ตอนที่ 966 ย่วนเว่ย
ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง จึงไม่จำเป็นต้องบีบบังคับเพื่อได้มา ต่อให้เป็นความลับในตัวผู้ฝึกฌานสี่คนนี้ หากพวกเขายึดมั่นไม่ยอมเอ่ย สุดท้ายแล้วซูหมิงก็จะไม่บังคับ ความจริงสิ่งที่เขาสนใจที่สุดคือเรื่องที่สี่คนนี้ไปเผ่าธุลีแผดเผา และเขาก็ต้องไปด้วยเช่นกัน
คนคนหนึ่งจะเติบใหญ่ได้จริงๆ หรือไม่ไม่เกี่ยวกับอายุ ไม่เกี่ยวกับรอยย่นของกาลเวลา แต่เป็นจิตใจเขารู้จักการให้อภัยหรือไม่
บางเรื่องไม่ต้องอธิบาย ขอเพียงให้อภัยได้ทุกอย่างก็สงบได้
ซูหมิงตอนก่อนหน้านี้คงจะไม่ให้อภัย ทว่าเขาที่ผ่านประสบการณ์มามากมายเช่นนี้ได้เรียนรู้ถึงการให้อภัยในมุมมองหนึ่ง เจ้าไม่พูด ข้าก็ไม่ถาม
ระหว่างรู้ความจริงแต่ไม่เอ่ยกับพูดเป็นต่อยหอย ความจริงแล้วก็คือการเติบใหญ่กับยังไม่เติบใหญ่
“เอาละ สวี่ฮุ่ย ช่วยให้เขากลับมาเป็นแบบเดิม” ซูหมิงนั่งขัดสมาธิอยู่บนสัตว์อากาศธาตุ เอ่ยปากด้วยเสียงเรียบๆ
สวี่ฮุ่ยหันไปมองซูหมิงแวบหนึ่งแล้วยิ้มบางๆ นางจะไม่รู้ว่าซูหมิงรู้ความจริงได้อย่างไร การอยู่กันแบบนี้มีแต่ความสุข ไม่มีการวางแผนต่อกัน ไม่มีความรู้สึกอื่นๆ และก็เป็นช่วงเวลาส่วนน้อยในชีวิตนาง
ดังนั้นนางจึงอยากรักษาเอาไว้ นางไม่อยากให้ต่างฝ่ายต่างพูดความจริงแล้วทำให้การอยู่ร่วมกันเสียรสชาติไป
ยุ่งเหยิง ยุ่งเหยิงอย่างหาได้ยาก
สวี่ฮุ่ยพยักหน้าอย่างว่าง่าย ก่อนยกมือขวาสะบัดไปทางผู้ฝึกฌานเหนียนอิ๋น หมอกม่วงและฟ้าพลันเข้าไปในตัวเขา ทำให้ลูกกระเดือกโผล่มา หน้าอกจากนูนกลายเป็นราบเรียบ ส่วนสะโพกเล็กลง ผิวหนังเนียนนุ่มกลับมาเป็นหยาบกร้าน
เมื่อทำสิ่งเหล่านี้เสร็จ สวี่ฮุ่ยก็ขยับวูบไหวกลับไปอยู่ข้างซูหมิง
“พวกเจ้าสี่คน หากอยากบอกความลับของพวกเจ้าก็พูดมาได้ หากไม่อยากบอก ข้าจะไม่สร้างความลำบากใจให้ แต่ว่า….ข้าอยากรู้ว่าจะไปเผ่าธุลีแผดเผาอย่างไร ข้าสังเกตจากเส้นทางของพวกเจ้าแล้วน่าจะมีแผนที่อยู่ บอกเส้นทางมา แล้วข้าจะไปทันที”
ซูหมิงกล่าวเรียบนิ่ง ในแผนที่ที่ตี้จิ่วโม่ซาให้มามีสัญลักษณ์ของเผ่าธุลีแผดเผาเลือนรางมาก ถึงอย่างไรเผ่านี้ก็ไม่เหมือนกับเผ่าขวางสวรรค์ที่อยู่ข้างนอก เผ่าธุลีแผดเผาอยู่ใกล้กับเขตใจกลางทะเลดารา เผ่าลำดับเก้าไม่เคยไปที่นั่นมาก่อน
