Skip to content

สู่วิถีอสุรา 907

ตอนที่ 907 สวี่ฮุ่ย ข้าไม่เป็นไร

ภายในห้องของซูหมิง ชายชราสิบสามคนนั่งขัดสมาธิอยู่ ขั้นพลังโคจรทั้งหมด ก่อขึ้นเป็นแรงกดดันแก่กล้าหลังรวมเข้าด้วยกัน แล้วปกคลุมร่างเต้าคงไว้

ซูหมิงหลับตา เต้าคงก็หลับตาเช่นกัน

ทว่าเต้าคงกลับตัวสั่นอย่างรุนแรง ตอนนี้ในหัวมีเสียงระเบิดดังกึกก้องไปโดยรอบราวกับเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ เหมือนกับฟ้าดินพังพินาศ สัญญาณของเสียงดังสนั่นนั้นวนเวียนอยู่รอบๆ

“เจ้าเป็นใคร! เจ้าเป็นใครกันแน่!” ในโลกจิตใจเต้าคงเป็นผืนความว่างเปล่าที่สว่างพร่างพราว เขายืนอยู่ตรงนั้น ตะโกนออกไปอย่างบ้าคลั่งในโลกจิต พร้อมด้วยความสิ้นหวังและหวาดกลัว

สิ่งที่ตอบเขาเป็นเสียงหึเย็นชา รวมถึงร่างใหญ่ยักษ์

ร่างนั้นรวมมาจากวิญญาณซูหมิง เขายืนอยู่ในโลกจิตใจเต้าคงราวกับเทพเจ้าลงมาเยือนยังโลกมนุษย์ เสียงขึ้นจมูกเย็นชายังประหนึ่งสามารถทำให้จิตใจเต้าคงแหลกสลาย จิตใจเกิดการสั่นไหวอย่างรุนแรง

“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้นามข้า” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ ร่างเงาใหญ่ยักษ์ยกมือขวาขึ้นกดไปยังเต้าคง ทันใดนั้นฝ่ามือก็ขยายใหญ่ขึ้นไม่มีขีดจำกัด ก่อนจะตรงไปหาอีกฝ่าย

เต้าคงมีสีหน้าเหี้ยมโหด เผยความบ้าคลั่ง ตอนนี้หากเขามองเงื่อนงำไม่ออก เช่นนั้นก็คงไม่คู่ควรกับคำว่าโอรสสวรรค์แล้ว

“เจ้าจะยึดร่างข้า! บัดซบ ต่อให้เจ้ายึดร่างข้าสำเร็จ เจ้าก็หนีไม่พ้นความตาย!”

เต้าคงตะโกนพลางยกสองมือขึ้น ขั้นพลังและวิญญาณเขารวมถึงความคิดทั้งหมดประหนึ่งเดือดพล่านขึ้นมา พวกมันรวมอยู่ในสองมือ แล้วเข้าขวางมือใหญ่ของซูหมิงเอาไว้

เสียงโครมดังขึ้น เต้าคงตัวสั่นสะท้าน ในมุมมองเขา ยามนี้มือขวาซูหมิงขยายใหญ่ขึ้นไม่หยุด ราวกับว่าจะมาแทนที่ท้องนภา เขาไม่อาจต่อต้านฝ่ามือที่กดมานี้ได้เลย ฝ่ามือใหญ่ปกคลุมตัวเขาในพริบตา

ในเวลาเดียวกัน ความเจ็บปวดจากการถูกฉีกทึ้งผุดขึ้นในวิญญาณเต้าคงอย่างชัดเจน ความเจ็บปวดนั้นเหมือนกับมีจิตสำนึกบางอย่างกำลังฉีกวิญญาณเขาออกอย่างรุนแรง บุกทะลวงเข้าไปข้างใน แล้วลบจิตสำนึกของเขาไปอย่างไร้ปรานีทีละน้อย

