Skip to content

สู่วิถีอสุรา 994

ตอนที่ 994 จิตสังหาร

ชายขอบสามชั้นกลางมิติหลายแห่งในเตาหลอมลำดับห้า จะแบ่งเตาหลอมเป็น สี่ส่วนเหมือนกับเส้นแบ่งโลก เส้นแบ่งโลกชายขอบเหล่านี้รวมขึ้นจากแท่นราบที่ลอยอยู่เป็นวงกลม ทุกแท่นราบจะเรียกว่าแท่นเหยียบวิญญาณ

ยามนี้ กลางแท่นเหยียบวิญญาณวงหนึ่งมีอยู่หกแท่นเปล่งแสงสว่างอ่อนๆ พวกมันเชื่อมเข้าด้วยกัน จึงเห็นได้แต่ไกลๆ ส่วนแท่นราบอื่นๆ ถูกหมอกปกคลุมจึงมองเห็นไม่ชัด

แท่นเหยียบวิญญาณส่องแสงทั้งหกนี้เป็นตัวแทนว่าคนที่เข้ามาในเตาหลอมลำดับห้ามีทั้งหมดหกคน หากจำนวนคนมากกว่านี้ จะมีแท่นเหยียบวิญญาณโผล่เพิ่มขึ้นมาจากความขมุกขมัว

และนี่ก็คือความมหัศจรรย์ของเตาหลอมลำดับห้า มันเหมือนมีชีวิต สังเกตเห็นจำนวนคนที่เข้ามา และยังอาศัยแท่นเหยียบวิญญาณตรงชายขอบสามชั้นบ่งบอกจำนวน หากมีคนตายแท่นเหยียบวิญญาณก็จะหายไป

ตอนนี้บนแท่นราบทั้งหก มีแท่นเหยียบวิญญาณสองแห่งที่มีคนนั่งฌานอยู่ สองคนนี้คือจื่อหลงเจินเหรินกับชายร่างกำยำคิ้วเหลือง

พวกเขามีขั้นพลังสูงที่สุด ดังนั้นเลยข้ามผ่านมิติชั้นนอกมาได้เร็วที่สุด จนมาถึงเส้นแบ่งโลกชายขอบชั้นแรก อีกทั้งยังรออยู่ที่นี่มาพักใหญ่แล้ว

พวกเขาสองคนไม่เดินหน้าต่อทันที แต่รอคนอื่นๆ มาก่อน ในมุมมองพวกเขา ถึงมิตินอกชายขอบชั้นแรกจะซับซ้อน แต่ขอเพียงไม่ดวงแย่มากนัก ด้วยขั้นพลังของ ทุกคนแล้วไม่น่าจะตายได้ อย่างมากสุดก็มาถึงในเวลาต่างกันเท่านั้น

จากการคาดเดาของพวกเขา น่าจะอีกราววันหนึ่ง คนอื่นๆ ก็จะทยอยกันมาถึงที่นี่แล้ว

ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองกับจื่อหลงเจินเหรินต่างนั่งฌานอยู่ที่นี่ แต่กลับไม่สนทนากัน ทำให้รอบตัวค่อนข้างเงียบ ทันใดนั้นเอง แท่นราบที่สามที่ไม่ใช่ของพวกเขาสองคนพลันเปล่งแสงวิบวับอย่างรวดเร็ว

แสงสว่างขยับวูบวาบ ทำให้อากาศรอบๆ สว่างขึ้นลงรวดเร็วตามไปด้วย

จื่อหลงเจินเหรินลืมตาขึ้นเล็กน้อย เผยประกายประหลาดใจ

ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองบนอีกแท่นราบหนึ่งลืมตาเช่นกัน เขามองบนแท่นราบที่กำลังขยับแสงวิบวับ ถึงจะมีสีหน้าปกติ แต่ในใจอยากรู้อยากเห็นยิ่งนัก นอกจากเขากับจื่อหลงแล้ว คนที่มาถึงเป็นคนที่สาม อีกทั้งยังมาถึงก่อนเวลาคนอื่นอีกเล็กน้อยจะเป็นใครกันแน่

ตอนที่พวกเขาสองคนมองไป แสงสว่างบนแท่นราบที่สามพลันสว่างถึงขีดสุด ภายใต้การเปล่งแสงอย่างรวดเร็ว เหมือนว่าแม้แต่แท่นราบก็ยังปั่นป่วน มันเปลี่ยนแปลงอย่างต่อเนื่องคล้ายกับอยู่ระหว่างมายาและความจริง

