Skip to content

สู่วิถีอสุรา 911

ตอนที่ 911 น้ำหวานดอกผนึกจิต

การทะลวงขั้นพลังของซูหมิงครั้งนี้ เพราะว่ามีม่านแสงเรือรบปกคลุมอยู่ จึงขวางระลอกคลื่นไว้ทั้งหมดไม่ให้ออกไปข้างนอกแม้แต่น้อย คนอื่นจึงไม่รับรู้เลย

ทุกอย่างเป็นปกติ

ตอนนี้กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกเดินอย่างทะนงองอาจบนเรือ โดยเฉพาะกระเรียนขนร่วง นัยน์ตามันฉายแววยั่วยุ กวาดสายตามองผู้ฝึกฌานที่นั่งขัดสมาธิอยู่รอบๆ อย่างอวดดีตลอด

บางทีการทำแบบนี้นานๆ อาจจะเหนื่อยอยู่บ้าง ผ่านไปครึ่งชั่วยามจึงกลับมาอยู่ในห้องบนเรือรบของมัน ภายในห้อง มังกรยมโลกจ้องกระเรียนขนร่วง มันไม่เข้าใจอยู่หลายอย่างมาก ต้องรอให้กระเรียนขนร่วงอธิบาย

“เกิดอะไรขึ้นกันแน่” มังกรยมโลกกล่าวเสียงต่ำ

“เจ้าๆๆ…ข้ายอมแล้ว นี่เจ้ายังไม่เข้าใจอีกรึ?” กระเรียนขนร่วงหาวหวอด เหลือบตามองมังกรยมโลกพลางถอนหายใจ

ชายร่างกำยำร่างแปลงมังกรยมโลกขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่กล่าวอะไร

“เรื่องง่ายๆ พวกเราเจอกับเศรษฐีใหญ่แล้ว มีคนสนใจข้า เลยจ่ายราคาสูงเพื่อเชิญให้ข้าเป็นผู้ติดตาม เจ้าเองก็ได้รับอานิสงส์ไปด้วย เรื่องมันก็ประมาณนี้” กระเรียนขนร่วงกะพริบตาปริบๆ

“เอ่อ….ถ้าอย่างนั้นซูหมิงล่ะ?” มังกรยมโลกอึ้งงันไป พอลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็มองกระเรียนขนร่วง

“ไม่ต้องสนใจเขา เขาหรือ ขี้งกจะตายไป เจ้าดูเจ้านายคนใหม่ของเราดีเพียงใด พบกันก็ให้หินผลึกแล้ว ติดตามเขาพวกเราจะมีอนาคตอันสดใสและยิ่งใหญ่แน่นอน อีกอย่างยังได้กลับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมด้วย ดีจะตาย เจ้าเองก็จะได้ไปเจอเจ้านายน้อยของเจ้าเร็วขึ้นด้วย” กระเรียนขนร่วงหัวเราะเฮอะๆ

มังกรยมโลกลังเลอีกครั้ง รู้สึกว่าทำแบบนี้เหมือนจะไม่ดีนัก…

“เอาละ ติดตามท่านกระเรียนผู้นี้ เจ้าเคยเสียเปรียบใครเมื่อไรกัน อย่าคิดมาก รอพวกเรากลับโลกแท้จริงดาราสัจธรรมแล้ว ข้าจะไปโลกจักรพรรดิยมโลกกับเจ้า ถึงตอนนั้นเจ้าก็อย่าลืมหินผลึกที่เจ้ารับปากเอาไว้ด้วย” กระเรียนขนร่วงหาวหวอด ก่อนจะลงไปหมอบอยู่บนพื้นข้างๆ ตอนนี้มันอยู่ในร่างคน ทว่าท่าทางนี้ไม่ว่ามองอย่างไรก็เหมือนกับสุนัขตายตัวหนึ่ง

มังกรยมโลกถอนหายใจและไม่กล่าวอีก แต่ลงไปหมอบอยู่อีกมุมหนึ่ง และก็กลายเป็น….ร่างสุนัขเหลืองตัวใหญ่