คล้ายกับนี่เป็นสถานการณ์ที่ไม่อาจย้อนกลับ เป็นความจริงที่ไม่ว่าพลังใดก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ทุกอย่างทำให้เต้าคงร้องคำรามจนกลายเป็นเสียงแหลม ความคลุ้มคลั่งเปลี่ยนเป็นสิ้นหวัง

เขาเคยเห็นคนอื่นยึดร่างมาก่อน แต่ไม่เคยคิดเลยว่าวันหนึ่งตนจะเผชิญหน้ากับการยึดร่างเสียเอง ความหวาดกลัวแบบนี้ไม่อาจใช้คำพูดมาบรรยาย นั่นคือความสิ้นหวังที่อนาถเสียยิ่งกว่าความตายไม่รู้กี่เท่า

“สมควรตาย เป็นเจ้าเองที่เอาเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราออกมา เป้าหมายก็เพื่อล่อให้ข้าซื้อ เจ้าซ่อนอาคมเคลื่อนย้ายไว้ในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา เจ้า…เจ้าสังหารเจ้าของเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนั้น ต่อให้เจ้ายึดร่างข้าได้ สำนักดาราสัจธรรมก็ไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!” เต้าคงตะโกนเสียงแหลม ทว่าฝ่ามือที่ปกคลุมร่างเขากลับเหมือนฟ้าดินย่อขนาดลงพร้อมกัน ทำให้ตัวเขาไม่อาจขัดขืน ความรู้สึกที่ถูกฉีกวิญญาณและถูกบุกเข้ามายึดครองเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ

เขารู้สึกว่าอย่างมากสุดก็สิบลมหายใจ วิญญาณเขา…จะลอยล่องหายไป!

“เหตุใดเจ้าต้องยึดร่างข้า! หากเป็นสติปัญญาความสามารถ บนดาวทมิฬยังมีเยี่ยวั่ง ความสามารถเขาดีกว่าข้าอีก จะ….เจ้าปล่อยข้าไปเถอะ ข้าจะช่วยเจ้าจับเยี่ยวั่ง ช่วยเจ้ายึดร่างเขา!

ข้า…ข้ายังแนะนำให้เจ้าเป็นผู้มาเยือนของสำนักดาราสัจธรรมได้ ปล่อยข้าไป ขะ….ข้าไม่อยากถูกยึดร่าง!” เต้าคงแทบจะอ้อนวอนแล้ว

สิ้นเสียงเขา แรงกดดันจากร่างกายพลันเบาบางลงเล็กน้อย กระทั่งความรู้สึกว่าวิญญาณถูกฉีกยังไม่เพิ่มขึ้นอีก ในใจเขาจึงเกิดความหวังขึ้นทันที

ช่วงที่รู้สึกว่าแรงกดดันเบาบางลง ในใจเต้าคงก็เกิดจิตสังหารอย่างแรงกล้า เขาอาศัยจังหวะนี้บริกรรมอาคมซับซ้อนเข้าใจยากอย่างไม่ลังเล

“เต่า (อธิษฐาน) เชิง (ชื่นชม) จ่ง (ทั้งหมด)!” ทันทีที่เขากล่าวสามคำนี้ พลันมีลำแสงระเบิดบนตัวเขาสายหนึ่ง ลำแสงนี้วนเวียนรอบตัวเขา และยังมีอักขระซับซ้อนอีกสามตัวปรากฏขึ้นมา มันวนโคจรอย่างเร็วไวกลางลำแสงจ้า กลิ่นอายพลังมหาศาลแผ่กระจายมาจากอักขระสามตัวนี้และจากในลำแสงโดยไม่กักเอาไว้แม้แต่น้อย

“บรรพบุรุษช่วยข้าด้วย!” เต้าคงตะโกนเสียงดังไปทางอักขระสามตัวนี้โดยพลัน

ซูหมิงยิ้มเยาะมุมปากเล็กน้อยอย่างที่ไม่อาจตรวจพบ เขากำลังรอให้เต้าคงใช้กลอุบายนี้อยู่เลย เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของเต้าคงในสำนักดาราสัจธรรม เต้าเหรินย่อมไม่อาจเทียบกับเต้าคงได้อยู่แล้ว ดังนั้นในตัวเต้าคงจึงมีโอกาสสูงมากที่จะมีวิชาปกป้องจากผู้แข็งแกร่งบางคน

