Skip to content

สู่วิถีอสุรา 934

ตอนที่ 934 เตาหลอมลำดับห้า

ความรัก

สิ่งค้ำจุนในชีวิตคน มิตรภาพ ความรัก ครอบครัว ไปจนถึงบุญคุณ ภายนอกพวกมันมีความปีติและเสียใจควบคู่กัน

ความรักต่อบ้านเกิดภูเขาทมิฬ ความรักเมตตาของท่านปู่ มิตรภาพของสหาย รวมถึงร่างของสตรีแต่ละคนในชีวิตที่เกี่ยวข้องกับความรักทว่าไม่ใช่รักระหว่างชายหญิง สิ่งเหล่านี้เป็นความทรงจำอันล้ำค่าของซูหมิง

ความรักต่อภูเขาทมิฬแทบจะอยู่ระหว่างครอบครัวกับบุญคุณ มันหลอมละลายอยู่ในสายโลหิต ประทับตราอยู่กลางความทรงจำ กลายเป็นความอบอุ่นอีกแบบหนึ่งนอกจากเสียงของมารดาในเงามืด

ความรักและความอบอุ่นนี้คือสาเหตุที่ทำให้ซูหมิงเดินต่อไปได้ตอนที่หลับตาในคืนมืด สุดท้ายเขา…ก็ยังเป็นคน เป็นคนที่มีเลือดเนื้อ

แม้จะมีอภินิหารวิชาไม่มีสิ้นสุด แม้จะอยู่มานานนม แม้จะสังหารคนจนเฉยชา แม้สองมือจะมีกลิ่นคาวเลือด ทว่า…ตอนที่เขาหลับตา สิ่งที่ลอยขึ้นมาในความคิดมากที่สุดก็ยังเป็นเสียงหัวเราะอย่างไร้กังวลตอนอยู่ภูเขาทมิฬ รวมถึงความอบอุ่นที่มีศิษย์พี่และอาจารย์ปกป้องตอนอยู่ยอดเขาลำดับเก้า

ทว่าความจริงช่างโหดร้าย เหมือนกับนำความคิดถึงทั้งหมดมาย่อยให้เป็นช่วงหนึ่งที่คดเคี้ยว ยื่นมือข้างหนึ่งลงไปในบึงน้ำแห่งความทรงจำ…แต่กลับไม่มีวันช้อนขึ้นมาหมด ได้แต่เพียงเศษเท่านั้น

ถึงอยากจะใช้พลังหยุดภาพที่กำลังแล่นผ่านในแวบเดียวเหล่านี้มาก แต่ก็มักจะมีหินก้อนหนึ่งตกลงไป ก่อให้เกิดคลื่นกระเพื่อมในบึงน้ำ รบกวนการหวนคะนึงคิด

เรื่องราวในอดีตมากมายกลายเป็นคำว่าอาจารย์ดังก้องอยู่ในซากปรักหักพังที่เงียบสงัดแห่งนี้ สายตามองรูปปั้นตรงหน้า มองความเก่าแก่ในรูปปั้น….จะไปลืมลงได้อย่างไร

ซูหมิงนั่งคุกเข่าอยู่ข้างรูปปั้น น้ำตารินไหลลงมา

เสียงตี้จิ่วโม่ซาดังแว่วมาข้างหูและออกห่างไปอีกครั้ง ซูหมิงเหมือนไม่ได้ยิน เขามองรูปปั้นอาจารย์อยู่เงียบๆ เหมือนว่าเวลาจะหยุดนิ่งเพราะการเพ่งมองของเขา

จนเวลาผ่านไปไม่รู้นานเท่าไร ซูหมิงก้มหน้าลงมองหินห้าสีขนาดเท่าฝ่ามือใต้เท้ารูปปั้นอาจารย์ พวกมันวางอยู่ตรงนั้น เชื่อมกับรูปปั้นหินยักษ์ ประหนึ่งว่า…มันมีอยู่ตั้งแต่ตอนแรกสุดที่สร้างรูปปั้น

เขามองหินเหล่านั้น สายตามองหินก้อนที่สี่ มันมีสีออกม่วงๆ ดูต่างกับสี่ก้อนอื่น ทำให้ตอนที่เขามองไปเกิดความรู้สึกว่าวิญญาณถูกเหนี่ยวนำจนเลือนราง

“ท่านปู่ฝากหินห้าก้อนนี้เอาไว้ เขาบอกว่า…หากวันหนึ่งศิษย์ของเขามาถึง พวกเขาจะหาหนึ่งก้อนของตัวเองจากหินห้าก้อนนี้พบ หากทำให้หินละลายได้ ก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่านั่นคือศิษย์ของเขาเอง” ตี้จิ่วโม่ซากล่าวเสียงต่ำ

