Skip to content

สู่วิถีอสุรา 943

ตอนที่ 943 การเปลี่ยนแปลงของดาราสัจธรรม

นางคือสตรีผู้มีนิสัยที่ซูหมิงไม่เคยเจอมาก่อน

ในวันปกติจะสง่างามนัก แฝงด้วยความเย็นชาเล็กน้อย สูงส่งเหมือนคนยกหางตัวเอง หลังรู้ว่าตนถูกเปลี่ยนอาภรณ์กลับหน้าเปลี่ยนสีเล็กน้อยอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แต่ก็กลับมาเป็นปกติอย่างรวดเร็ว ระดับความไม่ใส่ใจนั้น แม้แต่ซูหมิงเองยังต้องตรึกตรองอย่างละเอียดถึงจะมองออกว่าจริงเท็จประการใด

นี่ยังไม่เท่าไร นางที่ดื่มสุราในตอนนี้เปลี่ยนไปมากจนซูหมิงตะลึงงันอยู่ตรงนั้น

สวี่ฮุ่ยเสียงดังมาก เสียงนางดังก้องโดยรอบในยามเช้าตรู่ ชาวเผ่าลำดับเก้าส่วนใหญ่ได้ยินแล้วต่างพากันเงยหน้าขึ้น ตี้จิ่วโม่ซาสูดลมหายใจเข้า รู้สึกโชคดีนักที่เมื่อครู่ตนออกมาก่อน เขาไม่นึกเลยว่าหลังจากหญิงคนนี้ดื่มสุราไปแล้วจะกล้าหาญเช่นนี้

“สหายสวี่ เป็นตัวอย่างที่ดีมาก!” มีเสียงสตรีดังมาจากในเผ่าลำดับเก้ายามเช้าตรู่ เสียงนั้นมีความยินดี พอดังแว่วมาแล้วก็มีเสียงคนอื่นๆ ดังก้องตามกัน

“ดื่มสุราของเผ่าเราไปสามไห สหายสวี่เป็นผู้โดดเด่นในหมู่สตรี!”

“ท่านผู้มีพระคุณ คู่ชีวิตท่านดื่มไปสามไหแล้ว เหตุใดท่านถึงไม่ดื่ม”

“ถูก ดื่มเลย ดื่มไปสามไห!”

“สามไหไม่พอ สตรีของท่านดื่มไปสามไห ท่านผู้มีพระคุณ ท่านต้องดื่มเก้าไห!”

“ใช่แล้ว ท่านผู้มีพระคุณ พวกเราจะไปเปรียบกับพวกนางไม่ได้ ดื่มเก้าไหให้พวกนางดูหน่อย ท่านผู้มีพระคุณดื่มเถอะ” ชาวเผ่าลำดับเก้าเหล่านั้นส่วนใหญ่รู้จากตี้จิ่วโม่ซาแล้วว่าสวี่ฮุ่ยเป็นผู้ฝึกฌานจากนอกทะเลดาราต้นกำเนิดจิต เรื่องนี้ซูหมิงก็ไม่ได้ปิดบัง และก็ไม่มีความจำเป็นต้องหลอก

จากความเคารพของเผ่าลำดับเก้าต่อซูหมิง ในหลายวันมานี้จะเห็นได้ว่าแม้แต่สวี่ฮุ่ยพวกเขาก็ยังเอาใจใส่อย่างดียิ่ง ประกอบกับการคิดทบทวนเล็กน้อยและคำพูดของ ตี้จิ่วโม่ซา พวกเขาจึงรู้ว่าสวี่ฮุ่ยกับผู้มีพระคุณน่าจะเป็นคู่ฝึกกัน ถ้าไม่อย่างนั้นแล้วเหตุใดถึงอยู่ด้วยกัน…

ซูหมิงยิ้มเฝื่อน

สวี่ฮุ่ยมีสีหน้าลำพองใจ นางวางไหสุราลงในอกซูหมิงแล้วหมุนตัวกลับประสานมือคารวะชาวเผ่าลำดับเก้าตรงตีนเขา เดิมทีนางงดงามอยู่แล้ว เวลานี้ดื่มสุราเข้าไป ท่าประสานมือคารวะจึงดูองอาจ มีเอกลักษณ์เฉพาะที่เวลาปกติจะไม่เห็นในตัวนาง

