Skip to content

สู่วิถีอสุรา 906

ตอนที่ 906 ยึดร่างเต้าคง

ครั้นสิ้นเสียงเต้าคง ในเสี้ยววินาทีนี้ ทั้งลานประมูลพลันเงียบลง ราคาสามร้อยล้านมากพอจะเรียกได้ว่าสูงลิ่ว!

ซื้อเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราด้วยราคาแบบนี้ บอกไม่ถูกจริงๆ ว่าคุ้มค่าหรือไม่ ถึงอย่างไรคนอื่นส่วนใหญ่ก็ได้ยินมาว่าการใช้งานเสื้อคลุมนี้จำเป็นต้องเป็นคนสายเลือดตรงสำนักดาราสัจธรรม

กระทั่งเต้าคงเอง ขณะเดียวกับที่เอ่ยราคานี้ออกไป ในใจยังเจ็บปวดไม่หยุดราวกับถูกกระบี่คมกริบทะลวงหลายต่อหลายครั้ง ราคานี้เรียกได้ว่าเป็นเงินออมทั้งหมดของเขา

แต่เขาขึ้นมาอยู่บนหลังเสือแล้วจึงยากจะลงไป ต่อให้ต้องยืมหินผลึกก็ต้องซื้อเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนี้มาให้ได้ มิหนำซ้ำนี่ยังพัวพันไปถึงเรื่องว่าที่เจ้าสาว ดังนั้นแล้วเขาจึงไม่มีเหตุผลใดที่จะต้องปล่อยเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนี้ไป ต่อให้ต้องกัดฟันจนแตกก็ต้องซื้อมาให้ได้

หลังจากเขาเคาะประมูลไปในราคาสามร้อยล้านหินผลึก สวี่ฮุ่ยในห้องพลันหัวเราะเสียงเบา นางรู้ว่าการยกเลิกงานแต่งกับอีกฝ่ายมิใช่เรื่องง่าย เรื่องนี่เกี่ยวข้องกับการสืบทอดของสำนักดาราสัจธรรมกับสำนักหงส์ เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวเดียวไม่มีน้ำหนักพอจะทำลายประเพณีนี้จริงๆ

อีกทั้งนางยังไม่ถูกชะตากับเต้าคง แต่ในใจก็เข้าใจ เกรงว่าชีวิตนี้สุดท้ายแล้วก็ต้องเป็นคู่ชีวิตคนนี้ ให้อีกฝ่ายจ่ายหินผลึกไปมากอีกหน่อยก็ถือว่าได้ระบายความโกรธแล้ว พอหัวเราะเบาๆ แล้วนางก็ไม่ได้เคาะประมูลต่อ

หลังจากลานประมูลเงียบไปพักหนึ่ง แม้แต่เผ่าประหลาดจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตยังไม่กล้าเคาะประมูลต่อ เพราะสามร้อยล้านหินผลึกมันไม่ใช่จำนวนน้อยๆ

ชายวัยกลางคนผู้ดำเนินงานประมูลยังคงยิ้มอยู่ตลอด สายตามองไปรอบๆ แล้วก็หัวเราะเสียงดัง

“ในเมื่อไม่มีใครประมูลอีก เช่นนั้นเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราที่ปรากฏขึ้นเป็นครั้งแรกในรอบไม่รู้กี่ปีบนดาวทมิฬตัวนี้ตกเป็นของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!” กล่าวจบ พลันมีหญิงสาวอ่อนช้อยสองคนเดินออกมาจากมวลอากาศด้านหลัง หลังหยิบ เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราแล้ว ร่างก็ค่อยๆ หายไป

จนถึงตอนนี้เต้าคงเพิ่งจะถอนหายใจโล่งอก

งานประมูลดำเนินต่อไป หลังจากชายวัยกลางคนหยิบของประมูลออกมาอีกชิ้น ความคึกคักที่อบอวลอยู่รอบลานประมูลก็กลับมาอีกครั้งดังเดิม

เสียงเคาะประมูลต่างๆ ดังขึ้นลง สำหรับเต้าคงแล้ว สิ่งเหล่านี้ถูกกันออกจากหูไปแล้ว เขาหันหน้าไปมองประตูห้อง

ผ่านไปสิบกว่าลมหายใจก็เกิดเสียงเคาะประตู

เมื่อประตูเปิดออก เสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราถูกวางอยู่ในกล่องใบหนึ่ง หญิงสาวร่างอรชรสองคนนั้นนำมันมาส่งให้ถึงห้องเต้าคงด้วยความนอบน้อม