ซูหมิงมองหินก้อนที่สี่พลางยกมือขวาวางลงไปช้าๆ ตอนที่มือขวาสัมผัสกับหินก้อนนั้น ตี้จิ่วโม่ซาเพ่งมองไปอย่างตั้งใจ

เขาเห็นว่าแสงสีม่วงพลันสว่างวาบขึ้นมา ส่องสะท้อนทั้งฟ้ากระจ่างดาวอยู่ภายใน ท่ามกลางแสงม่วงนั้น ร่างเงาซูหมิงถูกหลอมรวมเข้าไป ตอนที่มองไปจึงดูเดี๋ยวปรากฏเดี๋ยวหาย

ซูหมิงตัวสั่น ตอนที่แสงม่วงเปล่งวาบ เขารู้สึกถึงกลิ่นอายพลังของเทียนเสียจื่ออย่างชัดเจน กลิ่นอายพลังนี้เหมือนว่าจะอยู่รอบๆ อยู่ในกาลเวลามาตลอดเพื่อรอคอยศิษย์ของเขามาถึง

ผ่านไปพักใหญ่แสงสีม่วงก็หายไป ซูหมิงยืนอยู่ข้างรูปปั้นเทียนเสียจื่อ หินห้าก้อนด้านบนตอนนี้เปลี่ยนเป็นสี่ก้อนแล้ว

“ตี้จิ่วโม่ซาคารวะศิษย์พี่สี่!” เมื่อตี้จิ่วโม่ซาข้างๆ เห็นภาพตรงหน้าแล้ว ก็ประสานมือคารวะซูหมิงอย่างไม่ลังเล

ซูหมิงเงียบงัน เขามองหินก้อนที่ห้าข้างรูปปั้น จากนั้นก็มองตี้จิ่วโม่ซา

“เจ้าเรียกข้าว่าอะไร?” นัยน์ตาซูหมิงเป็นประกายเฉียบคม

“หลังจากท่านปู่มาถึงทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ข้าก็ได้เป็นศิษย์ในนามของเขาอยู่ในเผ่าลำดับเก้า ท่านปู่เคยบอกกับข้าว่าศิษย์สี่คนของเขาต่างมีอภินิหารวิชาของตัวเอง ท่านจะเรียกข้าว่าก้อนหินลำดับสี่ก็ได้ หากวัดจากคำพูดก่อนจากไปของอาจารย์แล้ว ท่านก็คือ…ซูหมิง!” ตี้จิ่วโม่ซาเงยหน้าขึ้นมองซูหมิง

“ในศิษย์สี่คนของอาจารย์ ข้าธรรมดาที่สุด ศิษย์พี่ใหญ่เป็นประมุขแห่งเก้าอรุณ ศิษย์พี่รองเป็นราชาแห่งหมื่นภูตผี ศิษย์พี่สามอยู่เหนือผนึก เจ้า…มีคุณสมบัติอะไรมาเป็นศิษย์น้องของพวกข้าสี่คน” ซูหมิงมีสีหน้าเรียบนิ่ง แต่คำพูดกลับคมกริบและแฝงด้วยความหนาวเย็นบางๆ

เขาไม่ใช่เด็กหนุ่มที่ความคิดยังไม่สุกงอมและด้อยประสบการณ์อีก เขาผ่านเรื่องราวต่างๆ มามากมาย และยังเข้าใจความโหดร้ายของโลกนี้อย่างลึกซึ้ง ย่อมไม่มีทางเชื่อใครคนหนึ่งง่ายๆ

แม้ว่าคนนี้จะเรียกตนว่าศิษย์พี่สี่ แม้ว่าคนนี้อาจจะเป็นศิษย์คนที่ห้าของอาจารย์จริงๆ ทว่าทุกอย่างก็ยังมีการผันแปร

อีกอย่าง นี่ไม่ใช่เรื่องของซูหมิงคนเดียว แต่คือเรื่องของศิษย์พี่ศิษย์น้องสี่คน การยอมรับศิษย์น้องคนหนึ่งไม่ใช่เรื่องเด็กเล่น

“ข้าธรรมดามาก ต่อให้อยู่ในเผ่าตอนนั้นก็ยังธรรมดา ข้าก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเหตุใดอาจารย์ถึงรับข้าเป็นศิษย์ในนาม จนกระทั่งก่อนเขาจากไป ได้บอกนามของศิษย์สี่คนของเขากับข้า บอกข้าว่าให้ข้ามาที่นี่บ่อยๆ รอคอยศิษย์ของเขาที่อาจจะมาถึงสักวันหนึ่ง” ตี้จิ่วโม่ซาเงียบไปครู่หนึ่งแล้วกล่าวเสียงต่ำ

ซูหมิงมองทอดไกล ตรงนั้น หากดาวแท้จริงยังไม่แยกออก ก็น่าจะเป็นยอดเขาลำดับเก้าที่ถูกสร้างขึ้น