ครู่ต่อมา ร่างเลือนรางก็โผล่มาจากความว่างเปล่า ค่อยๆ รวมตัวขึ้น…จาก เค้าโครงร่าง จื่อหลงกับชายร่างกำยำคิ้วเหลืองคาดเดาออกแล้วว่าไม่ใช่จูโหย่วไฉ และก็ไม่ใช่บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิง

มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวร่างแปลงตะขาบ หรือไม่ก็คนที่มีขั้นพลังอ่อนแอที่สุดในกลุ่มแต่กลับแฝงไว้ด้วยความลึกลับอย่างซูหมิง

เมื่อร่างรวมขึ้นต่ออีกหลายลมหายใจแล้วก็กลายเป็นซูหมิงยืนอยู่บนแท่นราบ เขามีสีหน้าเฉยชา ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดๆ สายตามองไปรอบตัวอย่างเงียบเชียบแล้วนั่งขัดสมาธิลง

การปรากฏตัวของซูหมิงทำให้ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองตาเป็นประกายในทันใด นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่เขาเกิดความสนใจคนที่พูดน้อยตรงหน้าคนนี้

ครั้งแรกคือการเดิมพันก่อนหน้า แต่เมื่อเทียบกับครั้งที่สองแล้ว การเดิมพันดู เล็กจ้อยจนไม่มีค่าพอให้เอ่ยถึงไปบ้าง ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองมองซูหมิงลงอย่างลึกซึ้งแวบหนึ่ง เขารู้ว่าหากการเดิมพันก่อนหน้านี้พูดได้ว่าโชคช่วย เช่นนั้นตอนนี้ซูหมิงมาถึงเป็นคนที่สามได้ นั่นมากพอจะอธิบายได้ถึงศักยภาพของอีกฝ่ายแล้ว

สำหรับคนที่มีศักยภาพ ไม่ว่าอยู่ที่ใดจะต้องได้รับการเคารพ ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตอนที่กวาดสายตามองซูหมิง ในใจเกิดความคิดขึ้นเล็กน้อย

ทางด้านจื่อหลง พอเห็นคนที่ออกมาเป็นซูหมิงแล้ว นัยน์ตาพลันเพ่งสมาธิ แต่กลับไม่กล่าวอะไร เพียงหลับตานั่งฌานต่อไป

โดยรอบเงียบสงบมาก สามคนนี้ต่างนั่งฌาน ไม่มีใครกล่าวสิ่งใด ซูหมิงเงยหน้ามองอากาศ มองความขมุกขมัวที่หมุนตลบพลางนึกถึงการคาดเดาสองอย่างของตน

ไม่ว่าจะเป็นการคาดเดาแบบใด สำหรับเขาแล้ว การเดินทางในเตาหลอมลำดับห้าครั้งนี้กลายเป็นตราประทับครั้งหนึ่งที่ไม่มีวันสูญหายไปในชีวิตเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

ซูหมิงหลับตาลง ยามนี้ไม่มีคำตอบสำหรับเรื่องนี้ แต่เขารู้แน่ชัดว่าเมื่อตนเข้าใกล้ ใจกลางเตาหลอม ทุกอย่างจะเผยออกมาตรงหน้าชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ

จนกระทั่งเขาเห็นทุกอย่างชัดเจน เห็นการคาดเดาสองอย่างนั้นว่าอันไหน…เป็นของจริง

ขณะนั่งฌานสมาธิ เวลาก็ค่อยๆ ผ่านไป ราวเกือบหนึ่งวัน แท่นราบที่สี่เปล่งแสงสว่างวูบวาบขึ้นเหมือนกับตอนซูหมิงปรากฏตัว เมื่อแสงสว่างจากแท่นราบที่สี่สว่างถึงจุดสูงสุด ภายในแสงวิบวับมีร่างเงาหนึ่งโผล่ออกมา

ยังไม่ทันที่ร่างนี้จะชัดเจน แท่นราบที่ห้าก็เกิดแสงสว่างวูบวาบเช่นกัน และมีร่างโผล่ออกมาเหมือนกัน

สองแท่นราบเปล่งแสงพร้อมกัน ทำให้มวลอากาศรอบๆ สว่างและมืดสลับกันภายใต้การเปลี่ยนแปลงของแสงนี้ หลายลมหายใจต่อมา จูโหย่วไฉเดินออกมาจากแท่นราบที่สี่ ร่างเขาสูงใหญ่ ตอนที่ปรากฏตัวและเหยียบเท้าลงยังทำให้แท่นราบของตนสั่นสะเทือน

