Skip to content

สู่วิถีอสุรา 893

ตอนที่ 893 ราชาในเงามืด

“ลัทธิเต๋าหมึกดำ…กดขี่อยู่เหนือทุกตระกูลบนดาวทมิฬ เป็นราชาในเงามืด…พวกเจ้าหายไปหลายหมื่นปี ไม่คิดเลยว่า…ที่แท้พวกเจ้าก็เป็นคนช่วยเหลือตระกูลเลี่ยซาน”

เมื่อเสียงถอนหายใจดังก้อง เงามายาก็โผล่ขึ้นบนฟ้าอีกสิบแปดร่าง เป็นยอดเขาสีดำทึบสิบแปดลูก พวกมันตั้งตระหง่านอยู่กลางฟ้าดิน และค่อยๆ ลดระดับลงมาพร้อมแรงกดดันที่ทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน

บนยอดเขาสิบแปดลูกมีชายชรานั่งขัดสมาธิอยู่สิบแปดคน พวกเขาล้วนมีสีหน้าทะมึน คำพูดเมื่อครู่ก็มาจากหนึ่งในพวกเขา

ยอดเขาสิบแปดลูกมีนามว่าภูเขาไท่ฉือ สิบแปดคนนี้ก็คือบรรพบุรุษอย่างเป็นทางการของตระกูลไท่ฉือ ขั้นพลังพวกเขาทุกคนบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนปลาย

อีกทั้งช่วงที่ปรากฏยอดเขาสิบแปดลูกขึ้น ท้องฟ้าด้านหลังพวกเขาบิดเบี้ยว ก่อนจะมีวิหารไท่ฉือจำนวนมากกับอีกหลายร้อยคนลงมาเยือน

เวลานี้เอง ทั้งผืนฟ้าถูกตระกูลไท่ฉือยึดครอง อานุภาพกดดันกับกลิ่นอายพลังต่างๆ อัดแน่นอยู่เต็มฟ้าดิน เผยพลังแท้จริงของตระกูลที่อยู่จุดสูงสุดบนดาวทมิฬอย่างแจ่มชัด!

“เมื่อสองหมื่นปีก่อน บรรพบุรุษรุ่นแรกของตระกูลไท่ฉือสังเกตเห็นว่าบนดาวทมิฬมีลัทธิเต๋าหมึกดำอย่างพวกเจ้าแฝงอยู่ พอเชื่อมเข้ากับการล่มสลายของตระกูลหลายต่อหลายครั้งในเวลาหลายหมื่นปีของประวัติศาสตร์ดาวทมิฬแล้ว จึงคาดการณ์พลังแท้จริงของพวกเจ้าได้ จากนั้นละทิ้งตระกูลในเมืองวารีดำไปอย่างไม่เสียดาย พาคนในตระกูลทั้งหมดเปิดรอยแยกมิติแห่งหนึ่ง ให้ตระกูลไท่ฉือใช้รอยแยกมิตินั้นเป็นที่ตั้งตระกูล

คนในตระกูลจำนวนมากตัดขาดจากโลกภายนอก กระทั่งไม่เคยออกมาจากรอยแยกมิตินั้นเลย ข้าว่าอยู่เหตุใดลัทธิเต๋าหมึกดำของเจ้าถึงกลมกลืนกับคนในตระกูลไท่ฉือพวกนี้ได้!” เสียงแก่ชราแว่วมาจากบรรพบุรุษตระกูลไท่ฉือสิบแปดคน ดังสั่นสะเทือนไปโดยรอบ

“คนตระกูลไท่ฉือทั้งหมดฟังคำสั่ง ทำลายล้าง…เมืองวารีดำ สังหารผู้ฝึกฌานในเมืองนี้ทั้งหมด และถอนรากถอนโคนตระกูลเลี่ยซาน!

อนุญาตให้คนในตระกูลใช้อาคมเคลื่อนย้ายได้โดยไม่ต้องเสียดาย เดินทางไปยังที่ตั้งตระกูลเลี่ยซานแล้วทำลายล้างตระกูลพวกมันให้สิ้นซาก!