ช่วงที่มังกรยมโลกถอนหายใจ นัยน์ตากระเรียนขนร่วงขยับประกายบางๆ อย่างที่ไม่อาจตรวจพบ มันสมองของมังกรยมโลกไม่มีทางเข้าใจความคิดมัน

‘หึๆ บนโลกนี้ คนที่เห็นท่านกระเรียนครั้งแรกแล้วโยนหินผลึกมาให้ก้อนหนึ่ง นอกจากซูหมิงแล้วยังมีใครอีก! เจ้านี่แม้แต่เอ้อชางยังยึดร่างได้ มิหนำซ้ำหลังจากยึดร่างแล้วยังให้วิญญาณเอ้อชางพวกนั้นแยกไม่ออก การยึดร่างผู้ฝึกฌานเล็กจ้อยคนหนึ่งเป็นเรื่องง่ายดายมาก อีกทั้งก่อนหน้านี้ข้าก็ไม่ได้สังเกตวิญญาณเขา แต่พอมองดีๆ ไม่ใช่ซูหมิงแล้วจะเป็นใคร

เฮ้อ ท่านกระเรียนผู้นี้ฉลาดจริงๆ น่าเสียดายที่กระเรียนฉลาดแบบข้ามีน้อยจริงๆ ในโลกนี้’ กระเรียนขนร่วงคิดไปคิดมา ก็มีสีหน้าปลงอนิจจังระหว่างโอหังและอวดดีประหนึ่งยืนอยู่บนยอดเขาสูง

เรือรบสิบสามลำแล่นผ่านฟ้ากระจ่างดาว เวลาผ่านไปทีละวัน พริบตาเดียวก็ครึ่งเดือน

พวกเขาออกจากดาวทมิฬไปไกลแล้ว ตำแหน่งนี้คือรอบนอกใกล้จะเข้าสู่ทะเลดาราต้นกำเนิดจิต การเดินทางตลอดทางไม่มีขุมอำนาจใดกล้าแสดงเจตนาร้ายต่อพวกเขาแม้แต่น้อย

เมื่อมีผู้ฝึกฌานเห็นก็มักจะรีบหลบไปทันที ไม่กล้าล่วงเกิน

กระทั่งดาวกับขุมอำนาจขนาดเล็กบางส่วนกลางเขตระหว่างดาวทมิฬกับทะเลดาราต้นกำเนิดจิต พอเห็นเรือรบสิบสามลำแล้วก็ต่างพากันเปิดทางให้

หากไม่ใช่เรือรบสิบสามลำนี้ แต่เป็นซูหมิงมาเพียงลำพัง เกรงว่ายังไม่ทันถึงรอบนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็ถูกคนขวางเอาไว้ทุกครั้ง

ที่นี่ การสังหารคนและปล้นชิงเป็นสัจธรรมที่ไม่อาจเปลี่ยนแปลง ผู้อ่อนแอถูกผู้แข็งแกร่งเหยียบย่ำก็มีนับไม่ถ้วน คนที่มีขั้นพลังไม่พอไม่มีใครกล้าไปทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

และเพราะมีกฎแบบนี้อยู่ ในพื้นที่นี้จึงมีผู้ฝึกฌานไร้สังกัดคล้ายกับโจรอยู่หลายคน พวกเขาคอยซุ่มอยู่ที่นี่ และจะเคลื่อนไหวกันอย่างไม่ลังเลเมื่อเจอเหยื่อที่คิดว่าปล้นได้

เพียงแต่ว่าเรือรบน่าสะพรึงกลัวสิบสามลำนี้ ไม่มีขุมอำนาจใดกล้าล่วงเกิน

ทุกอย่างเหล่านี้ซูหมิงไม่รู้ ในสิบกว่าวันที่ผ่านมา เขาตกอยู่ในห้วงการทะลวงขั้นพลังตลอด จากการทะลวงหลายต่อหลายครั้ง ก็อาศัยพลังแห่งโลกจากโลกเอ้อชางบรรลุถึงจุดสูงสุดของเจ้าปกครองโลกตอนต้นแล้ว อีกก้าวเดียวก็จะก้าวสู่เจ้าปกครองโลกตอนกลาง