หญิงสาวที่มีใบหูแหลมในห้องเดินเข้าไปรับกล่องทันที หลังตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วก็ส่งมาอยู่ตรงหน้าเต้าคง เต้าคงมองกล่องด้วยแววตาวาววับ

“รบกวนผู้เฒ่าทั้งเก้าคนช่วยข้าตรวจสอบอีกครั้งว่าสิ่งนี้มีใครวางอุบายอะไรเอาไว้หรือไม่ด้วย”

สิ้นเสียงเต้าคง ชายชราที่หลับตามาตลอดซึ่งอยู่ไม่ไกลทั้งเก้าคนยกมือขวาขึ้นพร้อมกัน แล้วกดมวลอากาศไปทางกล่องนั้น มวลอากาศรอบๆ กล่องพลันบิดเบี้ยว

ในความบิดเบี้ยว กล่องกลายเป็นเศษกระจายออกอย่างเงียบเชียบ เผยเป็นเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราข้างใน มันลอยอยู่กลางอากาศ มวลอากาศรอบๆ บิดเบี้ยว แต่มันกลับไม่สัมผัสระลอกคลื่นบิดเบี้ยวใดๆ แต่ดูชัดเจนอย่างยิ่ง แสงจากเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราขยับวูบวาบ ให้ความรู้สึกสว่างพร่างพราว

“ทุกอย่างปกติ” ครู่ต่อมาหนึ่งในชายชราเก้าคนกล่าวเรียบๆ ด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง

เต้าคงปกปิดความตื่นเต้นทางสีหน้าไม่มิด ในใจเขาตื่นเต้นมาก สิ่งนี้มาอยู่ที่นี่มีทั้งข้อดีและข้อเสียต่อเขา ทว่าตอนนี้ซื้อมาแล้ว เช่นนั้นก็ไม่มีข้อเสียใดอีก แต่ผลประโยชน์ถูกขยายใหญ่ขึ้นอย่างไร้ขีดจำกัด

‘หากเอาสิ่งนี้กลับไปสำนักดาราสัจธรรมก็จะเป็นคุณูปการครั้งใหญ่!’ เต้าคงระบายยิ้ม แล้วยกมือขวาคว้าเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา

“ให้ข้าดูหน่อยว่าสิ่งนี้เป็นของสายเลือดตรงคนใด!” เต้าคงมีนิสัยขี้ระแวง ดังนั้นแม้ว่าจะเป็นเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราที่ตนประมูลมา ก็ยังให้หญิงสาวตรวจสอบ และก็ให้ผู้เฒ่าเก้าคนที่เขาไว้ใจที่สุดร่วมมือกันตรวจสอบอีกครั้งด้วย

เก้าคนนี้ล้วนมีขั้นพลังไม่ธรรมดา พวกเขาอยู่ด้วยกันถึงขั้นทำให้เต้าคงเมินเฉยต่ออันตรายได้มากมาย อีกอย่างขอเพียงเขาส่งกระแสจิต นักรบมรณะสามพันคนก็จะมาถึงในทันที

เขาไม่มีอะไรให้กลัว และก็ไม่คิดว่าจะมีอะไรทำอันตรายตนได้ เว้นแต่….ระดับกุมชะตาเกิดดับ ทว่าแม้แต่เขาก็ยังไม่เชื่อว่าผู้แข็งแกร่งระดับกุมชะตาเกิดดับจะมาสร้างปัญหาให้ตนด้วยตัวเอง

ดังนั้นก่อนที่เขาจะใช้มือสัมผัสเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา รอยยิ้มบนใบหน้าจึงกว้างขึ้นเรื่อยๆ ทว่าวินาทีที่มือสัมผัสเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา ชายชราเก้าคนพลันตัวสั่นสะท้าน

“ปล่อยมือ!” เก้าคนตะโกนพร้อมกัน ทั้งยังยืนขึ้นในทันที กลิ่นอายพลังมหาศาลกระจายมาจากเก้าคนอย่างรุนแรง ทำให้ห้องโคลงเคลงราวกับแผ่นดินไหว

หนำซ้ำอากาศด้านหลังเต้าคงยังมีร่างเงาสตรีคนหนึ่งเดินออกมาจากความว่างเปล่าเลือนราง นางยกมืองามขึ้นคว้าเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราไป

แต่ว่า…พวกเขายังช้าเกินไป!