แจ้งข่าวไปยังทุกตระกูลบนดาวทมิฬ ลัทธิเต๋าหมึกดำปรากฏตัวอีกครั้งแล้ว แต่ละตระกูลมีคนลัทธิเต๋าหมึกดำอยู่ ให้พวกเขามายังอาคมช่วยเหลือ ใช้โอกาสนี้ขับไล่ลัทธิเต๋าหมึกดำออกไปจากดาวทมิฬ! โดยเฉพาะตระกูลโม่กับตระกูลหวา บอกพวกเขาว่าหากตระกูลไท่ฉือสูญสิ้นไป สักวันหนึ่งพวกเขาอีกสองตระกูลก็ต้องสูญสิ้นด้วยน้ำมือของลัทธิเต๋าหมึกดำเช่นกัน!

ดูประวัติศาสตร์ดาวทมิฬ ดูสี่ตระกูลสูงสุดก่อนหน้าพวกเราสามตระกูลผู้ยิ่งใหญ่ พวกเขา…ถูกทำลายล้างตระกูลได้อย่างไร พวกเขา…เป็นอุทาหรณ์ของเรา!”

หลังจากบรรพบุรุษสิบแปดคนออกคำสั่ง ภายในวิหารหลายร้อยหลังด้านหลังพวกเขามีผู้ฝึกฌานบินออกมานับไม่ถ้วน มองไปแวบแรกมีมากกว่าหลายหมื่น คนพวกนี้คือไพ่ลับของตระกูลไท่ฉือ เป็นคนเกือบทั้งตระกูล

และยังมีคนในตระกูลส่วนหนึ่งที่ไม่ปรากฏตัว แต่กำลังเข้าไปในอาคมเคลื่อนย้ายกลางรอยแยกมิติเพื่อมุ่งหน้าไปยังตระกูลเลี่ยซาน

ทว่าชั่วขณะที่คนตระกูลไท่ฉือเหล่านี้ปรากฏตัว แล้วบินตรงไปยังลานประมูลตระกูลเลี่ยซานพร้อมกัน ก็เกิดเหตุการณ์เหมือนเมื่อครู่ขึ้นอีกครั้ง!

ในกลุ่มคนตระกูลไท่ฉือหลายหมื่นคน มีเกือบครึ่งหมุนตัวกลับ จากนั้นลงมืออย่างไม่ลังเลกับคนในตระกูลตัวเองด้วยความเย็นชาและไร้ปรานี

เวลานี้บรรพบุรุษสิบแปดคนหน้าเปลี่ยนสีอย่างเด่นชัด เผยแววเหลือเชื่อ ชายชราที่ออกคำสั่งเมื่อครู่มีสีหน้าตื่นตะลึง เขาไม่นึกเลยว่าคนในตระกูลเหล่านี้จะถูกชักจูงเข้าสู่ลัทธิเต๋าหมึกดำ

เขาร้องคำรามด้วยความโกรธแค้น แล้วจึงเคลื่อนตัวออกไป อีกสิบเจ็ดคนที่เหลือก็ตามอยู่ด้านหลัง เขาหันไปมองบรรพบุรุษตระกูลไท่ฉือที่มีฐานะเดียวกับเขาอีกสิบเจ็ดคนแวบหนึ่ง ยามนี้คนที่เขาเชื่อใจได้มีเพียงพวกเขาเหล่านี้เท่านั้น

เขาเชื่อว่าสิบเจ็ดคนนี้ไม่มีทางหักหลังตระกูลไท่ฉือ ทว่าทันทีที่หันหน้ากลับไปมอง ก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นแก้วหูจากข้างหลัง

ในสิบเจ็ดคนนี้มีอยู่สิบสี่คนที่ลงมือใส่อีกสามคนพร้อมกัน ท่ามกลางเสียงดังสนั่น ชายชราสามคนกระอักเลือดกระเด็นถอยไป คนที่เหลือไม่ไล่ตามไป แต่พุ่งตรงมาหาเขา