ดังนั้นซูหมิงจึงได้แต่คาดเดาจากสัญลักษณ์เผ่าธุลีแผดเผา แต่ไม่เข้าใจรายละเอียด ในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแห่งนี้ หากตามหาแบบไม่มีหลักจะยากยิ่ง อีกทั้งอันตรายยังมากกว่า
หลังจากเหนียนอิ๋นฟื้นร่างกายกลับมาแล้ว ใบหน้าเขาขาวซีด รีบกลับไปอยู่ข้างพวกเสวียนซางสามคนทันที เขาไม่กล้ามองสวี่ฮุ่ย บางทีชื่อเสียงของนางอาจไม่เลื่องลือมากนักในโลกแท้จริงอื่นๆ แต่ตัวเขาที่เป็นคนโลกแท้จริงดาราสัจธรรมย่อมรู้แน่ชัดอยู่แล้ว ในโลกแท้จริงดาราสัจธรรม กล่าวได้ว่าทำให้ผู้คนหวาดกลัวยามเอ่ยถึง สังหารคนอย่างเฉยชา มีจิตใจเหี้ยมโหด มากพอจะทำให้คนใจสั่นไหว
ทว่าขณะเดียวกับที่หวาดกลัวสวี่ฮุ่ย เขากลับทึ่งในตัวซูหมิงมากกว่าเดิม รู้กันดีว่าสวี่ฮุ่ยผู้ถูกขนานนามว่าหญิงแมงป่อง เย็นชาไร้ความรู้สึก ต่อให้อยู่กับหญิงอสรพิษในสำนักเดียวกัน สองคนนี้ก็ยังชิงดีชิงเด่นกันเองภายในไม่หยุด นอกจากอาจารย์ของพวกนางแล้ว ก็ไม่เคยมีใครทำให้พวกนางเชื่อฟังแบบนี้ได้เลย
คำพูดของซูหมิงเมื่อครู่ทำให้สวี่ฮุ่ยเปลี่ยนร่างตนกลับ หากพูดเรื่องนี้ออกไป เกรงว่าคงไม่มีใครเชื่อ
ตอนที่เหนียนอิ๋นก้มหน้าลง พวกเสวียนซางอีกสามคนที่เหลือมองหน้ากันและกัน จากนั้นก็เงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เสวียนซางจะตบถุงเก็บวัตถุและหยิบม้วนแผ่นหยกออกมา เมื่อประทับตราด้วยสมาธิตั้งมั่นแล้วก็โยนไปให้ซูหมิง
“นี่คือแผนที่มุ่งหน้าไปยังเผ่าธุลีแผดเผา ตำแหน่งข้างผู้อาวุโสคือจุดเคลื่อนย้ายน้ำวน หลังจากเดินออกจากอีกด้านหนึ่งแล้ว บนแผนที่จะมีสัญลักษณ์บอกอย่างละเอียด”
ซูหมิงรับม้วนแผ่นหยกมา พอใช้จิตสัมผัสตรวจสอบแล้วก็มองทั้งสี่คนอีกครั้ง จากนั้นสัตว์อากาศธาตุใต้ร่างก็ค่อยๆ หมุนตัวกลับ บินไปทางจุดเคลื่อนย้ายน้ำวน
ขณะมันไปหยุดชะงักตรงน้ำวนครู่หนึ่ง ซูหมิงกล่าวเสียงเบา
“พวกเจ้าเข้าไปก่อนเถอะ”
เสวียนซางพยักหน้า เขาเดาออกว่าอีกฝ่ายจะต้องไม่เชื่อง่ายๆ แน่ ถึงอย่างไรหากเป็นตนก็คงทำแบบเดียวกัน เขาไม่ขัดอะไร บนแผนที่นั้นเขาไม่ได้วางกลอุบายอะไรเอาไว้เลย ตอนนี้จึงมองสามคนข้างกายอย่างสบายใจ พวกเขาก็มองกันและกันแล้วเลือกปฏิบัติตาม
