Skip to content

สู่วิถีอสุรา 962

ตอนที่ 962 เต๋าของเจ้าคืออะไร

นี่คือมหันตภัย นี่คือภัยพิบัติ!

สำหรับหนึ่งในสี่เผ่าใหญ่อย่างเผ่าขวางสวรรค์ พวกเขาไม่เคยเจอทะเลสัตว์ร้ายแบบนี้มาก่อน ตอนที่กลุ่มสัตว์ร้ายล้านตัวพุ่งเข้าไปในฟ้ากระจ่างดาวของเผ่าขวางสวรรค์ คนที่ตกใจกลัวไม่ได้มีเพียงชาวเผ่าขวางสวรรค์ทั้งหมดเท่านั้น แต่ยังมีวิญญาณแห่งดินทรายที่นั่งขัดสมาธิอยู่บนก้อนทรายด้วย

ชายชราคนนั้นอึ้งมองกระเรียนขนร่วงที่กำลังร้องตะโกนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาว พลางมองกลุ่มสัตว์ล้านตัวด้านหลัง ใบหน้าเผยรอยยิ้มเฝื่อน

ในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าเหตุใดซูหมิงถึงให้ตนขังบรรพบุรุษขวางสวรรค์เอาไว้หนึ่งเดือน

“ข้าเหมือนจะ….รู้จักกระเรียนตัวนี้…..” ชายชราจ้องกระเรียนขนร่วงพลางตกอยู่ในห้วงความคิด เพียงแต่เขาอยู่มานานมากไปแล้ว ความทรงจำตกตะกอนจนหนา ไม่ใช่จะซึมซาบได้ในเวลาสั้นๆ ต้องใช้เวลาในการหวนคะนึงคิดถึง จึงจะหาอารมณ์ความคิดที่ซ่อนอยู่ในกาลเวลาพบ

“พวกลูกหลานเผ่าขวางสวรรค์ ออกมารับแขกสิ!” กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงดังอย่างลำพองใจ มันห้อเหยียดเข้าไปในเผ่าขวางสวรรค์ ฝูงสัตว์ร้ายข้างหลังก็หลั่งทะลักกันเข้ามา พริบตาเดียวก็ปกคลุมไปกว้างไกลไร้ขอบเขต

กระทั่งกระเรียนขนร่วงไม่ต้องโน้มนำเป็นพิเศษ สัตว์ร้ายพวกนั้นก็แผ่กระจายการโจมตีออกไป ทำลายล้างทุกอย่างที่ขวางหน้าพวกมัน

สิ่งที่กระเรียนขนร่วงต้องทำคือพุ่งไปอย่าหยุด จนกระทั่งพุ่งไปถึงสุดปลายของเผ่าขวางสวรรค์ จากนั้น….มันก็จะเสร็จสิ้นภารกิจ

ดาวแท้จริงร้อยกว่าดวงในพื้นที่เผ่าขวางสวรรค์ระเบิดพลังอำนาจแก่กล้านับไม่ถ้วนออกมาในชั่วเวลานี้ มีชาวเผ่าหลายหมื่นคนพุ่งออกจากดาว แต่พอเห็นทะเลสัตว์ร้ายกลางฟ้ากระจ่างดาวแล้ว พวกเขาก็ต่างหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

กระเรียนขนร่วงมีสีหน้าโอหังยิ่งนัก มันร้องตะโกนด้วยความตื่นเต้นพลางพุ่งไปข้างหน้าไม่หยุด จนกระทั่งผ่านไปอีกพักหนึ่ง นอกตัวมันกับมังกรยมโลกพลันเกิดแสงสว่างจ้าแสบตา แสงสว่างขยับวูบวาบ จากนั้นมันกับมังกรยมโลกก็หายวับไป