ความขมขื่น เศร้าโศก ซับซ้อน และสับสน ทำให้เขาผู้มีความน่าเกรงขามสูงสุดในบรรพบุรุษสิบแปดคนถูกแสงสว่างบดบังตรงหน้า ข้างหูมีเสียงโครมครามสะท้อนไม่หยุด

เมืองวารีดำ ในลานประมูลตระกูลเลี่ยซาน ไม่มีคนตระกูลเลี่ยซานออกไปข้างนอกแม้แต่คนเดียว พวกเขาเหม่อมองม่านแสง ความลับบางอย่าง ต่อให้เป็นพวกเขาก็ยังไม่รู้

“พวกท่าน…ทำได้อย่างไร?” ซูหมิงเงียบไปครู่หนึ่ง ถึงถามเสียงเรียบ

“เรื่องเหล่านี้ ตอนที่พวกเราติดตามเทพหมานรุ่นหนึ่งในโลกหมานก็ทำแบบนี้อยู่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นจะสร้างราชวงศ์ต้าอวี๋แห่งเผ่าหมานขึ้นท่ามกลางความวุ่นวายได้อย่างไร จะให้เผ่าเซียนและหมื่นเผ่าพันธุ์ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกราบไหว้ได้อย่างไร ถึงขั้นยังสร้างความตื่นกลัวให้กับเจ้าภัยพิบัติเต้าเฉิน จนเขาต้องลงมือโดยไม่สนฐานะตัวเอง” ผู้เฒ่าวายุแย้มยิ้ม

ซูหมิงเงียบไปอีกครั้ง เขาพลันรู้สึกว่าตนไม่เคยรู้จักเลี่ยซานซิวอย่างแท้จริงเลย เลี่ยซานซิวในคัมภีร์ประวัติศาสตร์เหล่านั้นเขียนไว้ยิ่งใหญ่และสูงส่ง ทว่าทุกอย่างที่เห็นตอนนี้ล้มล้างความคิดนี้ไปแล้ว

“ตระกูลไท่ฉือเป็นตระกูลสูงสุดได้ ย่อมไม่น่าจะมีผู้แข็งแกร่งเพียงเท่านี้แน่”

ซูหมิงมองม่านแสงพลางกล่าวเสียงต่ำ

“ไม่ผิด คนพวกนี้เป็นเพียงศักยภาพผิวนอกของตระกูลไท่ฉือเท่านั้น” ผู้เฒ่าวายุยิ้มเอ่ยขึ้น

ช่วงที่เขากล่าวออกไป ก็เกิดเสียงระเบิดสะเทือนฟ้าดินอย่างรุนแรงบนฟ้าเมืองวารีดำอันวุ่นวาย เสียงครึกโครมดังกระจายไปรอบๆ เข้ามาแทนที่เสียงทุกอย่าง ชั่วขณะที่สั่นสะเทือนฟ้าดิน มีรอยแยกยักษ์ยาวหลายหมื่นลี้ปรากฏขึ้นบนฟ้าเส้นหนึ่ง!

รอยแยกนี้อยู่ข้างหลังทางเข้าออกรอยแยกมิติที่มุ่งหน้าไปสู่ตระกูลไท่ฉือ เมื่อมันโผล่ขึ้นมา ก็มีร่างเงาคนพุ่งออกมาจากรอยแยกทีละคนอย่างรวดเร็ว เป็นรูปขบวนสี่เหลี่ยมสี่อัน!

การปรากฏตัวของพวกเขาทำให้สี่คนในกลุ่มชายชราสิบแปดคนที่กำลังถูกล้อมสังหารเกิดความฮึกเหิม และยังทำให้คนตระกูลไท่ฉือคนอื่นๆ ต่างฮึกเหิมขึ้นมา

แดง ฟ้า ขาว ดำ!

