ตอนที่ 961 มันผู้แพรวพราว
“แปดแสนแล้ว หืม…ไม่ใช่ เหมือนจะแค่เจ็ดแสนกว่า…”
“ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ เมื่อครู่ก็เพิ่งจะเจ็ดแสนกว่า นี่เจ้าคำนวณเป็นหรือไม่!”
ขณะที่กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกกำลังตะโกนใส่กัน ทันใดนั้นเอง ภายในฟ้ากระจ่างดาวตรงหน้าพวกมันก็เกิดพายุฝุ่นขึ้นนับไม่ถ้วน พายุฝุ่นในผืนฟ้าดวงดาวนี้คือหินดาวผุพังที่ลากยาวเข้ามา มองแวบแรกเป็นหิน แต่หากมองดีๆ พวกมันกลับมีใบหน้าเหมือนคน
นั่นคือมนุษย์หิน ร่างกายกอดรวมกันเป็นก้อนในลักษณะหินผุพัง ยามนี้พวกมันกำลังใช้ความเร็วสูงสุดเข้าไปใกล้กระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลก จำนวนพวกมันมีไม่สิ้นสุด รวมแล้วมีมากกว่าแสนตัว
กระเรียนขนร่วงเบิกตากว้าง ขณะเดียวกับที่มันร้องเสียงแหลม ก็ได้ยินเสียง มังกรยมโลกจากข้างหลัง
“แปดแสนกว่าตัวแล้ว ครั้งนี้ข้ามั่นใจว่าแปดแสนกว่า ไม่ผิดแน่”
กระเรียนขนร่วงพลันหมุนตัวกลับและมองไปข้างหลังเป็นครั้งแรก ทว่าพอมองไปมันก็เกือบจะหมดสติ ฝูงสัตว์มหาศาลอยู่กันแน่นขนัดข้างหลัง เพียงแต่คนที่เคยมีประสบการณ์กับการคำนวณเล็กน้อย ถึงไม่อาจมองแวบแรกก็รู้จำนวน แต่ย่อมต้องวิเคราะห์ได้อย่างแน่นอนว่า…มากกว่าหนึ่งล้านตัวแล้ว
“ย่ากระเรียนมันเถอะ…” มันไม่รู้ว่าควรจะแสดงความโกรธและคับอกคับใจอย่างไรดี มันตะโกนเสียงดังพลางขยับกายบินไกลออกไป ตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ล่อสัตว์ร้ายของที่นี่อีก ในเมื่อจำนวนถึงล้านแล้ว ก็ต้องมุ่งหน้าไปตามทางที่ซูหมิงต้องการในตอนแรก ด้วยความเร็วของมัน จึงเหมือนกับดาวตกเผาไหม้ลากผ่านฟ้ากระจ่างดาว
“เพิ่งจะแปดแสนกว่าเอง ยังขาดอีกเล็กน้อย เจ้าขนร่วง เจ้าได้หินผลึกน้อยลงหน่อยได้ แต่ข้าไม่อยากได้เข็มขัด!” มังกรยมโลกเห็นกระเรียนขนร่วงหนีไป จึงรู้ความคิดอีกฝ่ายทันที ในใจยิ่งตึงเครียดและร้อนรนขึ้นมา
กระเรียนขนร่วงกำลังอารมณ์เสียจึงไม่สนใจคำพูดของมังกรยมโลก มันไม่อยากสนใจสุนัขที่ไม่เก่งการคำนวณและทำให้ตนเกือบตายแล้ว
“กระเรียนขนร่วง!” มังกรยมโลกตะโกนเสียงดัง
“เจ้าปัญญาอ่อน เจ้าสุนัขนี่ จะ จะ เจ้า…เจ้าหันไปนับดูดีๆ ข้าเพียงมองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าอย่างน้อยฝูงสัตว์พวกนี้เกินหนึ่งล้านตัวแล้ว เจ้ายังมีหน้ามาบอกท่านกระเรียนผู้นี้อีกว่าเพิ่งจะแปดแสน เจ้ากำลังจะฆ่าข้า” กระเรียนขนร่วงตะโกนลั่น มันไม่หันไปมองแต่พุ่งทะยานไปอีกครั้ง
มังกรยมโลกตะลึงงัน ในใจกังวลขึ้นมาทันที มันนึกถึงคำพูดที่อวี่เซวียนเคยพูดกับมัน เหมือนว่าในด้านการคำนวณมันจะมีข้อบกพร่องอยู่เล็กน้อย…