ทว่าหนึ่งก้าวนี้กลับไม่ง่ายนัก หลังจากทะลวงอีกหลายครั้ง ซูหมิงก็รู้ว่าต่อให้อาศัยพรสวรรค์ของเต้าคงก็ต้องใช้เวลาเกือบร้อยปีถึงจะก้าวสู่เจ้าปกครองโลกตอนกลาง

ถึงบอกว่าขั้นพลังเต้าคงข้ามสู่เจ้าปกครองโลกตอนกลางแล้ว แต่ในความทรงจำเต้าคง ซูหมิงเห็นว่าที่อีกฝ่ายบรรลุถึงเจ้าปกครองโลกตอนกลางได้นั้น แม้จะเกี่ยวกับพรสวรรค์ แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือคัมภีร์สำคัญที่มีชื่อเรียกว่าจาริกดาราสัจธรรม

ทายาทสายตรงทุกคน เมื่อขั้นพลังบรรลุถึงคอขวดจะมีโอกาสได้รับจาริกดาราสัจธรรมหนึ่งครั้ง แต่ว่าหนึ่งครั้งนี้มีอัตราเป็นไปได้ที่จะทะลวงผ่านคอขวดอย่างแน่นอนอยู่ และอัตราเป็นไปได้จะมีมากน้อยเพียงใดนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรสวรรค์อย่างใหญ่หลวง

ขั้นพลังเจ้าปกครองโลกตอนกลางของเต้าคง ก็มาจากจาริกดาราสัจธรรมหนึ่งครั้งก่อนเดินทางมาแดนรกร้างต้นกำเนิดจิต

หลังจากล้มเหลวครั้งนี้แล้ว ซูหมิงจึงลืมตาจากสมาธิ นัยน์ตามีประกายวูบวาบ เขาเงียบอยู่ครู่หนึ่งถึงยกมือขวาตบถุงเก็บวัตถุ พลันปรากฏผึ้งพิษตัวหนึ่งในมือ

มันกระพือปีกเบาๆ นอนหมอบอยู่กลางฝ่ามือเขา

จากการบำรุงมาพันกว่าปี ผึ้งพิษสนิทสนมกับเขาอย่างยิ่ง ถึงเวลาที่จะเอาน้ำหวานดอกผนึกจิตออกมาจากในตัวมันแล้ว เขาสูดลมหายใจเข้าลึก นัยน์ตาฉายแววแน่วแน่รางๆ

จากการบำรุงมาพันกว่าปี เขาจึงมั่นใจว่าในตัวผึ้งพิษมีน้ำหวานดอกผนึกจิตอยู่จริงๆ เพียงแต่ว่าน้ำหวานนี้ยากจะเอาออกมาทั้งหมด มันหลอมรวมกับผึ้งพิษไปแล้ว ดังนั้นจึงมีเพียงวิธีเดียว…

นั่นก็คือพิษของมัน!

ในพิษของผึ้งพิษมีน้ำหวานดอกผนึกจิตอยู่ ต้องใช้การควบคุมปริมาณถึงจะทำแบบนี้ได้

เมื่อซูหมิงส่งกระแสจิต ผึ้งพิษกลางมือพลันหายไป แล้วมาปรากฏอยู่ตรงหน้าอกเขา เหล็กในพิษตรงหางกลายเป็นแสงหนาวเยือกแทงบนตัวเขา

หากเวลาในการทำความคุ้นเคยและบำรุงไม่เพียงพอ การที่ผึ้งพิษทำแบบนี้จะทำให้ของเหลวพิษจำนวนมากไหลเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้นสิ่งที่รอเขาอยู่จะไม่ใช่โชควาสนาอีก แต่เป็นอันตราย