สี่คนกลายเป็นสายรุ้งยาวสี่สายมุ่งหน้าไปทางน้ำวนนั้น เมื่อเข้าไปใกล้แล้วก็ไม่มีความลังเลอีก เสวียนซางเข้าไปเป็นคนแรก เหนียนอิ๋นเป็นคนต่อมา อีกสองคนที่เหลือก็ตามเข้าไป
คล้อยหลังพวกเขา สัตว์อากาศธาตุใต้ร่างซูหมิงเหมือนกับสูดลมหายใจเข้าลึก ตัวมันพลันหดเล็กลงจนกระทั่งมีขนาดหลายสิบจั้ง แล้วก็เอาหัวมุดเข้าไปในจุดเคลื่อนย้ายน้ำวน ร่างกายพลันหลอมรวมและหายเข้าไปทันที
ภายในแดนน้ำวน ในโลกหลากสีสัน ท่ามกลางเส้นทางกึ่งโปร่งใสขนาดยักษ์เส้นหนึ่ง พวกเสวียนซางสี่คนกำลังหลับตาอยู่ ปล่อยให้ร่างกายถูกดึงลอยไปข้างหน้า ด้านหลังพวกเขาเป็นสัตว์อากาศธาตุขนาดหลายสิบจั้ง บนหลังเป็นสวี่ฮุ่ยที่ลืมตามองไปรอบๆ ส่วนกระเรียนขนร่วง ด้วยนิสัยของมันย่อมไม่ยอมหลับตาอยู่แล้ว แต่เบิกตากว้างมองไปรอบๆ เช่นกัน
มังกรยมโลกก็ไม่รู้จักหลับตา มันลืมตาสองข้าง
ส่วนซูหมิง เขาไม่เคยชินกับการหลับตาที่นี่ ตอนที่เขาเข้าไปในโลกน้ำวนก็เห็นทันทีว่าไกลออกไปตรงส่วนลึกเงามืดมีระลอกคลื่นคุ้นเคยโผล่มา
ซูหมิงยกยิ้มมุมปากเล็กน้อย นั่นคือกลิ่นอายพลังของม้าดำหัวมังกรคู่ มันจดจำเขาไว้อย่างแม่นยำแล้ว ครั้งนี้พอเขาเพิ่งมาถึง มันก็ใช้ความเร็วสูงสุดพุ่งเข้ามาจากไกลๆ ในฉับพลัน
“มันมาอีกแล้ว” สวี่ฮุ่ยกล่าวเสียงเรียบ แต่นัยน์ตากลับฉายแววร้อนรนเล็กน้อย
นางจำได้แม่นว่าครั้งก่อนซูหมิงถูกม้าดำตัวนี้ไล่ล่า จนเกือบจะออกจากโลกน้ำวนไม่ได้
“ใคร? ใครมารึ?” กระเรียนขนร่วงเบิกตากว้าง มองไปรอบๆ ไม่หยุด ทว่าช่วงที่มันกำลังมองหา ก็มีเสียงคำรามพร้อมด้วยระลอกคลื่นรุนแรงดังขึ้นมาในโลกน้ำวน
เสียงคำรามสร้างความตื่นกลัวแก่ทุกคน ทำให้เส้นทางนี้สั่นสะเทือน ทำให้สิ่งมีชีวิตเหมือนแมงกระพรุนสีสันแวววาวรอบๆ ต่างพากันถอยไปอย่างรวดเร็ว
ซ้ำยังทำให้พวกเสวียนซางสี่คนหน้าเปลี่ยนสี แต่กลับหลับตาแน่นไม่ยอมลืมตา
ซูหมิงเพ่งมองไปแล้วยิ้มมุมปากบางๆ เขายิ่งมองก็ยิ่งชอบม้าดำตัวนี้ ความคิดที่จะกำราบมันเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะมันมีพลังเทียบเท่าขั้นกุมชะตาเกิดดับ เขาก็คงลงมือไปแล้ว