ขณะเก้อเขิน มันเงียบไปทันใด ก่อนจะก้มหน้าตามหลังกระเรียนขนร่วง กัดฟันห้อเหยียดไป
มองไปยังฟ้ากระจ่างดาว จะเห็นภาพที่อลังการอย่างยิ่ง นั่นคือฝูงสัตว์ที่หาตัวจับยากไม่รู้กี่ปีมานี้ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิต พวกมันกินพื้นที่ผืนฟ้าไปไม่มีสิ้นสุด เหมือนกับน้ำทะเลซัดสาด ส่งเสียงคำรามไล่หลังกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกที่อยู่หน้าสุด
ในฝูงสัตว์เหล่านี้มีสัตว์นานาชนิด อ่อนแอที่สุดก็มีขั้นพลังระดับฟ้า กระทั่งสัตว์ร้ายแข็งแกร่งเหล่านั้นยังเทียบเท่าภัยพิบัติตะวัน ทว่าพวกนี้ไม่สำคัญ จำนวนของฝูงสัตว์แบบนี้ ต่อให้เป็นผู้กุมชะตาเกิดดับธรรมดา พอเห็นแล้วดวงตาจะต้องหรี่ลง
แม้จะต่อต้านได้ แต่ก็ค่อนข้างลำบาก
หลังจากจำนวนถึงระดับหนึ่งแล้ว ความแข็งแกร่งอ่อนแอของพลังในร่างกายจะไม่สำคัญมากอีก พลังกับแรงปะทะทั้งหมดต่างหากถึงจะเป็นความบ้าคลั่งที่ทำลายปราการได้ทุกอย่าง
ท่ามกลางความบ้าคลั่งนี้ ไม่ว่าสิ่งมีชีวิตใด ไม่ว่าชนเผ่าใด ล้วนต้องเจอกับอันตรายทำลายล้างเผ่า โดยเฉพาะ….เมื่อนี่ไม่ใช่สัตว์จำนวนเพิ่งถึงหนึ่งล้าน จำนวนจริงๆ ของมันมากกว่าหนึ่งล้านห้าแสนตัวไปแล้ว
ถึงบอกว่าในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตมีสัตว์ร้ายนับไม่ถ้วน จำนวนหนึ่งล้านกว่าเป็นเพียงขนเส้นเดียวของวัวเก้าตัว และก็เป็นเพียงสิ่งมีชีวิตในพื้นที่เล็กๆ เท่านั้น แต่สำหรับเผ่าขวางสวรรค์ที่มีชาวเผ่าแสนกว่าคน นี่คือหายนะที่ชนเผ่าพวกเขาไม่เคยพบเจอมาก่อน
พวกเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มานานนม ไม่เคยเจอฝูงสัตว์ร้ายเช่นนี้มาก่อน ในอดีตจำนวนแสนกว่าถึงหลายแสนก็ถึงขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างพวกเขาเป็นเพียงชนเผ่าหนึ่งเท่านั้น หากเจอสถานการณ์ตอนนี้ จากจำนวนกลุ่มสัตว์และยังมีทะเลสัตว์ที่รวมขึ้นจากสัตว์ร้ายตัวเดี่ยวๆ อีกจำนวนมาก พลังของพวกมันสามารถบดขยี้จิตใจแน่วแน่ได้ทั้งหมด
กระเรียนขนร่วงมาพร้อมด้วยความยึดมั่นในหินผลึกจึงไม่สนความเหนื่อยล้า มันมีจิตใจแน่วแน่ว่าหากไม่ได้หินผลึกก็จะไม่หันหลังกลับ ก้าวเท้ายาวมุ่งหน้าสู่เผ่าขวางสวรรค์ด้วยความไม่เกรงกลัว เหมือนกับบทเพลงเศร้าสลดและเร้าใจ
ในตัวมันแฝงไว้ด้วยความทุกข์เศร้า นี่เป็นสิ่งเดียวที่มันรู้ ทว่าทุกอย่างเมื่อเทียบกับหินผลึกแล้วก็กลายเป็นอารมณ์ชั่ววูบในใจมันทันที
“หินผลึกห้าสิบล้าน หินผลึกห้าสิบล้าน…ต้องเป็นของข้าทั้งหมด! ย่ากระเรียนมันเถอะ ก็แค่ล่อสัตว์ร้ายเองไม่ใช่รึ ก็แค่ดึงดูดความสนใจของสัตว์ร้ายพวกนั้นเองไม่ใช่รึ ข้าเคยชินมาตั้งนานแล้ว…หืม? เหตุใดข้าถึงบอกว่าเคยชิน?”
