Skip to content

สู่วิถีอสุรา 910

ตอนที่ 910 สั่งสมก่อนปะทุ

สิ้นเสียงซูหมิง ชายชราเก้าคนข้างกายมีสีหน้าปกติ เห็นได้ชัดว่าชายกำยำร่างแปลงของกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกไม่มีขั้นพลังพอจะดึงดูดความสนใจพวกเขา

นักรบมรณะสามพันคนด้านหลังซูหมิงก็ไม่ได้หน้าเปลี่ยนสีอะไรมากนัก ทว่ากลับมีพลังเหลือล้นระเบิดมาจากตัวพวกเขาสามพันคน ก่อเป็นแรงกดดันแก่กล้าปกคลุมทั้งเมืองโลกดาราเอาไว้ โดยเฉพาะตัวชายกำยำร่างแปลงกระเรียนขนร่วงกับ มังกรยมโลก

ในเวลาเดียวกัน นางแมวข้างกายซูหมิงตาเป็นประกาย หูสองข้างพลันแหลมขึ้นไม่น้อย ก่อนจะขยับกายวูบไหว ใช้ความเร็วที่แม้แต่ซูหมิงยังต้องหรี่ตาลงเล็กน้อยมาปรากฏอยู่ข้างกายชายกำยำสองคน

“อย่าทำร้ายพวกเขา แค่จับเป็นมา” ซูหมิงสะบัดแขนเสื้อแล้วหมุนตัวเดินขึ้นฟ้าไป ชายชราเก้าคนตามมา นักรบมรณะสามพันคนโอบล้อมอยู่รอบๆ

กระเรียนขนร่วงตะลึงงัน เมื่อครู่นี้มันทุ่มเทมากเกินไป จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าบนฟ้ามีคนมากขนาดนี้ ตอนนี้ถูกแรงกดดันกดทับ มันจึงเงยหน้าขึ้นร้องเสียงแหลมทันที

ซูหมิงไม่หันไปมอง กระเรียนขนร่วงควรได้รับการสั่งสอนเสียบ้าง เขาจึงมีสีหน้าเฉยชา บินขึ้นฟ้าไปภายใต้การโอบล้อมของทุกคน จนกระทั่งบินออกจากชั้นบรรยากาศของดาวทมิฬแล้ว ก็มายืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว สายตามองเรือรบยักษ์สิบสามลำ

มองจากไกลๆ เรือรบสิบสามลำนี้ดูโหดเหี้ยม ทุกส่วนเป็นสีดำทึบ มีความอึมครึมแผ่ออกมา โดยเฉพาะตรงหัวเรือยิ่งมีกลิ่นอายชั่วร้าย กลิ่นอายชั่วร้ายรวมกันแต่ไม่กระจายออก ทว่าหากให้กระจายออกเมื่อใด จะสร้างเป็นพลังทำลายล้างฟ้าดินทันที

เรือรบฟ้ากระจ่างดาวของโลกแท้จริงดาราสัจธรรม ทุกลำล้ำค่าอย่างยิ่ง สำนักดาราสัจธรรมถือสิทธิ์ควบคุมไว้ เป็นของวิเศษยักษ์ที่เทียบเคียงได้กับกระบี่โบราณทองสัมฤทธิ์ของโลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงมองเรือรบสิบสามลำ ก็มีหลายร้อยคนบินออกจากบนเรือเหล่านั้นพร้อมกัน หลายร้อยคนนี้มีบุรุษและสตรีรวมหลายร้อย พวกเขาล้วนประสานมือคารวะซูหมิงด้วยสีหน้าเคารพนบนอบ

“ยินดีต้อนรับนายน้อยกลับมา”

ซูหมิงยิ้มน้อยๆ ไม่กล่าวอันใด เพียงก้าวเดินไปจนเข้าใกล้เรือรบ จากนั้นใช้สายตากวาดมองเรือลำหนึ่งที่ใหญ่ที่สุดในสิบสามลำ ก่อนจะเดินขึ้นไป

ทันทีที่ขึ้นเรือรบลำนั้น ชายชราเก้าคนตามมา ส่วนนักรบมรณะสามพันคนแยกย้ายกันเข้าไปยังเรือรบที่เหลือ

บนเรือรบส่วนตัวของเต้าคง ซูหมิงกำลังหลับตา จิตสัมผัสปกคลุมเรือรบ ผ่านไปพักหนึ่งเขาก็เชื่อมต่อกับความทรงจำเต้าคง และได้เข้าใจเรือรบนี้โดยตรง

ตอนนี้เองมีเสียงคำรามแหลมแว่วมาแต่ไกลๆ และเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ พริบตาเดียว เสียงแหลมนั้นก็ดังก้องอยู่ในเรือรบของซูหมิง

“สมควรตาย รู้หรือไม่ว่าพวกเจ้าจับใครมา จะบอกให้ ท่านกระเรียนผู้นี้ไม่ใช่ว่าใครจะมาล่วงเกินกันได้ง่ายๆ พวกเจ้ากล้าจับข้าจะต้องไม่รอดแน่ พวกเจ้าคอยดูเถอะ! เจ้าซูน้อยจะต้องมาช่วยข้า!”