“ขอบคุณเหล่าสหายเผ่าลำดับเก้ามาก วันนี้ข้าดื่มมากแล้ว แต่จริงๆ ข้ายังดื่มได้อีก ทว่าข้าไม่สบายใจ เพราะข้าสตรีคนเดียวดื่มไปสามไห ทว่าผู้มีพระคุณของพวกเจ้าดื่มไปเพียงครึ่งไหก็ไม่ดื่มแล้ว” สวี่ฮุ่ยพูดเสียงดัง

“ครึ่งไห…” ซูหมิงเพิ่งจะเอ่ยอธิบาย เสียงโห่ร้องจากเผ่าลำดับเก้าก็กลบคำพูดเขาในทันที

ซูหมิงส่ายหน้า สายตามองสวี่ฮุ่ยที่มีบุคลิกองอาจ มองท่าทีลำพองใจของนาง เขาแย้มยิ้มทีละน้อย ความทุกข์ในใจก่อนหน้านี้หายไปโดยไม่รู้ตัว บาดแผลจากภาพที่เนตรปีศาจเห็นไป๋หลิงค่อยๆ สมานรวมกันแล้ว

“หากชีวิตงดงามเหมือนเช่นแรกเริ่ม…” ซูหมิงยิ้มบางๆ พลางยืนขึ้น ยืนอยู่ใต้หินผาภูเขา แล้วหยิบไหสุราขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ท่ามกลางเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีของชาวเผ่าลำดับเก้า

เสียงอึกๆ ดังกังวาน ไม่นานเมื่อดื่มหมดไปหนึ่งไห เขาก็ใช้แขนเสื้อเช็ดมุมปาก แล้วเงยหน้าขึ้นฟ้าร้องเสียงดัง

เสียงของเขาดังก้องไปโดยรอบ ตอนนี้เอง ในเงาแสงของยามเช้าตรู่ บนหินผาของยอดเขานั้น ร่างซูหมิงเหมือนกับมังกรยักษ์ที่มองฟ้าดินด้วยความโอหัง ซ้ำยังคำรามขึ้นฟ้าอยู่ตรงนั้น

ร่างเขาอยู่ในสายตาสวี่ฮุ่ย นางยิ้มในขณะยังเมาอยู่ คนที่ร่วมส่งเสียงโห่ร้องด้วยความยินดีกับพวกเขายังมีชาวเผ่าทั้งหมดในเผ่าลำดับเก้าด้วย

“เอามาอีกไห!” ซูหมิงพูดเสียงดัง

มีชาวเผ่าลำดับเก้าส่งไหสุราเข้ามาอยู่รวดเร็วทันที เขาวางมันรอบตัวซูหมิง ซูหมิงหยิบไหสุราขึ้นมาหนึ่งไห เมื่อเปิดดินเหนียวออกแล้วก็ดื่มไป

น้ำสุราเผ็ดร้อนประหนึ่งกลายเป็นไฟในท้องน้อย และยังมีบางส่วนไหลมาตามมุมปาก ย้อมเส้นผม ทำให้ตัวเขาดูมีอำนาจขึ้นมา

“เอาอีก!” ซูหมิงวางไหสุราลงแล้วหยิบขึ้นมาอีกไห

ไหที่สี่ ไหที่ห้า ไหที่หก…จนกระทั่งดื่มครบเก้าไหแล้ว ร่างเขาก็โซเซ ขณะเงยหน้าหัวเราะเสียงดังก็ล้มตึงลงไป