เสื้อเกราะสี่สี คนสวมเสื้อเกราะสีหนึ่งมีสามพันคน รวมเป็นสี่รูปขบวน นี่คือ…พลังลับของตระกูลไท่ฉือ สีแดงเป็นตัวแทนกลิ่นอายพลังของมารโลหิต สีฟ้าเป็นตัวแทนพลังชีวิตเปี่ยมล้น สีขาวคือการผ่านโลกมาอย่างโชกโชนไม่มีที่สิ้นสุด ส่วนสีดำ…คือการทำลายล้างโดยเฉพาะ

พริบตาที่คนมากกว่าหมื่นคนกับสี่รูปขบวนปรากฏตัว ยังไม่ทันเริ่มการสังหารก็เกิดความวุ่นวายขึ้น แม้แต่พวกเขา…ยังเกิดการแตกแยกกัน

เหตุการณ์นี้ทำให้คนตระกูลไท่ฉือที่กำลังต่อสู้ดิ้นรนเกิดความสิ้นหวัง

“ลัทธิเต๋าหมึกดำ เจ้าซ่อนความลับไว้อีกเท่าไรกันแน่ ราชาในเงามืดแห่งดาวทมิฬ พวกเจ้า…เหตุใดถึงต้องลบตระกูลไท่ฉือ!” บรรพบุรุษซึ่งถูกคนในตระกูลที่รู้จักกันปิดล้อมโจมตีเอ่ยขึ้นด้วยเสียงแหลมเล็ก

“เพราะพวกเจ้าล่วงเกินคนที่ไม่ควรจะล่วงเกิน” เสียงผู้เฒ่าวายุดังกังวานอยู่กลางเมืองวารีดำ

“ใคร พวกเราไปล่วงเกินใคร? บอกข้ามา พวกข้า…ไปล่วงเกินผู้ใด! แล้วก็พวกเจ้า พวกเจ้าเป็นคนตระกูลไท่ฉือ ในตัวพวกเจ้ามีสายเลือดตระกูลไท่ฉืออยู่ เหตุใดพวกเจ้าถึงต้องหักหลัง!”

ชายชราคลุ้มคลั่งแล้ว จากการซักถามด้วยน้ำเสียงติเตียน คนตระกูลไท่ฉือผู้ทรยศส่วนใหญ่ยิ้มเยาะ ซ้ำยังลงมือเหี้ยมโหดกว่าเดิม

บรรพบุรุษผู้ทรยศหนึ่งในคนปิดล้อมชายชราคนนี้เลียโลหิตตรงมุมปาก ขณะยิ้มเยาะก็มีสีหน้าดูแคลนน้อยๆ

“สายเลือดตระกูลไท่ฉือรึ? พวกเราไม่ใช่มาตั้งนานแล้ว สิ่งที่ไหลเวียนในร่างกายพวกเราคือสายเลือดของบรรพบุรุษลัทธิเต๋าหมึกดำ พวกเรา…คือเผ่าหมาน!”

ชายชราฝืนยิ้มด้วยความปวดร้าว เขาถอยร่นไปไม่หยุด สายตามองรูปแบบขบวนลับสี่กลุ่มของตระกูลไท่ฉือที่กำลังเข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด เห็นคนตระกูลไท่ฉือทั้งหมดบาดเจ็บล้มตาย ทุกอย่างนี้ ตระกูลเลี่ยซานไม่ได้โผล่ออกหน้ามาแม้แต่คนเดียว ทุกอย่างเหมือนเป็นเรื่องขำขันที่ตระกูลไท่ฉือแตกแยกกันเอง

นี่ทำให้เขานึกถึงตระกูลไม่น้อยในประวัติศาสตร์ดาวทมิฬ ตระกูลเหล่านั้นล้วนเกิดความขัดแย้งภายในและสูญสิ้นไป ตอนนี้มาดูแล้ว ทุกอย่าง…น่าหัวร่อยิ่งนัก

“ท่านบรรพบุรุษ ผู้เยาว์…ทำสุดความสามารถแล้ว!” ชายชราหลับตาลง

ทว่าทันทีที่เขาหลับตา ในรอยแยกบนฟ้าพลันมีกลิ่นอายพลังสามชนิดลงมาเยือน ในเวลาเดียวกันดวงตะวันสามดวงก็ปรากฏขึ้นบนฟ้า แผ่กระจายแรงกดดันของระดับภัยพิบัติตะวันออกมา เหตุการณ์นี้ทำให้คนที่กำลังเข่นฆ่ากันบนสนามรบต่างต้องหยุดมือแล้วมองฟ้าด้วยความตื่นกลัว