หากวิชานี้ถูกบีบให้ใช้ออกมาก็จะควบคุมไม่ได้ และไม่เป็นไปตามแผนของซูหมิง ฉะนั้นซูหมิงจึงจงใจผ่อนคลายลง เมื่อเป็นเช่นนั้นแล้ว เต้าคงที่ถูกบีบให้จนตรอกจะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้แน่นอน และเริ่มใช้วิชาปกป้องชีวิต

นี่จะทำให้วิชาปกป้องชีวิตที่ควบคุมไม่ได้นี้ ซูหมิงสามารถควบคุมเวลาการปรากฏของมันได้ หากควบคุมเวลาได้ เช่นนั้นก็จะสำเร็จขั้นตอนที่สำคัญที่สุดในแผนการยึดร่าง

แบบนี้จะทำให้คนสำนักดาราสัจธรรมเชื่อว่าเต้าคงที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าพวกเขาในอนาคตคือเต้าคงจริงๆ

“ยึดร่างเจ้าใช้ไม่ถึงสิบห้าลมหายใจด้วยซ้ำ” ซูหมิงยิ้มเยาะ พริบตาที่อักขระสามตัวในลำแสงจ้าปล่อยระลอกคลื่น เขาก็พุ่งทะยานเข้าไปหาเต้าคงทันที

ภาพนี้เหมือนกับร่างใหญ่ยักษ์ของซูหมิงกลายเป็นหมอกมุดเข้าไปในร่างกายเต้าคงพร้อมกัน มิหนำซ้ำยังปะทะกับแสงจ้าและอักขระ

เสียงครึกโครมดังสนั่นติดต่อกันในโลกจิตใจของเต้าคง มองไปร่างเงาซูหมิงประหนึ่งถูกลำแสงจ้าลบหายไปอย่างรวดเร็ว

ชั่วขณะที่ร่างกายเขาหายไปทั้งหมด ใบหน้าเหยเกยของเต้าคงเผยความหวาดกลัว มีอาการหยุดชะงักไปครู่หนึ่ง ทว่าครู่เดียวก็หายไปในพริบตา ใบหน้าเขายังคงบิดเบี้ยวและมีความกลัวหลงเหลืออยู่ มีเพียงส่วนลึกในดวงตาซึ่งมีบางอย่างต่างออกไปโดยที่คนนอกไม่สังเกตเห็น ความแตกต่างนั้นเปลี่ยนความอึมครึมเย็นชาของเต้าคงให้กลายเป็นความลุ่มลึก

“บัดซบ เจ้าจะยึดร่างข้า ไม่มีใครยึดร่างข้าเต้าคงได้ทั้งนั้น!” เต้าคงเงยหน้าตะโกนขึ้นฟ้า โลกในจิตใจเขาพลันบิดเบี้ยวและค่อยๆ เลือนราง รวมถึงร่างของเขาด้วย ทุกสิ่งกลายเป็นน้ำวนใหญ่ตรงเข้ามาปกคลุมร่างกายเขา ก่อนจะหายวับไป

……..

นอกห้องซูหมิง คนตระกูลเลี่ยซานกับคนสำนักดาราสัจธรรมกำลังปะทะกันอยู่

“งานประมูลดาวทมิฬยังดำเนินอยู่ พวกเจ้าทำผิดฝ่าฝืนกฎดาวทมิฬ ต่อให้เป็นโลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็ห้ามโอหังเช่นนี้!” เสียงแก่ชราดังเนิบช้ามาจากสายลมที่ทำลายมวลอากาศตรงหน้าสวี่ฮุ่ยได้

สิ้นเสียง ร่างแก่ชราของผู้เฒ่าวายุก็เผยตัวมาจากความว่างเปล่า เขาสะบัดแขนเสื้อ ทำให้สวี่ฮุ่ยหน้าเปลี่ยนสีโดยทันที นางถอยติดกันหลายก้าว หรี่ตาสองข้างลง