เมื่อเขาปรากฏตัวแล้วก็มองแท่นราบที่ห้าซึ่งกำลังขยับแสงอยู่ทันที แต่ไม่นานนักนัยน์ตากลับฉายแววประหลาดใจ บนแท่นราบที่ห้า เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวร่างแปลงตะขาบเผยร่างออกมาอย่างสมบูรณ์

ตอนที่จูโหย่วไฉมองมา เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวก็มองไปเช่นกัน ครั้นสองคนสบตากันแล้วต่างไม่มีใครพูดอะไร แต่มองไปรอบๆ พร้อมกัน ชายร่างกำยำคิ้วเหลืองกับ จื่อหลงเจินเหรินไม่ได้ทำให้พวกเขาหน้าเปลี่ยนสี ทว่าตอนที่เห็นซูหมิง พวกเขาสองคนกลับหรี่ตาลง

ซูหมิงอยู่บนแท่นราบที่สาม เขาไม่ลืมตาเพราะแสงวูบวาบจากแท่นราบที่สี่และห้า ทว่าขณะที่จูโหย่วไฉกับเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวมองมา เขาเหมือนสังเกตเห็นจึงลืมตาขึ้นและมองกลับไปอย่างไม่เกรงใจแม้แต่น้อย ภายในดวงตาแฝงไว้ด้วยความเย็นชา

แววตาจูโหย่วไฉขยับประกาย และเลือกหลบสายตาไป ไม่จ้องตากับซูหมิงนานนัก แต่นั่งขัดสมาธิลง สายตามองแท่นราบที่หกที่ตอนนี้ว่างเปล่า ความแปลกในใจทำให้เขาไม่เข้าใจเล็กน้อย เกิดอะไรขึ้นกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงกันแน่ เหตุใดถึงยังไม่รีบมาอีก

ส่วนเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวยิ้มให้ซูหมิงอย่างเป็นมิตร หลังยกมือประสานคารวะแล้ว ตอนที่นั่งลงยังยกมือขวาคว้ามวลอากาศ หญิงแมวเผยร่างออกมาในทันใด นางมี สีหน้าไร้เรี่ยวแรง รอยเคี้ยวตรงคอเป็นสีดำแล้ว แต่แววตายังคงเฉยชาเหมือนสูญเสียจิตวิญญาณไป

เด็กหนุ่มชุดคลุมขาวกัดคอหญิงแมวอีกครั้ง ซูหมิงมองภาพนี้ด้วยความเย็นชา สีหน้าไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย ทว่าทุกคนในร่างสมบัติล้ำค่ากลับรู้สึกถึงจิตสังหารจากวิญญาณซูหมิง

จิตสังหารนี้ทำให้วิญญาณอื่นในร่างพากันหนาวเหน็บ มีเพียงบรรพบุรุษหลงไห่ที่เห็นหญิงแมวแล้วใจกลับสั่นไหว ความจริงก่อนหน้านี้ตอนที่เขารวมเข้ามาในร่างสมบัติล้ำค่า เขาก็เจอกับสวี่ฮุ่ยเช่นกัน ตอนนั้นในใจเกิดการคาดเดาอื่นๆ แล้ว ถึงเขาจะไม่เคยเจอสวี่ฮุ่ยหญิงคนนี้มาก่อน แต่กลิ่นอายพลังรวมถึงวิชาเฉพาะของสำนักหงส์จากตัวนางย่อมไม่อาจปิดบังเขาได้

‘สตรีศักดิ์สิทธิ์สำนักหงส์….สมบัติล้ำค่าตระกูลเสวียน และยังมีหญิงแมวที่ถูกคำสาปจากสำนักหงส์…รวมถึงคนที่ทำให้มนุษย์ต้นไม้สมควรตายนั่นคารวะ เขา….เป็นใครกันแน่?’ บรรพบุรุษหลงไห่ดูเหมือนปกติ ทว่าในใจเริ่มวิเคราะห์ฐานะของซูหมิงแล้ว

ซูหมิงมองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวดูดแก่นโลหิตของหญิงแมว ถึงเขาจะไม่เกี่ยวอะไรกับนางมากนัก แต่ด้วยนิสัยที่ถือหางพวกพ้องตัวเองอย่างเขา ในเมื่อเรียกตน ว่าเจ้านาย ในเมื่อตนเข้ามาแทนเต้าคง เรื่องนี้ก็มากพอจะทำให้เขาเกิดจิตสังหารได้