กลางดวงตะวันสามดวงนี้มีร่างแก่ชราอยู่สามคน นั่นคือ…บรรพบุรุษรุ่นแรกแห่งตระกูลไท่ฉือที่ปิดด่านนั่งฌานตลอดปี พวกเขาเหล่านี้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติตะวัน

“ในที่สุดตาแก่สามคนนี้ก็ปรากฏตัว แต่ว่า…คนที่แกร่งที่สุดและสังเกตเห็นว่าพวกเราแฝงอยู่ในตระกูลเลี่ยซานในตอนนั้น…ไม่ได้มาด้วย” ผู้เฒ่าวายุยิ้มน้อยๆ ยกมือขวาทำสัญลักษณ์มือชี้ไปยังม่านแสง

“เนี่ยหลี ตามสัญญาระหว่างเจ้ากับพวกเราในตอนนั้น ถึงตาเจ้าลงมือแล้ว”

ช่วงที่ผู้เฒ่าวายุเอ่ยออกไป ซูหมิงรู้สึกว่าแผ่นดินสั่นสะเทือน ทั้งเมืองวารีดำกำลังสั่นไหว เห็นชัดเจนจากม่านแสงว่าบึงน้ำใหญ่ในเมืองวารีดำ…ตอนนี้ไหลเชี่ยวและเดือดปุดๆ ขึ้นมา

เสียงคำรามที่มิใช่ของผู้ฝึกฌานดังลอดผ่านบึงน้ำ ตอนที่เสียงพุ่งขึ้นสู่ฟ้าสูง ซูหมิงเห็นในแวบแรกว่ากลางบึงน้ำมีหัวมังกรยักษ์อยู่หัวหนึ่ง มันพุ่งขึ้นมาจากบึงน้ำ ทะยานขึ้นฟ้าไป

หัวมังกรใหญ่พันจั้ง ดูดุร้ายอย่างยิ่ง ตอนที่พุ่งออกมายังดึงน้ำจากในบึงขึ้นฟ้าไปด้วยกัน จากนั้นท้องฟ้าแจ่มใสก็มีสายฝนประหนึ่งฟ้าดินกลับตาลปัตร หัวมังกรโผล่ขึ้นมา เงยหน้าคำรามขึ้นฟ้า เสียงคำรามสั่นสะเทือนฟ้าดินจนเกิดเค้าลางว่าจะพังพินาศ จากนั้นมีอีกหัวมังกรพุ่งออกมาจากบึงน้ำอีกครั้ง ต่อมาหัวที่สามก็คำรามและพุ่งตามมา สามหัวนี้ขนาดใหญ่พันจั้งยาวหมื่นจั้ง กวาดไปรอบฟ้า ก่อนจะพุ่งตรงไปยังบรรพบุรุษรุ่นแรกระดับภัยพิบัติตะวันสามคนแห่งตระกูลไท่ฉือด้านบน

“จิ่วอิง!” ซูหมิงหรี่ตาลง เขาสูดลมหายใจเข้าลึก มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าสัตว์ร้ายที่ซ่อนอยู่ในบึงน้ำก็คือ…จิ่วอิงที่ยังมีชีวิตอยู่!

“เจ้ารู้จักสัตว์ตัวนี้ด้วยรึ? คงจะเป็นเจ้าเองที่สืบทอดระฆังใบนั้นที่พวกข้าฝากเอาไว้บนแผ่นดินหมาน” ผู้เฒ่าวายุตรึกตรองอยู่ชั่วครู่แล้วส่งเสียงหัวเราะ

ขณะเดียวกัน หลังจากหัวมังกรสามหัวร้องคำราม ก็มีเสียงหนึ่งดังกังวานไปทั่วฟ้า

“จิ่ว…อิง…”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version