ซูหมิงเมาแล้ว

คนที่เมาด้วยกันยังมีสวี่ฮุ่ยที่หลับตาลงช้าๆ

ซูหมิงเมาได้อย่างสบายใจเพราะแขนเขามีภาพสัญลักษณ์ของชื่อหั่วโหวอยู่ เพราะถึงร่างแยกขั้นพลังเขาจะเมาหลับอยู่ แต่ยังมีร่างแยกกลืนนภาหลอมรวมอยู่ในร่างกาย รวมถึงมีร่างแยกเอ้อชางคอยคุ้มกันทุกอย่าง และยังมีเนตรปีศาจคอยมองอยู่รอบตัว

ดังนั้นเขาจึงเมาได้ และเขาเองก็อยากเมา หากมีอันตรายใด ร่างแยกจะออกมาทันทีและช่วยถ่วงเวลาให้

ตี้จิ่วโม่ซามองซูหมิงกับสวี่ฮุ่ยที่ล้มลง เขายิ้มพลางส่ายศีรษะ จากนั้นก็อุ้มซูหมิงด้วยตัวเอง โดยให้สตรีในเผ่ามาอุ้มสวี่ฮุ่ยไปด้วย แล้วจึงพาพวกเขาสองคนเข้าไปในเรือนพัก วางลงบน…เตียงเดียวกัน

เวลาผ่านไปช้าๆ ขณะซูหมิงกับสวี่ฮุ่ยนอนหลับในเรือนพักบนยอดเขาเผ่าลำดับเก้า ซูหมิงรู้สึกว่าตนฝันอีกครั้ง

ในความฝัน เขาเหมือนเห็นกายเนื้อตัวเอง เห็นตี้เทียน เห็นไป๋หลิงถูกเปิดผ้าคลุมหัวออก และก็เห็นว่าในโลกแท้จริงดาราสัจธรรมเกิดสงครามระหว่างเผ่าเซียนกับสำนักดาราสัจธรรม ในสงครามนี้ เขาได้ยินเสียงร้องแหลม ทั้งยังมีเสียงโครมครามจากพลังวิชา เพียงแต่มันเหมือนอยู่ห่างไกลจากเขามาก

ภาพเหล่านี้ห่างไปไกลทีละน้อย แต่กลับมีร่างสตรีคนหนึ่ง เหมือนกับว่าอยู่ในอ้อมกอดของตน อบอุ่นมาก เรียบเนียนมาก ทำให้เขากอดนางเอาไว้โดยไม่รู้ตัว

เรื่องหลังจากนี้ไป เขาลืมไปแล้ว

เมื่อแสงตะวันยามเช้าตรู่วันที่สองส่องเข้ามาในเรือนพัก ซูหมิงลืมตาขึ้น

เขามึนงงก่อน จากนั้นตอนที่เอียงศีรษะมองไป บนเตียงมีเพียงเขา เพียงแต่สายตาเห็นว่าข้างกายมีเส้นผมยาวอยู่ นั่นไม่ใช่เส้นผมเขา แต่เป็นของสวี่ฮุ่ย

ซูหมิงนวดคลึงตรงระหว่างคิ้ว ตอนที่โคจรขั้นพลังและได้สติมาโดยพลันนั้น เขาก็เห็นว่าบนหินผานอกเรือนพักตรงจุดที่เขานั่งอยู่ก่อนหน้านี้ สวี่ฮุ่ยกำลังนั่งหันหลังให้เขา สายตามองทอดไกล

มองไม่เห็นใบหน้านาง เห็นเพียงเส้นผมที่สายลมเย็นพัดขึ้น เส้นผมปลิวไสวม้วนไปมา วาดเป็นเส้นโค้งสวยงาม เหมือนกับเส้นโค้งอรชรของแผ่นหลังนางในตอนนี้

ทุกอย่าง เมื่อมองไปท่ามกลางแสงตะวันช่างงามนัก

ซูหมิงยืนขึ้น เดินออกจากเรือนพัก ความสงบเงียบหลายวันมานี้คือความสงบที่มีไม่บ่อยในชีวิต ไม่มีอันตราย ไม่มีการเข่นฆ่า ไม่มีการตาย ไม่มีเสียงหวีดร้องแหลมดังวนข้างหู ทุกอย่างทำให้เขาเหมือนหาชีวิตที่โหยหาที่สุดพบแล้ว