“ไม่ช้าก็เร็ว เจ้าต้องเป็นของข้า” ซูหมิงยืนขึ้นจากท่านั่งสมาธิ เขารู้สึกว่าเมื่อเสียงคำรามของม้าดำดังแว่วมาจากที่ไกลๆ แล้ว สัตว์อากาศธาตุใต้ร่างก็ตัวสั่นอย่างรุนแรง บ่งบอกว่ามันตื่นกลัวมาก เห็นได้ชัดว่าความน่ากลัวในเสียงคำรามของม้าดำส่งผลต่อสัตว์ร้ายอย่างรุนแรงกว่า
“อย่ายั่วยุมัน ครั้งก่อนเจ้า…” ในใจสวี่ฮุ่ยอดเกิดความกังวลขึ้นมามิได้ นี่ไม่ใช่ ของปลอม แต่เป็นความรู้สึกจริงๆ ในใจ
“เจ้าไม่ต้องสนใจ” นัยน์ตาซูหมิงฉายแววยึดมั่น สายตาจ้องภายในความมืดไกลออกไป เขาเห็นรางๆ ว่าในนั้นมีสายรุ้งยาวกำลังพุ่งเข้ามาด้วยความเร็วที่ไม่อาจบรรยาย
สายรุ้งยาวเป็นดวงไฟแสงอ่อนหกดวง นั่นคือดวงตาหกดวงของม้าตัวนี้ ภายในดวงตามีความหยิ่งยโส และนั่นคือสาเหตุที่ทำให้ซูหมิงเกิดความยึดมั่นถือมั่นขึ้น
ครั้งนี้มันห่างจากซูหมิงไปไกลกว่าเดิมมากอย่างชัดเจน ฉะนั้นตามประสบการณ์ของเขาแล้ว ต่อให้พวกเขาออกไป ม้าตัวนี้ก็ยังไม่เผยตัวง่ายๆ ถึงอย่างไรระยะทางก็ไกลมากจริงๆ
แต่ซูหมิงอยากเห็นม้าตัวนี้ และก็อยากให้มันเห็นเขาด้วย
เขาอยากให้ม้าดำผู้หยิ่งยโสตัวนี้จดจำการยั่วยุของเขาเอาไว้ อยากให้ทุกครั้งที่เข้ามาในน้ำวน มันจะต้องปรากฏตัวทันควัน การจะทำให้เป็นแบบนั้นได้ต้องให้มันจดจำเขาอย่างลึกซึ้งยิ่งก่อน อีกทั้งกับสัตว์ผู้หยิ่งผยองเช่นนี้ การยั่วยุก็คือความยึดมั่นที่มันไม่มีวันมองข้ามอย่างเด็ดขาด
ซูหมิงขยับวูบไหวเดินออกจากสัตว์อากาศธาตุ เงยหน้าส่งเสียงดังลั่น เสียงสั่นสะเทือนไปทั้งโลกน้ำวน ดังกึกก้องไม่หยุดหย่อน เกิดเป็นเสียงสะท้อนไม่มีสิ้นสุด
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้ฝึกฌานสี่คนหน้าเปลี่ยนสี พวกเขาต่างอดก่นด่าในใจมิได้ ที่นี่คือโลกน้ำวน ที่นี่ห้ามลืมตาและยิ่งห้ามส่งเสียงใดๆ มิเช่นนั้นแล้วจะต้องเจอกับอันตรายใหญ่หลวงยิ่ง
ในจุดนี้ พวกเขาเข้าใจอย่างละเอียดยิ่งนักตอนรู้จักกับอาคมเคลื่อนย้ายน้ำวนแล้ว ทว่าตอนนี้ เสียงดังสนั่นของซูหมิงจากด้านหลังกลับทำลายความเงียบในโลกน้ำวนจนหมดสิ้น