กระเรียนขนร่วงหนีสุดชีวิตไปพลาง ตะโกนเสียงต่ำไปพลาง แต่ตะโกนไปตะโกนมาก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดถึงหาเจอ…ความรู้สึก!
นั่นเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่งที่เหมือนเคยห้อทะยานพาฝูงสัตว์ร้ายแบบนี้มาอยู่บ่อยครั้ง ความรู้สึกนั้นคล้ายกับฝังอยู่ในส่วนลึกความทรงจำของมัน เวลาปกติต่อให้เจออันตรายเป็นตายก็จะไม่ยอมออกมา มีเพียงอยู่ในความคุ้นเคยที่พิเศษเท่านั้นถึงจะคลำหาเจอรางๆ
“หรือว่าเมื่อก่อนท่านกระเรียนมักจะทำเรื่องน่าโมโหแบบนี้ เลยถูกล่าสังหารบ่อยครั้ง?” กระเรียนขนร่วงกะพริบตาอย่างประหลาดใจ ด้วยความเข้าใจของมัน คล้ายกับว่าเรื่องนี้….มีความเป็นไปได้ที่สูงมากจริงๆ
“มาเถอะ หลานกระเรียนอย่างพวกเจ้า เข้ามาล่าสังหารปู่กระเรียนผู้นี้เถอะ!” กระเรียนขนร่วงคิดไปคิดมาก็หันหน้าไปตะโกนเสียงดังตามความรู้สึกตน
“เห็นหรือไม่ พวกหลานกระเรียนทั้งหลาย ปู่กระเรียนของเจ้ายังหนีได้อยู่เลย!” กระเรียนขนร่วงหันไปเผชิญหน้ากับฝูงสัตว์นับไม่ถ้วนพลางถอยหลังไป ก่อนมันจะค้นพบสิ่งที่น่าตะลึงยิ่งกว่าคือ มันในท่าการถอยแบบนี้กลับเร็วกว่าเดิมอีก…
‘หรือว่าเมื่อก่อนข้าทำแบบนี้บ่อยจริงๆ….’ กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นเล็กน้อย มันไม่บินแบบธรรมดาอีก แต่กางปีกกระพือ บินฉวัดเฉวียน ตรงนู้นทีตรงนี้ที สร้างเป็นร่องรอยเส้นทางคดเคี้ยว มันจึงพบว่าไม่เพียงแต่มันจะเร็วขึ้นเท่านั้น กระทั่งส่วนลึกในใจยังหาความรู้สึกหนึ่งเจอทีละนิด
มันหัวเราะเสียงดังและยังบิดตัว รวมถึงอ้าปากถ่มน้ำลายใส่สัตว์ร้ายที่ไล่ตามมาด้วยตาแดงก่ำเหล่านั้นไม่หยุด
“เฮ้ย เจ้าพวกที่บนตัวมีไฟ ข้าก็แค่ขุดรังของพวกเจ้าเองไม่ใช่รึ ก็แค่ชิงตัวหนูน้อยที่งามที่สุดของพวกเจ้าไปเองไม่ใช่รึ มาเถอะ มาล่าสังหารท่านกระเรียนผู้นี้ ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”