กระทั่งส่วนลึกในใจยังเกิดความปรารถนาที่จะอยู่ในความสงบนี้นานๆ เพียงแต่ความปรารถนานี้ไม่อาจหยุดนิ่งกลางสายลม มันจะถูกสายลมภูเขาพัดไป ไม่ว่าจะยินยอมหรือไม่ ก็ต้องลอยไปโดยหยุดไม่ได้แม้แต่น้อย

เขาทำตามใจตัวเองไม่ได้ ยังมีเรื่องอีกมากที่ยังทำไม่เสร็จ มีความเสียดายอีกมากที่ยังไม่ได้เติมเต็ม และยังมีอีกหลายคนอีกหลายเรื่อง…ที่เขาเป็นห่วง เขาจึง…อยู่สงบนานๆ ไม่ได้

“ให้ข้าเห็นตัวจริงของเจ้าได้หรือไม่” สวี่ฮุ่ยไม่หันกลับไปมอง นางหันหลังให้ซูหมิงพลางกล่าวเสียงเบา

ซูหมิงเงียบอยู่ชั่วขณะก่อนหลับตาลง ตอนที่ลืมตาอีกครั้ง ใบหน้าเขาพลันเปลี่ยนไป ร่างแยกกลืนนภาเข้ามาแทนร่างแยกขั้นพลัง กลายเป็นซูหมิงที่ต่างกับ เต้าคงอย่างสิ้นเชิง นั่นคือ…รูปลักษณ์ของซูหมิง

สวี่ฮุ่ยเหมือนสังเกตเห็นจึงค่อยๆ หันหน้ากลับมา นางเหม่อมองใบหน้าซูหมิง ก่อนเผยยิ้มมุมปากทีละน้อย รอยยิ้มนั้นงดงามมากในสายลมเย็น

“ข้ารู้จักเจ้า เจ้าคือซูหมิงหรือก็คือโม่ซู เจ้าคือคนที่ขุมอำนาจสี่มหาโลกแท้จริงประกาศจับเมื่อพันปีก่อน จากนั้นก็ปรากฏตัวอีกครั้งในพื้นที่โลกแท้จริงหยินศักดิ์สิทธิ์และก่อความวุ่นวายครั้งใหญ่ จนถึงขั้นบรรพบุรุษผู้บรรลุถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับต้องลงมือล่าสังหารด้วยตัวเอง

ทว่าท้ายที่สุด…ก็ยังสังหารเจ้าไม่ได้ แต่กลับยกเลิกการประกาศจับเจ้า ยอมรับการคงอยู่ของเจ้าโดยดุษฎี

ซูหมิง ผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตและเป็นที่จับตามองที่สุดเมื่อพันปีมานี้ เป็นคนคนเดียวที่อยู่เหนือกว่าเยี่ยวั่งด้านความคิดกำราบศัตรูให้อยู่หมัดในสายตาของเต้าคง ไม่นึกเลยว่า…” สวี่ฮุ่ยยิ้มพลางส่ายศีรษะ

“ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะอยู่บนดาวทมิฬและมีขุมอำนาจขนาดนั้น สามารถเปลี่ยนสิ่งเสื่อมโทรมให้กลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์ พลิกชะตาฟ้ายึดร่างเต้าคง….ดูท่าผู้บงการฉากหลังงานประมูลดาวทมิฬก็คือเจ้าเอง!

เจ้าคือประมุขของดาวทมิฬ ควบคุมทุกอย่างของดาวทมิฬ และยังควบคุมงานประมูลให้ส่งเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราตัวนั้นออกไปเพื่อล่อเต้าคงให้มาติดกับ!