“เหตุใดที่นี่ถึงรกร้าง” ครู่ใหญ่ต่อมา ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง

“สี่เผ่าล้อมโจมตี!” นัยน์ตาตี้จิ่วโม่ซาฉายแววจิตสังหารและเคียดแค้นเด่นชัด ก่อนกัดฟันกล่าวขึ้น

“เหตุใดถึงล้อมโจมตี?” ซูหมิงเอ่ยเสียงเย็นชา

“เพราะหินลำดับห้าปรากฏ เพราะท่านปู่ได้มันไป” ตี้จิ่วโม่ซากำหมัด กล่าวเสียงดังก้อง

“อาจารย์…ยังอยู่หรือไม่” ซูหมิงเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ถามประโยคนี้ขึ้น

“เมื่อพันปีก่อน ท่านปู่เอาก้อนหินลำดับห้าล่อสี่เผ่าไปเพื่อชาวเผ่า เป็นตายอย่างไร…ไม่รู้…แต่จากการลอบตรวจสอบหลายปีมานี้ ข้าเจอเบาะแสอยู่บ้าง ในสี่เผ่านั้นไม่มีก้อนหินลำดับห้า ข้าเดาว่าท่านปู่น่าจะยังไม่ตาย” ตี้จิ่วโม่ซามองซูหมิงพลางเล่าเรื่องทุกอย่างที่รู้

“ก้อนหินลำดับห้าคืออะไร?” ซูหมิงถามขึ้นอีกครั้ง

“เมื่อครอบครอง จะใช้มันเป็นตัวนำทางในทะเลลำดับห้าตรงใจกลางทะเลดาราต้นกำเนิดจิตได้ มันถือว่าเป็นกุญแจสำคัญในการเข้าสู่โลกแท้จริงที่ห้าซึ่งหายสาบสูญไปในกาลเวลา” เสียงตี้จิ่วโม่ซาเข้าถึงหู ซูหมิงจึงเงียบอีกครั้ง

“จะเอาหินลำดับห้ามาได้อย่างไร? หินนี้จะปรากฏได้อย่างไร?” ซูหมิงมองตี้จิ่วโม่ซา

“วิธีได้หินมามีสองวิธี หนึ่งคือแย่งมาจากคนที่มี อีกทางหนึ่งคือ…รอเตาหลอมลำดับห้าเปิดออก

เวลาในการเปิดเตาหลอมไม่แน่ชัด บ้างก็สิบปีครั้ง บ้างก็ร้อยปีครั้ง บางครั้งก็พันปีไปถึงหมื่นปีกระทั่งนานกว่านั้นถึงจะเปิดครั้งหนึ่ง หากเตาหลอมลำดับห้าเปิด มันจะระเบิดเปลวเพลิงเผาไหม้ทั้งทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ต่อให้อยู่ฟ้ากระจ่างดาวนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิตก็ยังเห็นภาพนั้น

เปลวเพลิงจะลุกไหม้ติดต่อกันช่วงหนึ่ง ช่วงเวลานั้นสำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหมดแล้วถือเป็นการทรมานและทดสอบ จะต้องหลบเปลวเพลิง มิเช่นนั้นแล้ววิญญาณจะดับสูญไป

ทว่าก็ยังมีผู้แข็งแกร่งบางส่วนรับเปลวเพลิงเอาไว้ จนกระทั่งเข้าไปในเตาหลอมลำดับห้า บางทีอาจได้รับโชควาสนาครั้งใหญ่จากในนั้น หล่อหลอมร่างกายเป็นดั่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และบางทีก็อาจจะได้รับของวิเศษจากในนั้น ส่วนที่ได้มายากที่สุดก็คือหินลำดับห้า

ทว่าโอกาสที่มีมากกว่าคือตายอยู่ในนั้น ตำนานเล่าว่าเตาหลอมลำดับห้าไม่ใช่วัตถุในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต แต่เป็นเตาในโลกแท้จริงที่ห้า เป็นสมบัติล้ำค่าที่มอบพลังวิญญาณไม่มีสิ้นสุดให้กับโลกแท้จริงที่ห้า แต่พอโลกแท้จริงที่ห้าหายไป เตาหลอมจึงมาปรากฏอยู่ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

ไม่มีใครครอบครองมันได้ ทำได้เพียงมองมันระเบิดหลายต่อหลายครั้งตามกาลเวลาและก็เข้าไปในนั้นเพื่อตามหาโชควาสนา ผ่านไปนานวันเข้า เตาหลอมลำดับห้าก็กลายเป็นหนึ่งในสี่ความลับยิ่งใหญ่ของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต!” ตี้จิ่วโม่ซามองซูหมิงแล้วกล่าวต่อ