ซูหมิงกับชื่อหั่วโหวยืนอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวนอกเผ่าขวางสวรรค์ สายตามองเผ่าขวางสวรรค์อยู่ไกลๆ ขณะเดียวกันก็มีแสงสีขาวขยับวิบวับข้างกายพวกเขา แล้วปรากฏเป็นกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลก แทบทันทีที่พวกมันปรากฏตัว ชื่อหั่วโหวยกมือขวาขึ้น สร้างทะเลเพลิงโอบล้อมกระเรียนขนร่วงกับมังกรยมโลกไว้ทันที

ซูหมิงก็สะบัดมือขวาไปเช่นกัน พลังแห่งผนึกโผล่ขึ้นมาทันใด เขากับชื่อหั่วโหวช่วยกันปกปิดกลิ่นน้ำหวานดอกผนึกจิตจากตัวกระเรียนขนร่วงอย่างสุดกำลัง

“หินผลึก หินผลึกของข้า!” กระเรียนขนร่วงเพิ่งถูกส่งกลับมา มันอึ้งงันอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองซูหมิงทันที

“รอทะเลสัตว์บุกผ่านไปก่อน เจ้าค่อยไปเอาหินผลึก” ซูหมิงมองเผ่าขวางสวรรค์ที่อยู่ไกลออกไป ดวงตาสองข้างเป็นประกายเย็นเยียบ และกล่าวเรียบๆ

“ไม่ได้ ข้าต้องไปตอนนี้ หากพวกเขาเอาไปจะทำอย่างไร” กระเรียนขนร่วงกะพริบตาปริบๆ เอ่ยด้วยความกังวลเล็กน้อย

“ในตัวเจ้ามีน้ำหวานดอกผนึกจิตอยู่ ไปก็เท่ากับรนหาที่ตาย” ซูหมิงมองกระเรียนขนร่วง

“น้ำหวานดอกผนึกจิต?” กระเรียนขนร่วงเลียริมฝีปาก มันพลันสูดลมหายใจ การกระทำนี้ดึงดูดให้ซูหมิงเพ่งมองทันที กระทั่งเขายังเปลี่ยนสีหน้าในชั่วเสี้ยวขณะนั้น

เขาสังเกตเห็นอย่างแจ่มชัดว่าหลังจากกระเรียนขนร่วงสูดลมหายใจเข้า กลิ่นอายพลังน้ำหวานดอกผนึกจิตบนตัวก็พลันหายไป แม้แต่ในร่างกายยังหายไปทั้งหมด เหมือนกับถูกมันสูบกินไปเกลี้ยง

“น้ำหวานดอกผนึกจิตแค่นี้ ข้าไม่ใส่ใจหรอก เจ้าดู ตอนนี้หายไปแล้วไม่ใช่รึ” กระเรียนขนร่วงเห็นสีหน้าซูหมิงก็ลำพองใจขึ้นมาทันใด มันตัวสั่น เมื่อขยับไหวก็เปลี่ยนร่างเป็นสุนัขตัวใหญ่สีเหลือง และยังแยกเขี้ยวใส่ซูหมิง

มังกรยมโลกข้างๆ ตอนนี้คลั่งกระเรียนขนร่วงอย่างยิ่งแล้ว ในสายตามัน กระเรียนขนร่วงแทบจะทำได้ทุกอย่าง

“หืม? ซูซูน้อย เหตุใดเจ้ายังไม่เปิดผนึกให้ท่านกระเรียนผู้นี้ออกไปอีก ข้าจะบอกเจ้าให้นะซูซูน้อย ทุกลมหายใจที่เจ้าทำให้ข้าเสียเวลา จะมีหินผลึกหลายร้อยก้อนถูกเอาไป นั่นคือหินผลึกของข้า เป็นของข้า!” กระเรียนขนร่วงตะโกนเสียงดัง มันเพิ่งสร้างคุณูปการครั้งใหญ่เมื่อครู่ รู้ว่าไม่ว่าอย่างไรซูหมิงก็จะไม่ด่าทอตน จึงตัวสั่นอีกครั้งด้วยความลำพองใจ

ซูหมิงเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะยิ้มเฝื่อนพร้อมกับเปิดผนึกออก ชื่อหั่วโหวข้างๆ ก็สลายเปลวเพลิงออกอย่างไร้คำพูด กระเรียนขนร่วงตาเป็นประกายทันที จากนั้นก็ วูบไหวตัวพุ่งไปทางเผ่าขวางสวรรค์

ตอนนี้มังกรยมโลกกลายเป็นสุนัขสีดำรีบตามไปเช่นกัน สุนัขสองตัวนี้พุ่งไปยัง เผ่าขวางสวรรค์ด้วยความเร็วไม่ด้อยไปกว่าตอนหนีก่อนหน้านี้เลย

จินตนาการได้ว่าการมาเยือนของพวกมันจะทำให้เผ่าขวางสวรรค์ต้องจ่ายหินผลึกไปมหาศาลที่สุดภายใต้มหันตภัยนี้อย่างแน่นอน

ซูหมิงส่ายศีรษะ จากนั้นเดินไปทางเผ่าขวางสวรรค์ที่ตอนนี้สัตว์ร้ายทั้งหมดหลั่งทะลักเข้าไป เขาเคลื่อนตัวไม่เร็วนัก ทว่าตอนที่ขึ้นไปเหยียบบนฟ้ากระจ่างดาวของเผ่าขวางสวรรค์ เขาได้ยินเสียงโครมครามกับเสียงคำรามสนั่นฟ้าดังลากยาวเข้ามาราวกับแรงปะทะ

ซูหมิงมาอยู่บนลูกดินทรายใหญ่ที่ชายชราดินทรายอยู่ เขายืนอยู่ตรงนั้น สายตามองฟ้ากระจ่างดาวไกลๆ จากนั้นก็หลับตาลง

ถึงแม้ว่าเขาจะหลับตาอยู่ แต่จิตสัมผัสพลันกระจายออกไป นี่คือจิตสัมผัสของเอ้อชาง จึงปกคลุมพื้นที่ได้ไกลมาก เขาเห็นสัตว์ร้ายกว้างไกลไร้ขอบเขต พวกมันต่างร้องคำราม หลังจากกระเรียนขนร่วงหายไปแล้ว ด้วยความที่พวกมันอยู่ในสภาวะโกรธแค้นจากการกระทำของกระเรียนขนร่วง จึงทำลายล้างทุกอย่างตามอำเภอใจ

แม้ว่าพวกมันจะรู้ว่าเผ่าขวางสวรรค์ไม่เกี่ยวกับกระเรียนขนร่วง แต่ด้วยความโกรธเกรี้ยว พวกมันจึงไม่สนใจสิ่งเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นการต่อสู้กันเองระหว่างสัตว์หรือการพยายามจู่โจมสวนกลับของชาวเผ่าขวางสวรรค์ ก็ล้วนกลายเป็นตัวจุดชนวนระเบิดของมหันตภัยครั้งนี้

กลิ่นคาวเลือดอบอวล กระตุ้นให้สัตว์ร้ายจำนวนมากกว่าเดิมคลุ้มคลั่ง การบุกโจมตีของพวกมันทำลายดาวทีละดวง การเข่นฆ่าของพวกมันสร้างบาดแผลที่ไม่อาจสมานให้กับเผ่าขวางสวรรค์

กระทั่งระหว่างพวกมันยังเกิดการเข่นฆ่ากันเองอย่างเหี้ยมโหด ทำให้ที่นี่กลายเป็นสงครามแย่งชิง และสร้างความเสียหายให้กับเผ่าขวางสวรรค์หนักยิ่ง

นี่คือเคราะห์ภัย เป็นงานเลี้ยงนองเลือดอันยิ่งใหญ่

ด้วยฝูงสัตว์เช่นนี้ เว้นแต่เผ่าขวางสวรรค์จะมีผู้กุมชะตาเกิดดับคนที่สองมา มิเช่นนั้นแล้วต่อให้เป็นผู้แข็งแกร่งระดับภัยพิบัติตะวันก็ไม่มีทางหยุดภัยพิบัติครั้งนี้ได้