คนที่ถอยไม่ใช่เพียงนาง แต่ยังมีชายชราเก้าคนที่ติดตามอยู่ข้างกายเต้าคงและยามนี้ลืมตาขึ้นแล้ว ชายชราเก้าคนถอยไปพร้อมกัน ทุกก้าวที่เหยียบลงพื้นจะทำให้แผ่นดินสั่นสะเทือน

คนที่ขวางพวกเขาเก้าคนคือชายชราเก้าคนเช่นกัน เก้าคนนี้มาจากตระกูลต่างกัน ทว่าล้วนเป็นคนดาวทมิฬ เป็นคนลัทธิเต๋าหมึกดำ!

และยังมีนางแมวที่รวดเร็วอย่างยิ่งคนนั้น นางร้องเสียงแหลมเล็ก ร่างกายม้วนถอยไปคล้ายบิดเบี้ยว นางถอยไปหลายจั้ง รอบตัวมีม่านสายฝนวนรอบ ทำให้ร่างนางดูขมุกขมัว วูบวาบไปมา

“น่าสนใจ ดาวทมิฬของเจ้ามีผู้แข็งแกร่งเยอะจริงๆ พริบตาเดียวก็โผล่มาที่นี่ได้ขนาดนี้แล้ว หรือว่า….พวกเจ้ารออยู่ที่นี่ก่อนแล้ว รอเพียงเต้าคงหายตัวไป ก็จะออกมาขวางพวกข้าทันที!” สวี่ฮุ่ยหรี่ตาลงพร้อมเอ่ยด้วยเสียงเยาะหยัน

“ดาวทมิฬ ไม่ว่าพวกเจ้าจะมาอยู่ที่นี่เพราะเหตุใด แต่หากพวกเจ้ายังขวางพวกข้าอีก ได้เกิดสงครามเต็มรูปแบบระหว่างโลกแท้จริงดาราสัจธรรมกับดาวทมิฬของเจ้าแน่!

เต้าคงทายาทสายตรงของสำนักดาราสัจธรรมแห่งโลกแท้จริงดาราสัจธรรมหายตัวไป เรื่องนี้พวกเจ้าต้องชี้แจงให้กับพวกเรา!”

ผู้เฒ่าวายุมีสีหน้าสงบนิ่ง จากความต้องการของซูหมิง เขาแค่ต้องขวางอีกฝ่ายเอาไว้สิบห้าลมหายใจ ตอนนี้ใกล้จะครบเวลาแล้ว เขามองคนสำนักดาราสัจธรรมเหล่านี้แวบหนึ่ง โดยเฉพาะสวี่ฮุ่ยที่เขาเพ่งมองเป็นพิเศษ

“ไม่ทราบว่าทายาทสายตรงของสำนักดาราสัจธรรมหายตัวไปได้อย่างไร ช่วยอธิบายให้กระจ่างด้วย หากหายไปในงานประมูลดาวทมิฬจริงๆ เช่นนั้นข้าย่อมไม่ขวาง แต่จะช่วยโลกแท้จริงดาราสัจธรรมตามหาทายาทสายตรงของพวกเจ้าด้วย” ผู้เฒ่าวายุกล่าวราบเรียบ เขาแอบนับเวลาอยู่ ตอนนี้สิบห้าลมหายใจแล้ว ถึงไม่รู้เป้าหมายของ ซูหมิง แต่เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาด การถ่วงเวลาเพิ่มไปอีกเล็กน้อยย่อมดีกว่า

“แต่หากพวกเจ้าบอกสาเหตุไม่ได้ จากเรื่องที่พวกเจ้าก่อความวุ่นวายเมื่อครู่นี้ จากนี้ไปโลกแท้จริงดาราสัจธรรมห้ามเข้ามาเหยียบดาวทมิฬอีก” ผู้เฒ่าวายุเพิ่งกล่าวจบ หนึ่งในชายชราเก้าคนพลันแค่นเสียงเย็นชา

“เมื่อครู่นี้นายน้อยประมูลเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา หลังจากพวกเจ้านำเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารามาส่งแล้ว พอนายน้อยสัมผัสเสื้อคลุมก็ถูกเคลื่อนย้ายไป หากบอกเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับพวกเจ้า ข้าไม่มีทางเชื่อ!”