“ส่วนสามความลับยิ่งใหญ่ที่เหลือ หนึ่งคือการกำเนิดและมาถึงของทั้งทะเลดาราต้นกำเนิดจิต ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตจะปรากฏน้ำวนมายาเป็นบางครั้ง คนที่เข้าไปไม่เคยมีใครออกมา

พวกเราเรียกน้ำวนเหล่านั้นว่าบึงน้ำของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต บางทีมันอาจเป็นเส้นทางไปสู่อีกโลกที่ไม่มีใครรู้

ความลับที่สองก็คือทะเลดาราต้นกำเนิดจิตไม่มีวันมีสุดปลายขอบเขต ต่อให้หาใจกลางพบ แต่ไม่ว่าจะเดินออกไปไกลเท่าไรก็ไม่มีวันออกจากทะเลดาราต้นกำเนิดจิตได้ เหมือนว่าที่นี่กว้างไกลไร้ขอบเขตจริงๆ

ส่วนความลับที่สามก็คือ แดนกำเนิดของเหล่าวิญญาณบรรพชน หรือก็คือวิหารเหล่าวิญญาณ ตำนานเล่าว่าที่นั่นมีความลับการกำเนิดทะเลดาราต้นกำเนิดจิตอยู่ แต่น่าเสียดาย ทุกครั้งที่วิหารเหล่าวิญญาณปรากฏ แม้แต่ผู้กุมชะตาเกิดดับสูญยังเข้าไปไม่ได้ ดังนั้นข้างในมีอะไรบ้าง คนนอกจึงยากจะล่วงรู้” เสียงตี้จิ่วโม่ซาดังก้อง กำลังเล่าความลับของทะเลดาราต้นกำเนิดจิต

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าอาจารย์ไปที่ใด?” ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วครู่แล้วถามต่ออีกครั้ง

“ทางเข้าโลกแท้จริงที่ห้า กระทั่งมีความเป็นไปได้สูงมากที่อาจารย์จะอยู่โลกแท้จริงที่ห้าแล้ว” ตี้จิ่วโม่ซาตอบไปทันทีอย่างไม่ลังเล

ซูหมิงตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง ขณะกำลังจะกล่าวนั้นก็มีเสียงนกหวีดแหลมดังมาจากในตัวตี้จิ่วโม่ซา เสียงนี้ยาวสองจังหวะและสั้นสามจังหวะ ให้ความรู้สึกที่เร่งรีบมาก

ขณะเดียวกับที่เสียงดังขึ้น ตี้จิ่วโม่ซาหน้าเปลี่ยนสี เขาหมุนตัวกลับไปมองไกลๆ ก่อนเป่าเสียงนกหวีดด้วยแววตาร้อนรน

เสียงนั้นเป็นสั้นสามจังหวะยาวหนึ่งจังหวะ เหมือนกับตอบด้วยภาษาบางอย่างเหมือนกัน

หลังเขาส่งเสียงไปแล้ว ก็มีเสียงนกหวีดดังมาจากร่างกายอีกครั้ง ครั้งนี้ยาวสี่สั้นสาม!

ตี้จิ่วโม่ซาหน้าเปลี่ยนสีไปทั้งหมด เขาขยับวูบไหวไปข้างหน้าอย่างไม่ลังเล แต่เดินออกไปหลายก้าวก็หันกลับไปมองซูหมิง ดวงตาเย็นชาในเวลาปกติตอนนี้มีความซับซ้อนและหวนคะนึงคิด

“ข้าเสร็จงานที่ท่านปู่มอบหมายให้ข้ามาที่นี่ทุกๆ ช่วงเวลาเพื่อรอศิษย์ของเขามาที่นี่แล้ว ไม่ว่าท่านจะยอมรับฐานะของข้าหรือไม่ ข้า…ตี้จิ่วโม่ซาเป็นศิษย์ของท่านปู่ ตาย…ก็คือวิญญาณศิษย์ของท่านปู่!” กล่าวจบ นัยน์ตาตี้จิ่วโม่ซามีความเด็ดขาดและแน่วแน่วูบผ่าน ก่อนจะหันหน้ากลับไปกลายเป็นสายรุ้งยาวบินไกลออกไป

ซูหมิงนิ่งเงียบ เขามองรูปปั้นอาจารย์พลางถอนหายใจเบาๆ จากนั้นสะบัดแขนเสื้อม้วนตัวสวี่ฮุ่ยแล้วเดินหน้าหนึ่งก้าว ร่างเงาพลันหายวับไป เขาใช้การเคลื่อนย้ายในพริบตามาอยู่ข้างตี้จิ่วโม่ซาที่กำลังห้อเหยียดอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ

“ท่าน…” ตี้จิ่วโม่ซาตะลึงงัน

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version