กระทั่งเต้าคงยังไม่ทันตั้งตัว ครั้นสัมผัสเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราแล้ว พลันเกิดเสียงโครมครามดังในความคิด ภาพในสายตาเลือนราง พลังอาคมเคลื่อนย้ายแผ่มาจากในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา ม้วนร่างกายเขาและพาหายไปในเสี้ยววินาที

เขาหน้าเปลี่ยนสีโดยพลัน ภาพในสายตายังไม่ทันชัดเจน เขาก็ส่งกระแสจิตไปอย่างไม่ลังเล ให้นักรบมรณะสามพันคนมา ทว่าแทบเป็นช่วงที่เพิ่งส่งกระแสจิตไป กลับมีแรงปะทะรุนแรงพุ่งเข้าสู่ความคิดเกิดเป็นเสียงโครมดังสนั่น ภายใต้แรงปะทะนี้ เกิดเสียงครึกโครมดังในจิตใจเขา เพียงแวบเดียวความคิดก็ขาวโพลน

เขาเห็นรางๆ ว่าตนถูกส่งมายังสถานที่แปลกตาแห่งหนึ่ง โดยรอบมีคนนั่งอยู่สิบกว่าคน กลายเป็นแรงกดดันผนึกกลิ่นอายพลังเขาเอาไว้อย่างสมบูรณ์แบบ

สิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นคือใบหน้าเรียบนิ่ง ใบหน้านั้นไม่แก่ชรา แต่เป็นชายหนุ่มคนหนึ่ง อีกทั้งเขายังรู้สึกคุ้นตาเล็กน้อย บุคคลนี้มองตน โดยเฉพาะดวงตาลุ่มลึกคู่นั้นราวกับแฝงไว้ด้วยจักรวาลไม่มีที่สิ้นสุด ทำให้คนหลุดเข้าไปข้างในได้ในพริบตา

เขาเห็นชายหนุ่มยกมือขวาขึ้นกดตรงกลางกระหม่อมตัวเอง จากนั้น…โลกของเต้าคงก็มืดมิด

ซูหมิงมีสีหน้าเฉยเมย มือขวากำลังกดกลางกระหม่อมเต้าคง ชั่วขณะที่กดมือเขาหลับตาลง ดวงวิญญาณออกจากร่าง ไหลไปตามมือขวาเข้าสู่ร่างเต้าคง

เต้าคงตัวสั่นอย่างรุนแรง สีหน้าบิดเบี้ยว ดวงตาสองข้างเต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย แต่กลับไร้ประกาย ดูจากสีหน้าแล้วจะรู้ว่าตอนนี้เขากำลังเจ็บปวดไม่น้อย

อวี้โหรวกับชื่อหั่วโหวเฝ้าอยู่ตรงประตู พวกเขาหันไปมองซูหมิงกับเต้าคง ชื่อหั่วโหวยังดีหน่อย เพียงนัยน์ตาฉายแววประหลาดใจ ทว่าอวี้โหรว พอเป็นการกระทำซูหมิงแล้วก็หน้าเปลี่ยนสีทันที

ก่อนหน้านี้นางยังคาดเดาว่าเป้าหมายของซูหมิงคืออะไร เป็นที่รู้ดีว่าการจะสังหารเต้าคงที่นี่เป็นเรื่องง่าย แต่ปัญหาหลังจากนั้นกลับมากมายนัก แต่จนถึงตอนนี้นางเพิ่งจะเข้าใจ เป้าหมายของซูหมิงไม่ใช่การสังหาร…แต่เป็นยึดร่าง!

เทียบกับนางแล้ว บรรพบุรุษตระกูลอวี้สิบสามคนข้างกายเต้าคงสงบนิ่งกว่า ในสายตาพวกเขาซูหมิงคือบรรพบุรุษรุ่นก่อน คือเทพเจ้า พวกเขาไม่ลังเลต่อคำสั่งและการกระทำของซูหมิง แต่จะทำทุกอย่างให้ลุล่วงโดยไม่สนสิ่งใด

ความเงียบและประหลาดในห้องซูหมิงกลายความแตกต่างอย่างชัดเจนกับโลกภายนอก แทบเป็นช่วงที่เต้าคงถูกเคลื่อนย้ายมา ก็เกิดเสียงโครมครามราวกับเกิดพายุคลั่งภายในห้องของเต้าคง

เมื่อเกิดเสียงดังกึกก้อง ร่างเงาเก้าคนก็พุ่งออกมาอย่างบ้าคลั่ง ร่างเก้าคนนี้คือชายชราเก้าคนที่หลับตาอยู่ตลอด ทันทีที่พวกเขาพุ่งออกมา ทั้งเก้าคนล้วนลืมตาขึ้นพร้อมกัน

ช่วงที่พวกเขาลืมตา จะเห็นว่าในดวงตาพวกเขาไม่มีตาดำ แต่เป็นสีขาว สีขาวที่ว่าก็ไม่ใช่ขาวซีด แต่….เป็นสีคล้ายกับกระดูก

เสียงโครมครามดังขึ้นในเวลานี้ ท่ามกลางเสียงดังสนั่น พวกเขาเก้าคนบุกเข้าไปทุกห้องในลานประมูลราวกับมังกรพิโรธเก้าตัว จากนั้นค้นหาอย่างบ้าคลั่งโดยแทบจะไม่สนอะไรทั้งสิ้น

พวกเขารู้สึกได้ว่าเต้าคงไม่ได้ถูกเคลื่อนย้ายไปไกลมากนัก…แต่อยู่ใกล้ๆ นี้!