หากไม่ใช่เพราะเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวแสดงออกว่ามากับจื่อหลงเจินเหริน หาก ซูหมิงลงมือง่ายๆ จะไม่เพียงแต่ไม่สำเร็จเท่านั้น ทว่าตนยังมีอันตรายด้วย ถ้าไม่อย่างนั้นเขาคงลงมือไปนานแล้ว

ตอนนี้เขากวาดสายตามองเด็กหนุ่มชุดคลุมขาวด้วยสีหน้าปกติ คนนอกมองไม่เห็น จิตสังหารแม้แต่นิด ในเมื่อเขาวางแผนจัดการกับบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่มีเจตนาร้ายต่อตนได้ แน่นอนว่าต้องใช้วิธีคล้ายๆ กันสังหารอีกคนได้

ผู้กุมชะตาเกิดดับ….แล้วอย่างไร!

หากตอนนี้ซูหมิงระเบิดพลังทั้งหมดและให้บรรพบุรุษหลงไห่ระเบิดพลังทั้งหมดเช่นกัน ร่างกายนี้จะไม่ได้ปล่อยพลังเกือบถึงขั้นกุมชะตาเกิดดับอีก

แต่เป็น…พลังของขั้นกุมชะตาเกิดดับอย่างแท้จริง และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่เขาช่วยบรรพบุรุษหลงไห่มา

ซูหมิงละสายตากลับแล้วหลับตาลง ปกปิดจิตสังหารที่ซ่อนอยู่ภายใต้ความเงียบซึ่งแม้แต่คนอื่นยังมองไม่ออกไว้ ทว่าชั่วเวลาที่เขาหลับตาลง เขาพลันลืมตาขึ้นอีกครั้ง

เขามองหญิงแมว ผ่านไปพักใหญ่ จังหวะที่หลับตาลงอีกครั้ง ในใจเขาเกิดคลื่นลูกใหญ่หนึ่งระลอก

เมื่อครู่เขานึกถึงคำถามข้อหนึ่ง นั่นคือเขามาแทนเต้าคง ควบคุมทุกอย่างของเต้าคง สาเหตุๆ หลักเป็นเพราะเขาคือชาวเผ่ายมโลก มีพรสวรรค์การยึดร่างของเผ่ายมโลก

ถ้าอย่างนั้นขั้นพลังซูเซวียนอีสูงส่งขนาดนั้น พรสวรรค์ยึดร่างของเขา…จะแข็งแกร่งถึงเพียงใด!

เขาซูหมิงยึดร่างเอ้อชางได้ เช่นนั้นซูเซวียนอี…หลังสู้กับเต้าเฉินแล้วจะ…

ความคิดนี้โผล่ขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาหายใจกระชั้น เขานึกไปถึงการ ปิดด่านนั่งฌานของเต้าเฉิน นึกไปถึง…หลังจากตนมาถึงทะเลดาราต้นกำเนิดจิตแล้วก็เจอกับเต้าคง

‘หากทุกอย่างสะท้อนไปถึงตัวเขาจริงๆ เช่นนั้นการปรากฏตัวของเต้าคงจะเป็นเพราะเขาหรือไม่ เพราะในความทรงจำเต้าคง เขาถูกส่งเข้ามาในทะเลดาราต้นกำเนิดจิตอย่างกะทันหัน อีกทั้งสวี่ฮุ่ย….ก็ถูกส่งเข้ามาด้วยเช่นกัน…’ ขณะเดียวกับที่อารมณ์ความคิดในใจแปรเปลี่ยน แท่นเหยียบวิญญาณที่หกซึ่งอยู่ไกลออกไปพลันเปล่งแสงสว่างจ้า

คนที่โผล่มาจากแท่นเหยียบวิญญาณที่หกจะต้องเป็น…บรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่เสียกายเนื้อเหลือเพียงร่างจิตแรกแน่นอน!

ซูหมิงเงยหน้าขึ้นมองด้วยนัยน์ตาเย็นชา เขาอยากรู้ว่าบรรพบุรุษหุ่นเชิดเพลิงที่เสียกายเนื้อไป เมื่อปรากฏตัวและเห็นตนแล้วจะพูดและมีสีหน้าอย่างไรกันแน่

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

error: Content is protected !!
Exit mobile version