“แล้วก็พวกเจ้า กลุ่มมนุษย์หิน มีปัญหาอะไร ยังถลึงตามองท่านกระเรียนผู้นี้อีก อุบ๊ะ ไม่ช้าก็เร็วข้าจะแยกร่างพวกเจ้าเอาไปสร้างเป็นหลังคาบ้าน หืม….เหมือนเมื่อก่อนข้าเคยทำแบบนี้?” กระเรียนขนร่วงพูดออกไปโดยจิตใต้สำนึก กล่าวจบ ความรู้สึกคุ้นเคยก็เด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ ความเร็วของมันยังเพิ่มขึ้นทุกที กระทั่งการกระทำยังดูชำนาญขึ้น ในสีหน้าท่าทาง ‘ก้มหน้ามองผู้อยู่เบื้องล่าง’ ของมันมีการ เยาะหยันเพิ่มมาโดยไม่รู้ตัว
มันถึงขนาดหยุดชะงักครู่หนึ่ง จนกระทั่งเห็นว่าฝูงสัตว์จะกลบร่างมันแล้ว มันจึงร้องเสียงประหลาดแล้วส่ายก้น ปากด่าทอด้วยท่าทียโส พร้อมขยับกายวูบไหวทิ้งระยะห่างอีกครั้ง บ้างก็บินไปทางซ้าย บ้างก็บินต่ำไปทางขวา บางครั้งยังยื่นกรงเล็บทำมือยั่วยุ การกระทำและสีหน้านั้นอยู่ในสายตามังกรยมโลก ทำให้มันตะลึงงันอยู่ก่อนแล้ว
หากจะบรรยายกระเรียนขนร่วงในตอนนี้คงมีคำพูดมากมาย แต่หากจะพูดให้ชัดเจนและตรงที่สุดก็คงมีเพียงสองคำ…
แพรวพราว…
กระเรียนเลวทราม…
สิ่งที่ตอบกลับท่าทางอันแพรวพราวของกระเรียนขนร่วงคือเสียงคำรามที่แทบจะเชื่อมเป็นหนึ่ง นั่นคือเสียงร้องของฝูงสัตว์ ก่อเป็นลูกคลื่นสั่นสะเทือนฟ้ากระจ่างดาว
“เสียงดังขึ้นอีกหน่อย!” กระเรียนขนร่วงตื่นเต้นขึ้นมา ความรู้สึกคุ้นเคยของมันชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ กระทั่งยามนี้มันใกล้จะลืมเรื่องหินผลึกไปแล้ว มันตะโกนเสียงดังท่ามกลางเสียงคำรามของฝูงสัตว์ข้างหลัง
มังกรยมโลกมองกระเรียนขนร่วง นัยน์ตามันฉายแววเลื่อมใส ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่ากระเรียนขนร่วงผู้ใจแคบจะมีความกล้าหาญเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะมีภาพในวันนี้
กระเรียนขนร่วงเต็มไปด้วยความแพรวพราวในแบบชั่วช้า มันกระตุ้นให้ฝูงสัตว์เกิดความบ้าคลั่งอย่างสุดขีด นี่ไม่ใช่การถูกล่อด้วยน้ำหวานดอกผนึกจิตธรรมดาแล้ว พูดได้ว่าต่อให้ไม่มีน้ำหวานดอกผนึกจิต หากกระเรียนขนร่วงทำแบบนี้แต่แรก เช่นนั้นมันก็คงทำภารกิจของซูหมิงเสร็จเหมือนกัน ถึงขั้นที่ว่า…บางทีอาจล่อสัตว์ร้ายมาได้มากกว่านี้อีก
ซูหมิงลืมตาอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว เขานับถือความกล้าของกระเรียนขนร่วงมาก กล่าวจากใจจริง หากเป็นเขาอยู่ในสถานการณ์นี้ก็คงไม่คิดว่าตนจะทำได้ดีกว่ากระเรียนขนร่วง
‘ความรู้เฉพาะทางและทักษะความชำนาญของแต่ละคนล้วนมีทิศทางการศึกษา เจ้านี่…มหัศจรรย์มาก….หรือว่าเมื่อก่อนตอนที่ยังไม่เสียความทรงจำ มันจะทำแบบนี้บ่อยๆ?’ ซูหมิงตรึกตรอง
กลางฟ้ากระจ่างดาว กระเรียนขนร่วงบินไปบินมาอย่างแพรวพราว มันมีสีหน้าลำพองใจและตื่นเต้น ราวกับว่ามีความสุขกับการล่อทะเลสัตว์ล้านตัวอย่างยิ่ง หนำซ้ำยังส่ายก้นไม่หยุด ใช้นิ้วมือยั่วยุอีกฝ่าย ปากตะโกนด่าทอเป็นบางครั้ง ประกอบกับทำสีหน้าเยาะหยัน รวมแล้วจึงทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่น่าจับจ้องที่สุดกลางผืนฟ้าดารา ทะเลสัตว์ด้านหลังก็บ้าคลั่งสุดขีดแล้ว พวกมันเร่งความเร็วขึ้นอีก ประหนึ่งว่าพวกมันไม่ได้มาเพื่อน้ำหวานดอกผนึกจิตอีก แต่พุ่งมาเพื่อฉีกร่างกระเรียนขนร่วงที่น่ารังเกียจทั้งเป็น
มังกรยมโลกเลื่อมใสมากขึ้นเรื่อยๆ หลายวันต่อมา เมื่อกระเรียนขนร่วงบินเข้าไปในเขตเผ่าขวางสวรรค์และหมุนตัวกลับไปตะโกนเสียงดัง ความเลื่อมใสของมังกรยมโลกก็ทะยานขึ้นจนถึงจุดที่เรียกว่าบ้าคลั่ง
“เจ้าพวกชั้นต่ำ พวกเราถึงที่หมายแล้ว เหยียบย่ำที่นี่ให้กับข้า ย่ำยีที่นี่ เก็บสาวน้อยงดงามเอาไว้ให้ข้าไม่ว่าจะเผ่าใดก็ตาม จำสมบัติหินผลึกทั้งหมดไว้ให้ดี แล้วขนกลับภูเขาเสียงกระเรียนให้ข้า!
ย่ากระเรียนมันเถอะ พวกเรายึดที่นี่ไว้แล้ว!” กระเรียนขนร่วงหันไปตะโกนเสียงดังใส่ฝูงสัตว์ สีหน้าตื่นเต้นเพิ่มขึ้นถึงขีดสุด ตะโกนเสร็จมันก็ยังไม่สบายใจ เหมือนกับว่า….คำพูดแบบนี้ทำให้ความรู้สึกคุ้นเคยชัดเจนขึ้นอีก
โฮก!
เสียงคำรามจากฝูงสัตว์ล้านตัวดังสนั่นฟ้ากระจ่างดาว กึกก้องฟ้าของทั้งเผ่าขวางสวรรค์ ทำให้ชาวเผ่าขวางสวรรค์จำนวนมากตกใจตื่น ขณะเดียวกันมังกรยมโลกก็คำรามด้วยเช่นกัน สายตามองกระเรียนขนร่วงอย่างฮึกเหิม
ยามนี้หากมีคนไม่รู้รายละเอียดมองไป จะต้องคิดว่ากระเรียนขนร่วงเป็นจ่าฝูงทะเลสัตว์แน่นอน….พลังอำนาจนั้น ความแพรวพราวนั้น สีหน้านั้น แฝงไว้ด้วยเอกลักษณ์เฉพาะของจ่าฝูง