ซูหมิงลืมตาขึ้น มองเห็นหญิงผู้งดงามคนนั้นกำลังใช้สองมือหิ้วชายร่างกำยำสองคน หลังจากมาถึงเรือแล้วก็คลายมือ ปล่อยกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกลง นางยืนอยู่ข้างซูหมิง ก้มหน้าลงด้วยสีหน้าเคารพ

“จะบอกเจ้าให้ ท่านกระเรียนผู้นี้ร้ายกาจนัก เจ้าๆๆ เจ้าคอยดูเถอะ อีกไม่นานพวกเจ้าต้องชดใช้!” กระเรียนขนร่วงทำท่าทีเหี้ยมโหด กล่าวเสียงเล็ก แต่ซูหมิงที่รู้จักมันดีกลับเห็นความหวาดกลัวในใจมัน

มังกรยมโลกข้างๆ เงียบไม่กล่าวอะไร

“ทางที่ดีรีบส่งพวกข้ากลับดาวทมิฬจะดีกว่า ถ้าไม่อย่างนั้น หึๆ ต่อให้พวกเจ้าเป็นคนโลกแท้จริงดาราสัจธรรมก็รับเพลิงโทสะของเจ้าซูน้อยไม่ไหวหรอก!” กระเรียนขนร่วงกล่าวเสียงเล็กอีกครั้ง ทว่าตอนนี้ใจมันหวาดกลัวยิ่ง โดยเฉพาะตอนเห็นสีหน้าเย็นชาของผู้ฝึกฌานรอบๆ ไม่ว่าตนจะข่มขู่อย่างไรก็ยังเฉยเมย จึงเกิดอาการสั่นจากก้นบึ้งหัวใจ

มันพิจารณาสีหน้าของชายหนุ่มรูปงามตรงหน้าตลอดเวลา ความคิดหมุนวนโคจรอย่างรวดเร็ว

‘บัดซบ คนที่ข้าหลอกมาตลอดหลายปีนี้ ไม่มีคนนี้ไม่ใช่รึ?’

‘เหตุใดต้องจับข้า หรือว่า….หรือว่าจะเป็นศัตรูของเจ้าซูน้อย เฮ้อ ซูหมิงหนอซูหมิง เจ้ากำลังทำร้ายท่านกระเรียนผู้นี้ให้ถึงตาย’ กระเรียนขนร่วงไม่มั่นใจ แต่ก็ยังแสร้งทำเป็นว่ามีเบื้องหลังยิ่งใหญ่

ซูหมิงยิ้มเล็กน้อย มองกระเรียนขนร่วงร้องโวยวายไม่หยุด ยกมือขวาขึ้นอย่างเนิบช้า แล้วลูบถุงเก็บวัตถุเบาๆ หินผลึกก้อนหนึ่งพลันปรากฏในมือ

จากนั้นก็โยนหินผลึกนี้ไปบนพื้น

เสียงกระทบใสกังวานของหินผลึกกับพื้นเบามากท่ามกลางเสียงร้องโวยวายของกระเรียนขนร่วง แต่ว่า…ช่วงที่เกิดเสียงดังขึ้น กระเรียนขนร่วงพลันเงียบปาก ดวงตาสองข้างเพ่งมองไป แทบจะกระโจนเข้าไปยังหินผลึกโดยจิตใต้สำนึก ด้วยความเร็วของมัน เสี้ยวขณะเดียวก็คว้าหินผลึกไว้ในมือแล้ว

แถมยังกัดเอาไว้ด้วยสีหน้าตื่นเต้นและฮึกเหิม

“ข้าขาดผู้ติดตามอยู่สองคน” ซูหมิงกล่าวราบเรียบ

กระเรียนขนร่วงเก็บหินผลึกไป มองซูหมิงแล้วตบหน้าอกตัวเองพลางเอ่ยเสียงดัง

“ขะ ขะ ข้ายอมติดตามเจ้า แต่ต้องจ่ายหินผลึกหนึ่งก้อนทุกวัน!” ขณะกล่าวอยู่นี้ มันยังเตะมังกรยมโลกทีหนึ่ง แล้วมองซูหมิงอีกครั้ง

“รวมมันด้วย เป็นหินผนึกสองก้อนต่อวัน!”