“พวกเจ้าทำอะไร!”

“ศัตรูโจมตี!”

“พวกเขาคือคนโลกแท้จริงดาราสัจธรรม!”

หลังจากเก้าคนนี้บุกเข้าไป ต่างมีเสียงตะโกนด้วยความโกรธแว่วออกมาจากในห้องของลานประมูล ท่ามกลางเสียงระเบิดดังสนั่น เก้าคนนี้ปลดปล่อยพลังทั้งหมด ไม่อยากเชื่อว่าทุกคนจะมีการโจมตีแก่กล้าในระดับเจ้าปกครองโลกตอนปลาย

นอกจากนี้ด้านหลังเก้าคนยังมีหญิงอาภรณ์สีม่วงคนหนึ่งเดินออกมาจากมวลอากาศ เส้นผมยาวปลิวไสว ใบหน้างดงามพอจะเทียบเท่าอวี้โหรว กระทั่งเรียกได้ว่างดงามเป็นเลิศเหมือนกัน

“หยุดอยู่ตรงนั้น!” นางเอ่ยเสียงเย็นชา ในดวงตามีแสงม่วงขยับวูบวาบติดกันเจ็ดครั้ง ก่อนจะชี้ไปยังห้องหนึ่งที่อยู่ไกลๆ ห้องนั้นคือห้องซูหมิง

นางหาเต้าคงเจอก็เพราะว่าตอนที่ถูกมอบให้เต้าคง ชีวิตนางถูกสำนักดาราสัจธรรมกับสำนักหงส์เชื่อมเข้ากับเต้าคงแล้ว ดังนั้นนางจึงรู้ตำแหน่งของเขาได้ในเวลาอันสั้นเท่านี้

หลังจากนางเอ่ยออกไป ดวงตาชายชราเก้าคนพลันเปล่งแสงสีขาว ต่างเงยหน้าขึ้นพร้อมกัน สายตาจ้องห้องที่สวี่ฮุ่ยชี้ไปตาเขม็ง จากนั้นใช้ความเร็วทั้งหมดพุ่งไปยังห้องนั้นท่ามกลางเสียงแหลมลากยาวจากการแหวกอากาศ

และยังมีร่างหญิงสาวคนหนึ่งพุ่งไปยังห้องนั้นพร้อมกับชายชราเก้าคนด้วย กระทั่งยังเร็วกว่าเล็กน้อย นางไม่ใช่สวี่ฮุ่ย แต่เป็นหญิงสาวคนนั้น มองไปแวบหนึ่งร่างกายนางเหมือนเปลี่ยนเป็นแมว ด้วยความเร็วของนาง พริบตาเดียวจึงเข้าไปใกล้ประตูห้อง มือสองข้างมีเล็บคมกริบยาวขึ้นสามชุ่น

ส่วนสวี่ฮุ่ยดวงตาเย็นชา นางขยับกายวูบไหว ด้านหลังพลันปรากฏเงามายาดวงจันทร์ ขั้นพลังคือ…ภัยพิบัติจันทรา!

“ดาวทมิฬช่างหาญกล้านัก ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าวางแผนต่อโลกแท้จริงดาราสัจธรรมอย่างโจ่งแจ้งในงานประมูลครั้งนี้!” สวี่ฮุ่ยวูบไหวกายไป นัยน์ตาฉายแววดุร้าย

ทว่าแทบเป็นช่วงที่นางกล่าวขึ้น ก็มีเสียงหึเย็นชาดังกังวาน

“คนโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ตอนนี้ยังอยู่ในช่วงงานประมูล พวกเจ้าก่อความวุ่นวายเช่นนี้ จะต้องชี้แจงแก่ดาวทมิฬ” ขณะเดียวกับที่เสียงเย็นชาดังกังวาน ตรงหน้าสวี่ฮุ่ยพลันปรากฏสายลมที่เพียงพอจะทำลายล้างอากาศ

หนำซ้ำตรงหน้าชายชราเก้าคนยังปรากฏร่างเก้าคนพร้อมกัน แม้แต่ตรงหน้าหญิงที่กลายเป็นแมวยังมีชายชราคนหนึ่ง เขายกฝ่ามือขึ้นขวางสตรีแมวเอาไว้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version