ทว่าตอนนี้ในกระแสจิตซูหมิง แม้ว่าผึ้งพิษจะแทงเหล็กในบนตัวเขา แต่กลับควบคุมพิษอย่างระมัดระวัง นำน้ำหวานดอกผนึกจิตในตัวใส่เข้าไปในร่างกายเขาตามพิษไปทีละนิด

เพียงครู่เดียว ร่างกายซูหมิงก็เปลี่ยนสีเป็นม่วงอมดำ ผึ้งพิษดึงเหล็กในออกอย่างเร็วไวก่อนบินรอบตัวซูหมิง ส่งเสียงหึ่งๆ เหมือนกำลังร้อนรนอยู่

ตอนนี้หน้าซูหมิงเป็นสีม่วงอมดำ ตัวเขาสั่นไหว พิษจากผึ้งพิษปกคลุมไปทั่วร่างกายตามการไหลเวียนของเลือด แต่เพราะควบคุมปริมาณเอาไว้ พิษจึงไม่ออกฤทธิ์ในทันที แต่ยังอยู่ในขอบเขตที่ซูหมิงรับไหวอยู่

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก แล้วหลับตาลง

หลายวันต่อมา สีม่วงอมดำบนตัวค่อยๆ ถอดสีออก จนกระทั่งไปรวมอยู่ตรงนิ้วชี้มือขวา ตอนที่นิ้วชี้มือขวากลายเป็นสีดำทึบ เขาลืมตาขึ้นแล้วใช้เล็บกรีดนิ้วชี้ จากนั้นก็มีโลหิตสีดำไหลออกมา

เมื่อระบายโลหิตพิษออกจนหมดแล้ว ในตัวซูหมิงจึงไม่มีพิษอีก แต่มี…สสารสีทองเหมือนกับน้ำผึ้งถูกดึงออกมาจากในกระแสเลือด แต่กลับไม่ติดโลหิตออกมา

วัตถุเส้นสีทองนี้ก็คือ…น้ำหวานผนึกจิต!

กล่าวจริงๆ คือ ปริมาณของมันเป็นเพียงส่วนน้อยมากของน้ำหวานในตัวผึ้งพิษ ทว่าน้ำหวานเพียงเท่านี้ ช่วงที่ซูหมิงหลับตาอีกครั้งและโคจรพลังทั้งหมดเพื่อเร่งพลังโลหิตให้ละลายน้ำหวานนั้น กลับมีเสียงฟ้าผ่าดังเปรี้ยงปร้างในความคิด

เสียงครึกโครมเข้ามาแทนที่จิตสำนึกซูหมิง เสี้ยววินาทีเดียวพลังรุนแรงและบ้าคลั่งก็ระเบิดมาจากในร่างกาย

น้ำหวานดอกผนึกจิต เป็นสมบัติล้ำค่าอย่างยิ่งที่ได้มาจากแดนมรณะหยิน นามของมันคือผนึกจิต ตำนานเล่าลือว่าน้ำหวานชนิดนี้สามารถเปลี่ยนให้คนกลายเป็นเทพ ถึงจะดูเกินจริงไปหน่อย แต่ก็มีตำนานเล่าลือมาเช่นนี้ได้ นั่นก็หมายความว่ามันเป็นสิ่งมหัศจรรย์ในยุคสมัยโบราณ

น้ำหวานดอกผนึกจิตชนิดนี้ กล่าวได้ว่ามันสูญพันธุ์ไปนานแล้วในใต้จักรวาลนี้ ไม่มีใครหามันเจออีกเลย ทว่าภายใต้โชควาสนาฟ้าดิน มีผึ้งพิษตัวหนึ่ง…มีน้ำหวานชนิดนี้อยู่ในร่างกาย

มิหนำซ้ำผึ้งพิษยังไม่ตาย แต่ถูกซูหมิงเก็บมาเลี้ยงเอาไว้!