“เจ้าขนร่วง!” ชายร่างกำยำมังกรยมโลกมองกระเรียนขนร่วงด้วยความโกรธกริ้ว ขณะกำลังจะเอ่ยปากก็ถูกกระเรียนขนร่วงเตะอีกสองที มันอึ้งงันไป การถูกเตะสองครั้งคือสัญญาณที่พวกมันรู้กัน

มังกรยมโลกแค่นเสียง ไม่กล่าวอะไรอีก

“เอาละ พวกเจ้าลงไปเถอะ แจ้งกับเรือรบอื่นๆ ให้มุ่งหน้าสู่….ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต” นัยน์ตาซูหมิงแวววาว กล่าวอย่างราบเรียบ แล้วนั่งขัดสมาธิลง

คำสั่งของซูหมิงคืออำนาจสูงสุดบนเรือรบสิบสามลำ สิ้นเสียงเขา เรือรบสิบสามลำด้านหลังพลันส่งเสียงลากยาว หมุนเปลี่ยนทิศทาง ข้ามผ่านดาวทมิฬในพริบตา และมุ่งหน้าสู่…..ทะเลดาราต้นกำเนิดจิตด้านหลังดาวทมิฬ

ต่อให้เป็นสวี่ฮุ่ยก็ยังลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ถามอะไร นางไม่แน่ใจภารกิจที่เต้าคงมาดาวทมิฬ จึงคิดว่าการไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็เป็นหนึ่งในภารกิจของเต้าคงเช่นกัน

เรือรบสิบสามลำออกจากฟ้ากระจ่างดาวพร้อมกัน ก่อเป็นระลอกคลื่นหลายชั้น จุดที่เคลื่อนผ่าน ผืนฟ้าจะเกิดคลื่นกระเพื่อมราวกับผิวทะเล

ซูหมิงหลับตานั่งฌานอยู่ เขายกมือขวาขึ้นทำสัญลักษณ์มือกดไปบนพื้น ทันใดนั้นรอบตัวเขาก็ปรากฏม่านแสงมายาขึ้น ม่านแสงขยายออกไปข้างนอก เชื่อมต่อกับข้างบน ก่อขึ้นเป็นพื้นที่กว้างโล่งที่มีเขาเป็นใจกลาง

นี่คืออภินิหารที่เรือรบฟ้ากระจ่างดาวมีอยู่ สามารถสร้างห้องลับที่คนอื่นยากจะเข้ามา คนที่ทำแบบนี้ได้มีเพียงเจ้าของเรือรบเท่านั้น ทว่าซูหมิงยึดร่างเต้าคงแล้วจึงย่อมทำแบบนี้ได้

ภายในห้องลับมีเพียงเขาคนเดียว ทุกคนที่เหลือถูกไล่ออกไป แม้แต่สวี่ฮุ่ยก็ยังไม่อาจแอบเข้ามาในห้องลับบนเรือรบนี้ได้

นี่เป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับซูหมิง

‘กระเรียนขนร่วงฉลาด มันน่าจะตอบสนองได้ทัน คงไม่ต้องไปเตือนอีก’ ขณะที่ ซูหมิงลืมตาขึ้น มีประกายวาววับวูบผ่านดวงตา

‘สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือเพิ่มพลัง’ นัยน์ตาซูหมิงฉายแววเฝ้ารอคอย เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ตอนที่หลับตาลงช้าๆ ก็โคจรขั้นพลังในร่างกายทันที

หลังจากยึดร่างเต้าคงมาแล้ว ขั้นพลังเดิมในร่างกายเต้าคงก็ว่างเปล่า ไม่มีอยู่จริงอีก แต่หายไปทีละน้อยตามการตายของเต้าคง

ความจริง ขั้นพลังซูหมิงก็ยังอยู่จุดสูงสุดของระดับฟ้า

ทว่าด้วยพรสวรรค์ของเต้าคงและประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีของซูหมิง เขามั่นใจว่าจะก้าวสู่เจ้าปกครองโลกได้อย่างง่ายดาย

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงหลับตาลง ขณะที่โคจรขั้นพลังอยู่นี้ ร่างแยกเอ้อชางของเขาในแดนประหลาดวงแหวนบูรพาลืมตาขึ้น มีพลังต้นกำเนิดจิตหลายระลอกลอยขึ้นมาจากร่างแยกเอ้อชาง เหมือนว่าระหว่างมันกับร่างแยกขั้นพลังมีการเชื่อมต่อที่ต่อให้อยู่ไกลเพียงใดก็ยังคงอยู่