“อ้อ? คังจิ่ว เจ้าไปดูห้องของโลกแท้จริงดาราสัจธรรมหน่อย หาดูว่ามีระลอกคลื่นอาคมเคลื่อนย้ายหรือไม่” ผู้เฒ่าวายุกล่าวเรียบๆ เลี่ยซานคังจิ่วข้างกายก้มหน้าขานรับทันที แล้วเดินไปยังห้องของคนสำนักดาราสัจธรรม

ตอนนี้ชายชราเก้าคนที่ติดตามเต้าคงต่างมีสีหน้าทะมึนอย่างยิ่ง ทว่าที่นี่คือดาวทมิฬ ตรงหน้าพวกเขายังมีคนอีกเก้าคนที่ขั้นพลังไม่ด้อยไปกว่ากันอยู่ ทำให้พวกเขาบุกไปไม่ได้เลย

สวี่ฮุ่ยยิ้มเยาะ นางมองห้องที่รู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของเต้าคงแวบหนึ่ง กายพลันขยับวูบไหว ตัวนางกลายเป็นสี่คนในพริบตา พุ่งไปยังห้องซูหมิงจากทิศทางที่ต่างกัน

ผู้เฒ่าวายุขมวดคิ้ว เขาสะบัดแขนเสื้อ พลันมีพายุคลั่งทะยานเข้ามา ขณะกำลังจะม้วนสวี่ฮุ่ยที่กลายเป็นร่างสี่คน สวี่ฮุ่ยยิ้มเยาะ ร่างสี่คนขยับวูบไหวอีกครั้ง พริบตาเดียวก็กลายเป็นนางสิบหกคนปรากฏต่อสายตาทุกคน

“บุกเข้าไป!” สวี่ฮุ่ยสิบหกคนกล่าวพร้อมกัน นางแมวคนนั้นคำรามเสียงแหลม ร่างกายเปลี่ยนไปอย่างสมบูรณ์ กลายเป็นร่างสัตว์มากกว่าครึ่ง มีผลให้นางเหมือนกับแมวที่กำลังพุ่งไปยังประตูจริงๆ

ชายชราเก้าคนนั้นก็พ่นโลหิตพร้อมกัน เหมือนกระตุ้นวิชาต้องห้ามบางอย่าง ขั้นพลังจึงพุ่งทะยานขึ้น จากนั้นพุ่งไปยังประตูราวกับมังกรคลั่งเก้าตัว

“สิบแปดหัตถ์หงส์ทะเลสาบ! เจ้าเป็นคนสำนักหงส์!” ผู้เฒ่าวายุหรี่ตาลง

สวี่ฮุ่ยสิบหกคนยกมือขวาพร้อมกัน แล้วตบฝ่ามือผ่านอากาศไปทางประตูห้องซูหมิง ท่ามกลางเสียงดังสนั่น มวลอากาศนอกประตูห้องซูหมิงบิดเบี้ยว ก่อนปรากฏร่างสวี่ฮุ่ยคนที่สิบเจ็ด เหมือนว่านางจะรับพลังจากฝ่ามือของร่างเงาสิบหกคน หลังจากรวมไว้ในร่างกายแล้วก็กลายเป็นฝ่ามือที่สิบเจ็ด

หนึ่งฝ่ามืออัดใส่ประตูด้วยความเร็วที่ไม่อาจขวางกั้น

โครม!

ประตูห้องพังลงทันใด ทว่าชั่วขณะที่ประตูระเบิดออก ก็มีเสียงหนักแน่นดังมาจากประตูที่พังทลาย

“สวี่ฮุ่ย ข้าไม่เป็นไร”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version