ข้าอยากรู้มากว่าหลังจากเจ้ายึดร่างเต้าคงแล้ว เจ้าทำให้เก้าผู้เฒ่ายมโลกไม่สังเกตเห็นได้อย่างไร มิหนำซ้ำนักรบมรณะที่เต้าคงใช้วิญญาณควบคุมอยู่ยังปกติเหมือนเดิมด้วย

ขนาดตัวนำวิญญาณที่บรรพบุรุษดาราสัจธรรมผูกข้าไว้กับเต้าคงยังไม่เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ หากไม่ใช่เพราะเจ้ากับเต้าคงต่างกันมากเกินไป หากไม่ใช่เพราะครั้งนี้พวกเราอยู่ด้วยกันลำพัง ข้าก็คงได้แต่สงสัย แต่ไม่มีหลักฐานมายืนยันเลยว่าเจ้าไม่ใช่เต้าคง” สวี่ฮุ่ยมองซูหมิงพลางเอ่ยเรียบนิ่ง

“อีกอย่างข้ายังรู้อีกว่าในตัวเต้าคงมีตราประทับของสายเลือดตรงสำนักดาราสัจธรรมที่จะขวางการยึดร่างอยู่ มันจะส่งสัญญาณไปยังผู้แข็งแกร่งสำนักดาราสัจธรรม รับประกันได้เลยว่าจะไม่มีคนในตระกูลถูกยึดร่างแน่นอน

ทว่าเจ้า…..เลี่ยงมาได้อย่างไร กระทั่งตราประทับนี้…ยังคงอยู่ เจ้า…ทำได้อย่างไร?” สวี่ฮุ่ยมีสีหน้าเหลือเชื่อ นี่คือสมมุติฐานตรงส่วนลึกในใจนางที่ไม่เข้าใจมาโดยตลอด

“เจ้าคงไม่อยากรู้หรอก” ซูหมิงนั่งบนหินผา พูดขึ้นเรียบๆ

“เจ้ากลัวว่าหากข้ารู้แล้วจะเปิดโปงฐานะเจ้ารึ?” สวี่ฮุ่ยพลันกล่าวขึ้น

“ไม่ถึงขนาดนั้น” ซูหมิงยิ้มน้อยๆ

สวี่ฮุ่ยเงียบไป นางรู้ว่าอีกฝ่ายไม่สนใจถึงขนาดนั้นจริงๆ เพราะไม่ว่าจะเป็นสายเลือดหรือจิตวิญญาณ ทุกอย่างในตัวเขาคือเต้าคงอย่างไม่ต้องสงสัย ภายใต้รูปการนี้ ไม่ว่าตนจะพูดอย่างไร สุดท้ายก็จะไม่มีประโยชน์ อีกทั้งยังไม่มีผลดีอะไรสำหรับนาง

“เมื่อคืนวานเกิดอะไรขึ้น” ซูหมิงเงียบไปชั่วขณะ ถามขึ้นอย่างสงบ

“เจ้าคงไม่อยากรู้หรอก!” สวี่ฮุ่ยถลึงตามองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วหันหน้ากลับไป

ซูหมิงขมวดคิ้ว หน้าเปลี่ยนสีทันที เขาก้มหน้าลง ชุดผ้าเนื้อหยาบบนตัวพลันเปลี่ยนไป หลังกลับมาสวมเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดาราแล้ว ก็มีระลอกคลื่นหนาแน่นแผ่กระจายมาจากในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา

สวี่ฮุ่ยหมุนตัวกลับอย่างรวดเร็ว สีหน้าดูประหลาดใจและจริงจัง

“นี่คือการแจ้งข่าวข้ามเขตแดนจากคนในตระกูลสายเลือดตรงของสำนักดารา สัจธรรม!”

สวี่ฮุ่ยเพิ่งว่าจบก็เกิดเสียงโครมบนตัวซูหมิง แสงสว่างจ้าปะทุออกมามหาศาล ลำแสงนี้เปล่งมาจากเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์ดารา ขณะแผ่ไปรอบๆ ก็มีเสียงแก่ชราดังมาจากในเสื้อคลุมศักดิ์สิทธิ์

“เต้าคง…เผ่าเซียนก่อกบฏ แตกหักกับสำนักดาราสัจธรรม…เจ้ารีบออกจากแดนรกร้างต้นกำเนิดจิตให้เร็วที่สุด!”

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version