‘ขั้นพลังจะก้าวสู่เจ้าปกครองโลกได้ จำเป็นต้องได้รับการยอมรับจากหนึ่งโลกก่อน และอาศัยพลังแห่งโลกนี้มาทำให้ขั้นพลังตัวเองก้าวสู่ระดับเจ้าปกครองโลก

ข้าไม่มีโอกาสทำให้โลกหนึ่งยอมรับแล้ว ทว่า…ข้าไม่ต้องการการยอมรับจากโลกอื่น ข้ามี….โลกเอ้อชางของตัวเอง ก่อนหน้านี้เพราะพรสวรรค์มีขีดจำกัด ข้าจึงไม่อาจเป็นผู้ฝึกฌานระดับเจ้าปกครองโลก แต่ตอนนี้ไม่มีขีดจำกัดพรสวรรค์นั้นแล้ว ข้าจะก้าวสู่…เจ้าปกครองโลก!’ นัยน์ตาซูหมิงเปล่งประกาย ทำสัญลักษณ์สองมือวางไว้บนหน้าตัก จากนั้นสูดลมหายใจเข้าลึก หลับตาลงช้าๆ

ทันทีที่เขาหลับตาลง โลกเอ้อชางในจุดที่ร่างแยกเอ้อชางอยู่พลันเดือดพล่าน พลังต้นกำเนิดจิตอบอวลไปรอบๆ เดิมทีวิญญาณซูหมิงตีตราประทับอยู่ที่นี่ แทบจะในเสี้ยวพริบตา หนึ่งแสนโลกนั้นก็แผ่กระจายพลังแห่งโลกอันเข้มข้นออกมาจากต้นกำเนิดจิต

พลังแห่งโลกนี้มีตราประทับของวิญญาณซูหมิงอยู่ ความคึกคักของมันเหนี่ยวนำกลิ่นอายพลังของร่างแยกขั้นพลัง ทำให้ซูหมิงที่หลับตาอยู่ในเรือรบฟ้ากระจ่างดาวมีขั้นพลังสูงขึ้นทันใด

โครม!

เสียงโครมรุนแรงดังในความคิดเขา นั่นคือการทะลวงจากระดับฟ้าเข้าสู่เจ้าปกครองโลก เพียงการทะลวงครั้งเดียว ร่างเขาก็สั่นสะท้านแล้ว ขั้นพลังเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่าในเสี้ยวลมหายใจ จากจุดสูงสุดของระดับฟ้าก้าวสู่เจ้าปกครองโลกตอนต้น

หลังก้าวสู่เจ้าปกครองโลก จิตสัมผัสของเขาพลันขยายใหญ่ขึ้นร้อยเท่า ความรู้สึกกว้างโล่งเหมือนทั้งฟ้ากระจ่างดาวหลอมรวมเข้าด้วยกันโผล่ขึ้นในจิตใจเขาทันที

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้มาก่อน ตอนนี้เป็นครั้งแรก จึงอดตกเข้าไปอยู่ในห้วงนั้นไม่ได้

“ในที่สุด…ข้าก็ทะลวงพลังสู่เจ้าปกครองโลก” ซูหมิงพึมพำ ถึงร่างกายเขาจะแกร่งอย่างยิ่ง ร่างแยกเอ้อชางก็เหนือกว่าร่างแยกกลืนนภามากโข แต่ขั้นพลังจริงๆ ของเขายังเทียบไม่ติดอยู่มากเนื่องด้วยพรสวรรค์

แต่ว่าตอนนี้ เขาที่รู้สึกถึงพลังเจ้าปกครองโลกยังรู้สึกอีกว่าวิญญาณตนต่างไปจากเดิมเพราะการทะลวงขั้น

“ข้าน่าจะยังทะลวงขั้นพลังต่อไปได้อีก” ซูหมิงลืมตาขึ้นเล็กน้อย ความลุ่มลึกในแววตามีความรู้สึกผ่านโลกมาอย่างโชกโชนแฝงอยู่ เขาเอ่ยเสียงเบาพลางโคจรขั้นพลังอีกครั้ง เหนี่ยวนำโลกเอ้อชาง เมื่อขั้นพลังในร่างกายหมุนโคจรทีละครั้งๆ ก็บุกทะลวงไปสู่เจ้าปกครองโลกตอนกลาง

สั่งสมก่อนปะทุ ซูหมิงในตอนนี้ มีเพียงประโยคนี้เท่านั้นที่ใช้บรรยายได้

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version