ในเสียงสูงลากยาวของซูหมิงมีการยั่วยุเต็มเปี่ยม การยั่วยุข้ามผ่านไปไกลไม่มีสิ้นสุด จนเข้าถึงหูม้าดำที่กำลังห้อเหยียดอยู่ในเงามืด ทำให้ดวงตามันฉายแววโกรธเกรี้ยวอย่างหาที่สุดมิได้ สิ่งที่มันตอบกลับซูหมิงก็คือเสียงคำรามและเร่งความเร็วขึ้นเกือบร้อยเท่า
ซูหมิงหัวเราะ นี่ต่างหากคือความเร็วที่แท้จริงของม้าดำ
เวลาผ่านไปทีละลมหายใจ ตอนที่พวกซูหมิงใกล้จะไปถึงทางออกของวงแหวนอาคมเคลื่อนย้ายน้ำวน ตรงสุดปลายสายตามีสายรุ้งยาวเส้นหนึ่งปรากฏขึ้นด้วยความเร็วสุดจะบรรยาย สิ่งที่ปรากฏตามสายรุ้งยาวยังมีทะเลเพลิงกว้างใหญ่ รวมถึงม้าดำที่มีหัวมังกรสองหัวกลางทะเลเพลิง
ม้าตัวนี้สูงหลายร้อยจั้ง สี่เท้าเหยียบบนเปลวเพลิง ลมหายใจเป็นควันสีดำ ดวงตามีประกายคมกริบ มันเงยหน้าคำรามเป็นครั้งที่สาม แล้วเหยียบเปลวเพลิงพุ่งทะยานไปหาซูหมิง
มองจากไกลๆ เหมือนกับโลกน้ำวนกำลังเผาไหม้ ลุกลามไปรอบๆ พร้อมด้วยเสียงอึกทึกของเปลวเพลิง
“จะ…จะ…เจ้า…” ขณะเดียวกับที่ม้าดำเผยตัวออกมาทั้งหมด กระเรียนขนร่วงตัวสั่นงันงกอยู่ตรงนั้น มันตบปีกดังพึ่บพั่บ เบิกตากว้างฉายแววเหลือเชื่อ ทั้งยังชี้ม้าดำพลางอ้ำๆ อึ้งๆ อยู่พักหนึ่ง
“ย่ากระเรียนเจ้าเถอะ นี่คือย่วนเว่ย ไม่อยากเชื่อว่าในโลกนี้ยังมีย่วนเว่ยเหลือรอดอยู่! หัวมังกรสองหัว…หมายความว่ามันยังเยาว์วัยอยู่ สมควรตาย จะเป็นไปได้อย่างไร!” กระเรียนขนร่วงตัวสั่น ร้องเสียงแหลม ช่วงที่เห็นม้าดำตัวนั้น ในความคิดก็ลอยขึ้นมาเป็นเศษเสี้ยวความทรงจำบางส่วน
“ย่วนเว่ยคืออะไร!” ซูหมิงจ้องม้าดำพลางกล่าวขึ้นทันที เขารู้ว่ากระเรียนขนร่วงมีเบื้องหลังลึกลับ และก็รู้ด้วยว่าความทรงจำของมันเสียหาย ตอนนี้เพียงนึกออกเล็กน้อยโดยบังเอิญเท่านั้น
“นอกสี่มหาโลกแท้จริง ไกลออกไปยิ่งกว่าโลกแท้จริงที่ห้า ภายในฟ้ากระจ่างดาวไม่มีที่สิ้นสุด มีแคว้นโบราณอยู่สามแคว้นใหญ่ หนึ่งในนั้นเรียกว่าเว่ย แคว้นโบราณนี้มีผู้ฝึกฌานนับไม่ถ้วน ทว่าในค่ำคืนหนึ่งกลับตายตกกันทั้งหมด หลังจากทั้งแคว้นโบราณกลายเป็นเถ้าธุลีหายไป วิญญาณของผู้ฝึกฌานทั้งหมดก็รวมออกมาเป็นย่วน (ความอาฆาต) ย่วนเหล่านี้เงียบสงบอยู่กลางฟ้ากระจ่างดาวมาหลายยุคสมัย และกลายเป็นพวกย่วนเว่ย!
ซูหมิงหรี่ตาลงในทันใด