ซูหมิงยังมองเห็นกระเรียนขนร่วงอีก มันกับมังกรยมโลกบินผ่านระหว่างดาวไปทีละดวง รูปลักษณ์พวกมันเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กลายเป็นหลากชนิด บ้างก็คำรามอยู่ในกลุ่มสัตว์ บ้างก็บินออกมาจากดาวแท้จริงอย่างตื่นเต้น บ้างก็พุ่งเข้าไปในกลุ่มชาว เผ่าขวางสวรรค์ แล้วแย่งถุงเก็บวัตถุมาในขณะที่ฝ่ายตรงข้ามกำลังตะลึงค้าง

การกระทำของพวกมันโอหังอย่างยิ่ง คอยซ่อนตัวอยู่ในภัยพิบัติ จึงไม่เป็นที่สังเกตของคนอื่นมากนัก

มองไปมองมา ซูหมิงก็ดึงจิตสัมผัสกลับ เขาไม่มีความจำเป็นต้องมองต่อไปแล้ว ยามนี้ภายในลูกดินทรายใต้เท้ามีเสียงโครมครามดังกึกก้อง นั่นคือเสียงคำรามและการระเบิดอารมณ์ด้วยความโกรธถึงขีดสุดของบรรพบุรุษขวางสวรรค์ เห็นได้ชัดว่าเขารู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่โลกภายนอก

“เผ่าขวางสวรรค์ได้ชดใช้สำหรับเรื่องในครั้งนั้นแล้ว” ซูหมิงลืมตาขึ้น

“ข้ารู้ว่าเจ้าได้ยิน ตัวเจ้าเป็นยอดฝีมือกุมชะตาเกิดดับ ข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าจริงๆ แต่เจ้าฟังให้ดี…หากเจ้าคิดจะสังหารข้า ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายขนาดนั้นเหมือนกัน

เผ่าเจ้าจ่ายราคาสำหรับเรื่องนี้หมดแล้ว แซ่ซูจะไม่สร้างเคราะห์ภัยให้อีก ทว่า…หากเจ้าล่าสังหารข้า เช่นนั้นก็จงเตรียมตัวให้ดี เพราะหลังจากนี้เผ่าขวางสวรรค์จะเหลือเจ้าเพียงคนเดียว จากนั้นพวกเราก็มาสู้กันให้ตายกันไปข้าง!

นี่คือคำขู่จากข้าแซ่ซู” ซูหมิงกล่าวอย่างสงบ เสียงดังก้องไปรอบๆ และดังเข้าไปในพื้นดิน เข้าถึงหูบรรพบุรุษขวางสวรรค์ที่ถูกขังเอาไว้

แทบเป็นช่วงที่ซูหมิงกล่าวขึ้น เสียงคำรามและเสียงระเบิดจากในพื้นดินพลันหายไป กลายเป็นเงียบสงัด

“เจ้าคือผู้ฝึกฌานจากนอกเขตแดน ผู้ฝึกฌานอย่างพวกเจ้าให้ความสำคัญกับการฝึกเต๋า เต๋านี้คือสวรรค์ เป็นเส้นทางแห่งการฝึกสวรรค์ เจ้าล่อสัตว์ร้ายให้มาทำลายเผ่าข้า นั่นสอดคล้องกับเต๋าของเจ้าแล้ว!” หลังเงียบไปชั่วขณะ เสียงอู้อี้บรรพบุรุษขวางสวรรค์ในลูกดินทรายก็ดังแว่วมา

“เต๋า…” ซูหมิงเงียบงัน เขาเงยหน้าขึ้นมองฟ้ากระจ่างดาว

“ข้าเคยสัมผัสกับผู้ฝึกฌานนอกเขตแดนมาไม่น้อย ยอดฝีมือทุกคนล้วนมีเต๋า (วิถี) ของตัวเอง ข้าอยากรู้ว่าเต๋าของเจ้าคืออะไร