นี่คือโชควาสนา เป็นโชควาสนาของเขา

กระทั่งหากคนอื่นรู้ว่าซูหมิงมีน้ำหวานดอกผนึกจิต เกรงว่าแม้แต่สี่มหาโลกแท้จริงยังต้องเกิดภัยพิบัติเพื่อแย่งชิงผึ้งพิษ

และยังมีสัตว์ร้ายใต้จักรวาลเหล่านั้นอีก น้ำหวานดอกผนึกจิตคือสมบัติล้ำค่าที่ทำให้พวกมันคลุ้มคลั่ง!

นี่คือวัถตุมหัศจรรย์ที่ไม่ควรจะอยู่ในจักรวาล!

น้ำหวานเพียงเล็กน้อยก็ทำให้ร่างกายซูหมิงเดือดพล่านราวกับไฟลุกภายใต้เสียงอึกทึก กระทั่งจิตใจเขายังหย่อนหยานท่ามกลางเสียงครึกโครม พลังของร่างแยกเป็นเช่นนี้ ร่างแยกกลืนนภาก็เป็นเช่นกัน แต่ร่างแยกเอ้อชางกลับยังมีสติอยู่ คอยเหนี่ยวนำวิญญาณซูหมิง ควบคุมร่างแยกขั้นพลังในทางอ้อม และโคจรพลังไม่หยุดเพื่อละลายน้ำหวานดอกผนึกจิต

ทุกครั้งที่โคจรขั้นพลังครบหนึ่งรอบ น้ำหวานดอกผนึกจิตจะละลายไปเล็กน้อย และทำให้ขั้นพลังซูหมิงเพิ่มขึ้นท่ามกลางเสียงดังสนั่น คอขวดระหว่างจุดสูงสุดเจ้าปกครองโลกตอนต้นกับเจ้าปกครองโลกตอนกลางถูกทะลวงผ่านไปด้วยการโคจรพลังเพียงเก้าครั้ง

ครั้นทะลวงขั้นพลังแล้ว จิตใจซูหมิงก็ยังคงกระจัดกระจายอยู่ พลังของน้ำหวานผนึกจิตในร่างกายรุนแรงเกินไปจริงๆ กระทั่งเกิดความรู้สึกว่าร่างกายจะระเบิด

หนำซ้ำช่วงที่เขาสูบน้ำหวานดอกผนึกจิตและโคจรขั้นพลังครั้งที่สิบ ม่านแสงจากเรือรบก็รับพลังมหาศาลนี้จากร่างกายซูหมิงไม่ไหว เกิดเสียงโครมดังสนั่นพร้อมกับระเบิดเป็นเสี่ยงๆ

หลังจากม่านแสงพังลง ผู้ฝึกฌานทั้งหมดบนเรือรบต่างมองมาโดยพลัน ชายชราเก้าคนนั้นใจสั่นสะท้าน พลันลุกขึ้นยืนทันที

กระทั่งเรือรบสามสิบสามลำยังหยุดนิ่งทั้งหมด

“นายน้อยกำลังฝึกฝนอยู่ เรือรบล้อมเป็นวงแหวนอาคม!” ชายชราผู้มีใบหน้าแก่ชราที่สุดในเก้าคนเอ่ยขึ้นด้วยเสียงน่าเกรงขาม

และเป็นตอนนี้เอง ชายชราเก้าคนนั้นหน้าเปลี่ยนสี มองไปยังฟ้ากระจ่างดาวมืดมิดไกลๆ กระทั่งสวี่ฮุ่ยข้างๆ ยังเดินออกมาจากมวลอากาศ นางมองซูหมิงด้วยสีหน้าจริงจัง แล้วก็มองไกลออกไปทันที

อากาศไกลออกไปเงียบสงัด ทว่าหากมองดีๆ จะเห็นว่าตรงนั้นมีหมอกดำกลุ่มหนึ่งกำลังขยายตัวไปรอบๆ อย่างรวดเร็ว

พอมันขยายตัวก็มีเสียงคล้ายกับเสียงร้องไห้ของทารกดังแว่วเข้ามา

นั่นคือ…สัตว์ร้ายแก่กล้ารอบนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต…ที่ถูกน้ำหวานดอกผนึกจิตล่อเข้ามา!

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version