศษเหล่านี้ปลิวว่อนก็ค่อยๆ หายไปตรงหน้า

ซูหมิง ‘ลืม’ ตาขึ้น บางทีอาจกล่าวได้ว่าเขาลืมตาอยู่แล้ว สิ่งที่ลืมตาคือจิตวิญญาณ

ยังเป็นห้องลับ รอบๆ มืดมิด…..มีเพียงในสองมือเขา ดวงตะวันแสงเด่นชัดที่ให้ความรู้สึกบ้าอำนาจบนมือขวากับดวงจันทร์แสงอ่อนนุ่มนวลบนมือซ้าย แสงสว่างทุกอย่างในห้องลับล้วนรวมอยู่ในสองมือเขา

“ข้าเข้าใจแล้ว” ใบหน้าซูหมิงดูผ่านโลกมาอย่างโชกโชน หากมองดีๆ การผ่านโลกมานานนี้…..คล้ายกับชายชุดขาวอยู่เล็กน้อย

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version