เพียงแค่เรื่องเล็กจ้อยในตอนนั้น อีกอย่างอาจารย์ของเจ้าก็ยังไม่ตาย เขาครอบครองหินลำดับห้า จะถูกคนหมายหัวก็เป็นสัจธรรมอยู่แล้ว ต่อให้ข้าไม่ลงมือ ก็มีคนอื่นลงมืออยู่ดี

แต่เจ้า เพียงเพราะเรื่องนี้กลับคิดจะลบล้างเผ่าข้าหลังผ่านมาพันปี บอกข้าที เต๋าของเจ้าคืออะไร!” เมื่อเสียงดังก้องในลูกดินทราย แม้แต่ชายชราดินทรายที่นั่งฌานอยู่ยังลืมตาขึ้นมองซูหมิง

เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่าเต๋าของซูหมิงคืออะไร

ซูหมิงเงียบ

“เจ้าไม่มีเต๋า เจ้าเป็นคนว่างเปล่า!” บรรพบุรุษขวางสวรรค์ส่งเสียงหัวเราะดังมาจากในลูกดินทราย เสียงหัวราะแฝงไว้ด้วยการผ่านโลกมาอย่างโชกโชน ทั้งยังมีความรู้สึกชื่นมื่น เสียงหัวเราะดังกังวานจนสั่นสะเทือนลูกดินทราย

“เจ้าเป็นคนไม่มีเต๋า และก็ไม่มีหัวใจแห่งเต๋า มหาเต๋าสามพันในใต้หล้า ในบรรดาเต๋าเล็กเจ็ดหมื่นเก้าพันเต๋า ไม่มีของเจ้าอยู่ เจ้าเหมือนจะมีเต๋าสังหาร แต่ความจริงไม่ใช่เลย เจ้าเหมือนจะมีเต๋าทำลายล้างชีวิต แต่เต๋าทำลายล้างชีวิตจริงๆ ไม่ใช่แบบนี้!

ศึกครั้งนี้ข้าแพ้แล้ว เจ้าวางใจเถอะ ข้าจะไม่สร้างปัญญาให้เจ้าอีก เพราะเจ้าไม่มีเต๋า เพราะเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าสังหาร เพราะว่า…ในกฎของจักรวาลนี้ คนที่ไม่มีเต๋าก็เท่ากับไม่มีอนาคต

ข้าจะคอยดูเจ้าเดินไปสู่ความพินาศ คอยดูเจ้าหลงทางอยู่ในอนาคตสักวันหนึ่ง จนกระทั่งดับสูญไป!” เสียงหัวเราะดังก้อง ซูหมิงยังคงเงียบ

“อะไรคือเต๋า?” ซูหมิงหันไปมองชายชราดินทราย

“ข้าคือเทพบรรพชน ไม่ฝึกเต๋า จึงรู้ไม่มากนัก…เต๋าคือมาตรฐานการกระทำอย่างหนึ่งของผู้ฝึกฌานอย่างเจ้า เป็นเส้นทางที่เจ้าเดิน ส่วนอื่นๆ ข้าเองก็ไม่รู้แน่ชัด

แต่ข้ารู้ว่าคนที่มีมหาเต๋าถึงจะฝึกฝนถึงระดับกุมชะตาเกิดดับได้ ต่อให้ข้าที่เป็นเทพบรรพชนก็มีเส้นทางที่สวรรค์มอบให้เช่นกัน

นี่ไม่ใช่โชคชะตา แต่เป็นร่องรอยที่ไม่แน่ชัดและบอกไม่ถูก เดินตามร่องรอยนั้นไป แน่วแน่ในหัวใจเต๋าของตัวเอง ก็จะทำลายปราการทุกอย่างและเดินไปจนถึงสุดทางได้” ชายชราดินทรายเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวเนิบช้า

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version